บุพเพข้ามภพ ตอนที่ 23

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 23

แม่หญิงดาวเรือง มองดูผลงานของตนแล้วให้รู้สึกอารมณ์ดียิ่งนัก ภาพของ จมื่นราชภักดีนอนสลบสไลเปลือยช่วงบนจนเห็นผิวขาวผ่องลำแขนใหญ่สะอาดสะอ้านที่กอดร่างบางสมส่วนที่ดูเหมือนจะเปลือยช่วงบน แต่มีผ้าห่มคลุมทับไว้ หากใครมาเห็นเข้า คงจักเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต นินทากันมิรู้จบ ครานี้แหละพี่ขุนไกรของหล่อน คงจักมิคิดกินน้ำใต้ศอกใคร นี่ยังถือว่าปราณีผู้ชายที่แม่ดาวเรืองเลือกให้แม่หญิงวิลันดา ในครานี้เป็นพี่เพ็งพี่ชายของหล่อน ถ้ามิสงสารพี่ชายบ้างแล้วล่ะก็ นางคงหาไอ้พวกบ่าวไพร่มาแทนที่ ให้นางหญิงผู้นี้ได้อายอีกเป็นร้อยเท่า    “แม่หญิงดาวเรืองจักทำเยี่ยงไรต่อไปรึเจ้าค่ะ”

    “อีสา เอ็งไปส่งข่าวแก่คุณท้าวเฟื่องว่าแม่หญิงวิลันดาหายตัวไป ให้ส่งคนมาช่วยตามหา”

    “เจ้าค่ะ”

    “หากคุณท้าวถามอันใด เอ็งก็บอกว่ามิรู้อย่างเดียวเข้าใจรึไม่”        

            “เจ้าค่ะ”                                                  
  ++++++++++++++++++
    ที่เรือนพระยามิตรไมตรี วันนี้ท่านเจ้าพระยาเดินทางไปราชการที่ต่างจังหวัด คุณท้าวเฟื่องร้อนใจ ที่ยังมิเห็นแม่หญิงกลับเรือนมา แต่มิกล้าส่งคนไปตาม เพราะเห็นว่าไปด้วยกันกับจมื่นราชภักดี คงมิปล่อยให้นางเป็นอันตราย เพียงแต่กลัวจะเกิดเหตุร้ายด้วยเท่านั้น ยิ่งอยู่ด้วยกันนานวัน คุณท้าวเฟื่องยิ่งเอ็นดูรักใคร่แม่หญิงวิลันดาเสมือนลูกของตน นางจึงเดินไปเดินมา จนบ่าวไพร่ก็พากันร้อนใจตามไปด้วย

    “คุณท้าวเจ้าคะ แม่หญิงยังมิกลับเรือนเลยหนาเจ้าค่ะ เพลานี้ก็จะย่ำค่ำแล้ว”

    “ข้าก็ร้อนใจอยู่นี่มะลิ เอ็งให้ใครไปดูที่ตลาดท่าจันทร์ซิ ไปกันถึงไหนจักค่ำแล้วยังมิกลับเรือน” แต่สายตาของนางขมิ้นกลับมีแววตาเย้ยหยันสะใจ

    “คุณท้าวเจ้าคะ”

    “มีอันใดรึนังผิน” นางผินขึ้นเรือนมาอย่างเร่งรีบ

    “บ่าวของแม่หญิงดาวเรือง มาส่งข่าวว่าแม่หญิงวิลันดาหายตัวไปเจ้าค่ะ”

    “เอ็งว่าเยี่ยงไรนะ แม่หญิงจักหายตัวไปได้เยี่ยงไร พ่อเพ็งก็ไปด้วยกันทั้งคน”

    “ท่านจมื่นราชภักดี ก็หายตัวไปด้วยเจ้าค่ะ”

    “เยี่ยงนั้นมะลิเอ็งไปกับข้า ผินเอ็งไปบอกพวกบ่าวผู้ชายให้ตามข้าไปตลาดท่าจันทร์สักสี่ห้าคน”

    “เจ้าค่ะ” นางผินรีบไปตามบ่าวผู้ชายให้วุ่นไปหมดทั้งเรือน แม้แต่บ่าวไพร่ เมื่อรู้ว่าแม่หญิงหายตัวไปก็รู้สึกเป็นห่วงกันทุกคน ภาวนาเอาใจช่วยขออย่าให้แม่หญิงมีอันตราย

    คุณท้าวแลบ่าวไพร่ต่างค้นหาตัวแม่หญิงแลพ่อเพ็งกันจนทั่วตลาด แต่ก็หามิพบ จนกระทั่งเดินมาพบกับแม่ดาวเรืองพร้อมบ่าวของเรือนพระยาสิงหเดโชอีกหลายคน ที่แม่หญิงดาวเรืองสั่งให้นางสาไปตามมา ก่อนไปยังเรือนคุณท้าวเฟื่อง

    “แม่ดาวเรือง เจ้าเจอพ่อเพ็งกับแม่หญิงรึยัง” คุณท้าวถามอย่างร้อนใจ

    ส่วนแม่หญิงดาวเรือง นางนึกหมั่นไส้อาการห่วงใยของว่าที่แม่ผัวที่มีต่อแม่หญิงอย่างออกนอกหน้า นี่หากข้าหายตัวไปบ้างจักเป็นห่วงเยี่ยงนี้รึไม่ หล่อนคิดอยู่ในใจแต่มิได้พูดออกไป อาการที่แสดงออกมาคือเป็นห่วงเป็นใยทั้งสองเหลือเกิน    “ป้ามิเข้าใจเลยแม่หญิงดาวเรือง พวกเจ้ามาเที่ยวแค่ตลาดเล็ก ๆ พลัดหลงกันเยี่ยงไรได้ แล้วถ้าพลัดกัน ไยพ่อเพ็งถึงไม่พาแม่หญิงกลับมาส่งที่เรือน”
    แม่หญิงดาวเรืองแกล้งทำทีมิรู้เรื่องนี้ด้วย

    “ระหว่างที่ชมตลาด พี่เพ็งกับแม่หญิงก็ขอปลีกตัวไปเดินอีกทาง ดาวเรืองเห็นใจที่ทั้งพี่เพ็งและพี่หญิง รักใคร่ชอบพอกัน คงอยากจักมีเวลาใกล้ชิดกันบ้าง ต่อจากนั้นจนใกล้ค่ำ ก็มิเห็นพวกเขากลับออกมาจากตลาดอีกเจ้าค่ะ”

    ในใจคุณท้าวเฟื่องนึกโทษตัวเอง ที่มิน่าปล่อยให้แม่หญิงวิลันดาออกมากับพ่อเพ็งเลย ทั้งที่รู้ดีว่า พอเพ็งนั้นชอบพอแม่หญิงอยู่ อาจคิดเกินเลยกับนางได้ แต่ด้วยท่าทีของพ่อเพ็ง มิได้เป็นคนสันดานชั่วเยี่ยงนั้น นี่ถ้าพ่อขุนไกรลูกรักของนางรู้เข้าคงจักเป็นเดือดเป็นร้อนหนักหนา

    “แย่แล้วเจ้าค่ะ แม่หญิงเจ้าขา” นางสาวิ่งกระหืดกระหอบมา เหมือนไปเจอเรื่องอันใดมา แล้วเข้าไปกระซิบกระซาบกับแม่หญิงดาวเรืองทันที

    “ต๊าย! อีสาเอ็งพูดจริงรึว่ะ บัดสีบัดเถลิง พี่ข้ากับแม่หญิงมิทำเรื่องเยี่ยงนั้นได้ดอก” แม่หญิงดาวเรืองแกล้งตีโพยตีพายต่อว่าบ่าวรับใช้เป็นการใหญ่

     “มีอันใดรึแม่ดาวเรือง” คุณท้าวเฟื่องเกิดสงสัย ถามอย่างร้อนใจ

    “ดาวเรืองมิกล้าพูดเจ้าค่ะ” นางอิดเอื้อนแกล้งไม่กล้าพูดสิ่งที่รับรู้มา

    “พูดมาเถิดมีอันใด” คุณท้าวเฟื่องยิ่งอยากจะรู้มากขึ้นเป็นทวีคูณ

    “อีสา มันบอกกับหลานว่า พบพี่เพ็งและแม่หญิงที่ท้ายตลาดแล้วเจ้าค่ะ”

    คุณท้าวไม่เห็นว่าเรื่องนี้ จะเป็นเรื่องไม่ดีอย่างไร เพราะกำลังตามหาคนทั้งคู่อยู่แล้ว ทำไมแม่หญิงดาวเรืองถึงดูมีลับลมคมในทำท่าทีมีพิรุธ         

“จริงรึ เยี่ยงนั้น จงเร่งพาเราไปดูซิว่า เกิดเรื่องอันใดขึ้นพ่อเพ็งจึงมิพาแม่หญิงกลับสู่เรือนเรา”
                            
    ++++++++++++++++++
    ขุนไกรเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำสารมาส่งข่าวความเป็นไปของกองทัพพม่าที่กำลังเคลื่อนทัพจะเข้าล้อมค่ายบางกุ้งแก่พระเจ้ากรุงธน และได้ขอให้เร่งจัดทหารและทัพหลวงลงไปช่วยเ เขาทำธุระสำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดีและเตรียมตัวจะกลับไปช่วยพี่น้องที่ค่ายสู้รบฟาดฟันกับทหารพม่า แต่เมื่อต้องเดินทางผ่านเรือนตนเอง ทั้งที่ใจคิดถึงแม่หญิงมากสักขนาดไหน แต่เขาไม่คิดจะแวะ แล้วลางสังหรณ์บางอย่าง กลับทำให้เขาตัดสินใจที่จะแวะเข้าไปที่เรือน

    เมื่อมาถึงเรือนให้รู้สึกแปลกใจนัก เรือนทั้งเรือนดูเงียบเชียบมีบ่าวไพร่ไม่กี่คน อีกทั้งยอดดวงใจของเขาก็ยังมิเห็นหน้าหล่อนเลย ท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาเองก็มิอยู่เรือน จะเรียกใช้นังมะลิ หรือนังผินก็มิได้เห็นหัวสักคนหนึ่ง

    “ใครอยู่ข้างล่างขึ้นมาบนเรือนบัดเดี๋ยวนี้” ขุนไกรร้องเรียกบ่าวไพร่กึกก้องไปทั่วเรือน

    “ขอรับ ท่านขุน” บ่าวผู้ชายคนหนึ่งปกติมีหน้าที่ดูแลสวนรีบขึ้นมาบนเรือน

    “ไอ้สน วันนี้เอ็งขึ้นเรือนมาได้เยี่ยงไร” ขุนไกรเริ่มรู้สึกว่าเหมือนจะมีเรื่องขึ้นที่เรือนแล้ว อีกทั้งตาขวาเขาก็กระตุกถี่ยิ่งทำให้ร้อนใจนัก

    “คุณท้าว พาบ่าวไพร่ไปตามหาแม่หญิงกันหมดขอรับ เหลือกระผมกับไอ้มีเฝ้าเรือนขอรับ”

    “เอ็งว่าเยี่ยงไร แม่หญิงหายไปรึ ” ขุนไกรถามด้วยน้ำเสียงเครียดจัด

    “นางหายไปได้เยี่ยงไร คนทั้งเรือนมิมีใครดูแลแม่หญิงกันบ้างรึ”

    “แม่หญิงออกไปชมตลาดกับท่านจมื่นราชภักดี และแม่หญิงดาวเรือง จนเพลาค่ำ นางยังมิกลับเรือน คุณท้าวจึงเกณฑ์บ่าวไพร่ออกตามหาขอรับ”

    “ออกไปกับจมื่นราชภักดีรึ ใครอนุญาติแม่หญิงออกไป”

    “คุณท้าวเฟื่องขอรับ”

    “ไปตามกันที่ไหน เอ็งรีบบอกข้ามาบัดเดี๋ยวนี้”

    “ตลาดท่าจันทร์ขอรับ”

    ขุนไกรร้อนใจเร่งตามไปที่ตลาดท่าจันทร์ พลางคิดเป็นห่วงแม่หญิงเหลือเกินหายไปกับใคร เขายังพอทนแต่นี่หล่อนกับหายไปด้วยจมื่นราชภักดี

    “หากเจ้าแตะต้องแม่หญิงสักปลายก้อย เห็นทีชาตินี้พี่เพ็ง ท่านคงจักต้องอายุสั้นเสียแล้ว”

    ขุนไกรคว้าดาบคู่กายหน้านิ่วคิ้วขมวดลงเรือนแล้วกระโดดขึ้นหลังม้าทันที เร่งฝีเท้าของม้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขายังคิดถึงไอ้เจ้าวัตถุประหลาดในยุคแม่หญิงที่หล่อนเรียกมันว่ารถยนต์ ถ้ามีในยุคของเขาบ้างคงดี จักทำให้เขาไปถึงได้เร็วกว่านี้

                                       ++++++++++++++++++
    เมื่อนางสาทำทีเป็นนำทางคุณท้าวและแม่หญิงดาวเรืองและบ่าวไพร่ที่ตามนายมาเป็นพรวนจนถึงเพิงพักของยายแดง มันจึงทำทีหยุดอยู่ตรงนั้น

    “อีสา แม่หญิงอยู่ที่ใด กูมิเห็น” แม่ดาวเรืองทำทีเป็นร้อนใจเร่งถามบ่าว

    “อยู่ในเพิงนี้เจ้าค่ะ”

    “เอ็งว่าเยี่ยงไร แม่หญิงกับพ่อเพ็งอยู่ในนั้นรึ”                 
คุณท้าวเฟื่องมิพูดอันใดต่อ นางรู้สึกถึงลางมิดีจะเกิดขึ้น จึงหันไปสั่งให้บ่าวไพร่ที่ตามมารออยู่ข้างนอก แต่เรียกนังมะลิให้ติดตามไปเพียงคนเดียว
    พ่อเพ็งเริ่มรู้สึกตัว เขารู้สึกปวดหัว แต่พยายามยันกายขึ้นมานั่ง เขาแทบจะตาสว่างในทันที เมื่อเห็นร่างบางของหญิงที่เขาหลงรัก นอนอยู่เคียงข้าง มีเพียงผ้าแพรปกคลุมร่างงามนั้นไว้ เมื่อหันมามองที่ตัวเขาเองไร้ซึ่งอาภรณ์ใด ๆ ในส่วนบนของร่างกาย เหลียวซ้ายแลขวากลับเป็นเพิงที่ทำด้วยใบจาก มีคบไต้ที่ให้แสงสว่าง เขารู้ทันทีว่าแม่ดาวเรืองก่อเรื่องใหญ่เข้าให้แล้ว

    “แม่หญิง” พ่อเพ็งเรียกนางให้รู้สึกตัวแต่มิกล้าแตะต้องตัวนาง

    คุณท้าว ผลักประตูเข้ามา โดยมีแม่หญิงดาวเรืองตามมาติด ๆ หากใครได้เห็นภาพตรงหน้า คงไม่สามารถจะคิดอย่างอื่นอย่างใดไปได้
    คุณพระช่วย!

    “พ่อเพ็งเจ้าทำอันใดแม่หญิง ” คุณท้าวเสียงเครียดด้วยความโกรธจัดเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

    คุณท้าวเฟื่องวิ่งเข้าไปประคองร่างบาง เหมือนหล่อนยังมิได้สติ มะลิสงสารแม่หญิงจับใจ รีบนำผ้ามาคลุมร่างนางอย่างมิดชิดและช่วยจัดการห่มสไบให้เรียบร้อยเข้าที่เข้าทาง

    “กระผม” จมื่นราชภักดี กำลังจะบอกคุณท้าวเฟื่องว่าตนเองกับแม่หญิงถูกวางยาและจัดฉากขึ้นมา เขามิได้ล่วงเกินแม่หญิงแต่อย่างใด แต่ถ้าเขาปฏิเสธแม่หญิงจักยิ่งเสียหาย เพราะนอกจากคุณท้าวเป็นผู้มาพบเห็นด้วยตนเองแล้ว ก็ยังมีบ่าวไพร่ที่ติดสอยห้อยตามมาอีก ดูเหมือนว่าจะรออยู่ข้างนอกอีกมาก คงมิมีใครยอมเชื่อเป็นแน่

    “แม่หญิงคงเพลียมากหนาเจ้าคะ พี่เพ็งไยใจร้อนเยี่ยงนี้เจ้าค่ะ”         

คุณท้าวมิได้สนใจฟังคำถากถางเพ้อเจ้อและใส่ร้ายพี่ชายแท้ ๆ ของแม่หญิงดาวเรืองมากนัก ในใจนึกโทษตัวเองอย่างรุนแรง ที่ต้องการให้แม่หญิงได้ออกมาเที่ยวเล่นบ้าง จึงทำให้พ่อเพ็งที่คิดว่าเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกแลดูไว้ใจได้ ถึงได้กระทำย่ำยีทำลายนางเยี่ยงนี้

    “กระผม จักรับผิดชอบแม่หญิงทุกอย่าง จักเร่งท่านพ่อให้มาสู่ขอ ขอรับ”    
“เราผิดหวังในตัวเจ้ามากพ่อเพ็ง”        

    ทันใดนั้น สิ่งที่ทุกคนไม่คาดก็เกิดขึ้น ขุนไกรเข้ามายังเพิง เมื่อเขาเห็นสภาพจมื่นราชภักดีมิได้สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ใด ๆ ปิดกายท่อนบนไว้ แลเห็นแม่หญิงสลบอยู่ มิได้สติ หัวใจเขาปวดร้าวแทบแตกสลาย ดาบถูกถอดออกจากฟักไล่ฟาดฟันจมื่นราชภักดี ซึ่งโชคยังดีที่จมื่นรูปงามหลบได้ทัน

    “เจ้าฟังพี่ก่อนขุนไกร” จมื่นราชภักดีร้องห้ามขุนไกร

    แม่หญิงดาวเรือง รู้สึกห่วงใยพี่ชายที่ดูเหมือนจะเพลี่ยงพล้ำให้แก่ขุนไกร แต่จะให้นางทำเยี่ยงไรได้ ในเมื่อมีแต่วิธีนี้เท่านั้น ถึงจะทำให้ขุนไกรเลิกสนใจแม่หญิงวิลันดาได้ แต่นางหารู้ไม่ว่า ครั้งนี้นางคิดผิดไป

    “ข้ามิฟัง ต่อไปนี้ เจ้ากับข้ามิต้องเผาผีกัน ไอ้คนทำได้แม้กระทั่งสตรีมิมีทางสู้” ปลายดาบของขุนไกรจ่ออยู่ที่คอของพ่อเพ็ง ซึ่งพ่อเพ็งเองก็มิได้ร้องขอชีวิตเช่นกัน

    “พ่อขุน หยุดเถอะ แค่นี้แม่หญิงก็อายพอแล้ว เจ้าจักให้นางอับอายไปถึงไหนเล่า”
    บัดนี้ ขุนไกรเริ่มตั้งสติได้ เขาทิ้งดาบลง ใบหน้าของเขาดูเย็นชา จนมิอาจจะคาดเดาได้ว่าคิดเยี่ยงไรอยู่  เขาเดินไปช้อนร่างแม่หญิงที่มิได้สติขึ้นมาแนบอกแล้วเดินออกจากเพิง จากนั้นควบม้าจนสุดฝีเท้า บ่าวไพร่ต่างมองกันไปมา มิมีใครกล้าเอ่ยคำใด ๆ ออกมา
                    ++++++++++++++++++
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่