ตอนที่ 16
เมื่อแม่หญิงดาวเรืองล้มมาทับขุนไกร แม้หล่อนจะเป็นหญิงร่างบางก็ตาม แต่เมื่อขุนไกรยังมิได้ตั้งหลัก คนทั้งคู่จึงล้มลงสู่พื้นไปด้วยกันในท่ากอดกันกลม เนื้อแนบเนื้อ จนแม่หญิงชบาถึงกับถอดสีหน้าด้วยความไม่พอใจ แต่แค่แวบเดียวเท่านั้น นางก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติดังเดิม
“เป็นเยี่ยงไรบ้าง แม่ดาวเรือง” ขุนไกรดันร่างแม่ดาวเรืองออกจากอกอย่างเบามือและรีบถอยห่างออก นึกสงสารนางอยู่ไม่น้อย ดูเหมือนนางจะเจ็บข้อเท้ามากเสียด้วย
“น้องเจ็บข้อเท้าเจ้าค่ะพี่ขุน” คราวนี้แม่ดาวเรืองเองมิได้มารยาแต่หล่อนเจ็บจริงๆ ส่วนแม่ชบาแอบยิ้มหยันอย่างสะใจ
“แม่ดาวเรืองน้องพี่” จมื่นราชภักดีและแม่หญิงวิลันดาต่างก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยกันพยุงแม่หญิงดาวเรืองเป็นการใหญ่
ในใจแม่หญิงดาวเรืองอยากจะบอกทุกคนว่า อย่ามาแตะตัวหล่อน หล่อนจะให้พี่ขุนอุ้มขึ้นเรือนแต่เพียงผู้เดียว แต่ด้วยความที่นางเป็นผู้หญิงจึงไม่สามารถจะพูดออกมาได้
“แม่หญิงดาวเรืองคงจักเจ็บมากหนาเจ้าค่ะ ถ้าอย่างไรพานางขึ้นเรือนเถิด” วิลันดาแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจกับภาพบาดตาบาดใจเมื่อสักครู่ แต่หล่อนเองเป็นคนที่แยกแยะได้ ดังนั้นจึงรู้สึกสงสารแม่ดาวเรืองอยู่มากที่ต้องมาเจ็บตัว
“พี่ขุนช่วยอุ้มน้องขึ้นเรือนด้วยเถิด น้องคงจักเดินต่อไปมิไหวเจ้าค่ะ” แม่ดาวเรืองอ้อนให้คู่หมั้นอุ้มหล่อนขึ้นเรือน แม่หญิงชบารู้สึกอยากจะเข้าไปลากนางออกมาจากอ้อมกอดของขุนไกร แต่ก็รู้สึกแปลกใจ เมื่อนางเห็นสายตาของขุนไกรมองแม่หญิงวิลันดาอย่างประหลาด
ขุนไกรชั่งใจอยู่นาน เพราะวิลันดายืนอยู่ตรงนี้ เขาไม่อาจจะอุ้มแม่ดาวเรืองต่อหน้าต่อตานางได้ พี่ชายนางก็อยู่ด้วย คงจะช่วยอุ้มกันได้ แม้รู้สึกว่าตัวเองใจดำในฐานะคู่หมั้น แต่ขุนไกรเป็นคนที่เมื่อรักหญิงใดแล้วจักรักมั่น รักมากจะไม่ทำให้คนรักต้องน้อยใจคิดมากเป็นอันขาด ยกเว้นเมื่อเขาน้อยใจเองและอยากจะประชดนางคืนบ้างเหมือนเมื่อสักครู่ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า
“พี่เพ็งช่วยอุ้มแม่หญิงดาวเรืองขึ้นเรือนข้าที่เถิด ข้าจักรีบไปสั่งบ่าวไพร่ให้เตรียมสมุนไพรมาประคบข้อเท้าให้กับแม่ดาวเรือง” พูดจบขุนไกรก็หันหลังเดินไปทางโรงครัวเพื่อสั่งบ่าวไพร่เตรียมสมุนไพร
แม่หญิงชบาลอบสังเกตว่า ขุนไกรดูเหมือนจะไม่สนใจคู่หมั้นของตัวเองมากนัก แต่คนที่เขาให้ความสนใจ แต่ไม่แสดงออกกลับเป็นแม่หญิงวิลันดาที่เขาอ้างว่าเป็นน้องมาแต่หัวเมืองพิษณุโลกมากกว่า
ขุนศรีเองก็มองเพื่อนรักด้วยความแปลกใจ ยังนึกสงสารแม่ดาวเรืองอยู่ไม่น้อย ถ้าเป็นไปได้เขาจะเป็นคนไปอุ้มนางเสียเอง เพียงแต่เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดและทำเช่นนั้นได้
“เกลอข้า ไยพิลึกนัก” ขุนศรีบ่นเบา ๆ มองตามขุนไกรอย่างไม่เข้าใจ
แม่หญิงชบาลอบมองแววตาที่พี่ชายมองคู่หมั้นของเพื่อนรักอย่างมีความหมายบางอย่างแอบซ่อนอยู่ แม่หญิงชบาเป็นหญิงสาวที่ฉลาดมาตั้งแต่ยังวัยเยาว์ มักจะมองอะไรทะลุปรุโปร่งเกินเด็กสาวทั่วไป นางจึงมั่นใจว่าขุนไกรมีใจให้แก่แม่หญิงวิลันดา ส่วนพี่ชายของนางกลับไปแอบหลงรักคู่หมั้นของเพื่อน ส่วนพี่ชายของแม่หญิงดาวเรืองก็กำลังตกหลุมรักแม่หญิงวิลันดา นางส่ายศีรษะน้อย ๆ ทำไมเรื่องราวของความรักถึงได้สลับซับซ้อนเช่นนี้แล้วตัวนางเองล่ะ
แม่ดาวเรืองรู้สึกน้อยใจนักที่คู่หมั้นของหล่อน ทำราวกับหล่อนเป็นคนอื่นคนไกล ไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ได้แต่เก็บอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้
“เจ็บมากรึเจ้าค่ะพี่ดาวเรืองเจ้าขา” คำพูดหวานหูแต่สายตาเย้ยหยันยิ่งทำให้แม่หญิงดาวเรือง รู้สึกหมั่นไส้น้องสาวของขุนศรียิ่งนัก
“เรื่องของข้าเจ้าอย่ามาแส่” ใบหน้างามเชิดขึ้นดุจนางพญาที่หยิ่งผยอง นางพูดไม่ไว้หน้า เพราะเห็นว่าขุนไกรไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ นางไม่จำเป็นจะต้องสนใจใครทั้งสิ้น
พ่อเพ็งรู้สึกสงสารน้องสาวและนึกแปลกใจเช่นกัน เมื่อวานนี้ตอนแม่หญิงวิลันดาเป็นลม ขุนไกรกลับไม่ยอมให้เขาอุ้มนางขึ้นเรือน แต่ในเมื่อแม่ดาวเรืองซึ่งเป็นคู่หมั้นของเขา หกล้มเท้าแพลงจนเดินไม่ไหว ทำไมเขาจึงไม่ยอมอุ้มนาง นี่เขาหวงน้องสาวยิ่งกว่าคู่หมั้นเสียอีกรึ พ่อเพ็งคิดว่าตนควรจะสืบเรื่องแม่หญิงวิลันดาเสียหน่อย เขาไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ถ้าแม่หญิงวิลันดาไม่ใช่ญาติของขุนไกร นางเป็นใคร แล้วเขาจะหักใจจากนางได้รึ ถ้าเป็นแบบที่เขากำลังคิดอยู่
“พี่จักอุ้มเจ้าเอง หากให้ขุนไกรอุ้ม เจ้าจะเสื่อมเสียเอาได้ เพราะยังมิได้เข้าพิธีแต่งงานกัน” พ่อเพ็งรู้สึกสงสารน้องสาว จึงปลอบโยนนางเบา ๆ กลัวว่านางจะน้อยอกน้อยใจ
แม่หญิงดาวเรืองจึงคลายเศร้าลงบ้าง แต่ให้นึกสงสัยในความสัมพันธ์ของแม่หญิงวิลันดาและขุนไกรเช่นกัน เพราะหล่อนรู้สึกว่าพี่ขุนของหล่อน ดูจะห่วงแม่น้องสาวคนนี้นัก การที่ชวนลงมาที่สวนก็ดูเหมือนว่า จะตามมาเป็นก้างของพี่ชายหล่อนเสียมากกว่า นี่ถ้าแม่หญิงวิลันดาไม่ใช่น้องขุนไกร นางจักต้องโดนดีอย่างแน่นอน
++++++++++++++++++
บนเรือน ท่านเจ้าพระมิตรไมตรีเพิ่งจะกลับมายังเรือน เห็นพ่อเพ็งอุ้มแม่ดาวเรืองขึ้นเรือนมา พร้อมทั้งแม่หญิงวิลันดาและขุนศรีกับน้องสาว ส่วนขุนไกรและบ่าวไพร่ที่เตรียมลูกประคบกับสมุนไพรตามมาทีหลัง
“แม่หญิงเป็นเยี่ยงไรไปรึ” ท่านเจ้าพระยาลุกขึ้นจากตั่งและตรงเข้ามาหยุดดูด้วยความเป็นห่วงในตัวว่าที่ลูกสะใภ้ เพราะหากนางเป็นอะไร กลัวว่าเพื่อนรักจะว่าท่านได้
“นางล้มในสวนขอรับ มิได้เป็นอันใดมาก” พ่อเพ็งตอบ
“พวกเอ็งยืนเฉยอยู่ได้ จงเร่งเข้ามาประคบให้แม่หญิงดาวเรืองบัดเดี๋ยวนี้” พระยามิตรไมตรีกลัวเกลอรักอย่างพระยาสิงหเดโชพ่อของนางที่หวงและห่วงลูกสาวจะขัดเคือง
บ่าวไพร่ช่วยกันประคบร้อน ประคบเย็น อีกทั้งสมุนไพรที่ช่วยลดอาการบวมถูกนำมาทาให้แม่หญิงดาวเรืองจนนางเริ่มดีขึ้น
“พวกเอ็งเบามือหน่อยซิ ข้าเจ็บนัก ประเดี๋ยวจักสั่งลงหวายเสียให้เข็ด” เสียงของหล่อนเอ็ดบ่าวไพร่จนอึงมี่
บ่าวไพร่ตัวสั่น ทั้งยังคิดว่าแม่หญิงดาวเรืองผู้นี้ ขนาดยังมิได้แต่งงานกับท่านขุนไกรยังดุบ่าวไพร่เสียลนลาน ถ้านางมาเป็นนายของเรือนนี้ มีหวังพวกตนคงจะต้องโดนสั่งลงหวายกันเป็นว่าเล่นเป็นแน่
“บ่าวขอโทษเจ้าค่ะ” นางขมิ้น รีบยกมือออกจากข้อเท้านาง พลางนึกเคียดแค้นอยู่ในใจ
“อีขมิ้นมิพอใจที่กูว่ารึ” ด้วยความเจ็บที่ข้อเท้าทำให้นางหาเรื่องเอากับบ่าวไพร่
“บ่าวมิบังอาจดอกเจ้าค่ะ” ขมิ้นหลุบตาลงแต่ในใจรอวันจะหาโอกาสเอาคืนให้สาสม
“เจ็บมากรึแม่หญิง ทนเอาหน่อยเดี๋ยวจักดีขึ้นเอง” ท่านเจ้าพระยามิตรไมตรี แม้จะคิดเหมือนกันว่า เหตุใด ว่าที่ลูกสะใภ้ถึงได้กล้าดุบ่าวไพร่เรือนตนเยี่ยงนี้ เขาคิดผิดรึไม่ที่ไปขอหมั้นหล่อนให้กับขุนไกร
แม่หญิงวิลันดาเห็นแม่ดาวเรืองเกรี้ยวกราด คงเป็นเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับนางจึงคิดเตือนสติ
“เจ้าต้องทนสักหน่อย หากมิประคบอาการบวมก็จักมิหาย”
แต่แม่ดาวเรืองด้วยความเจ็บปวดที่ข้อเท้าอยู่แล้ว ได้ยินเสียงวิลันดาพูดปลอบโยนแทนที่จะรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจ หล่อนกลับลืมตัว ตวาดใส่วิลันดาซึ่งตนไม่ชอบหน้าอยู่แล้ว
“ข้ามิได้ถามเจ้าจัก มาสอดด้วยเรื่องอันใดรึ” ใบหน้าสวยเชิด ริมฝีปากด้านซ้ายของนางเหยียดออกจนน่าหมั่นไส้
วิลันดารู้สึกหน้าชา จึงไม่พูดอะไรต่อ ส่วนพ่อเพ็งรู้สึกอับอายนักที่น้องสาวทำตนเยี่ยงนี้ ไม่มีความเป็นลูกผู้ดี ทั้งที่หน้าตางดงามแต่กริยามารยาทกลับหาความเป็นผู้ดีไม่มี
หลังจากอาการเจ็บข้อเท้าของแม่หญิงดาวเรืองทุเลาลง ท่านเจ้าพระยาจึงให้ขุนไกรไปส่งแม่หญิงดาวเรือง โดยให้นางนั่งคานหามซึ่งมีลักษณะคล้ายเสลี่ยงแต่ไม่ได้งดงามเท่า แต่ขุนไกรอ้างว่า เขามีธุระรับปากจะไปส่งแม่หญิงชบาไว้แล้วจึงไม่อาจจะไปได้ จึงต้องให้นางกลับเรือนไปพร้อมพ่อเพ็ง วันหลังเขาสัญญาว่าจะไปหานางที่เรือน แม่หญิงดาวเรืองแสดงอาการไม่พอใจออกมาทางสีหน้า แต่เขาแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจ
“เห็นคนอื่นดีกว่าคู่หมั้นน้องล่ะน้อยใจพี่ขุนนัก” แม่หญิงดาวเรืองตัดพ้อขุนไกร และรู้สึกเสียหน้าที่เขาเลือกจะไปส่งแม่ชบามากกว่าหล่อน
“พี่มิได้คิดเยี่ยงนั้น เพียงเห็นว่า พี่เพ็งจักให้ความคุ้มครองเจ้าได้จนถึงเรือน แลเป็นเพราะพี่รับปากแม่ชบาไว้ก่อนหน้าเจ้ามาเสียอีก ขอเจ้าจงเข้าใจในตัวพี่”
แม่หญิงดาวเรืองมองจ้องแม่หญิงชบาอย่างตัดพ้อต่อว่า แต่สาวน้อยอย่างแม่หญิงชบาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสียอย่างนั้น
วิลันดานึกขำความเสน่ห์แรงของขุนไกร เธอมองออกว่าหญิงสาวทั้งสองนั้น กำลังยื้อแย่งแข่งชิงดวงใจของขุนไกร แต่จะมีใครรู้บ้างว่า ถึงหญิงอื่นจะแก่งแย่งชิงหัวใจเขา แต่คนที่ได้ไปแล้วอย่างไม่รู้ตัวคือวิลันดา
++++++++++++++++++
บุพเพข้ามภพ (ตอนที่ 16)
ตอนที่ 16
เมื่อแม่หญิงดาวเรืองล้มมาทับขุนไกร แม้หล่อนจะเป็นหญิงร่างบางก็ตาม แต่เมื่อขุนไกรยังมิได้ตั้งหลัก คนทั้งคู่จึงล้มลงสู่พื้นไปด้วยกันในท่ากอดกันกลม เนื้อแนบเนื้อ จนแม่หญิงชบาถึงกับถอดสีหน้าด้วยความไม่พอใจ แต่แค่แวบเดียวเท่านั้น นางก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติดังเดิม
“เป็นเยี่ยงไรบ้าง แม่ดาวเรือง” ขุนไกรดันร่างแม่ดาวเรืองออกจากอกอย่างเบามือและรีบถอยห่างออก นึกสงสารนางอยู่ไม่น้อย ดูเหมือนนางจะเจ็บข้อเท้ามากเสียด้วย
“น้องเจ็บข้อเท้าเจ้าค่ะพี่ขุน” คราวนี้แม่ดาวเรืองเองมิได้มารยาแต่หล่อนเจ็บจริงๆ ส่วนแม่ชบาแอบยิ้มหยันอย่างสะใจ
“แม่ดาวเรืองน้องพี่” จมื่นราชภักดีและแม่หญิงวิลันดาต่างก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยกันพยุงแม่หญิงดาวเรืองเป็นการใหญ่
ในใจแม่หญิงดาวเรืองอยากจะบอกทุกคนว่า อย่ามาแตะตัวหล่อน หล่อนจะให้พี่ขุนอุ้มขึ้นเรือนแต่เพียงผู้เดียว แต่ด้วยความที่นางเป็นผู้หญิงจึงไม่สามารถจะพูดออกมาได้
“แม่หญิงดาวเรืองคงจักเจ็บมากหนาเจ้าค่ะ ถ้าอย่างไรพานางขึ้นเรือนเถิด” วิลันดาแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจกับภาพบาดตาบาดใจเมื่อสักครู่ แต่หล่อนเองเป็นคนที่แยกแยะได้ ดังนั้นจึงรู้สึกสงสารแม่ดาวเรืองอยู่มากที่ต้องมาเจ็บตัว
“พี่ขุนช่วยอุ้มน้องขึ้นเรือนด้วยเถิด น้องคงจักเดินต่อไปมิไหวเจ้าค่ะ” แม่ดาวเรืองอ้อนให้คู่หมั้นอุ้มหล่อนขึ้นเรือน แม่หญิงชบารู้สึกอยากจะเข้าไปลากนางออกมาจากอ้อมกอดของขุนไกร แต่ก็รู้สึกแปลกใจ เมื่อนางเห็นสายตาของขุนไกรมองแม่หญิงวิลันดาอย่างประหลาด
ขุนไกรชั่งใจอยู่นาน เพราะวิลันดายืนอยู่ตรงนี้ เขาไม่อาจจะอุ้มแม่ดาวเรืองต่อหน้าต่อตานางได้ พี่ชายนางก็อยู่ด้วย คงจะช่วยอุ้มกันได้ แม้รู้สึกว่าตัวเองใจดำในฐานะคู่หมั้น แต่ขุนไกรเป็นคนที่เมื่อรักหญิงใดแล้วจักรักมั่น รักมากจะไม่ทำให้คนรักต้องน้อยใจคิดมากเป็นอันขาด ยกเว้นเมื่อเขาน้อยใจเองและอยากจะประชดนางคืนบ้างเหมือนเมื่อสักครู่ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า
“พี่เพ็งช่วยอุ้มแม่หญิงดาวเรืองขึ้นเรือนข้าที่เถิด ข้าจักรีบไปสั่งบ่าวไพร่ให้เตรียมสมุนไพรมาประคบข้อเท้าให้กับแม่ดาวเรือง” พูดจบขุนไกรก็หันหลังเดินไปทางโรงครัวเพื่อสั่งบ่าวไพร่เตรียมสมุนไพร
แม่หญิงชบาลอบสังเกตว่า ขุนไกรดูเหมือนจะไม่สนใจคู่หมั้นของตัวเองมากนัก แต่คนที่เขาให้ความสนใจ แต่ไม่แสดงออกกลับเป็นแม่หญิงวิลันดาที่เขาอ้างว่าเป็นน้องมาแต่หัวเมืองพิษณุโลกมากกว่า
ขุนศรีเองก็มองเพื่อนรักด้วยความแปลกใจ ยังนึกสงสารแม่ดาวเรืองอยู่ไม่น้อย ถ้าเป็นไปได้เขาจะเป็นคนไปอุ้มนางเสียเอง เพียงแต่เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดและทำเช่นนั้นได้
“เกลอข้า ไยพิลึกนัก” ขุนศรีบ่นเบา ๆ มองตามขุนไกรอย่างไม่เข้าใจ
แม่หญิงชบาลอบมองแววตาที่พี่ชายมองคู่หมั้นของเพื่อนรักอย่างมีความหมายบางอย่างแอบซ่อนอยู่ แม่หญิงชบาเป็นหญิงสาวที่ฉลาดมาตั้งแต่ยังวัยเยาว์ มักจะมองอะไรทะลุปรุโปร่งเกินเด็กสาวทั่วไป นางจึงมั่นใจว่าขุนไกรมีใจให้แก่แม่หญิงวิลันดา ส่วนพี่ชายของนางกลับไปแอบหลงรักคู่หมั้นของเพื่อน ส่วนพี่ชายของแม่หญิงดาวเรืองก็กำลังตกหลุมรักแม่หญิงวิลันดา นางส่ายศีรษะน้อย ๆ ทำไมเรื่องราวของความรักถึงได้สลับซับซ้อนเช่นนี้แล้วตัวนางเองล่ะ
แม่ดาวเรืองรู้สึกน้อยใจนักที่คู่หมั้นของหล่อน ทำราวกับหล่อนเป็นคนอื่นคนไกล ไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ได้แต่เก็บอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้
“เจ็บมากรึเจ้าค่ะพี่ดาวเรืองเจ้าขา” คำพูดหวานหูแต่สายตาเย้ยหยันยิ่งทำให้แม่หญิงดาวเรือง รู้สึกหมั่นไส้น้องสาวของขุนศรียิ่งนัก
“เรื่องของข้าเจ้าอย่ามาแส่” ใบหน้างามเชิดขึ้นดุจนางพญาที่หยิ่งผยอง นางพูดไม่ไว้หน้า เพราะเห็นว่าขุนไกรไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ นางไม่จำเป็นจะต้องสนใจใครทั้งสิ้น
พ่อเพ็งรู้สึกสงสารน้องสาวและนึกแปลกใจเช่นกัน เมื่อวานนี้ตอนแม่หญิงวิลันดาเป็นลม ขุนไกรกลับไม่ยอมให้เขาอุ้มนางขึ้นเรือน แต่ในเมื่อแม่ดาวเรืองซึ่งเป็นคู่หมั้นของเขา หกล้มเท้าแพลงจนเดินไม่ไหว ทำไมเขาจึงไม่ยอมอุ้มนาง นี่เขาหวงน้องสาวยิ่งกว่าคู่หมั้นเสียอีกรึ พ่อเพ็งคิดว่าตนควรจะสืบเรื่องแม่หญิงวิลันดาเสียหน่อย เขาไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ถ้าแม่หญิงวิลันดาไม่ใช่ญาติของขุนไกร นางเป็นใคร แล้วเขาจะหักใจจากนางได้รึ ถ้าเป็นแบบที่เขากำลังคิดอยู่
“พี่จักอุ้มเจ้าเอง หากให้ขุนไกรอุ้ม เจ้าจะเสื่อมเสียเอาได้ เพราะยังมิได้เข้าพิธีแต่งงานกัน” พ่อเพ็งรู้สึกสงสารน้องสาว จึงปลอบโยนนางเบา ๆ กลัวว่านางจะน้อยอกน้อยใจ
แม่หญิงดาวเรืองจึงคลายเศร้าลงบ้าง แต่ให้นึกสงสัยในความสัมพันธ์ของแม่หญิงวิลันดาและขุนไกรเช่นกัน เพราะหล่อนรู้สึกว่าพี่ขุนของหล่อน ดูจะห่วงแม่น้องสาวคนนี้นัก การที่ชวนลงมาที่สวนก็ดูเหมือนว่า จะตามมาเป็นก้างของพี่ชายหล่อนเสียมากกว่า นี่ถ้าแม่หญิงวิลันดาไม่ใช่น้องขุนไกร นางจักต้องโดนดีอย่างแน่นอน
++++++++++++++++++
บนเรือน ท่านเจ้าพระมิตรไมตรีเพิ่งจะกลับมายังเรือน เห็นพ่อเพ็งอุ้มแม่ดาวเรืองขึ้นเรือนมา พร้อมทั้งแม่หญิงวิลันดาและขุนศรีกับน้องสาว ส่วนขุนไกรและบ่าวไพร่ที่เตรียมลูกประคบกับสมุนไพรตามมาทีหลัง
“แม่หญิงเป็นเยี่ยงไรไปรึ” ท่านเจ้าพระยาลุกขึ้นจากตั่งและตรงเข้ามาหยุดดูด้วยความเป็นห่วงในตัวว่าที่ลูกสะใภ้ เพราะหากนางเป็นอะไร กลัวว่าเพื่อนรักจะว่าท่านได้
“นางล้มในสวนขอรับ มิได้เป็นอันใดมาก” พ่อเพ็งตอบ
“พวกเอ็งยืนเฉยอยู่ได้ จงเร่งเข้ามาประคบให้แม่หญิงดาวเรืองบัดเดี๋ยวนี้” พระยามิตรไมตรีกลัวเกลอรักอย่างพระยาสิงหเดโชพ่อของนางที่หวงและห่วงลูกสาวจะขัดเคือง
บ่าวไพร่ช่วยกันประคบร้อน ประคบเย็น อีกทั้งสมุนไพรที่ช่วยลดอาการบวมถูกนำมาทาให้แม่หญิงดาวเรืองจนนางเริ่มดีขึ้น
“พวกเอ็งเบามือหน่อยซิ ข้าเจ็บนัก ประเดี๋ยวจักสั่งลงหวายเสียให้เข็ด” เสียงของหล่อนเอ็ดบ่าวไพร่จนอึงมี่
บ่าวไพร่ตัวสั่น ทั้งยังคิดว่าแม่หญิงดาวเรืองผู้นี้ ขนาดยังมิได้แต่งงานกับท่านขุนไกรยังดุบ่าวไพร่เสียลนลาน ถ้านางมาเป็นนายของเรือนนี้ มีหวังพวกตนคงจะต้องโดนสั่งลงหวายกันเป็นว่าเล่นเป็นแน่
“บ่าวขอโทษเจ้าค่ะ” นางขมิ้น รีบยกมือออกจากข้อเท้านาง พลางนึกเคียดแค้นอยู่ในใจ
“อีขมิ้นมิพอใจที่กูว่ารึ” ด้วยความเจ็บที่ข้อเท้าทำให้นางหาเรื่องเอากับบ่าวไพร่
“บ่าวมิบังอาจดอกเจ้าค่ะ” ขมิ้นหลุบตาลงแต่ในใจรอวันจะหาโอกาสเอาคืนให้สาสม
“เจ็บมากรึแม่หญิง ทนเอาหน่อยเดี๋ยวจักดีขึ้นเอง” ท่านเจ้าพระยามิตรไมตรี แม้จะคิดเหมือนกันว่า เหตุใด ว่าที่ลูกสะใภ้ถึงได้กล้าดุบ่าวไพร่เรือนตนเยี่ยงนี้ เขาคิดผิดรึไม่ที่ไปขอหมั้นหล่อนให้กับขุนไกร
แม่หญิงวิลันดาเห็นแม่ดาวเรืองเกรี้ยวกราด คงเป็นเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับนางจึงคิดเตือนสติ
“เจ้าต้องทนสักหน่อย หากมิประคบอาการบวมก็จักมิหาย”
แต่แม่ดาวเรืองด้วยความเจ็บปวดที่ข้อเท้าอยู่แล้ว ได้ยินเสียงวิลันดาพูดปลอบโยนแทนที่จะรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจ หล่อนกลับลืมตัว ตวาดใส่วิลันดาซึ่งตนไม่ชอบหน้าอยู่แล้ว
“ข้ามิได้ถามเจ้าจัก มาสอดด้วยเรื่องอันใดรึ” ใบหน้าสวยเชิด ริมฝีปากด้านซ้ายของนางเหยียดออกจนน่าหมั่นไส้
วิลันดารู้สึกหน้าชา จึงไม่พูดอะไรต่อ ส่วนพ่อเพ็งรู้สึกอับอายนักที่น้องสาวทำตนเยี่ยงนี้ ไม่มีความเป็นลูกผู้ดี ทั้งที่หน้าตางดงามแต่กริยามารยาทกลับหาความเป็นผู้ดีไม่มี
หลังจากอาการเจ็บข้อเท้าของแม่หญิงดาวเรืองทุเลาลง ท่านเจ้าพระยาจึงให้ขุนไกรไปส่งแม่หญิงดาวเรือง โดยให้นางนั่งคานหามซึ่งมีลักษณะคล้ายเสลี่ยงแต่ไม่ได้งดงามเท่า แต่ขุนไกรอ้างว่า เขามีธุระรับปากจะไปส่งแม่หญิงชบาไว้แล้วจึงไม่อาจจะไปได้ จึงต้องให้นางกลับเรือนไปพร้อมพ่อเพ็ง วันหลังเขาสัญญาว่าจะไปหานางที่เรือน แม่หญิงดาวเรืองแสดงอาการไม่พอใจออกมาทางสีหน้า แต่เขาแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจ
“เห็นคนอื่นดีกว่าคู่หมั้นน้องล่ะน้อยใจพี่ขุนนัก” แม่หญิงดาวเรืองตัดพ้อขุนไกร และรู้สึกเสียหน้าที่เขาเลือกจะไปส่งแม่ชบามากกว่าหล่อน
“พี่มิได้คิดเยี่ยงนั้น เพียงเห็นว่า พี่เพ็งจักให้ความคุ้มครองเจ้าได้จนถึงเรือน แลเป็นเพราะพี่รับปากแม่ชบาไว้ก่อนหน้าเจ้ามาเสียอีก ขอเจ้าจงเข้าใจในตัวพี่”
แม่หญิงดาวเรืองมองจ้องแม่หญิงชบาอย่างตัดพ้อต่อว่า แต่สาวน้อยอย่างแม่หญิงชบาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสียอย่างนั้น
วิลันดานึกขำความเสน่ห์แรงของขุนไกร เธอมองออกว่าหญิงสาวทั้งสองนั้น กำลังยื้อแย่งแข่งชิงดวงใจของขุนไกร แต่จะมีใครรู้บ้างว่า ถึงหญิงอื่นจะแก่งแย่งชิงหัวใจเขา แต่คนที่ได้ไปแล้วอย่างไม่รู้ตัวคือวิลันดา
++++++++++++++++++