วันนี้เป็นวันของอัคนีนะคะ ใครไม่เกี่ยวถอยไป แม้แต่อุบล เจ้าจงหยุดและฟัง 555 วันนี้เรารอคอยมาตั้งแต่ต้นเรื่อง เป็นวันที่อัคนีจำความทุกอย่างได้แล้วจริงๆ ดังนั้นวันนี้เราจะเขียนเน้นอัคนีกับพระอรรคเป็นหลักนะคะ
ตอนสุดท้ายของเมื่อวาน อัคนีกก้าวขึ้นมาพร้อมเผชิญกับพระยายมด้วยใจที่ไม่หวาดหวั่น เขาบอกประโยคแรกว่าจะยอมชดใช้ให้ แต่อุบลไม่พอใจ เพราะอัคนียังจำอะไรไม่ได้ทั้งหมด อุบลต้องการให้อัคนีจำทุกอย่างได้เหมือนที่เธอต้องถูกบังคับให้จำทั้งที่ไม่อยากจำ ตรงนี้เราสงสารทั้งคู่เลยค่ะ อัคนีก็จนใจ ก็คนมันจำไม่ได้นี่นา เหมือนที่เชษพูดแหละว่า "เรื่องนี้พี่อัคไม่ผิด มีใครบ้างที่จดจำเรื่องราวในชาติภพของตัวเองได้" แต่เราก็สงสารอุบลที่ถูกบังคับให้จำทั้งที่ไม่อยากจำ ปรบมือให้คนเขียนบทรัวๆค่ะ
จริงแล้วเรื่องมันก็จบตรงนี้แล้ว อุบลก็เลือกอัคนีได้เลย เพราะอัคนียอมที่จะชดใช้แล้ว แต่นั่นก็ยังไม่สมกับความแค้นของอุบล เขาต้องยอมรับก่อนว่าเขาทำผิดต่อเธอ แต่การณ์มันกลับไม่เป็นแบบที่เธอคิด พระยายมรู้ดีอยู่แล้ว แต่ท่านไม่บอกอุบล ปล่อยให้อุบลรู้เอง นี่เองจึงเป็นเหตุให้ท่านต้องถามย้ำกับอุบลทุกครั้งว่าแน่ใจใช่มั้ยที่ต้องการให้พิพากษาใหม่ เพราะท่านคาดเดาได้ไงว่า เมื่อรู้ความจริงอูบลจะต้องใจอ่อน จะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก ซึ่งการเลือกไม่ว่าจะในทางใดก็ต้องสร้างความเจ็บปวดให้อุบล ถ้าหากเลือกอัคนี ท่านก็รู้ว่าอุบลก็ต้องเสียใจ เพราะรักเค้ามาก ถึงจะหลุดพ้นไป วิญญาณก็ไม่เป็นสุข ถ้าหากเลือกตัวเอง เพราะยอมต่อความรักก็ยิ่งเจ็บช้ำขึ้นไปเป็นเท่าทวีคูณ สู้คงอยู่ในสถานะเดิม แต่ไปทำใจตัวเองให้ปล่อยวางได้ โดยไม่ขึ้นอยู่กับคนอื่นไม่ดีกว่าหรือ พระยายมท่านมีเมตตาต่ออุบลมากนะคะ เห็นได้จากเสียงที่ถามอ่อนลงมากเลยเมื่ออุบลเริ่มที่จะรู้ความจริง เหมือนพ่อแม่เจอลูกที่ดื้อน่ะ ลูกมันดึงดันจะเอาตามใจ บอกอะไรก็ไม่ฟัง ก็ต้องปล่อยไปเหมือนม้าพยศ แต่พออ่อนลงแล้ว รับฟังแล้ว ก็อดสงสารไม่ได้
อุบลพาทุกคนลงไปในอุโมงค์ตามที่พระยายมบอก เราสงสารอุบลมากตอนที่ทำหน้าตาดีใจที่รู้ว่ายังมีพยานสถานที่อีก เธอถูกบีบทุกทางจริงๆ (ไอ้เชษเอ้ย! ด่าไว้ก่อนเลย ณ จุดนี้ เดี๋ยวแม่แก้ให้ทีหลังลูก 555) เมื่อลงไปในอุโมงค์ ที่อัคนีเริ่มแสดงความเป็นพระอรรคออกมาทีละนิด เราก็เริ่มขนลุกแล้วค่ะ เราดีใจมากที่บทละครแทบไม่ตัดบทพูดและเหตุการณ์สำคัญๆออกไปเลย คงไว้ให้ได้ใจความตามบทประพันธ์ทุกประการ เพราะตรงนี้ตรงเดียวเท่านั้นที่อัคนีจะได้พูดแก้ต่างให้พระอรรค
ความรู้สึกเราเริ่มพีคตอนที่อัคนีเริ่มจับของขึ้นมาทีละอย่างจนค่อยๆระลึกความหลังได้ จนมาถึงตอนที่เห็นจันออกมา แล้วอัคนีจำความได้ถึงตอนที่จันมอบชีวิตให้คุณพระ แล้วอัคนีเดินไปนั่งลงลูบหัวจัน เราซึ่งแทบร้องไห้ ชอบทุกฉากที่มีจันกับคุณพระค่ะ ไล่มาถึงฉากพระเจ้าเอกทัศน์ เราเฉยๆกับนักแสดงท่านนี้นะคะ รู้สึกว่าตอนที่พยายามพูดไปด้วยเสียงสั่นไปด้วย เราไม่อิน เค้ากลอกตาแปลกๆเหมือนพยายามแสดง แต่ก็เข้าใจค่ะ ว่าเป็นนักแสดงหน้าใหม่ เราอินกับแววตาพระอรรคกับท่านโหราจารย์มากกว่า
ต่อเนื่องมาถึงฉากอดีตทั้งหมด ทั้งที่ซ้ำกับที่เคยเล่าไปแล้วและยังไม่ได้ดู เราประทับใจทุกฉาก ที่ต้องขีดเส้นใต้เลย คือ ฉากที่พระอรรคนอนก่ายหน้าผากหาวิธีรับอุบลมาเป็นเมียนั่นแหละ แล้วตอนที่ไปแอบดูจนอุบลมาแล้วต้องรีบวิ่งมาแอบก็น่าเอ็นดูซะ เราไม่เคยเห็นคุณพระที่มั่นใจทุกอย่างกร้าวแข็งกับทุกคน ต้องมาวิ่งหลบกลัวผู้หญิงเห็น เหงื่อแตกซิกๆใจเต้นรัว น่ารักมากๆค่ะ รวมทั้งฉากที่อุบลสไบไปเกี่ยวเรือ แล้วคุณพระจูงประคองอุบลขึ้นจากเรือ คือฉากนี้ละเมียดมากจริงๆ เราไม่เคยเห็นพระอรรคจูงมืออุบลมาก่อนเลยค่ะ แล้วสายตาที่มองก็หวานหยด
ต่อเนื่องมาถึงฉากที่คุณพระแต่งลำนำให้อุบลแล้วเรียกจันมาฟัง ฉากนี้เราตกหลุมรักทั้งคุณพระทั้งจันเลยค่ะ คุณพระยิ้มน่ารักมากทะลุหนวด ส่วนจันก็ทำหน้าแบบบอกไม่ถูกอ่ะ น่าจะอยากแซวปนๆกับอยากหัวเราะ น่ารักมาก นึกว่าคุณพระจะเรียกมาปรึกษาราชการ ที่แท้เรียกให้มาฟังลำนำเกี้ยวเมีย
ฉากแบบนี้ใส่มาในวันนี้เราว่าดีมาก จะได้เบรคอารมณ์เครียดเรื่องฆ่าตัดคออุบลไปบ้าง เราสงสารอุบลมากตอนที่เธอนั่งกอดโครงกระดูก แล้วเอาหัวกระโหลกขึ้นมาให้อัคนีดู มันเหมือนคนที่หลงใหลยึดติดในร่างกายตัวเองจนเกือบเสียสติแล้วนะคะ สงสารมากจริงๆ พระอรรคทำให้เธอเป็นแบบนี้ แต่ถ้าอุบลยังเก็บความแค้นไว้ก็ไม่มีทางจะได้มีความสุข เราดีใจนะที่เรื่องมาถึงวันนี้ วันที่อุบลจะได้รู้ความจริงว่าพระอรรครักเธอ เพราะจะหวังให้อุบลยอมปลดปล่อยตัวเองจากความแค้น โดยไม่อาศัยความรักจากพระอรรค มันคงเป็นไปไม่ได้ค่ะ
วันนี้พี่ป้องคือพระเอกของเรื่องอย่างเต็มภาคภูมิค่ะ เราชอบการดีไซน์ตัวละครที่ต่างกันของอัคนีกับพระอรรคมาก ตอนเป็นอัคนียังมีความเสียใจ ไม่สบายใจ กลัวอุบล ฉากที่ถอยหนีตอนอุบลเดินหน้าเข้ามานี่เราขำเลยอ่ะ แต่พอจับดาบขึ้นมาเป็นพระอรรค พี่ป้องทำเราทึ่งมาก เพราะพี่ป้องกลายเป็นพระอรรคแบบไม่มีหนวดไปทันทีเลย พระอรรคคนนี้ไม่กลัวอุบลอีกแล้ว พอรู้ความจริง แม้จะด้วยความเป็นอัคนีแต่พระอรรคก็คือสามีของอุบล ที่รู้ว่าตัวเองทำแบบนั้นไปทำไม และเขารักอุบลเพียงใด
"ถึงคุณจะบอกว่าคุณรักเขา...แต่คุณไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนั้นเลย อุบล"
“ถ้าย้อนเวลาได้ คุณจะเปลี่ยนเหตุการณ์ในคืนนั้นมั้ย?”
“ข้าจะไม่มีวันยอมลงมาที่นี่กับท่าน”
“ผมหมายถึงเหตุการณ์ในคืนงานฉลองชัย!” อุบลอึ้ง
“คืนที่คุณอุบลพบกับพระอรรคครั้งแรกใช่มั้ยคะ?” ทิพอาภาถาม
อัคนีพยักหน้าแล้วมองอุบล “ชีวิตของขุนศึกที่ไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่นใด นอกจากแผ่นดิน ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้รับมาลัยบัวสายนั้นจากคุณ...”
เราชอบที่พระอรรคเป็นคนหัวดื้อ ยืนยันความคิดของตัวเอง และไม่ยอมก้มหัวให้กับสิ่งที่เขาไม่ได้ผิด เมื่อเป็นอัคนี เขาไม่กล้าเถียงอุบล อาจเพราะยังไม่รู้ความจริง แต่เมื่อมาเป็นพระอรรคเต็มตัว เขาคือสามี และอุบลต้องฟัง ไม่ใช่แค่เรื่องความรักต่ออุบลเท่านั้น ที่เขายืนยัน แม้แต่ที่เขาหลอกเธอเรื่องสร้างโรงละครมาบังหน้า เพื่อเห็นแก่ชาติ และให้เธอปลอดภัย เขาก็ยืนยัน การโกหกเป็นสิ่งที่ผิด แต่ถ้าการโกหกนั้นเป็นการทำเพื่อชาติและปกป้องเมีย เขาก็ไม่รู้สึกว่าได้ทำผิด ถ้าอุบลรู้เธอจะเป็นอันตรายถึงตาย พอถึงฉากนี้เราเห็นแววลังเลในตาอุบลแล้วนะคะ อุบลรู้ดีว่าพระอรรคเป็นคนอย่างไร และเธอรู้ว่าเขาคิดเช่นนั้นได้จริง
ในเรื่องความรักชาติ อุบลไม่ได้ติดใจพระอรรคเท่ากับเรื่องทิพ อุบลลึกๆแล้วก็รู้ว่าพระอรรคฆ่าตัวเองเฝ้าสมบัติเพราะเห็นแก่ชาติ ซึ่งถ้าเป็นเหตุผลนี้เหตุผลเดียว เราเชื่อว่าอุบลในละครจะไม่โกรธขนาดนี้นะคะ แต่เรื่องทิพนี่แหละที่รบกวนจิตใจ อุบลเห็นว่าขุนวิจิตรมาขอให้พระอรรครับทิพเป็นเมีย พระอรรคแบ่งรับแบ่งสู้ เมื่อขุนวิจิตรถามว่าเกรงน้ำใจแม่อุบลหรือ พระอรรคตอบว่าไม่ใช่อย่างนั้น แต่เขาได้ให้สัจวาจาไว้กับเสด็จว่าจะดูแลไม่ให้เจ็บช้ำน้ำใจในฐานะหัวหน้าครอบครัวและสามี พระอรรคนั้นถือเรื่องหน้าที่และคำสัตย์ยิ่งใหญ่กว่าความรักอีกค่ะ รักอุบลก็รัก แต่รักษาคำพูดและหน้าที่มากกว่า หน้าที่และคำสัตย์จึงติดตามมาถึงชาตินี้ อุบลเสียใจจนรีบวิ่งหนีไปก่อนจะฟังจบ ถ้าอุบลอยู่อีกสักห้านาที ได้ยินประโยคต่อมาของพระอรรค เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้ อุบลก็คงยอมไปเพชรบุรีดีๆ แล้วก็คงไม่มีเรื่องพิษสวาทค่ะ
ในตอนหน้านี้ ซึ่งเป็นตอนจบ เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้น และอัคนีจะได้อธิบายถึงเหตุผลที่คุณพระต้องเลือกอุบลในนาทีสุดท้าย เราจะได้เห็นการให้ทานที่ยากที่สุดคือ อภัยทาน ที่อุบลให้กับอัคนี ซึ่งในตอนต้นอุบลจะรู้สึกโดนบังคับให้ต้องเลือก แต่ในที่สุดเมื่อเลือกทางสว่าง คือการให้อภัย จิตของอุบลจึงหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
วันนี้เราให้เครดิตพี่ป้องกับคุณนุ่นทั้งหมดค่ะ ทำออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะพี่ป้อง ที่มันเป็นซีนปล่อยของจริงๆ ทั้งเรื่องฉากนี้ต้องเล่นให้ดีที่สุด แล้วก็ทำได้จริงๆค่ะ เราขอบคุณคนเขียนบทมากเลยที่เขียนแก้ต่างให้พระอรรคได้ดีขนาดนี้ แล้วยิ่งพี่ป้องเล่นถึงด้วย เราว่าตัวละครนี้สมบูรณ์ด้วยเหตุผลทุกประการค่ะ
สำหรับเชษกับทิพ วันนี้เราของไม่เขียนถึง ไม่ใช่เพราะเราไม่เห็นว่าเชษทำอะไรที่เห็นแก่ตัวนะคะ และก็ไม่ใช่ว่าเราหาเหตุผลให้เค้าไม่ได้ด้วย เราก็ยังมีเหตุผลที่จะเข้าใจทั้งสองคน แต่วันนี้เราคิดว่าเรื่องราวมันเป็นการเคลียร์ปัญหากันของทั้งสองคนเท่านั้น เราอยากดื่มด่ำกับความหลังของอุบลกับพระอรรคค่ะ และว่ากันที่จริงทั้งอุบลและอัคนีก็อยู่ในโลกที่มีสองคนเท่านั้น เชษพูดอะไร อูบลหันไปตวาดใส่ แล้วหันกลับมาหาอัคนีต่อ ทิพพูดอยู่ข้างหลังอัคนี เค้าไม่แม้แต่จะหันไปมอง เพราะในเวลานี้ มีแต่คนข้างหน้าเขาเท่านั้นที่สำคัญที่สุด
คิดหัวข้อไม่ออก แค่อยากคุย วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ ชอบฉากไหนกันบ้าง พิษสวาท 13 ก.ย. 2559
ตอนสุดท้ายของเมื่อวาน อัคนีกก้าวขึ้นมาพร้อมเผชิญกับพระยายมด้วยใจที่ไม่หวาดหวั่น เขาบอกประโยคแรกว่าจะยอมชดใช้ให้ แต่อุบลไม่พอใจ เพราะอัคนียังจำอะไรไม่ได้ทั้งหมด อุบลต้องการให้อัคนีจำทุกอย่างได้เหมือนที่เธอต้องถูกบังคับให้จำทั้งที่ไม่อยากจำ ตรงนี้เราสงสารทั้งคู่เลยค่ะ อัคนีก็จนใจ ก็คนมันจำไม่ได้นี่นา เหมือนที่เชษพูดแหละว่า "เรื่องนี้พี่อัคไม่ผิด มีใครบ้างที่จดจำเรื่องราวในชาติภพของตัวเองได้" แต่เราก็สงสารอุบลที่ถูกบังคับให้จำทั้งที่ไม่อยากจำ ปรบมือให้คนเขียนบทรัวๆค่ะ
จริงแล้วเรื่องมันก็จบตรงนี้แล้ว อุบลก็เลือกอัคนีได้เลย เพราะอัคนียอมที่จะชดใช้แล้ว แต่นั่นก็ยังไม่สมกับความแค้นของอุบล เขาต้องยอมรับก่อนว่าเขาทำผิดต่อเธอ แต่การณ์มันกลับไม่เป็นแบบที่เธอคิด พระยายมรู้ดีอยู่แล้ว แต่ท่านไม่บอกอุบล ปล่อยให้อุบลรู้เอง นี่เองจึงเป็นเหตุให้ท่านต้องถามย้ำกับอุบลทุกครั้งว่าแน่ใจใช่มั้ยที่ต้องการให้พิพากษาใหม่ เพราะท่านคาดเดาได้ไงว่า เมื่อรู้ความจริงอูบลจะต้องใจอ่อน จะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก ซึ่งการเลือกไม่ว่าจะในทางใดก็ต้องสร้างความเจ็บปวดให้อุบล ถ้าหากเลือกอัคนี ท่านก็รู้ว่าอุบลก็ต้องเสียใจ เพราะรักเค้ามาก ถึงจะหลุดพ้นไป วิญญาณก็ไม่เป็นสุข ถ้าหากเลือกตัวเอง เพราะยอมต่อความรักก็ยิ่งเจ็บช้ำขึ้นไปเป็นเท่าทวีคูณ สู้คงอยู่ในสถานะเดิม แต่ไปทำใจตัวเองให้ปล่อยวางได้ โดยไม่ขึ้นอยู่กับคนอื่นไม่ดีกว่าหรือ พระยายมท่านมีเมตตาต่ออุบลมากนะคะ เห็นได้จากเสียงที่ถามอ่อนลงมากเลยเมื่ออุบลเริ่มที่จะรู้ความจริง เหมือนพ่อแม่เจอลูกที่ดื้อน่ะ ลูกมันดึงดันจะเอาตามใจ บอกอะไรก็ไม่ฟัง ก็ต้องปล่อยไปเหมือนม้าพยศ แต่พออ่อนลงแล้ว รับฟังแล้ว ก็อดสงสารไม่ได้
อุบลพาทุกคนลงไปในอุโมงค์ตามที่พระยายมบอก เราสงสารอุบลมากตอนที่ทำหน้าตาดีใจที่รู้ว่ายังมีพยานสถานที่อีก เธอถูกบีบทุกทางจริงๆ (ไอ้เชษเอ้ย! ด่าไว้ก่อนเลย ณ จุดนี้ เดี๋ยวแม่แก้ให้ทีหลังลูก 555) เมื่อลงไปในอุโมงค์ ที่อัคนีเริ่มแสดงความเป็นพระอรรคออกมาทีละนิด เราก็เริ่มขนลุกแล้วค่ะ เราดีใจมากที่บทละครแทบไม่ตัดบทพูดและเหตุการณ์สำคัญๆออกไปเลย คงไว้ให้ได้ใจความตามบทประพันธ์ทุกประการ เพราะตรงนี้ตรงเดียวเท่านั้นที่อัคนีจะได้พูดแก้ต่างให้พระอรรค
ความรู้สึกเราเริ่มพีคตอนที่อัคนีเริ่มจับของขึ้นมาทีละอย่างจนค่อยๆระลึกความหลังได้ จนมาถึงตอนที่เห็นจันออกมา แล้วอัคนีจำความได้ถึงตอนที่จันมอบชีวิตให้คุณพระ แล้วอัคนีเดินไปนั่งลงลูบหัวจัน เราซึ่งแทบร้องไห้ ชอบทุกฉากที่มีจันกับคุณพระค่ะ ไล่มาถึงฉากพระเจ้าเอกทัศน์ เราเฉยๆกับนักแสดงท่านนี้นะคะ รู้สึกว่าตอนที่พยายามพูดไปด้วยเสียงสั่นไปด้วย เราไม่อิน เค้ากลอกตาแปลกๆเหมือนพยายามแสดง แต่ก็เข้าใจค่ะ ว่าเป็นนักแสดงหน้าใหม่ เราอินกับแววตาพระอรรคกับท่านโหราจารย์มากกว่า
ต่อเนื่องมาถึงฉากอดีตทั้งหมด ทั้งที่ซ้ำกับที่เคยเล่าไปแล้วและยังไม่ได้ดู เราประทับใจทุกฉาก ที่ต้องขีดเส้นใต้เลย คือ ฉากที่พระอรรคนอนก่ายหน้าผากหาวิธีรับอุบลมาเป็นเมียนั่นแหละ แล้วตอนที่ไปแอบดูจนอุบลมาแล้วต้องรีบวิ่งมาแอบก็น่าเอ็นดูซะ เราไม่เคยเห็นคุณพระที่มั่นใจทุกอย่างกร้าวแข็งกับทุกคน ต้องมาวิ่งหลบกลัวผู้หญิงเห็น เหงื่อแตกซิกๆใจเต้นรัว น่ารักมากๆค่ะ รวมทั้งฉากที่อุบลสไบไปเกี่ยวเรือ แล้วคุณพระจูงประคองอุบลขึ้นจากเรือ คือฉากนี้ละเมียดมากจริงๆ เราไม่เคยเห็นพระอรรคจูงมืออุบลมาก่อนเลยค่ะ แล้วสายตาที่มองก็หวานหยด
ต่อเนื่องมาถึงฉากที่คุณพระแต่งลำนำให้อุบลแล้วเรียกจันมาฟัง ฉากนี้เราตกหลุมรักทั้งคุณพระทั้งจันเลยค่ะ คุณพระยิ้มน่ารักมากทะลุหนวด ส่วนจันก็ทำหน้าแบบบอกไม่ถูกอ่ะ น่าจะอยากแซวปนๆกับอยากหัวเราะ น่ารักมาก นึกว่าคุณพระจะเรียกมาปรึกษาราชการ ที่แท้เรียกให้มาฟังลำนำเกี้ยวเมีย
ฉากแบบนี้ใส่มาในวันนี้เราว่าดีมาก จะได้เบรคอารมณ์เครียดเรื่องฆ่าตัดคออุบลไปบ้าง เราสงสารอุบลมากตอนที่เธอนั่งกอดโครงกระดูก แล้วเอาหัวกระโหลกขึ้นมาให้อัคนีดู มันเหมือนคนที่หลงใหลยึดติดในร่างกายตัวเองจนเกือบเสียสติแล้วนะคะ สงสารมากจริงๆ พระอรรคทำให้เธอเป็นแบบนี้ แต่ถ้าอุบลยังเก็บความแค้นไว้ก็ไม่มีทางจะได้มีความสุข เราดีใจนะที่เรื่องมาถึงวันนี้ วันที่อุบลจะได้รู้ความจริงว่าพระอรรครักเธอ เพราะจะหวังให้อุบลยอมปลดปล่อยตัวเองจากความแค้น โดยไม่อาศัยความรักจากพระอรรค มันคงเป็นไปไม่ได้ค่ะ
วันนี้พี่ป้องคือพระเอกของเรื่องอย่างเต็มภาคภูมิค่ะ เราชอบการดีไซน์ตัวละครที่ต่างกันของอัคนีกับพระอรรคมาก ตอนเป็นอัคนียังมีความเสียใจ ไม่สบายใจ กลัวอุบล ฉากที่ถอยหนีตอนอุบลเดินหน้าเข้ามานี่เราขำเลยอ่ะ แต่พอจับดาบขึ้นมาเป็นพระอรรค พี่ป้องทำเราทึ่งมาก เพราะพี่ป้องกลายเป็นพระอรรคแบบไม่มีหนวดไปทันทีเลย พระอรรคคนนี้ไม่กลัวอุบลอีกแล้ว พอรู้ความจริง แม้จะด้วยความเป็นอัคนีแต่พระอรรคก็คือสามีของอุบล ที่รู้ว่าตัวเองทำแบบนั้นไปทำไม และเขารักอุบลเพียงใด
"ถึงคุณจะบอกว่าคุณรักเขา...แต่คุณไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนั้นเลย อุบล"
“ถ้าย้อนเวลาได้ คุณจะเปลี่ยนเหตุการณ์ในคืนนั้นมั้ย?”
“ข้าจะไม่มีวันยอมลงมาที่นี่กับท่าน”
“ผมหมายถึงเหตุการณ์ในคืนงานฉลองชัย!” อุบลอึ้ง
“คืนที่คุณอุบลพบกับพระอรรคครั้งแรกใช่มั้ยคะ?” ทิพอาภาถาม
อัคนีพยักหน้าแล้วมองอุบล “ชีวิตของขุนศึกที่ไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่นใด นอกจากแผ่นดิน ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้รับมาลัยบัวสายนั้นจากคุณ...”
เราชอบที่พระอรรคเป็นคนหัวดื้อ ยืนยันความคิดของตัวเอง และไม่ยอมก้มหัวให้กับสิ่งที่เขาไม่ได้ผิด เมื่อเป็นอัคนี เขาไม่กล้าเถียงอุบล อาจเพราะยังไม่รู้ความจริง แต่เมื่อมาเป็นพระอรรคเต็มตัว เขาคือสามี และอุบลต้องฟัง ไม่ใช่แค่เรื่องความรักต่ออุบลเท่านั้น ที่เขายืนยัน แม้แต่ที่เขาหลอกเธอเรื่องสร้างโรงละครมาบังหน้า เพื่อเห็นแก่ชาติ และให้เธอปลอดภัย เขาก็ยืนยัน การโกหกเป็นสิ่งที่ผิด แต่ถ้าการโกหกนั้นเป็นการทำเพื่อชาติและปกป้องเมีย เขาก็ไม่รู้สึกว่าได้ทำผิด ถ้าอุบลรู้เธอจะเป็นอันตรายถึงตาย พอถึงฉากนี้เราเห็นแววลังเลในตาอุบลแล้วนะคะ อุบลรู้ดีว่าพระอรรคเป็นคนอย่างไร และเธอรู้ว่าเขาคิดเช่นนั้นได้จริง
ในเรื่องความรักชาติ อุบลไม่ได้ติดใจพระอรรคเท่ากับเรื่องทิพ อุบลลึกๆแล้วก็รู้ว่าพระอรรคฆ่าตัวเองเฝ้าสมบัติเพราะเห็นแก่ชาติ ซึ่งถ้าเป็นเหตุผลนี้เหตุผลเดียว เราเชื่อว่าอุบลในละครจะไม่โกรธขนาดนี้นะคะ แต่เรื่องทิพนี่แหละที่รบกวนจิตใจ อุบลเห็นว่าขุนวิจิตรมาขอให้พระอรรครับทิพเป็นเมีย พระอรรคแบ่งรับแบ่งสู้ เมื่อขุนวิจิตรถามว่าเกรงน้ำใจแม่อุบลหรือ พระอรรคตอบว่าไม่ใช่อย่างนั้น แต่เขาได้ให้สัจวาจาไว้กับเสด็จว่าจะดูแลไม่ให้เจ็บช้ำน้ำใจในฐานะหัวหน้าครอบครัวและสามี พระอรรคนั้นถือเรื่องหน้าที่และคำสัตย์ยิ่งใหญ่กว่าความรักอีกค่ะ รักอุบลก็รัก แต่รักษาคำพูดและหน้าที่มากกว่า หน้าที่และคำสัตย์จึงติดตามมาถึงชาตินี้ อุบลเสียใจจนรีบวิ่งหนีไปก่อนจะฟังจบ ถ้าอุบลอยู่อีกสักห้านาที ได้ยินประโยคต่อมาของพระอรรค เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้ อุบลก็คงยอมไปเพชรบุรีดีๆ แล้วก็คงไม่มีเรื่องพิษสวาทค่ะ
ในตอนหน้านี้ ซึ่งเป็นตอนจบ เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้น และอัคนีจะได้อธิบายถึงเหตุผลที่คุณพระต้องเลือกอุบลในนาทีสุดท้าย เราจะได้เห็นการให้ทานที่ยากที่สุดคือ อภัยทาน ที่อุบลให้กับอัคนี ซึ่งในตอนต้นอุบลจะรู้สึกโดนบังคับให้ต้องเลือก แต่ในที่สุดเมื่อเลือกทางสว่าง คือการให้อภัย จิตของอุบลจึงหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
วันนี้เราให้เครดิตพี่ป้องกับคุณนุ่นทั้งหมดค่ะ ทำออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะพี่ป้อง ที่มันเป็นซีนปล่อยของจริงๆ ทั้งเรื่องฉากนี้ต้องเล่นให้ดีที่สุด แล้วก็ทำได้จริงๆค่ะ เราขอบคุณคนเขียนบทมากเลยที่เขียนแก้ต่างให้พระอรรคได้ดีขนาดนี้ แล้วยิ่งพี่ป้องเล่นถึงด้วย เราว่าตัวละครนี้สมบูรณ์ด้วยเหตุผลทุกประการค่ะ
สำหรับเชษกับทิพ วันนี้เราของไม่เขียนถึง ไม่ใช่เพราะเราไม่เห็นว่าเชษทำอะไรที่เห็นแก่ตัวนะคะ และก็ไม่ใช่ว่าเราหาเหตุผลให้เค้าไม่ได้ด้วย เราก็ยังมีเหตุผลที่จะเข้าใจทั้งสองคน แต่วันนี้เราคิดว่าเรื่องราวมันเป็นการเคลียร์ปัญหากันของทั้งสองคนเท่านั้น เราอยากดื่มด่ำกับความหลังของอุบลกับพระอรรคค่ะ และว่ากันที่จริงทั้งอุบลและอัคนีก็อยู่ในโลกที่มีสองคนเท่านั้น เชษพูดอะไร อูบลหันไปตวาดใส่ แล้วหันกลับมาหาอัคนีต่อ ทิพพูดอยู่ข้างหลังอัคนี เค้าไม่แม้แต่จะหันไปมอง เพราะในเวลานี้ มีแต่คนข้างหน้าเขาเท่านั้นที่สำคัญที่สุด