ยังคงชิงไหวชิงพริบและขับเคี่ยวเพื่อช่วงชิงความเป็นเบอร์ 1 ของตลาดชาเขียวที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.2 หมื่นล้าน อย่างต่อเนื่อง สำหรับ "โออิชิ" จากค่ายไทยเบฟเบอเรจ และ "อิชิตัน" ของเสี่ยตัน ภาสกรนที โดยเฉพาะช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ที่ "โออิชิ" พยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง หลังจากที่ถูกน้องใหม่ "อิชิตัน" เบียดแย่งบัลลังก์ไปด้วยการกระหน่ำแคมเปญแรงๆ อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
ล่าสุด เอซี นีลเส็น ประกาศตัวเลขส่วนแบ่งการตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในปี 2557 พบว่า โออิชิ สามารถกลับมาเป็นผู้นำตลาดได้อีกครั้งหนึ่ง โดยสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 45% ส่วนเบอร์ 2 อิชิตัน มีส่วนแบ่ง 32%
สำหรับ "ซัมเมอร์" ที่เป็นหน้าขายสำคัญ นอกจากโปรโมชั่นสุดแรงเพื่อโกยมาร์เก็ตแชร์เพิ่ม ล่าสุดค่ายโออิชิได้ส่งเครื่องดื่มแบรนด์ใหม่ "จับใจ" ชาสมุนไพรพร้อมดื่มสูตรจับเลี้ยงลงตลาด ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับวงการไม่น้อย และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่า อาจจะดูละม้ายคล้ายคลึงกับ "เย็นเย็น" ของอิชิตัน ทั้งภาพลักษณ์ สีสัน
"มารุต บูรณะเศรษฐกุล" กรรมการผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า ธรรมชาติของเครื่องดื่มแต่ละแคทิกอรี่จะมีสีที่เป็นหลัก เช่น เวลาพูดถึงฮันนี่เลม่อน หรือเก๊กฮวย ก็จำเป็นต้องใช้สีเหลือง เช่นเดียวกันเมื่อพูดถึงน้ำจับเลี้ยง ทำให้ไม่สามารถเลี่ยงสีแดงได้ น้ำจับเลี้ยงที่จีน หรือที่ไหนก็ใช้สีแดงเป็นหลัก
"เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เลยดูเหมือนว่าสีของแพ็กเกจจิ้งคล้ายกัน แต่ดูดี ๆ จะเห็นว่ามันไม่เหมือนกัน"
ทั้งนี้ จับใจ ถูกตั้งราคาไว้เพียงขวดละ 10 บาท ขณะที่ชาสมุนไพรของค่ายคู่แข่งตั้งราคาไว้ 15 บาท เพื่อทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้แบบไม่ต้องคิดมาก รวมทั้งการผนึกเอาจุดแข็งของธุรกิจในเครือทั้งโออิชิ เสริมสุข และเอฟแอนด์เอ็น มารวมเอาไว้ จะทำให้ "จับใจ" กระจายไปถึงผู้บริโภคทั่วประเทศผ่านร้านค้า ร้านอาหารกว่า 4 แสนแห่ง รวมถึงช่องทางโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
"มารุต" บอกว่า การเปิดตัว จับใจ ปีแรกนี้จะใช้งบฯ 200 ล้านบาท เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักด้วยกิจกรรมโรดโชว์ การทดลองดื่ม รวมถึงพรีเซ็นเตอร์ขวัญใจมหาชน "ณเดชน์ คูกิมิยะ"
ตลาดเฮอร์เบิลที หรือชาสมุนไพร มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก จากปีที่ผ่านมาเซ็กเมนต์นี้เติบโตถึง 45% หรือมีมูลค่าตลาดรวมราว ๆ 3.8 พันล้านบาท และปีนี้ตลาดน่าจะเติบโต 15-20% สำหรับ "จับใจ" ปีแรกนี้ตั้งเป้าจะขอมีส่วนแบ่งตลาด 30% รั้งอันดับ 2 ในเซ็กเมนต์นี้
จากนี้ไปศึกชาสมุนไพรพร้อมดื่มคงไม่ธรรมดาอีกต่อไป
ด้าน "อิชิตัน"สำหรับซัมเมอร์นี้ก็ไม่พลาดที่จะส่งแคมเปญเปรี้ยง ๆ ออกมาปลุกตลาด เมื่อคู่แข่งกระโดดเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดชาสมุนไพรที่ "เย็นเย็น" เป็นผู้นำตลาด
"ตัน ภาสกรนที" กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวในเรื่องนี้ว่า "เป็นเรื่องที่ดี และจะทำให้ตลาดเฮอร์เบิลทีเติบโตมากขึ้น ไม่ต้องตกใจ ทำสินค้าให้ดี แล้วลูกค้าจะเป็นคนตัดสิน"
ส่วนการรับมือของ "ตัน" ประกาศว่า ต้องการให้สินค้าเป็นตัวชี้วัด ยอดขายเป็นตัวตัดสิน และการบริหารต้นทุนเพื่อให้เกิดกำไรสูงสุด เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการเคลมเรื่องมาร์เก็ตแชร์ "เย็นเย็น" ก็ยังคงเดินหน้าทำตลาดและสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ตัวเลขที่เปิดเผยโดยอิชิตัน อ้างจากผลสำรวจของนีลเส็นระบุว่า ตลาดชาเขียวปีที่ผ่านมามีมูลค่า 15,405 ล้านบาท อิชิตันมีส่วนแบ่งตลาด 43.8% ขณะที่เบอร์ 2 มีส่วนแบ่ง 37.7%
"รวมทั้งปีเราเป็นที่ 1 แต่ที่ 1 ก็ไม่สำคัญ เพราะเราดูกำไรมากกว่า ขายมากกำไรน้อย กับขายน้อยกำไรมาก จะเลือกอะไร เราไม่สู้รบตบมือกับเรื่องราคา เพราะมันมีแต่จะทำให้แบรนด์เสีย และนั่นทำให้เรามีกำไรกว่า 1.2 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมา ขณะที่คู่แข่งมีกำไรประมาณ 300 ล้านบาท"
ควบคู่กันนี้ "ตัน" ยังมีแผนจะเดินหน้าปั้นเครื่องดื่มอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้แบรนด์ไบเล่ ที่จะทำตลาดอย่างเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 2 นี้ ซึ่งขณะนี้เริ่มนำออกมาวางขายบ้างแล้วที่เซเว่นอีเลฟเว่น รวมถึงปรับสัดส่วนน้ำผลไม้ให้มากขึ้นเพื่อจับตลาดกลาง ไปจนถึงพรีเมี่ยมในอนาคต
หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มแคทิกอรี่ใหม่ที่จะเปิดตัวภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงการขยายตลาดไปต่างประเทศ เช่น ในอินโดนีเซีย ที่เตรียมจะปิดตัวชาพร้อมดื่ม 2 รสชาติ ในไตรมาสที่ 2 นี้ พร้อม ๆ กับการเดินเครื่องการส่งออกในประเทศเพื่อนบ้านแถบอาเซียนอย่างเต็มที่ หลังจากสิ้นสุดหน้าขายช่วงซัมเมอร์ทันที
จากสภาพอากาศร้อนที่เป็นใจ และแคมเปญที่แต่ละค่ายส่งออกมาประชันกันอย่างดุเดือด จะทำให้ตลาดชาพร้อมดื่มเติบโตถึง 15% ซึ่งอิชิตันตั้งเป้าการเติบโต 21% มียอดขาย 7.5 พันล้านบาท
วันนี้ "ตัน" ได้ขยับสเต็ปของการแข่งขันออกมาสู่ระดับภูมิภาคมากขึ้น และไม่จำกัดการเติบโตที่ต้องมาจากชาเขียวพร้อมดื่มอีกต่อไป
Credit : PrachachatOnline
ติดตามข่าวสาร ความรู้และเรื่องราวการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่
Thinkvestment Fanpage :
https://www.facebook.com/thinkvestment
ศึกชิงเจ้ายุทธภพ รอบใหม่! "ไทยเบฟฯ" VS "อิชิตัน"
ยังคงชิงไหวชิงพริบและขับเคี่ยวเพื่อช่วงชิงความเป็นเบอร์ 1 ของตลาดชาเขียวที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.2 หมื่นล้าน อย่างต่อเนื่อง สำหรับ "โออิชิ" จากค่ายไทยเบฟเบอเรจ และ "อิชิตัน" ของเสี่ยตัน ภาสกรนที โดยเฉพาะช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ที่ "โออิชิ" พยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง หลังจากที่ถูกน้องใหม่ "อิชิตัน" เบียดแย่งบัลลังก์ไปด้วยการกระหน่ำแคมเปญแรงๆ อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
ล่าสุด เอซี นีลเส็น ประกาศตัวเลขส่วนแบ่งการตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในปี 2557 พบว่า โออิชิ สามารถกลับมาเป็นผู้นำตลาดได้อีกครั้งหนึ่ง โดยสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 45% ส่วนเบอร์ 2 อิชิตัน มีส่วนแบ่ง 32%
สำหรับ "ซัมเมอร์" ที่เป็นหน้าขายสำคัญ นอกจากโปรโมชั่นสุดแรงเพื่อโกยมาร์เก็ตแชร์เพิ่ม ล่าสุดค่ายโออิชิได้ส่งเครื่องดื่มแบรนด์ใหม่ "จับใจ" ชาสมุนไพรพร้อมดื่มสูตรจับเลี้ยงลงตลาด ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับวงการไม่น้อย และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่า อาจจะดูละม้ายคล้ายคลึงกับ "เย็นเย็น" ของอิชิตัน ทั้งภาพลักษณ์ สีสัน
"มารุต บูรณะเศรษฐกุล" กรรมการผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า ธรรมชาติของเครื่องดื่มแต่ละแคทิกอรี่จะมีสีที่เป็นหลัก เช่น เวลาพูดถึงฮันนี่เลม่อน หรือเก๊กฮวย ก็จำเป็นต้องใช้สีเหลือง เช่นเดียวกันเมื่อพูดถึงน้ำจับเลี้ยง ทำให้ไม่สามารถเลี่ยงสีแดงได้ น้ำจับเลี้ยงที่จีน หรือที่ไหนก็ใช้สีแดงเป็นหลัก
"เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เลยดูเหมือนว่าสีของแพ็กเกจจิ้งคล้ายกัน แต่ดูดี ๆ จะเห็นว่ามันไม่เหมือนกัน"
ทั้งนี้ จับใจ ถูกตั้งราคาไว้เพียงขวดละ 10 บาท ขณะที่ชาสมุนไพรของค่ายคู่แข่งตั้งราคาไว้ 15 บาท เพื่อทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้แบบไม่ต้องคิดมาก รวมทั้งการผนึกเอาจุดแข็งของธุรกิจในเครือทั้งโออิชิ เสริมสุข และเอฟแอนด์เอ็น มารวมเอาไว้ จะทำให้ "จับใจ" กระจายไปถึงผู้บริโภคทั่วประเทศผ่านร้านค้า ร้านอาหารกว่า 4 แสนแห่ง รวมถึงช่องทางโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
"มารุต" บอกว่า การเปิดตัว จับใจ ปีแรกนี้จะใช้งบฯ 200 ล้านบาท เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักด้วยกิจกรรมโรดโชว์ การทดลองดื่ม รวมถึงพรีเซ็นเตอร์ขวัญใจมหาชน "ณเดชน์ คูกิมิยะ"
ตลาดเฮอร์เบิลที หรือชาสมุนไพร มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก จากปีที่ผ่านมาเซ็กเมนต์นี้เติบโตถึง 45% หรือมีมูลค่าตลาดรวมราว ๆ 3.8 พันล้านบาท และปีนี้ตลาดน่าจะเติบโต 15-20% สำหรับ "จับใจ" ปีแรกนี้ตั้งเป้าจะขอมีส่วนแบ่งตลาด 30% รั้งอันดับ 2 ในเซ็กเมนต์นี้
จากนี้ไปศึกชาสมุนไพรพร้อมดื่มคงไม่ธรรมดาอีกต่อไป
ด้าน "อิชิตัน"สำหรับซัมเมอร์นี้ก็ไม่พลาดที่จะส่งแคมเปญเปรี้ยง ๆ ออกมาปลุกตลาด เมื่อคู่แข่งกระโดดเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดชาสมุนไพรที่ "เย็นเย็น" เป็นผู้นำตลาด
"ตัน ภาสกรนที" กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวในเรื่องนี้ว่า "เป็นเรื่องที่ดี และจะทำให้ตลาดเฮอร์เบิลทีเติบโตมากขึ้น ไม่ต้องตกใจ ทำสินค้าให้ดี แล้วลูกค้าจะเป็นคนตัดสิน"
ส่วนการรับมือของ "ตัน" ประกาศว่า ต้องการให้สินค้าเป็นตัวชี้วัด ยอดขายเป็นตัวตัดสิน และการบริหารต้นทุนเพื่อให้เกิดกำไรสูงสุด เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการเคลมเรื่องมาร์เก็ตแชร์ "เย็นเย็น" ก็ยังคงเดินหน้าทำตลาดและสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ตัวเลขที่เปิดเผยโดยอิชิตัน อ้างจากผลสำรวจของนีลเส็นระบุว่า ตลาดชาเขียวปีที่ผ่านมามีมูลค่า 15,405 ล้านบาท อิชิตันมีส่วนแบ่งตลาด 43.8% ขณะที่เบอร์ 2 มีส่วนแบ่ง 37.7%
"รวมทั้งปีเราเป็นที่ 1 แต่ที่ 1 ก็ไม่สำคัญ เพราะเราดูกำไรมากกว่า ขายมากกำไรน้อย กับขายน้อยกำไรมาก จะเลือกอะไร เราไม่สู้รบตบมือกับเรื่องราคา เพราะมันมีแต่จะทำให้แบรนด์เสีย และนั่นทำให้เรามีกำไรกว่า 1.2 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมา ขณะที่คู่แข่งมีกำไรประมาณ 300 ล้านบาท"
ควบคู่กันนี้ "ตัน" ยังมีแผนจะเดินหน้าปั้นเครื่องดื่มอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้แบรนด์ไบเล่ ที่จะทำตลาดอย่างเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 2 นี้ ซึ่งขณะนี้เริ่มนำออกมาวางขายบ้างแล้วที่เซเว่นอีเลฟเว่น รวมถึงปรับสัดส่วนน้ำผลไม้ให้มากขึ้นเพื่อจับตลาดกลาง ไปจนถึงพรีเมี่ยมในอนาคต
หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มแคทิกอรี่ใหม่ที่จะเปิดตัวภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงการขยายตลาดไปต่างประเทศ เช่น ในอินโดนีเซีย ที่เตรียมจะปิดตัวชาพร้อมดื่ม 2 รสชาติ ในไตรมาสที่ 2 นี้ พร้อม ๆ กับการเดินเครื่องการส่งออกในประเทศเพื่อนบ้านแถบอาเซียนอย่างเต็มที่ หลังจากสิ้นสุดหน้าขายช่วงซัมเมอร์ทันที
จากสภาพอากาศร้อนที่เป็นใจ และแคมเปญที่แต่ละค่ายส่งออกมาประชันกันอย่างดุเดือด จะทำให้ตลาดชาพร้อมดื่มเติบโตถึง 15% ซึ่งอิชิตันตั้งเป้าการเติบโต 21% มียอดขาย 7.5 พันล้านบาท
วันนี้ "ตัน" ได้ขยับสเต็ปของการแข่งขันออกมาสู่ระดับภูมิภาคมากขึ้น และไม่จำกัดการเติบโตที่ต้องมาจากชาเขียวพร้อมดื่มอีกต่อไป
Credit : PrachachatOnline
ติดตามข่าวสาร ความรู้และเรื่องราวการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่
Thinkvestment Fanpage : https://www.facebook.com/thinkvestment