สวัสดีครับ
นางสาป มีแค่ 29 บทรวมกับบทเกริ่นและส่งท้ายเล็กๆ เพื่อให้โพสต์จบก่อนสิ้นเดือนนี้ จึงจะวางคราวละสองบท ตามเวลาที่คนเขียนสะดวกครับ หลังจากวางเรื่องนี้จบแล้ว ชั่งใจว่าจะวาง "เล่ห์สรวง" หรือ "คีตมายา" ต่อ หรือจะเอาเรื่องอื่นมาคั่น อ่อ... มี... "มนตร์หิมพานต์" อีกเรื่องที่ยังค้างคา ขอเวลาเรียบเรียนสติสักนิดครับ เพราะแต่ละเรื่องต้นค้นคว้ากันไปคนละอย่าง แม้จะเป็นแนวคลับคล้ายๆ กันแต่รายละเอียดพื้นฉากต่างกันสารพัด ต้องใช้เวลาหมัก-บ่มทุกเรื่องจริงๆ อ่ะครับ
สำหรับนางสาปนี้ ถือเป็นเรื่องแรกที่ใช้โลเกชั่นกว้างมาก ขึ้นเหนือล่องใต้กันสนุกสนาน ทั้งไปด้วยแรงคน ทั้งไปด้วยแรงฤทธิ์ ตอนจะเป็นเล่มนี้เห็นใจบก.มาก เพราะจะต้องเช็คละเอียดกับเรื่องเงื่อนไขเงื่อนเวลาต่างๆ หวังว่าออกมาเป็นรูปเล่มแล้วจะได้รับการสนับสนุนกันเช่นเคยนะครับ ^_^"
ขออนุญาตยกสองความคิดเห็นกระทู้ที่แล้วมาตอบในกระทู้นี้นะครับ
ตอบ คุณ GTW : สองสาวตัวเอก ทั้งวาดและพลอย สวยงามกันไปคนละแบบเนอะครับ ในบทต่อๆ ไป อุปนิสัยน่าจะเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งสารพัดวิกฤตการณ์ที่เธอทั้งสองต้องเผชิญนั่นด้วย ส่วนตัวพระ... ตัวร้าย... น่าสนใจทั้งนั้นเลยจริงๆ ครับ ในที่โพสต์ใหม่นี้คือหลังผ่านพิจารณาตีพิมพ์ การแก้ไขในบางจุดที่หลุดๆ ไปจากครั้งเมื่อวางในถนนคราวแรก ถูกปรับเสริมเติมเต็มไว้ค่อนข้างครบถ้วนครับ หากอ่านแบบตามติดคิดไปด้วย จะได้เห็นภาพลางๆ ที่ค่อยๆ สานก่อปมปัญหาต่างๆ ได้ชัดเจนกว่าคราวที่วางครั้งที่แล้วด้วยครับผม
ตอบ คุณลายลิขิต : ในบรรดาพระเอกที่ผ่านมาหากเป็นเรื่องแนวนี้ พระเอกของคนเขียนไม่ใช่แนวฮีโร่เกินคนอ่ะครับ หลายๆ หนเป็นแบบอ่อนด้อย เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้เสียด้วยซ้ำ คุณสัตยา ใน ร่างนางรำ หรือคุณทรงธรรม ใน เรือนมายา ต่างเริ่มต้นไม่สู้ดีนัก เรียกว่ามาดไม่ให้จะเป็นพระเอกเอาเสียเลย แต่คนเขียนชอบให้เขามีพัฒนาการทางความคิด ระหว่างเผชิญเรื่องราวในเรื่องครับ คุณภูอิน ใน นางสาป เลยหนีไม่พ้นสายตามองบนของเพื่อนรักนักอ่านเช่นเคย (ทรงธรรมในเรือนมายานี่ไปสิบกว่าบทกว่าคนอ่านจะรักและสงสาร ส่วนสัตยาในร่างนางรำ เคยถูกหาว่าเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอมที่น่ารำคาญ) โปรดติดตามบทต่อๆไป แล้วอาจได้เห็นว่า เสน่ห์ตรงไหนของภูอิน ถึงทำให้เขาได้รับคัดเลือกให้เป็นพระเอกในเรื่อง นางสาป นี้นะครับ
ขอบคุณสำหรับสองความคิดเห็น ขอบคุณสำหรับทุกโหวต ทุกไลค์เช่นเคย ขอบคุณพันทิปที่มอบพื้นที่ให้กับทุกความฝัน
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาในกระทู้ของคนเขียนหนังสือเล็กๆ คนนี้
ขอบคุณจากใจครับ
ผมเอง-เพลงเกือบพัน
**************************************************************************
นางสาป
บทที่ 4
พลอยอ้อยอิ่งอยู่จนเย็นเพราะมีแผนการ และหนทางก็ปลอดโปร่งขึ้นอีก เมื่อรู้ว่าพระยารัตนภักดีติดงานราชการ ต้องค้างเวรอยู่ในเขตพระราชฐาน
“พี่คิดว่าแม่พลอยกลับเรือนมิทันค่ำมืดแน่ๆ เจ้าคุณพ่อก็มิอยู่ แม่พลอยค้างเป็นเพื่อนพี่ดีกว่า ประเดี๋ยวให้บ่าวมันรีบไปบอกคุณป้าแก้ว”
วาดเอ่ยขึ้นระหว่างสอนพลอยนำผ้านุ่งผ้าห่ม ลงอบร่ำกับควันเทียน
“ก็ดีเหมือนกัน ตะพลอยห่วงแม่ ทางโน้น คุณพ่อก็คงต้องติดราชการอยู่เหมือนกัน”
“เพลาเยี่ยงนี้ เราเก็บตัวอยู่ตะในเรือนดีที่สุด เถิดน่ะ... คุณป้าท่านอายุมิใช่น้อย มีลูกสาวจนโตป่านนี้ ไม่น่ามีความเสี่ยงกระไรมากเท่าพวกเรา”
แม้เหตุผลของวาดจะฟังแปลกๆ แต่สองสาวก็อดอมยิ้มให้กันไม่ได้
คนออกความเห็นยิ้ม เพราะที่พูดมาเป็นจริงที่สุด แต่ที่พลอยยิ้ม เป็นเพราะสมใจที่วาดไม่ระแคะระคาย การต้องค้างแรมอยู่ที่เรือนนี้ของตนเอง
หลังจากรับประทานมื้อเย็น และนั่งชมแสงจันทร์แสงดาวอยู่อีกพักใหญ่ บรรยากาศที่เงียบงันวังเวง ก็ชวนให้หญิงสาวทั้งสองคนเอ่ยลากัน เพื่อเข้าห้องพัก
พลอยรีบรื้อชุดพรางจากห่อผ้า เปลี่ยนชุดเป็นกางเกงและเสื้อสีดำ รวมทั้งมีผ้าคาดหน้าเรียบร้อยแล้ว ก็ลอบออกมายังจุดนัดหมายไว้กับแสน
“มีอันไรผิดปรกติ ฤๅหาไม่พี่แสน” หล่อนเอ่ยถามชายหนุ่ม ทันทีที่ขยับเข้าชิด
“ยังเลย ทุกอย่างเงียบสงบดี ฤๅว่าที่นี้มีผู้คนเวรยามเยอะ มันเลยมิลงมือ”
“อ้ายโจรนั่น มันเคยเกรงกลัวผู้คนด้วยเรอะ” หญิงสาวย้อนด้วยความจริง
“ตะถ้าอ้ายโจรที่ว่า มันเป็นแค่หมอยาฝึกหัด มันก็ควรจักเกรงจักกลัวบ้างเล่าหนา”
แสนไม่ยอมแพ้ เขาไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกกับแผนการครั้งนี้
“จักเป็นไปได้เยี่ยงไร เขาก็แค่คนหนุ่มธรรมดา หน้าตาก็มิใช่ชั่ว มีอย่างฤๅจักหาใครๆ มิได้ กลายเป็นพวกจิตวิปลาส เที่ยวพร่าผลาญพรหมจรรย์ของสตรีเพศ”
“อย่าคิดเข้าข้างกันนักเลยพี่แสน ก็กระไรๆ มันเข้าเค้า เขาต้องคิดมิดีกับพี่วาดแน่ๆ”
พลอยยังปักใจ กับความคิดของตนเอง
“ตะว่า... เพียงแค่เขาเล่านิทานให้ฟัง เพื่อหลอกล่อให้กินยา ให้ถุงเครื่องหอม เพื่อให้นอนหลับได้ดี มันก็เป็นแค่การเอาใจใส่ มิใช่ฤๅแม่พลอย”
“ใจดีเกินไปกระมังเจ้าคะ ถ้าเป็นเยี่ยงนี้ ก็ต้องล้วนมีเจตนาแอบแฝง”
หลายครั้งเหมือนกัน ที่แสนนึกรำคาญความคิดของหญิงสาวตรงหน้า แต่เขาก็ทนหล่อนได้เสมอ นอกจากเพราะเติบโตขึ้นมาด้วยกัน รักใคร่กันอย่างคนที่พร้อมจะแบ่งกันทุกสิ่งทุกอย่าง แสนยังเข้าใจความรู้สึกของตนเองได้ดีอีกด้วยว่า มันมีอะไรๆ มากกว่าเรื่องราวเหล่านั้น
“ถ้าอย่างนั้น...” เขาเอ่ยขึ้น หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“...การที่ฉันคอยช่วยเหลือ มีผลหมากรากไม้ มีตุ๊กตาผ้าตัวเล็กตัวน้อยมาฝากแม่พลอย ก็มีเจตนาแอบแฝงละซี”
หญิงสาวค้อนให้ทีหนึ่ง แต่ไม่ยอมตอบคำ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงว่าต่อไป
“แม่พลอยอยากเลี้ยงเต่า ปลา กระต่าย กระตั้ว ต่างๆ นานา ฉันล้วนสรรหา อยากฝึกเพลงอาวุธกระบี่กระบองต่างๆ ฉันก็ช่วยเก็บงำปิดบัง ช่วยฝึกฝน เยี่ยงนี้ก็เท่ากับมีเจตนาร้ายกับแม่พลอย กระนั้นรึ”
คราวนี้คนฟังระบายลมหายใจยืดยาวอย่างเบื่อหน่าย ก่อนพูดเนือยๆ ว่า
“พี่แสน... มันเหมือนกันเสียเมื่อไร นี้เราเติบโตมาด้วยกัน พี่แสนก็ต้องดีกับอิฉันเป็นเรื่องธรรมดา ตะหมอภูกับพี่วาด เขามิได้เกี่ยวข้องอันไรกันสักนิดเดียว”
ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจแรงๆ ยกคิ้วพร้อมส่ายหน้าให้คำพูดของหล่อน
“ถามจริงๆ เถิดนะ นี้แม่พลอยมิเข้าใจจริงๆ เลย ใช่ฤๅหาไม่”
“ก็จักต้องให้เข้าใจอันไรอีกเล่า”
“ก็ที่หมอภูทำดีกับแม่วาดเยี่ยงนั้น ทั้งที่มิมีอันไรเกี่ยวข้องกัน ก็เพราะเขาหลงรักแม่วาด”
“พี่แสนว่ายังไรนะ”
พลอยย้อนถาม คล้ายไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนได้ยิน
“พ่อภูรักแม่วาด”
แสนย้ำความแน่ใจของตนเอง
“นั่นละ ใช่เลย... พวกโจรปล้นสวาท พบใครเจอใครก็รักเขาไปง่ายๆ ทั้งนั้นละ”
“พุทโถ! แม่พลอย ไปโกรธเกลียดกระไรเขา ฟังนะ... ถ้ามีคนทำดีเยี่ยงนี้กับแม่พลอย ก็จักว่าเขาเป็นพวกโจรปล้นสวาทกระนั้นฤๅ”
พลอยเป็นคนไม่ยอมจำนนอะไรง่ายๆ แม้เหตุผลที่ถูกไล่มาถึงตอนอับจน หล่อนก็จะยังไม่ยอม
“ก็... ประมาณนั้นกระมัง”
หล่อนบอก เสียงอ่อยลงนิดหนึ่ง
“แล้วท่านพระนคราฯ เคยทำอันไรดีๆ ให้คุณหญิงแก้ว แม่ของแม่พลอยไหมเล่า”
“ก็ต้องเยี่ยงนั้นสิ ได้อันไรดีๆ งามๆ มา ก็ทูนหัวให้แม่ทุกอย่าง”
หญิงสาวตอบได้ทันที ยังตามไม่ทันลูกไม้หลอกล่อของชายหนุ่ม
“เยี่ยงนั้นคุณพระท่านก็เป็นโจรล่าสวาทละซีนะ”
“พี่แสนพูดจาบ้าๆ เยี่ยงนี้ได้ยังไร!”
คราวนี้พลอยเกิดโมโหขึ้นมาจริงๆ
“ฉันก็เพียงวิเคราะห์ตามคำของแม่พลอย...”
เขาตอบโต้ยิ้มๆ แทบหัวเราะออกมา หากไม่เกรงว่ากำลังปฏิบัติภารกิจลับ
“แต่... อิฉันมิได้พูดสักนิด ว่าเจ้าคุณพ่อเป็นคนร้าย”
แล้วหล่อนก็นิ่งเงียบ ไม่ยอมพลาดพลั้งอะไร ให้กับการเจ้าคารมของอีกฝ่าย
“โกรธ โกรธแล้วจริงๆ ฤๅแม่พลอย... เอาละๆ มิแกล้งแล้วก็ได้ นี้ก็ดึกดื่นมากแล้ว เราแยกย้ายกันไปดีกว่า ต่อให้อ้ายโจรวายร้ายตัวจริง มันก็มิออกมาแล้วละ”
ทว่าไม่ทันขาดคำ เงาร่างสายหนึ่งก็พุ่งผ่าน ข้ามศีรษะคนทั้งคู่ หายเข้าไปหลังรั้วของชานเรือน ต่อหน้าต่อตาของแสนและพลอย
(ต่อในคคห.ที่1)
นวนิยาย : นางสาป : บทที่ 4-5
นางสาป บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
***************************************************
สวัสดีครับ
นางสาป มีแค่ 29 บทรวมกับบทเกริ่นและส่งท้ายเล็กๆ เพื่อให้โพสต์จบก่อนสิ้นเดือนนี้ จึงจะวางคราวละสองบท ตามเวลาที่คนเขียนสะดวกครับ หลังจากวางเรื่องนี้จบแล้ว ชั่งใจว่าจะวาง "เล่ห์สรวง" หรือ "คีตมายา" ต่อ หรือจะเอาเรื่องอื่นมาคั่น อ่อ... มี... "มนตร์หิมพานต์" อีกเรื่องที่ยังค้างคา ขอเวลาเรียบเรียนสติสักนิดครับ เพราะแต่ละเรื่องต้นค้นคว้ากันไปคนละอย่าง แม้จะเป็นแนวคลับคล้ายๆ กันแต่รายละเอียดพื้นฉากต่างกันสารพัด ต้องใช้เวลาหมัก-บ่มทุกเรื่องจริงๆ อ่ะครับ
สำหรับนางสาปนี้ ถือเป็นเรื่องแรกที่ใช้โลเกชั่นกว้างมาก ขึ้นเหนือล่องใต้กันสนุกสนาน ทั้งไปด้วยแรงคน ทั้งไปด้วยแรงฤทธิ์ ตอนจะเป็นเล่มนี้เห็นใจบก.มาก เพราะจะต้องเช็คละเอียดกับเรื่องเงื่อนไขเงื่อนเวลาต่างๆ หวังว่าออกมาเป็นรูปเล่มแล้วจะได้รับการสนับสนุนกันเช่นเคยนะครับ ^_^"
ขออนุญาตยกสองความคิดเห็นกระทู้ที่แล้วมาตอบในกระทู้นี้นะครับ
ตอบ คุณ GTW : สองสาวตัวเอก ทั้งวาดและพลอย สวยงามกันไปคนละแบบเนอะครับ ในบทต่อๆ ไป อุปนิสัยน่าจะเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งสารพัดวิกฤตการณ์ที่เธอทั้งสองต้องเผชิญนั่นด้วย ส่วนตัวพระ... ตัวร้าย... น่าสนใจทั้งนั้นเลยจริงๆ ครับ ในที่โพสต์ใหม่นี้คือหลังผ่านพิจารณาตีพิมพ์ การแก้ไขในบางจุดที่หลุดๆ ไปจากครั้งเมื่อวางในถนนคราวแรก ถูกปรับเสริมเติมเต็มไว้ค่อนข้างครบถ้วนครับ หากอ่านแบบตามติดคิดไปด้วย จะได้เห็นภาพลางๆ ที่ค่อยๆ สานก่อปมปัญหาต่างๆ ได้ชัดเจนกว่าคราวที่วางครั้งที่แล้วด้วยครับผม
ตอบ คุณลายลิขิต : ในบรรดาพระเอกที่ผ่านมาหากเป็นเรื่องแนวนี้ พระเอกของคนเขียนไม่ใช่แนวฮีโร่เกินคนอ่ะครับ หลายๆ หนเป็นแบบอ่อนด้อย เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้เสียด้วยซ้ำ คุณสัตยา ใน ร่างนางรำ หรือคุณทรงธรรม ใน เรือนมายา ต่างเริ่มต้นไม่สู้ดีนัก เรียกว่ามาดไม่ให้จะเป็นพระเอกเอาเสียเลย แต่คนเขียนชอบให้เขามีพัฒนาการทางความคิด ระหว่างเผชิญเรื่องราวในเรื่องครับ คุณภูอิน ใน นางสาป เลยหนีไม่พ้นสายตามองบนของเพื่อนรักนักอ่านเช่นเคย (ทรงธรรมในเรือนมายานี่ไปสิบกว่าบทกว่าคนอ่านจะรักและสงสาร ส่วนสัตยาในร่างนางรำ เคยถูกหาว่าเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอมที่น่ารำคาญ) โปรดติดตามบทต่อๆไป แล้วอาจได้เห็นว่า เสน่ห์ตรงไหนของภูอิน ถึงทำให้เขาได้รับคัดเลือกให้เป็นพระเอกในเรื่อง นางสาป นี้นะครับ
ขอบคุณสำหรับสองความคิดเห็น ขอบคุณสำหรับทุกโหวต ทุกไลค์เช่นเคย ขอบคุณพันทิปที่มอบพื้นที่ให้กับทุกความฝัน
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาในกระทู้ของคนเขียนหนังสือเล็กๆ คนนี้
ผมเอง-เพลงเกือบพัน
นางสาป
บทที่ 4
พลอยอ้อยอิ่งอยู่จนเย็นเพราะมีแผนการ และหนทางก็ปลอดโปร่งขึ้นอีก เมื่อรู้ว่าพระยารัตนภักดีติดงานราชการ ต้องค้างเวรอยู่ในเขตพระราชฐาน
“พี่คิดว่าแม่พลอยกลับเรือนมิทันค่ำมืดแน่ๆ เจ้าคุณพ่อก็มิอยู่ แม่พลอยค้างเป็นเพื่อนพี่ดีกว่า ประเดี๋ยวให้บ่าวมันรีบไปบอกคุณป้าแก้ว”
วาดเอ่ยขึ้นระหว่างสอนพลอยนำผ้านุ่งผ้าห่ม ลงอบร่ำกับควันเทียน
“ก็ดีเหมือนกัน ตะพลอยห่วงแม่ ทางโน้น คุณพ่อก็คงต้องติดราชการอยู่เหมือนกัน”
“เพลาเยี่ยงนี้ เราเก็บตัวอยู่ตะในเรือนดีที่สุด เถิดน่ะ... คุณป้าท่านอายุมิใช่น้อย มีลูกสาวจนโตป่านนี้ ไม่น่ามีความเสี่ยงกระไรมากเท่าพวกเรา”
แม้เหตุผลของวาดจะฟังแปลกๆ แต่สองสาวก็อดอมยิ้มให้กันไม่ได้
คนออกความเห็นยิ้ม เพราะที่พูดมาเป็นจริงที่สุด แต่ที่พลอยยิ้ม เป็นเพราะสมใจที่วาดไม่ระแคะระคาย การต้องค้างแรมอยู่ที่เรือนนี้ของตนเอง
หลังจากรับประทานมื้อเย็น และนั่งชมแสงจันทร์แสงดาวอยู่อีกพักใหญ่ บรรยากาศที่เงียบงันวังเวง ก็ชวนให้หญิงสาวทั้งสองคนเอ่ยลากัน เพื่อเข้าห้องพัก
พลอยรีบรื้อชุดพรางจากห่อผ้า เปลี่ยนชุดเป็นกางเกงและเสื้อสีดำ รวมทั้งมีผ้าคาดหน้าเรียบร้อยแล้ว ก็ลอบออกมายังจุดนัดหมายไว้กับแสน
“มีอันไรผิดปรกติ ฤๅหาไม่พี่แสน” หล่อนเอ่ยถามชายหนุ่ม ทันทีที่ขยับเข้าชิด
“ยังเลย ทุกอย่างเงียบสงบดี ฤๅว่าที่นี้มีผู้คนเวรยามเยอะ มันเลยมิลงมือ”
“อ้ายโจรนั่น มันเคยเกรงกลัวผู้คนด้วยเรอะ” หญิงสาวย้อนด้วยความจริง
“ตะถ้าอ้ายโจรที่ว่า มันเป็นแค่หมอยาฝึกหัด มันก็ควรจักเกรงจักกลัวบ้างเล่าหนา”
แสนไม่ยอมแพ้ เขาไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกกับแผนการครั้งนี้
“จักเป็นไปได้เยี่ยงไร เขาก็แค่คนหนุ่มธรรมดา หน้าตาก็มิใช่ชั่ว มีอย่างฤๅจักหาใครๆ มิได้ กลายเป็นพวกจิตวิปลาส เที่ยวพร่าผลาญพรหมจรรย์ของสตรีเพศ”
“อย่าคิดเข้าข้างกันนักเลยพี่แสน ก็กระไรๆ มันเข้าเค้า เขาต้องคิดมิดีกับพี่วาดแน่ๆ”
พลอยยังปักใจ กับความคิดของตนเอง
“ตะว่า... เพียงแค่เขาเล่านิทานให้ฟัง เพื่อหลอกล่อให้กินยา ให้ถุงเครื่องหอม เพื่อให้นอนหลับได้ดี มันก็เป็นแค่การเอาใจใส่ มิใช่ฤๅแม่พลอย”
“ใจดีเกินไปกระมังเจ้าคะ ถ้าเป็นเยี่ยงนี้ ก็ต้องล้วนมีเจตนาแอบแฝง”
หลายครั้งเหมือนกัน ที่แสนนึกรำคาญความคิดของหญิงสาวตรงหน้า แต่เขาก็ทนหล่อนได้เสมอ นอกจากเพราะเติบโตขึ้นมาด้วยกัน รักใคร่กันอย่างคนที่พร้อมจะแบ่งกันทุกสิ่งทุกอย่าง แสนยังเข้าใจความรู้สึกของตนเองได้ดีอีกด้วยว่า มันมีอะไรๆ มากกว่าเรื่องราวเหล่านั้น
“ถ้าอย่างนั้น...” เขาเอ่ยขึ้น หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“...การที่ฉันคอยช่วยเหลือ มีผลหมากรากไม้ มีตุ๊กตาผ้าตัวเล็กตัวน้อยมาฝากแม่พลอย ก็มีเจตนาแอบแฝงละซี”
หญิงสาวค้อนให้ทีหนึ่ง แต่ไม่ยอมตอบคำ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงว่าต่อไป
“แม่พลอยอยากเลี้ยงเต่า ปลา กระต่าย กระตั้ว ต่างๆ นานา ฉันล้วนสรรหา อยากฝึกเพลงอาวุธกระบี่กระบองต่างๆ ฉันก็ช่วยเก็บงำปิดบัง ช่วยฝึกฝน เยี่ยงนี้ก็เท่ากับมีเจตนาร้ายกับแม่พลอย กระนั้นรึ”
คราวนี้คนฟังระบายลมหายใจยืดยาวอย่างเบื่อหน่าย ก่อนพูดเนือยๆ ว่า
“พี่แสน... มันเหมือนกันเสียเมื่อไร นี้เราเติบโตมาด้วยกัน พี่แสนก็ต้องดีกับอิฉันเป็นเรื่องธรรมดา ตะหมอภูกับพี่วาด เขามิได้เกี่ยวข้องอันไรกันสักนิดเดียว”
ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจแรงๆ ยกคิ้วพร้อมส่ายหน้าให้คำพูดของหล่อน
“ถามจริงๆ เถิดนะ นี้แม่พลอยมิเข้าใจจริงๆ เลย ใช่ฤๅหาไม่”
“ก็จักต้องให้เข้าใจอันไรอีกเล่า”
“ก็ที่หมอภูทำดีกับแม่วาดเยี่ยงนั้น ทั้งที่มิมีอันไรเกี่ยวข้องกัน ก็เพราะเขาหลงรักแม่วาด”
“พี่แสนว่ายังไรนะ”
พลอยย้อนถาม คล้ายไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนได้ยิน
“พ่อภูรักแม่วาด”
แสนย้ำความแน่ใจของตนเอง
“นั่นละ ใช่เลย... พวกโจรปล้นสวาท พบใครเจอใครก็รักเขาไปง่ายๆ ทั้งนั้นละ”
“พุทโถ! แม่พลอย ไปโกรธเกลียดกระไรเขา ฟังนะ... ถ้ามีคนทำดีเยี่ยงนี้กับแม่พลอย ก็จักว่าเขาเป็นพวกโจรปล้นสวาทกระนั้นฤๅ”
พลอยเป็นคนไม่ยอมจำนนอะไรง่ายๆ แม้เหตุผลที่ถูกไล่มาถึงตอนอับจน หล่อนก็จะยังไม่ยอม
“ก็... ประมาณนั้นกระมัง”
หล่อนบอก เสียงอ่อยลงนิดหนึ่ง
“แล้วท่านพระนคราฯ เคยทำอันไรดีๆ ให้คุณหญิงแก้ว แม่ของแม่พลอยไหมเล่า”
“ก็ต้องเยี่ยงนั้นสิ ได้อันไรดีๆ งามๆ มา ก็ทูนหัวให้แม่ทุกอย่าง”
หญิงสาวตอบได้ทันที ยังตามไม่ทันลูกไม้หลอกล่อของชายหนุ่ม
“เยี่ยงนั้นคุณพระท่านก็เป็นโจรล่าสวาทละซีนะ”
“พี่แสนพูดจาบ้าๆ เยี่ยงนี้ได้ยังไร!”
คราวนี้พลอยเกิดโมโหขึ้นมาจริงๆ
“ฉันก็เพียงวิเคราะห์ตามคำของแม่พลอย...”
เขาตอบโต้ยิ้มๆ แทบหัวเราะออกมา หากไม่เกรงว่ากำลังปฏิบัติภารกิจลับ
“แต่... อิฉันมิได้พูดสักนิด ว่าเจ้าคุณพ่อเป็นคนร้าย”
แล้วหล่อนก็นิ่งเงียบ ไม่ยอมพลาดพลั้งอะไร ให้กับการเจ้าคารมของอีกฝ่าย
“โกรธ โกรธแล้วจริงๆ ฤๅแม่พลอย... เอาละๆ มิแกล้งแล้วก็ได้ นี้ก็ดึกดื่นมากแล้ว เราแยกย้ายกันไปดีกว่า ต่อให้อ้ายโจรวายร้ายตัวจริง มันก็มิออกมาแล้วละ”
ทว่าไม่ทันขาดคำ เงาร่างสายหนึ่งก็พุ่งผ่าน ข้ามศีรษะคนทั้งคู่ หายเข้าไปหลังรั้วของชานเรือน ต่อหน้าต่อตาของแสนและพลอย
(ต่อในคคห.ที่1)