คิดหัวข้อไม่ออก แค่อยากคุย วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ ชอบฉากไหนกันบ้าง พิษสวาท 12 ก.ย. 2559

วันนี้เป็นวันที่เราร้องไห้เยอะที่สุดตั้งแต่ดูละครเรื่องนี้มา เพราะเราสงสารทุกตัวละครมาก และเราเห็นความรักที่ทุกคนมีต่อกัน ไม่เว้นแม้แต่คุณอุบลที่มีต่อพระอรรค

ถ้าได้เคยอ่านกระทู้ที่เราตั้งเรื่อยๆ จะเห็นว่าเราดูละครแบบเอาตัวเองลองไปสวมแทนตัวละคร แล้วคิดในมุมแคบๆที่รู้เหตุการณ์เฉพาะหน้าแค่ที่ตัวเองเห็นและรับรู้ ถ้าเป็นเราเองบ้างเจอเหตุกาณ์แบบนี้ในชีวิตจริง เราจะคิดแบบไหน ทำแบบไหน ดังนั้นเราจึงเข้าใจทุกตัวละคร แล้ววันนี้เราพูดได้เต็มปากแล้วว่า เราอยู่ทุกทีมค่ะ เพราะรักทุกคน สงสารทุกคน และเสียน้ำตาให้ทุกคนไปแล้ว

ทุกตัวละครมีความต้องการที่ขัดเจนมากในวันนี้ และแสดงออกมาได้ดีมาก

อุบล

วันนี้เป็นวันที่เธอรอคอย มันคือวันที่เธอจะได้รับความเป็นธรรม เขาผู้นั้นที่ฆ่าและสาปสรรจองจำเธอ วันนี้เธอจะต้องพาเขามาชดใช้ให้เธอให้จงได้
ไม่ว่าอัคนีจะพูดอะไร อุบลไม่รับฟังทั้งนั้น เขาปฏิเสธว่าผู้หญิงที่ตายข้างเขาไม่ใช่ทิพ แต่เขาก็ไม่มีหลักฐาน เขาแค่รู้ และมันก็สายไปแล้วที่อุบลจะรับฟัง เพียงแค่แสงอาทิย์แรกของวันใหม่ขึ้นมาที่ขอบฟ้า เธอก็จะได้รับการชดใช้ เมื่อมีคนมาขัดขวาง อุบลย่อมที่จะไม่ยอม เธอต้องทำทุกอย่างให้เขาลงไปที่ลานพิพากษากับเธอ เพราะโอกาสของเธอมีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น  

ความมุ่งมั่นของอุบลชัดเจนค่ะ ทั้งนั่งคร่อมรถ ทั้งเลือดที่กระจก ทั้งเสียงเรียกคุณพระที่แทรกเข้ามาในวิทยุ แต่เสียงเรียกนั้น คือ เสียงของอุบล เมื่อยามเรียกขานคุณพระ เมื่อครั้งสมัยที่ยังรักกัน มันอ่อนหวาน เต็มไปด้วยความรัก ไม่ว่าอุบลจะแค้นอัคนีอย่างไร แต่เสี้ยวหนึ่งของจิตใจ เธอก็ยังรักคุณพระอยู่ไม่เสื่อมคลาย และอุบลก็รู้ดีเช่นกันว่า เสียงของอุบลปลุกจิตของพระอรรคและอัคนีได้เสมอ เธอจึงใช้วิธีนี้เรียกให้เขาตื่น เราร้องไห้ตรงนี้หนึ่งครั้งค่ะ

อัคนี

เขามาเพื่อชดใช้ให้อุบล เขารู้แล้วว่าเขาทำอะไรไว้ และเขาไม่เคยคิดหนีความรับผิดชอบ อัคนีมาถึงที่นี่เพื่อรอการชดใช้ และเพื่อหาคำตอบให้ตัวเองและเพื่อไปบอกอุบลว่าพระอรรคไม่ได้หนีไปกับทิพ พระอรรคไม่เคยทรยศเธอ เขาไม่ได้คิดที่จะหาทางหนีเลย อย่างที่ได้บอกกับเชษว่า

“มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วไอ้เชษฐ์! ฉันรู้ว่าแกห่วง แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องชดใช้ให้เขา เพราะฉันคือคนที่สาปและจองจำ จนทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้”

ที่อัคนีเร่งร้อนที่จะไปขุดหาซากของพระอรรคด้วยตัวเอง หลังจากที่เห็นนิมิตว่าผู้หญิงชาวบ้านคนนั้นตายยังไง และพระอรรคตายยังไง ก็เพื่อจะเอาไปบอกกับอุบลว่า พระอรรครักอุบล เมื่อตัดคออุบลเสร็จแล้วก็มาตายที่ตรงนี้ และหญิงคนนั้นก็ไม่ใช้ทิพ แม้เขาจะยังไม่รู้ว่าเป็นใคร พอได้ยินเสียงลากโซ่ของอุบล เขาก็รีบบอกอุบลทันที แต่อุบลไม่เชื่อ เพราะอัคนีตอบไม่ได้ว่าถ้าหญิงนั้นไม่ใช่ทิพแล้วอย่างนั้นเธอคือใคร (ตรงนี้เราขอขีดเส้นใต้ไว้รอดู ว่าละครจะเฉลยยังไง ว่าทำไมอัคนีถึงคิดว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ทิพ และทำไมถึงมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่ทิพลงเรือไป ถึงเกิดก่อนที่พระอรรคฟันคออุบล เพราะละครยังไม่เฉลย แค่บอกว่าอัคนีรู้ข้อมูลนี้จากใบลาน แต่พอมาวันนี้ก็ไม่เฉลย)

อัคนีถูกเชษกับทิพร่วมมือกันวางยานอนหลับ เพื่อพาหนีจากอุบล แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ไม่ยอมที่จะกลับไป เขาไม่สนใจใครหรืออะไรอีกต่อไปแล้ว ในวันนี้ความต้องการของอัคนีมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือไปชดใช้ให้อุบล แม้จะหมายถึงว่าเขาจะต้องไปตาย เขาก็พร้อม เห็นได้จากฉากที่ได้พูดจาสั่งเสียไว้กับทิพ เราร้องไห้ตรงนี้อีกครั้งนึงค่ะ

ทิพอาภา

เธอกลัวจนสั่นไปหมด พี่อัคคนที่เธอรักเขาทั้งหมดของหัวใจ กำลังเดินไปหาความตาย ทิพก็เป็นคนหนึ่งที่มีอดีตร่วมชาติกับพระอรรคและอุบล เธอเคยเห็นนิมิตหลายครั้ง เธอรู้ดีว่าอุบลเป็นใคร และกำลังมาทวงคืนอะไรจากพี่อัค ทิพยอมทำอะไรได้ทั้งนั้นเพื่อไม่ให้พี่อัคตาย เมื่อเชษมาขอความร่วมมือจากเธอให้ช่วยวางยานอนหลับพี่อัค เพราะมันเป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะพาพี่อัคกลับบ้านได้ ทิพจึงยอมทำ ทั้งที่เธอไม่ได้อยากจะทำ

ช่วงที่เราเสียน้ำตามากที่สุดของวันนี้ คือฉากที่อัคนีสั่งเสียให้ทิพดูแลตัวเองดีๆ แล้วถอดแหวนหมั้นคืนให้ทิพ เราฟังบทพูดช่วงนี้แล้วดูการแสดงของนักแสดง เราน้ำตาไหลตลอดเลยค่ะ เศร้าแทนอัคนีที่กำลังจะต้องไปตาย และเจ็บปวดแทนทิพอาภาที่โดนอัคนีบอกเลิก แต่ก็ยังรักและเป็นห่วงสุดหัวใจ

“ทิพ... ถ้าพี่ไม่อยู่ ทิพต้องดูแลตัวเองดีๆนะ”
“พี่อัค! อย่าพูดแบบนี้สิคะ...”
“พี่เป็นคู่หมั้นที่ไม่ดี ทำเหมือนไม่สนใจทิพ แต่ทิพก็ไม่เคยโกรธพี่ วันนี้พี่คงสวมมันต่อไปไม่ได้แล้ว”
“ทิพไม่รับคืนได้ไหมคะ?”
“อย่ารอพี่เลยทิพ”

ฉากนี้น้องเบนเล่นดีมากนะคะ วันนี้เล่นดีทุกฉาก ฉากต่อจากนี้ที่เอามือรองหัวอัคนีที่สลบ แสดงความเป็นห่วงอย่างจริงใจมากๆ แล้วก็ฉากในรถที่กำลังขับหนี ฉากนี้เราเห็นความกลัวชัดเจนเลย น้ำตาคลอตลอด ส่วนฉากที่ลงไปที่ลานพิพากษา ที่เอาแขนมาคล้องอัคนี และบอกว่าทิพจะไม่ทิ้งพี่อัค เราเห็นความมุ่งมั่นที่จะตามไปปกป้องคนรัก โดยไม่สนใจแม้กระทั่งความตายของตัวเอง วันนี้เราเชื่อว่าทิพอาภารักและยอมเสียสละแทนอัคนีได้จริงๆ น้องเบนทำได้ค่ะ  แต่ยังไงก็ต้องรอดูฉากไฮไลท์พรุ่งนี้ ว่าที่จะต้องพูดเสียสละชีวิตตัวเองแทนอัคนี จะทำออกมาได้ถึงรึเปล่า เป็นฉากแสดงฝีมือค่ะ

เชษฐา

มาถึงตัวละครที่ตอนนี้เรารักเท่ากับตัวละครอื่น และเกือบจะแซงด้วยความสงสารแล้ว

วันนี้เรายิ่งรักเชษ และสงสารมากขึ้นไปอีกค่ะ เราเสียน้ำตาให้เชษด้วยแหละ ในวันนี้เราไม่ได้เห็นเชษแต่ในด้านความก้าวร้าว ชอบบังคับคนอื่น ชอบออกคำสั่งบงการให้ทุกอย่างเป็นอย่างใจเพียงด้านเดียว แต่เราได้เห็นด้านของความกลัว ความไม่แน่ใจ ความสั่นทำอะไรไม่ถูกที่แสดงออกมาผ่านความโกรธ เชษคือมนุษย์คนนึงที่มีความเป็นมนุษย์อย่างครบถ้วน มีความรักตัวกลัวตายเหมือนทุกคน และมีความรักต่อคนอื่นอย่างแท้จริง

ขอเพิ่มเติมจากที่ตอบความเห็นข้างล่าง เราว่าเชษเป็นคนมีปม ในใจเค้าไม่มีความมั่นคงเลย คนแบบนี้เป็นคนขาดความรักและเปราะบางมากค่ะ เราคิดว่าคนเขียนบทจงใจทำให้คนดูเชื่อว่าเชษไม่มีพ่อแม่ด้วยค่ะ ดังนั้นเมื่อเค้าเจอคนที่มอบความรักให้เค้าอย่างจริงใจ ซึ่งก็มีเพียง 2 คนในชีวิตเท่านั้น คือ ทิพกับพี่อัค เชษจึงรักสองคนนี้ตั้งแต่แรก และรักแบบพร้อมทำทุกอย่างให้ได้ด้วย ทั้งพี่อัคและทิพเป็นที่พึ่งทางใจของเชษ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้เค้ายังมีตัวตน เค้ายอมเสียใครไปไม่ได้ เราเข้าใจเชษและสงสารเค้ามากค่ะ

ฉากแรกเชษเถียงกับอัคนีที่วัด เขาไม่ต้องการให้พี่อัคเสียเวลางมหาหลักฐานอะไรอีกต่อไปแล้ว อีกสองวันพี่อัคจะต้องตาย แต่ยังมัวมาทำอะไรไม่รู้ที่เชษเห็นว่ามันไม่สำคัญแม้แต่นิดเดียว ในเวลานี้มันจะต้องหาวิธีแก้ไข ทำยังไงก็ได้ที่มันจะไม่ไปถึงจุดนั้น จุดที่พี่อัคต้องตาย การทุ่มเถียงกันของสองคน ทำให้เห็นความเชื่อและค่านิยมที่ต่างกันของอัคนีและเชษฐา ในขณะที่อัคนีเชื่อในกรรม คือ การกระทำ และผลของการกระทำ ที่ทุกคนจะต้องรับอย่างไม่มีทางหลบเลี่ยง ดังคำพูดที่ว่า "บุคคลหว่านพืชชนิดใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น" แต่เชษกลับเชื่อว่าคนเราสามารถกำหนดชีวิตของตัวเองจากการกระทำในปัจจุบัน ที่นี่ เดี๋ยวนี้ เขาไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แต่เชื่อว่าอนาคตอยู่ที่สองมือของคน ดังนั้นในเมื่อถ้ายังมีอุบล อัคนีก็ต้องไปชดใช้ เชษจึงหาทาง "ปราบ" อุบล

แต่เมื่อไปหาหลวงพ่อที่วัด แทนที่ท่านจะให้คาถาปราบวิญญาณ ท่านกลับให้บทแผ่เมตตา และสั่งสอนว่าอภัยทาน คือ คาถาที่วิเศษที่สุดที่ทำให้ความแค้นยุติ ส่วนกรรมของใครก็เป็นกรรมของคนนั้น แน่นอนว่าเชษไม่ยอมแพ้

เมื่ออัคนีมาบอกว่าเวลาที่เขาจะต้องชดใช้คือแสงอาทิตย์แรก บทพูดตรงส่วนนี้ เชษบอกว่า "แสงอาทิตย์แรกงั้นเหรอพี่ ก็เช้านี้แล้วดิ" ประโยคนี้เชษพูดออกมาด้วยความโกรธ แต่เสียงสั่นจนเกือบร้องไห้ อารมณ์ของเชษในฉากนี้คือ โมโหที่ทำอะไรไม่ได้จนร้องไห้ เพราะรักมาก แคร์มาก และจะไม่ยอม เราร้องไห้ตรงนี้อีกรอบค่ะ (วันนี้เซนซิทีฟมาก ร้องมันได้ทุกฉาก)

ตอนที่ขับรถพาหนี เราเห็นความกลัวของเชษแบบที่ปิดไม่มิด คือ ก่อนหน้านี้เชษจะแสดงความเป็นห่วงด้วยความแข็งกร้าว ท้าชน บังคับให้คนอื่นต้องคิดแบบตัวเอง แต่วันนี้สิ่งที่เค้าท้าทายอยู่ เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ ที่เชษก็รู้อยู่ลึกๆ ว่าเขาเอาชนะไม่ได้ เขาจึงแสดงความกลัวออกมา ไม่ใช่กลัวผีอุบลนะ แต่กลัวว่าจะพาพี่อัคหนีไม่สำเร็จ ฉากที่ออกมาเช็ดเลือดที่กระจกเห็นได้ชัดมากค่ะ คงเพราะเราเอาใจช่วยตัวละครนี้ด้วยมั้งคะ เราเห็นทุกจุดที่นักแสดงพยายามสื่อเลย และเราคิดว่าน้องเจษแสดงบทนี้ได้ดีมาก

พอมาถึงฉากที่อัคนีกับทิพอาภาตกลงไปในน้ำ เชษไม่ลังเลกระโดดตามลงไปทันที คือ นึกภาพความจริง สะพานมันสูงมากนะคะ ถ้าไม่ได้ตกเองแต่ตั้งใจกระโดดนี่ มันต้องใช้พลังใจมหาศาลเลยแหละ แปลว่าสิ่งหรือคนที่เค้าต้องการรักษา มันยิ่งใหญ่กว่าชีวิตเค้าอีก หัวใจนายยิ่งใหญ่มากจริงๆ นายเชษฐา

เมื่อลงไปถึงลานพิพากษา ทั้งเชษและทิพอาภาต่างยืนยันที่จะตามอัคนีไป แม้คนเฝ้าประตูจะแจ้งให้รู้แล้วว่า ถ้าหากอัคนีถูกตัดสินว่าผิดจริง ทิพและเชษจะต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนไปจนกว่าจะสิ้นอายุไขของตน เชษตอบรับคนแรกโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว

วันนี้เราอินกับการแสดงของนักแสดงทุกคน เราสัมผัสถึงความรักอยู่ในอากาศเต็มไปหมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไม่หวังผลตอบแทนของทิพอาภา ความรักพี่ชายจนยอมทำทุกอย่างให้ได้ของเชษ ความรักของพ่อแม่ต่อลูก ฉากที่แม่อัคนีฝันเห็นอัคนีลงไปในน้ำเราก็ร้องไห้อีกค่ะ หรือแม้แต่ความรักของอุบลที่มีต่ออัคนี เราก็เห็นค่ะ

ลานพิพากษา

ในลานพิพากษา พระยายมย้ำกับอุบลอีกครั้งว่ายังต้องการคำพิพากษาใหม่จริงหรือ พระยายมผู้นี้ยอมให้กับคำขอของอุลเพราะท่านเห็นว่าเป็นวิญญาณที่ดื้อดึง และเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท

“เราให้โอกาสที่ไม่เคยให้กับใคร เพราะวิญญาณเจ้าเต็มไปด้วยความอาฆาตร้าย มุ่งแต่จะเรียกร้องหาความยุติธรรมให้แก่วิญญาณเจ้า...”

ในขณะที่ยอมให้เชษและทิพติดตามมา เพราะความดี

“วันนี้เราอนุญาตให้เจ้าตามมา เพราะเจ้าทั้งสองมีหัวใจรักจริง เรามีอำนาจเหนือทุกอย่าง ยกเว้นคุณความดีในหัวใจมนุษย์”

เรื่องพระยายมนี่เห็นตั้งแต่ต้นเรื่องเลยนะคะว่าท่านไม่เคยอยู่ข้างอุบลเลย ท่านไม่เคยเห็นด้วยกับวิธีการ และไม่ชอบความพยาบาทของอุบล เพราะท่านถามย้ำทุกครั้งว่าแน่ใจใช่มั้ยว่าอยากให้พิพากษาใหม่ ท่านรู้ใจอุบลว่าจริงๆแล้วก็ยังมีความรักหลงเหลือในหัวใจ ท่านจึงยอมต่อความดื้อดึงของอุบล ให้ได้รับบทเรียนเอง

เริ่มการพิจารณาคดี โดยอุบลให้การว่า “หากหม่อมฉันเคยกระทำผิดใดจนทำให้ต้องได้รับความทุกข์ทรมานนี้... ความผิดนั้นก็มีอยู่อย่างเดียว คือหม่อมฉันเคยรักชายผู้นี้!!” ต่อจากนั้นก็เป็นการรำลึกความหลังเมื่ออุบลกับพระอรรคได้พบกันครั้งแรก เราชอบดูฉากอดีตตอนนี้มาก ดูกี่ครั้งก็ประทับใจทุกครั้งค่ะ

ในส่วนของอัคนี เขามาเพื่อชดใช้ ยอมให้ทุกอย่าง แต่อุบลก็ยังไม่พอใจ เราชอบบทตรงนี้มากๆ

“หากกระหม่อมได้เคยกระทำตามนั้นจริง กระหม่อมก็กล้าที่จะยอมรับพระเจ้าข้า”
“ดูเถิด!! เขาจำไม่ได้เลยว่าเคยทำอะไรไว้กับหม่อมฉัน!”
“ผมผิดเหรอที่จำไม่ได้เท่าที่คุณต้องการ?!!!”
“แล้วเราผิดอะไรจึงต้องจดจำทุกอย่าง ทั้งๆที่เราไม่ต้องการ?!!!”

คุณนุ่นกับพี่ป้องเล่นรับส่งกันได้ดีมากในซีนนี้ ต่างคนต่างเจ็บปวดอย่างแท้จริง

-------------------------------------------------------------------------------------

พรุ่งนี้จะเข้าสู่ช่วงของการพิจารณาคดีอย่างจริงจังแล้วนะคะ มีโจทก์ มีจำเลย มีพยาน มีทนายพร้อม พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ตั้งทีมกันเลยค่ะพรุ่งนี้ ใครจะอยู่ทีมไหน ส่วนเราเองขอนอนก่ายหน้าผากคิดคืนนี้ก่อนนะคะ เลือกไม่ได้จริงๆค่ะ สุดท้ายคงขอเป็นหน่วยพยาบาลกลางละกัน ใครโดนแทงมา เดี๋ยวเอามารักษาให้ แล้วปั้นกลับไปสู้ใหม่ ใครอยากอยู่ทีมนี้บ้างคะ ลงชื่อได้นะ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่