ตอนที่ 25
“แม่หญิงเจ้าค่ะ คุณท้าวให้มะลิมาตามไปพบที่หอนั่งเจ้าค่ะ” มะลิตามหาแม่หญิงวิลันดาเสียทั่วเรือนจนมาพบที่สวนดอกไม้
วิลันดาเดาไว้แล้วว่า คุณท้าวจักต้องให้คนมาตามหล่อนไปพบเป็นแน่เพราะหล่อนคือ ผู้ที่ต้องตัดสินใจในเรื่องนี้ คุณท้าวคงมิกล้าตัดสินใจแทน คงจักให้หล่อนเป็นผู้เลือกเองว่า จะยอมแต่งงานกับจมื่นราชภักดีรึไม่
“มะลิ ฉันขอถามเจ้าสักคำ จงตอบเรามาตามจริง ตอนนี้ชาวบ้านร้านตลาดลือเรื่องของฉันกับจมื่นราชภักดีจนหนาหู ใช่รึไม่”
มะลินิ่งเงียบ นางมิรู้จักตอบเยี่ยงไร ถ้าพูดออกไปก็กลัวแม่หญิงจักเสียใจ นางเห็นใจแม่หญิงนัก มะลินึกอยู่ในใจว่า ถ้าตนไม่ไปเห็นด้วยตนเอง คงมิอยากเชื่อว่า จมื่นราชภักดีจะทำให้แม่หญิงต้องเปื้อนราคี
“เงียบทำไมรึ ฉันถามเจ้ามิได้ยินรึ”วิลันดาเสียงดังขึ้น นางไม่เคยหงุดหงิดใส่บ่าวไพร่แบบนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรก เพราะหล่อนรู้สึกอึดอัดใจ ดูเหมือนมิมีใครจะยอมปริปากพูดเรื่องนี้เลย หลังจากที่ขุนไกรได้เล่าให้ฟังแล้ว เขาก็สั่งบ่าวไพร่ห้ามพูดเรื่องนี้อีก หากใครพูดเรื่องนี้อีก ท่านขุนจะส่งอ้ายอีผู้นั้นไปทำนาที่หัวเมืองเสียให้พ้นจากเรือนนี้
มะลิซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ทำหน้าตาเหมือนกำลังจักร้องไห้
โธ่!
“มะลิ ฉันขอโทษ ฉันกำลังหงุดหงิดจึงตวาดเจ้าไป”
วิลันดาเสียใจที่ไปเอ็ดมะลิ เพราะตัวเองกำลังหัวเสีย จึงก้มตัวไปลูบบ่ามะลิเบา ๆ อย่างมิมีนายคนไหนสนใจกับความรู้สึกของบ่าวไพร่เหมือนกับหล่อนทำมาก่อน มะลิร้องไห้กอดที่ขาแม่หญิงวิลันดาไว้แน่น
“ที่บ่าวร้องไห้ มิใช่กลัวว่าพูดเรื่องนี้แล้ว ท่านขุนจักส่งบ่าวไปใช้แรงงาน ให้ไปทำนาที่หัวเมืองดอกเจ้าคะ แต่บ่าวสงสารแม่หญิงนัก”
“สงสารเยี่ยงนั้นรึ”
“ตอนนี้ พวกอ้ายอี ชาวบ้านร้านตลาดนินทากันสนุกปาก เรื่องคาวแบบนี้คงพูดกันอีกนานหนาเจ้าคะ”
“จักยุคไหน ๆ คนเราก็ยังชอบพูดเรื่องของผู้อื่นกันเสมอ” วิลันดาพูดไปลอย ๆ อย่างเข้าใจในสถานการณ์ในตอนนี้ดีแล้ว หล่อนนึกไปถึงเรื่องที่ได้ยินขุนไกร ขอคุณท้าวแต่งงานกับเธอ
“คนเขานินทากันเสียทั่วเมืองเยี่ยงนี้ พี่ขุนยังกล้าขอคุณท้าวแต่งงานกับน้องอีกรึ” วิลันดาพูดเบา ๆ หล่อนรู้สึกซาบซึ้งในความรักที่มั่นคงมิหวั่นไหวต่อสิ่งใดของผู้ชายคนหนึ่งที่มีให้ บัดนี้หล่อนได้รู้แล้วว่าอีกกี่ภพกี่ชาติ หล่อนคงจักรักใครมิได้อีกแล้ว นอกจากพี่ขุนคนนี้
+++++++++++++++++++
“เจ้าลงจากเรือนข้าไป บัดเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ข้าจักทนเห็นหน้าเจ้ามิได้ แม้นเพียงชั่วอึดใจ”
ขุนไกรไล่จมื่นราชภักดีอย่างมิไว้หน้ากัน จนคุณท้าวเฟื่องต้องสะกิดและบอกให้ขุนไกรสงบอารมณ์เสียบ้าง
“พ่อขุนมิเอาหนา หากเจ้ามิเห็นแก่หน้าผู้ใด ก็จงไว้หน้าพ่อเจ้าบ้างเถิด เราเป็นเจ้าเรือน ไยเจ้าทำเยี่ยงนี้”
“เจ้าจะว่าข้าเยี่ยงไรก็ได้ แต่ข้าขอรอคำตอบจากแม่หญิงเสียก่อน”จมื่นราชภักดีเริ่มรู้สึกไม่พอใจขุนไกรขึ้นมาบ้าง เขาอยากจักรู้นักว่า ขุนไกร ไยกล้าแสดงออกว่าหึงหวงแม่หญิงวิลันดา ทั้งที่ตัวเขาเป็นคู่หมั้นแม่ดาวเรือง
“แต่เจ้าของเรือนมิอยากให้อยู่เจ้ายังกล้าหน้าทนอยู่อีกรึ”
“พ่อขุนหยุดบัดเดี๋ยวนี้” คุณท้าวเฟื่องเอ็ดบุตรชายที่ดูเหมือนจักพูดเกินไป
“ช่างเถิดคุณท้าว เรามิถือดอก ฝ่ายเราเป็นคนผิด หลานชายคงจักแค้นใจแทนน้องสาว”
“นางมิใช่น้องสาวของหลาน แต่นางเป็นหญิงเดียวที่หลานรักแลจักแต่งงานด้วย” ขุนไกรสวนตอบทันควัน
“พ่อขุน” คุณท้าวเฟื่องและท่านเจ้าพระยามิตรไมตรี ได้ยินแทบลมจับนางตั้งใจว่าจักค่อย ๆ ไปพูดกับผู้ใหญ่ฝ่ายนั้น เรื่องแม่หญิงวิลันดาและขอถอนหมั้นให้ขุนไกร โดยจะยกของหมั้นให้แม่ดาวเรืองทั้งหมด และจักขอโทษด้วยการยกที่นาให้นางอีกจำนวนหนึ่ง เพราะถือว่าได้ทำให้ชื่อเสียงแม่ดาวเรืองเสียหายที่ถูกฝ่ายชายถอนหมั้น แต่นี่พ่อลูกชายตัวแสบ กลับพูดโพล่งออกมาเยี่ยงนี้ ผู้ใหญ่คงจักเข้าหน้ากันมิติดเป็นแน่
ส่วนพระยาสิงหเดโช ที่เป็นผู้เดียวที่ยังมีรู้ว่า วิลันดาไม่ใช่หลานคุณท้าวเฟื่อง ก็ให้นึกสงสัยเรื่องราวเป็นมาเยี่ยงไร ใบหน้าท่านจากที่มาอย่างเกรงใจ กลับเริ่มโกรธเกรี้ยว คิ้วเริ่มขมวดใบหน้าเริ่มแดงก่ำ
“พ่อขุนพูดเยี่ยงนี้ แล้วเจ้าเอาแม่ดาวเรืองไปไว้ที่ใดเล่า” คุณท้าวศรีประจัน ตอนแรกนางคิดว่า จะนิ่งเงียบ แต่มาเจอขุนไกรพูดเสียมิเห็นแก่หน้าแม่ดาวเรืองบุตรสาว จึงอดรนทนมิไหว
“ก็ไว้เสียที่เรือนท่านป้า เยี่ยงเดิมเถิดขอรับ กระผมมิอาจแต่งงานกับแม่ดาวเรืองได้” ขุนไกรเป็นคนจริงและเป็นคนตรงพูดตรงกับใจ
โอหัง !
ท่านเจ้าพระยาสีงหเดโช ยืนขึ้นเต็มความสูง โกรธจัดที่ขุนไกรว่าที่ลูกเขยพูดออกมาเยี่ยงนั้น ทั้งที่ใจตอนแรกรู้สึกว่าทางฝ่ายตนเป็นผู้ผิด แต่ตอนนี้ด้วยความรักในตัวแม่หญิงดาวเรืองบุตรี ทำให้ท่านคิดว่าขุนไกรกับแม่หญิงวิลันดาอาจเป็นต้นตอแห่งความผิด ที่ทำให้แม่ดาวเรืองบุตรรักของท่านกระทำการเรื่องเลวร้ายเยี่ยงนั้นได้
“คุณพี่เจ้าคะ ใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ” คุณท้าวศรีประจันรีบพูดเตือนสติ
“ใจเย็นก่อนเถิดหนา เกลอรัก” เจ้าพระยามิตรไมตรีรีบพูดเช่นกัน บอกตนเองมิถูกว่า ตอนนี้มิรู้ ใครจักต้องเป็นฝ่ายขอโทษใครกันแน่
“นี่เราเห็นแก่เจ้า ซึ่งเป็นเกลอรักกันมานาน จักให้อภัยพ่อขุนสักครั้ง” พระยาสีหเดโชนั่งลงอย่างมิสบอารมณ์นัก
เรื่องทั้งหมดอยู่ในสายตาของวิลันดาซึ่งถูกตามขึ้นมา แต่หล่อนหลบอยู่หลังประตูเพื่อดูเหตุการณ์ เมื่อสักครู่ความอึดอัดใจเกิดขึ้นกับหล่อนทันที นี่หล่อนกำลังทำให้ทุกคนเดือดร้อนและบาดหมางกันหรือ
“แม่หญิงมาแล้วรึ เร่งเข้ามาเถิดหนา” คุณท้าวเฟื่องมองมาเห็นสไบไหว ๆ อยู่ข้างประตู นางจึงรีบเรียกวิลันดาเข้ามา เพราะหอนั่งกำลังร้อนระอุ
เจ้าพระยามิตรไมตรี แลคุณท้าวศรีประจัน เห็นโฉมแม่หญิงวิลันดาแล้วจึงรู้ว่า เหตุใดผู้ชายสองคน จึงแทบฆ่ากันตาย เพียงเพราะหล่อน หุ่นอรชรอ้อนแอ้นใบหน้าอ่อนหวานดุจนางในวรรณคดี ช่างงามเหลือเกิน ยิ่งพิศยิ่งงาม เกินกว่าแม่ดาวเรืองเสียด้วยซ้ำไป แต่คุณท้าวศรีประจันรู้สึกมิชอบหน้าหล่อนเท่าใดนัก ด้วยเหตุที่รู้ว่าขุนไกรแอบมีใจให้นาง
วิลันดาก้มกราบเจ้าพระยาสิงหเดโชกับคุณท้าวศรีประจันอย่างอ่อนน้อม
จมื่นราชภักดีมองแม่หญิงมิวางตา พลางนึกในใจ หากเจ้าเกลียดพี่ พี่จักยอมให้เจ้าเกลียด แล้วเจ้าจักรู้ว่าความรักของพี่ที่มีให้แก่เจ้า จักไม่เป็นรองผู้ใด
“พ่อเพ็ง เขาให้ผู้ใหญ่มาขอเจ้ากับเรา เจ้าจักว่าเยี่ยงใด”
คุณท้าวเฟื่องถามอย่างอ่อนโยน นางต้องการให้แม่หญิงเลือกเอง หากมิยินยอมแต่ง นางก็จักมิบังคับใจเป็นอันขาด ขุนไกรมองหน้าแม่หญิงวิลันดา เขามั่นใจว่า หล่อนจักต้องมิยอมตกลงรับคำเป็นแม่นมั่น เพราะตัวเขาเองได้แสดงออกให้แม่หญิงเห็นแล้วว่า เขามิสนใจเรื่องนั้นเลย ทุกคนเพ่งมองมาที่หล่อนราวกับรอคำตอบอยู่ สร้างความกดดันให้วิลันดาเป็นอันมาก
“เจ้าจักว่าเยี่ยงไรรึ แม่หญิง” คุณท้าวศรีประจันเร่งคำตอบอย่างร้อนใจ คำพูดของแม่ดาวเรืองเมื่อสักครู่ผุดขึ้นมาวนเวียนในหัวหล่อน
“ดิฉันจักแต่งงานกับพี่เพ็งเจ้าค่ะ”
วิลันดา!
คำตอบเดียว ทำให้มีทั้งคนเสียใจอย่างที่สุด และดีใจอย่างที่สุด แต่ความรู้สึกของขุนไกรตอนนี้ เหมือนกับไฟกำลังเผาผลาญหัวใจเขา ความเสียใจ น้อยใจ ทั้งโกรธทั้งรัก พุ่งพรวดเข้ามา เขามิคิดเลยว่า แม่หญิงที่เขารักปักจิตปักใจจักทำกับเขาเยี่ยงนี้ได้
“พี่ดีใจนักที่เจ้าจักแต่งงานกับพี่” ตอนนี้จมื่นราชภักดีเป็นคนที่มีความสุขที่สุด แต่ก็มิกล้าแสดงออกมากนัก เพราะถึงเยี่ยงไรแล้วก็ให้นึกเห็นใจขุนไกรเหมือนกัน
“ดีแล้ว เราจักได้เร่งจัดการเรื่องสินสอดทองหมั้น” คุณท้าวศรีประจันพูดขึ้น
“เรื่องนั้นทางเรามิเห็นเป็นข้อสำคัญ ขอเพียงแต่แม่หญิงมีความสุข” คุณท้าวเฟื่องเองก็รู้สึกผิดหวังเหมือนกัน มิคิดว่าวิลันดาจักรับคำง่ายๆ
ขุนไกรลุกขึ้นเขามองมาที่วิลันดา สายตาที่เขามองมา ทำให้วิลันดาอยากจักวิ่งเข้าไปกอดเขาแล้วอธิบายให้ฟังว่า ที่หล่อนทำไปเพียงเพราะรักเขามากเสียกว่าตนเอง หล่อนจะมิยอมให้ใครมาดูถูกพี่ขุนว่า กินน้ำใต้ศอกใคร เพราะหล่อนมิมีสิ่งใดจะมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้
“แม่วันทอง เราคงจักมองเจ้าผิดไป”
เขาว่าวิลันดาด้วยชื่อของนางในวรรณคดีที่งดงาม แต่อาภัพรักนัก ซึ่งถูกนำเรื่องราวมาถ่ายทอดเป็นละครที่เขาเคยได้ดูในช่วงที่หลุดมาในยุคของวิลันดา
วิลันดาเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ความหมาย และรับรู้ว่านั่นคือคำประชดจากเขาหาว่าหล่อนสองใจ แต่หล่อนก็ยอมรับ แม่วันทองเป็นผู้หญิงที่ดี แต่นางมีมูลเหตุให้เป็นไปเช่นนั้น ในความคิดของวิลันดา แม่วันทองมีเพียงใจเดียวคือขุนแผนเท่านั้น เช่นเดียวกับหล่อนที่มีแต่ขุนไกรเช่นกัน
++++++++++++++++++
บุพเพข้ามภพ ตอนที่ 25
ตอนที่ 25
“แม่หญิงเจ้าค่ะ คุณท้าวให้มะลิมาตามไปพบที่หอนั่งเจ้าค่ะ” มะลิตามหาแม่หญิงวิลันดาเสียทั่วเรือนจนมาพบที่สวนดอกไม้
วิลันดาเดาไว้แล้วว่า คุณท้าวจักต้องให้คนมาตามหล่อนไปพบเป็นแน่เพราะหล่อนคือ ผู้ที่ต้องตัดสินใจในเรื่องนี้ คุณท้าวคงมิกล้าตัดสินใจแทน คงจักให้หล่อนเป็นผู้เลือกเองว่า จะยอมแต่งงานกับจมื่นราชภักดีรึไม่
“มะลิ ฉันขอถามเจ้าสักคำ จงตอบเรามาตามจริง ตอนนี้ชาวบ้านร้านตลาดลือเรื่องของฉันกับจมื่นราชภักดีจนหนาหู ใช่รึไม่”
มะลินิ่งเงียบ นางมิรู้จักตอบเยี่ยงไร ถ้าพูดออกไปก็กลัวแม่หญิงจักเสียใจ นางเห็นใจแม่หญิงนัก มะลินึกอยู่ในใจว่า ถ้าตนไม่ไปเห็นด้วยตนเอง คงมิอยากเชื่อว่า จมื่นราชภักดีจะทำให้แม่หญิงต้องเปื้อนราคี
“เงียบทำไมรึ ฉันถามเจ้ามิได้ยินรึ”วิลันดาเสียงดังขึ้น นางไม่เคยหงุดหงิดใส่บ่าวไพร่แบบนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรก เพราะหล่อนรู้สึกอึดอัดใจ ดูเหมือนมิมีใครจะยอมปริปากพูดเรื่องนี้เลย หลังจากที่ขุนไกรได้เล่าให้ฟังแล้ว เขาก็สั่งบ่าวไพร่ห้ามพูดเรื่องนี้อีก หากใครพูดเรื่องนี้อีก ท่านขุนจะส่งอ้ายอีผู้นั้นไปทำนาที่หัวเมืองเสียให้พ้นจากเรือนนี้
มะลิซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ทำหน้าตาเหมือนกำลังจักร้องไห้
โธ่!
“มะลิ ฉันขอโทษ ฉันกำลังหงุดหงิดจึงตวาดเจ้าไป”
วิลันดาเสียใจที่ไปเอ็ดมะลิ เพราะตัวเองกำลังหัวเสีย จึงก้มตัวไปลูบบ่ามะลิเบา ๆ อย่างมิมีนายคนไหนสนใจกับความรู้สึกของบ่าวไพร่เหมือนกับหล่อนทำมาก่อน มะลิร้องไห้กอดที่ขาแม่หญิงวิลันดาไว้แน่น
“ที่บ่าวร้องไห้ มิใช่กลัวว่าพูดเรื่องนี้แล้ว ท่านขุนจักส่งบ่าวไปใช้แรงงาน ให้ไปทำนาที่หัวเมืองดอกเจ้าคะ แต่บ่าวสงสารแม่หญิงนัก”
“สงสารเยี่ยงนั้นรึ”
“ตอนนี้ พวกอ้ายอี ชาวบ้านร้านตลาดนินทากันสนุกปาก เรื่องคาวแบบนี้คงพูดกันอีกนานหนาเจ้าคะ”
“จักยุคไหน ๆ คนเราก็ยังชอบพูดเรื่องของผู้อื่นกันเสมอ” วิลันดาพูดไปลอย ๆ อย่างเข้าใจในสถานการณ์ในตอนนี้ดีแล้ว หล่อนนึกไปถึงเรื่องที่ได้ยินขุนไกร ขอคุณท้าวแต่งงานกับเธอ
“คนเขานินทากันเสียทั่วเมืองเยี่ยงนี้ พี่ขุนยังกล้าขอคุณท้าวแต่งงานกับน้องอีกรึ” วิลันดาพูดเบา ๆ หล่อนรู้สึกซาบซึ้งในความรักที่มั่นคงมิหวั่นไหวต่อสิ่งใดของผู้ชายคนหนึ่งที่มีให้ บัดนี้หล่อนได้รู้แล้วว่าอีกกี่ภพกี่ชาติ หล่อนคงจักรักใครมิได้อีกแล้ว นอกจากพี่ขุนคนนี้
+++++++++++++++++++
“เจ้าลงจากเรือนข้าไป บัดเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ข้าจักทนเห็นหน้าเจ้ามิได้ แม้นเพียงชั่วอึดใจ”
ขุนไกรไล่จมื่นราชภักดีอย่างมิไว้หน้ากัน จนคุณท้าวเฟื่องต้องสะกิดและบอกให้ขุนไกรสงบอารมณ์เสียบ้าง
“พ่อขุนมิเอาหนา หากเจ้ามิเห็นแก่หน้าผู้ใด ก็จงไว้หน้าพ่อเจ้าบ้างเถิด เราเป็นเจ้าเรือน ไยเจ้าทำเยี่ยงนี้”
“เจ้าจะว่าข้าเยี่ยงไรก็ได้ แต่ข้าขอรอคำตอบจากแม่หญิงเสียก่อน”จมื่นราชภักดีเริ่มรู้สึกไม่พอใจขุนไกรขึ้นมาบ้าง เขาอยากจักรู้นักว่า ขุนไกร ไยกล้าแสดงออกว่าหึงหวงแม่หญิงวิลันดา ทั้งที่ตัวเขาเป็นคู่หมั้นแม่ดาวเรือง
“แต่เจ้าของเรือนมิอยากให้อยู่เจ้ายังกล้าหน้าทนอยู่อีกรึ”
“พ่อขุนหยุดบัดเดี๋ยวนี้” คุณท้าวเฟื่องเอ็ดบุตรชายที่ดูเหมือนจักพูดเกินไป
“ช่างเถิดคุณท้าว เรามิถือดอก ฝ่ายเราเป็นคนผิด หลานชายคงจักแค้นใจแทนน้องสาว”
“นางมิใช่น้องสาวของหลาน แต่นางเป็นหญิงเดียวที่หลานรักแลจักแต่งงานด้วย” ขุนไกรสวนตอบทันควัน
“พ่อขุน” คุณท้าวเฟื่องและท่านเจ้าพระยามิตรไมตรี ได้ยินแทบลมจับนางตั้งใจว่าจักค่อย ๆ ไปพูดกับผู้ใหญ่ฝ่ายนั้น เรื่องแม่หญิงวิลันดาและขอถอนหมั้นให้ขุนไกร โดยจะยกของหมั้นให้แม่ดาวเรืองทั้งหมด และจักขอโทษด้วยการยกที่นาให้นางอีกจำนวนหนึ่ง เพราะถือว่าได้ทำให้ชื่อเสียงแม่ดาวเรืองเสียหายที่ถูกฝ่ายชายถอนหมั้น แต่นี่พ่อลูกชายตัวแสบ กลับพูดโพล่งออกมาเยี่ยงนี้ ผู้ใหญ่คงจักเข้าหน้ากันมิติดเป็นแน่
ส่วนพระยาสิงหเดโช ที่เป็นผู้เดียวที่ยังมีรู้ว่า วิลันดาไม่ใช่หลานคุณท้าวเฟื่อง ก็ให้นึกสงสัยเรื่องราวเป็นมาเยี่ยงไร ใบหน้าท่านจากที่มาอย่างเกรงใจ กลับเริ่มโกรธเกรี้ยว คิ้วเริ่มขมวดใบหน้าเริ่มแดงก่ำ
“พ่อขุนพูดเยี่ยงนี้ แล้วเจ้าเอาแม่ดาวเรืองไปไว้ที่ใดเล่า” คุณท้าวศรีประจัน ตอนแรกนางคิดว่า จะนิ่งเงียบ แต่มาเจอขุนไกรพูดเสียมิเห็นแก่หน้าแม่ดาวเรืองบุตรสาว จึงอดรนทนมิไหว
“ก็ไว้เสียที่เรือนท่านป้า เยี่ยงเดิมเถิดขอรับ กระผมมิอาจแต่งงานกับแม่ดาวเรืองได้” ขุนไกรเป็นคนจริงและเป็นคนตรงพูดตรงกับใจ
โอหัง !
ท่านเจ้าพระยาสีงหเดโช ยืนขึ้นเต็มความสูง โกรธจัดที่ขุนไกรว่าที่ลูกเขยพูดออกมาเยี่ยงนั้น ทั้งที่ใจตอนแรกรู้สึกว่าทางฝ่ายตนเป็นผู้ผิด แต่ตอนนี้ด้วยความรักในตัวแม่หญิงดาวเรืองบุตรี ทำให้ท่านคิดว่าขุนไกรกับแม่หญิงวิลันดาอาจเป็นต้นตอแห่งความผิด ที่ทำให้แม่ดาวเรืองบุตรรักของท่านกระทำการเรื่องเลวร้ายเยี่ยงนั้นได้
“คุณพี่เจ้าคะ ใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ” คุณท้าวศรีประจันรีบพูดเตือนสติ
“ใจเย็นก่อนเถิดหนา เกลอรัก” เจ้าพระยามิตรไมตรีรีบพูดเช่นกัน บอกตนเองมิถูกว่า ตอนนี้มิรู้ ใครจักต้องเป็นฝ่ายขอโทษใครกันแน่
“นี่เราเห็นแก่เจ้า ซึ่งเป็นเกลอรักกันมานาน จักให้อภัยพ่อขุนสักครั้ง” พระยาสีหเดโชนั่งลงอย่างมิสบอารมณ์นัก
เรื่องทั้งหมดอยู่ในสายตาของวิลันดาซึ่งถูกตามขึ้นมา แต่หล่อนหลบอยู่หลังประตูเพื่อดูเหตุการณ์ เมื่อสักครู่ความอึดอัดใจเกิดขึ้นกับหล่อนทันที นี่หล่อนกำลังทำให้ทุกคนเดือดร้อนและบาดหมางกันหรือ
“แม่หญิงมาแล้วรึ เร่งเข้ามาเถิดหนา” คุณท้าวเฟื่องมองมาเห็นสไบไหว ๆ อยู่ข้างประตู นางจึงรีบเรียกวิลันดาเข้ามา เพราะหอนั่งกำลังร้อนระอุ
เจ้าพระยามิตรไมตรี แลคุณท้าวศรีประจัน เห็นโฉมแม่หญิงวิลันดาแล้วจึงรู้ว่า เหตุใดผู้ชายสองคน จึงแทบฆ่ากันตาย เพียงเพราะหล่อน หุ่นอรชรอ้อนแอ้นใบหน้าอ่อนหวานดุจนางในวรรณคดี ช่างงามเหลือเกิน ยิ่งพิศยิ่งงาม เกินกว่าแม่ดาวเรืองเสียด้วยซ้ำไป แต่คุณท้าวศรีประจันรู้สึกมิชอบหน้าหล่อนเท่าใดนัก ด้วยเหตุที่รู้ว่าขุนไกรแอบมีใจให้นาง
วิลันดาก้มกราบเจ้าพระยาสิงหเดโชกับคุณท้าวศรีประจันอย่างอ่อนน้อม
จมื่นราชภักดีมองแม่หญิงมิวางตา พลางนึกในใจ หากเจ้าเกลียดพี่ พี่จักยอมให้เจ้าเกลียด แล้วเจ้าจักรู้ว่าความรักของพี่ที่มีให้แก่เจ้า จักไม่เป็นรองผู้ใด
“พ่อเพ็ง เขาให้ผู้ใหญ่มาขอเจ้ากับเรา เจ้าจักว่าเยี่ยงใด”
คุณท้าวเฟื่องถามอย่างอ่อนโยน นางต้องการให้แม่หญิงเลือกเอง หากมิยินยอมแต่ง นางก็จักมิบังคับใจเป็นอันขาด ขุนไกรมองหน้าแม่หญิงวิลันดา เขามั่นใจว่า หล่อนจักต้องมิยอมตกลงรับคำเป็นแม่นมั่น เพราะตัวเขาเองได้แสดงออกให้แม่หญิงเห็นแล้วว่า เขามิสนใจเรื่องนั้นเลย ทุกคนเพ่งมองมาที่หล่อนราวกับรอคำตอบอยู่ สร้างความกดดันให้วิลันดาเป็นอันมาก
“เจ้าจักว่าเยี่ยงไรรึ แม่หญิง” คุณท้าวศรีประจันเร่งคำตอบอย่างร้อนใจ คำพูดของแม่ดาวเรืองเมื่อสักครู่ผุดขึ้นมาวนเวียนในหัวหล่อน
“ดิฉันจักแต่งงานกับพี่เพ็งเจ้าค่ะ”
วิลันดา!
คำตอบเดียว ทำให้มีทั้งคนเสียใจอย่างที่สุด และดีใจอย่างที่สุด แต่ความรู้สึกของขุนไกรตอนนี้ เหมือนกับไฟกำลังเผาผลาญหัวใจเขา ความเสียใจ น้อยใจ ทั้งโกรธทั้งรัก พุ่งพรวดเข้ามา เขามิคิดเลยว่า แม่หญิงที่เขารักปักจิตปักใจจักทำกับเขาเยี่ยงนี้ได้
“พี่ดีใจนักที่เจ้าจักแต่งงานกับพี่” ตอนนี้จมื่นราชภักดีเป็นคนที่มีความสุขที่สุด แต่ก็มิกล้าแสดงออกมากนัก เพราะถึงเยี่ยงไรแล้วก็ให้นึกเห็นใจขุนไกรเหมือนกัน
“ดีแล้ว เราจักได้เร่งจัดการเรื่องสินสอดทองหมั้น” คุณท้าวศรีประจันพูดขึ้น
“เรื่องนั้นทางเรามิเห็นเป็นข้อสำคัญ ขอเพียงแต่แม่หญิงมีความสุข” คุณท้าวเฟื่องเองก็รู้สึกผิดหวังเหมือนกัน มิคิดว่าวิลันดาจักรับคำง่ายๆ
ขุนไกรลุกขึ้นเขามองมาที่วิลันดา สายตาที่เขามองมา ทำให้วิลันดาอยากจักวิ่งเข้าไปกอดเขาแล้วอธิบายให้ฟังว่า ที่หล่อนทำไปเพียงเพราะรักเขามากเสียกว่าตนเอง หล่อนจะมิยอมให้ใครมาดูถูกพี่ขุนว่า กินน้ำใต้ศอกใคร เพราะหล่อนมิมีสิ่งใดจะมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้
“แม่วันทอง เราคงจักมองเจ้าผิดไป”
เขาว่าวิลันดาด้วยชื่อของนางในวรรณคดีที่งดงาม แต่อาภัพรักนัก ซึ่งถูกนำเรื่องราวมาถ่ายทอดเป็นละครที่เขาเคยได้ดูในช่วงที่หลุดมาในยุคของวิลันดา
วิลันดาเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ความหมาย และรับรู้ว่านั่นคือคำประชดจากเขาหาว่าหล่อนสองใจ แต่หล่อนก็ยอมรับ แม่วันทองเป็นผู้หญิงที่ดี แต่นางมีมูลเหตุให้เป็นไปเช่นนั้น ในความคิดของวิลันดา แม่วันทองมีเพียงใจเดียวคือขุนแผนเท่านั้น เช่นเดียวกับหล่อนที่มีแต่ขุนไกรเช่นกัน
++++++++++++++++++