ดูละครเรื่องนี้แล้วสงสารทุกคนหมดเลยทั้งอุบล พระอรรค/อัคนี ทิพ/ทิพอาภา เชษฐา
ความจริงเรื่องนี้มันเหมือนเป็นงูกินหางกันไปเนอะ เชษรักทิพอาภา ทิพ(และเชษ ^^)รักพี่อัค อัคนีรักอุบล คนที่สมหวังในชาตินี้ไม่มีเลย ต่อให้เป็นชาติที่แล้วอุบลกับพระอรรคก็ครองรักกันได้ไม่นาน แล้วก็มาเกิดโศกนาฏกรรมซะก่อน ส่วนทิพก็รักข้างเดียว ไม่มีใครสมหวังจนถึงบั้นปลายของชีวิตเลย
พูดถึงความรักของทิพกับเชษ เป็นรักที่ให้กับคนที่เขาไม่รักเราเหมือนกัน ทิพนั้นรักพระอรรคมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย แต่ก็รู้ตัวดีว่าพระอรรคไม่ได้รักตัวเอง เมื่อมีอุบลก็ยิ่งรู้แล้วว่า พระอรรคกับตนเองไม่มีวาสนาที่จะได้คู่กัน แต่ในเมื่อต่างคนต่างรู้ใจกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก พระอรรคจึงเห็นว่าทิพเป็นคนที่ไว้ใจ ที่จะปรึกษาเรื่องต่างๆได้ และก็ไม่ได้รู้ความนัยว่าทิพนั้นรักตัวเอง จึงได้เอาเรื่องอุบลไปปรึกษา เราดูฉากที่พระอรรคไปคุยกับทิพเรื่องซื้อสีมาให้วาดรูปอุบล และทิพแนะนำให้แต่งกลอนให้อุบลด้วย หน้าทิพดูสดใสแช่มชื่นยามได้คุยกับคนที่ตัวเองรัก แล้วก็ดูหวังดีแบบจริงใจ แต่เราเศร้าแล้วก็สงสารทิพมาก เพราะเราก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน ที่คนที่เรารักเค้าเอาเรื่องผู้หญิงคนอื่นที่เค้ากำลังชอบมาปรึกษา แล้วไม่ใช่คนเดียวหลายคน คนแล้วคนเล่า โดยที่เราก็รู้จักกับผู้ชายคนนี้มาก่อนนานมาก ทำให้เค้าไว้ใจที่จะเล่าอะไรทุกอย่างให้เราฟัง เราเข้าใจความรู้สึกทิพดีเลยล่ะ
สำหรับคนที่มองว่าทิพ หรือเชษเองก็ตาม ไม่ควรไปยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้ว และสิ่งที่ทิพในชาติที่แล้วทำ คือ ใกล้ชิดกับพระอรรคเกินหน้าเกินตาเมีย เป็นสิ่งที่แสดงว่าทิพเป็นคนไม่ดี เราอยากจะให้ลองมองในมุมที่ว่า ทิพกับพระอรรคเค้าสนิทกันมาก่อนนะคะ เป็นคนที่โตมาด้วยกัน โดยที่ฝ่ายนึงเป็นพี่ชาย เห็นอีกฝ่ายนึงเป็นน้องสาว ก็ย่อมปฏิบัติดีด้วย เหมือนที่ทำกับคนคุ้นเคยกัน ที่เป็นคนในครอบครัว มีอะไรก็นึกถึง ซื้อมาฝาก มีเรื่องเกี่ยวกับเมียก็เอามาปรึกษา ก็เพราะพระอรรคไม่กลัวเสียหน้ากับทิพ กล้าพูดถึงเรื่องที่ตัวเองไม่มั่นใจ โดนล้อก็ไม่โกรธ เพราะก็สนิทกันมาก อาจจะเคยโดดน้ำเล่นด้วยกันสมัยเด็กด้วยซ้ำไป อันนี้ละครไม่ได้เล่า เรามโนเอง ก็เหมือนกับจันนั่นแหละที่คุณพระสนิทใจพอที่จะเล่าทุกเรื่องให้ฟังได้ ดังนั้นทิพกับจันก็คือคนสนิทของคุณพระ ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นเพศไหน
ส่วนทิพนั้น เริ่มรักพระอรรคตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเวลาที่อยู่ใกล้ เพราะพระอรรคทำดีด้วยแบบน้องสาว ทิพปลื้มพี่ชายอยู่แล้ว เมื่อได้รับสิ่งดีๆทุกวันๆ มันก็กลายเป็นความรักแบบหญิงชายได้ไม่ยากเลย เราว่าถ้าหากพระอรรคช่างสังเกตสักนิด รู้ว่าทิพคิดอะไรกับตัวเอง ก็คงไม่วางตัวสนิทด้วยเพื่อให้ช้ำใจเล่นๆหรอค่ะ แล้วก็คงเกรงใจอุบลด้วย แต่นี่เห็นเป็นน้อง ก็เลยทำเหมือนกับตอนเป็นเด็ก ไม่ได้คิดอะไร ดังนั้นเมื่อทิพรักพระอรรค แล้วก็รู้ใจพระอรรคด้วย เพราะสนิทกันมานาน เมื่อเขามาขอคำปรึกษา แม้จะเป็นเรื่องของเมียเขา ไม่ใช่เรา แต่ทิพก็ยังอยากเป็นคนที่ให้คำปรึกษา อยากช่วยแก้ปัญหา หรือความไม่สบายใจใดๆให้กับคนที่ตัวเองรักอยู่ดี เราไม่ได้คิดว่าทิพทำอะไรล้ำเส้น ตราบใดที่ทิพไม่รู้ความในใจอุบล หรือรู้แล้วแกล้งทำเป็นไม่เห็น แกล้งใส่ไฟให้ไม่สบายใจอยู่เรื่อยๆ แบบนั้นค่ะถึงจะเป็นนางร้ายเต็มขั้น แต่นี่ทิพไม่รู้อะไร ก็คิดว่าเค้าครองรักกันดี มีปัญหาอะไรก็ช่วยให้คำปรึกษา แม้แต่กับอุบล ตอนที่ทิพบอกกับอุบลเกี่ยวกับคุณพระว่า "ถ้าอยากรู้ว่าเขาคิดอะไร ให้ดูว่าเขาทำอะไร" ทิพก็พูดด้วยความจริงใจที่จะให้อุบลเข้าใจคุณพระ ต่อเมื่ออุบลเน้นว่าคุณพระเห็นทิพเป็น "น้องสาว" ทิพถึงได้รู้สึกถึงความนัยแล้วชะงัก แต่ก็อาจจะคิดว่าตัวเองอาจคิดมากไปเอง ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ อุบลเริ่มระแวงแล้วจริงๆ
อย่างไรก็ตามเจตนาของคนมันดูออกยากค่ะ ในสายตาคนดูบางคน ก็อาจจะมองว่าทิพให้ท่าพระอรรคก็ได้ บางคนอาจจะคิดว่าทิพควรวางตัวให้ห่างกว่านี้ เพราะเค้ามีเมียอยู่แล้ว แต่สำหรับเรา เราดูที่การกระทำ ซึ่งเราว่าทิพยังไม่ได้ทำอะไรที่ล้ำเส้น ทิพไม่เคยสารภาพรักกับพระอรรค ไม่เคยดักเจอตอนที่อุบลไม่อยู่ ไม่เคยไปไหนกันสองต่อสองในยามวิกาล (ยกเว้นคืนวันที่มาบอกข่าวแล้วพระอรรคลากข้อมือลงเรือนไป ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับบ้านเมือง) ที่สำคัญทิพไม่เคยปล่อยตัวให้พระอรรค ซึ่งคนอย่างพระอรรคจะมีเมียสักกี่คน ก็ไม่ได้ผิดประเพณีสมัยนั้น ดังนั้นการที่ทั้งสองคนยังรักษาความดีอันบริสุทธิ์ของตัวเองไว้ได้ ว่าง่ายๆคือ รักษาศีลข้อ 3 ไม่ให้ด่างพร้อย เราว่าก็เป็นคนดีมากพอแล้วค่ะ
สำหรับเชษ อันนี้ยิ่งไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ตามดูแลทิพ ก็เพราะอัคนีไม่ใส่ใจ แล้วถึงรู้อัคนีก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับยินดีที่จะฝากฝังทิพให่เชษช่วยดูแลด้วยซ้ำ การหมั้นของทิพอาภาและอัคนี เมื่อมาถึงจุดกลางเรื่อง มันก็รู้กันแล้วค่ะว่าอะไรเป็นอะไร ทิพก็รักข้างเดียวเหมือนกับชาติที่แล้วไม่มีผิด เมื่อรอดกันกลับมาได้ อัคนีก็คงยินดีถ้าเชษกับทิพจะคบกัน
ในส่วนตอนจบนี้ ทิพกับเชษพยายามช่วยอัคนีในลานพิพากษาด้วยการโน้มน้าวใจอุบล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เชษพยายามทำให้อุบลคิดว่าอัคนีไม่ควรต้องชดใช้ ส่วนทิพ ด้วยการถามชี้นำของเชษ ก็ได้เล่าถึงความรักของตัวเอง ว่าคือ การปรารถนาให้คนที่ตัวเองรักได้มีความสุข ยอมเสียสละได้ทุกอย่างแม้แต่ชีวิต ยอมแลกตัวเองกับอัคนี แล้วก็เปรียบเทียบว่าตัวเองนั้นทุกข์กว่าอุบลมาก เพราะไม่เคยได้รักตอบเลย อุบลยังดีกว่าที่ได้รักและถูกรัก (แต่ประเด็นนี้มีแต่ในนิยายนะคะ บทละครตัดออก) เชษนั้นคือคนเห็นแก่ตัว พยายามพูดทุกทางเพื่อให้อัคนีรอดตาย เพราะถ้าอัคนีไม่รอด ตัวเองกับทิพอาภาก็ต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนไปด้วย ส่วนทิพนั้นเสียสละเอาตัวเองแทนอัคนี ก็เพื่อช่วยคนที่ตัวเองรัก เราไม่เห็นว่าเค้าจะมีความผิดอะไรค่ะ ถึงแม้หลายคนจะมองว่า พูดได้ทำไม่ได้ หรือเป็นคนดีแต่พูด เราก็ว่าในขณะที่พูดนั้นทิพอาภามีแต่ความอยากให้อัคนีรอด คิดว่ายอมได้ทุกอย่าง แต่พอถึงเวลา อาจจะทำไม่ได้หรอกค่ะ แต่อย่างน้อยเค้าก็ไม่ได้เสแสร้ง ในละครปรับบทให้ทิพรักอัคนีมาถึง 2 ชาติ เราเชื่อว่าทิพยอมตายแทนอัคนีได้ ส่วนจะต้องไปเผชิญกับอะไร ทำได้แบบอุบลมั้ย มันก็ต้องลองดูค่ะถึงจะรู้
ใครเห็นใจทิพอาภาที่รักข้างเดียวบ้างคะ ถ้าลองเทียบกับประสบการณ์ใกล้เคียงแล้วทำให้เข้าใจมากขึ้นก็แชร์ได้นะคะ
ขอบคุณรูปจากรายงานสดค่ะ
มีใครเคยเจอเหตุการณ์แอบรักข้างเดียวแบบทิพ แต่ก็รักมากแบบเสียสละแทนได้ทุกอย่างบ้างคะ
ความจริงเรื่องนี้มันเหมือนเป็นงูกินหางกันไปเนอะ เชษรักทิพอาภา ทิพ(และเชษ ^^)รักพี่อัค อัคนีรักอุบล คนที่สมหวังในชาตินี้ไม่มีเลย ต่อให้เป็นชาติที่แล้วอุบลกับพระอรรคก็ครองรักกันได้ไม่นาน แล้วก็มาเกิดโศกนาฏกรรมซะก่อน ส่วนทิพก็รักข้างเดียว ไม่มีใครสมหวังจนถึงบั้นปลายของชีวิตเลย
พูดถึงความรักของทิพกับเชษ เป็นรักที่ให้กับคนที่เขาไม่รักเราเหมือนกัน ทิพนั้นรักพระอรรคมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย แต่ก็รู้ตัวดีว่าพระอรรคไม่ได้รักตัวเอง เมื่อมีอุบลก็ยิ่งรู้แล้วว่า พระอรรคกับตนเองไม่มีวาสนาที่จะได้คู่กัน แต่ในเมื่อต่างคนต่างรู้ใจกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก พระอรรคจึงเห็นว่าทิพเป็นคนที่ไว้ใจ ที่จะปรึกษาเรื่องต่างๆได้ และก็ไม่ได้รู้ความนัยว่าทิพนั้นรักตัวเอง จึงได้เอาเรื่องอุบลไปปรึกษา เราดูฉากที่พระอรรคไปคุยกับทิพเรื่องซื้อสีมาให้วาดรูปอุบล และทิพแนะนำให้แต่งกลอนให้อุบลด้วย หน้าทิพดูสดใสแช่มชื่นยามได้คุยกับคนที่ตัวเองรัก แล้วก็ดูหวังดีแบบจริงใจ แต่เราเศร้าแล้วก็สงสารทิพมาก เพราะเราก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน ที่คนที่เรารักเค้าเอาเรื่องผู้หญิงคนอื่นที่เค้ากำลังชอบมาปรึกษา แล้วไม่ใช่คนเดียวหลายคน คนแล้วคนเล่า โดยที่เราก็รู้จักกับผู้ชายคนนี้มาก่อนนานมาก ทำให้เค้าไว้ใจที่จะเล่าอะไรทุกอย่างให้เราฟัง เราเข้าใจความรู้สึกทิพดีเลยล่ะ
สำหรับคนที่มองว่าทิพ หรือเชษเองก็ตาม ไม่ควรไปยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้ว และสิ่งที่ทิพในชาติที่แล้วทำ คือ ใกล้ชิดกับพระอรรคเกินหน้าเกินตาเมีย เป็นสิ่งที่แสดงว่าทิพเป็นคนไม่ดี เราอยากจะให้ลองมองในมุมที่ว่า ทิพกับพระอรรคเค้าสนิทกันมาก่อนนะคะ เป็นคนที่โตมาด้วยกัน โดยที่ฝ่ายนึงเป็นพี่ชาย เห็นอีกฝ่ายนึงเป็นน้องสาว ก็ย่อมปฏิบัติดีด้วย เหมือนที่ทำกับคนคุ้นเคยกัน ที่เป็นคนในครอบครัว มีอะไรก็นึกถึง ซื้อมาฝาก มีเรื่องเกี่ยวกับเมียก็เอามาปรึกษา ก็เพราะพระอรรคไม่กลัวเสียหน้ากับทิพ กล้าพูดถึงเรื่องที่ตัวเองไม่มั่นใจ โดนล้อก็ไม่โกรธ เพราะก็สนิทกันมาก อาจจะเคยโดดน้ำเล่นด้วยกันสมัยเด็กด้วยซ้ำไป อันนี้ละครไม่ได้เล่า เรามโนเอง ก็เหมือนกับจันนั่นแหละที่คุณพระสนิทใจพอที่จะเล่าทุกเรื่องให้ฟังได้ ดังนั้นทิพกับจันก็คือคนสนิทของคุณพระ ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นเพศไหน
ส่วนทิพนั้น เริ่มรักพระอรรคตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเวลาที่อยู่ใกล้ เพราะพระอรรคทำดีด้วยแบบน้องสาว ทิพปลื้มพี่ชายอยู่แล้ว เมื่อได้รับสิ่งดีๆทุกวันๆ มันก็กลายเป็นความรักแบบหญิงชายได้ไม่ยากเลย เราว่าถ้าหากพระอรรคช่างสังเกตสักนิด รู้ว่าทิพคิดอะไรกับตัวเอง ก็คงไม่วางตัวสนิทด้วยเพื่อให้ช้ำใจเล่นๆหรอค่ะ แล้วก็คงเกรงใจอุบลด้วย แต่นี่เห็นเป็นน้อง ก็เลยทำเหมือนกับตอนเป็นเด็ก ไม่ได้คิดอะไร ดังนั้นเมื่อทิพรักพระอรรค แล้วก็รู้ใจพระอรรคด้วย เพราะสนิทกันมานาน เมื่อเขามาขอคำปรึกษา แม้จะเป็นเรื่องของเมียเขา ไม่ใช่เรา แต่ทิพก็ยังอยากเป็นคนที่ให้คำปรึกษา อยากช่วยแก้ปัญหา หรือความไม่สบายใจใดๆให้กับคนที่ตัวเองรักอยู่ดี เราไม่ได้คิดว่าทิพทำอะไรล้ำเส้น ตราบใดที่ทิพไม่รู้ความในใจอุบล หรือรู้แล้วแกล้งทำเป็นไม่เห็น แกล้งใส่ไฟให้ไม่สบายใจอยู่เรื่อยๆ แบบนั้นค่ะถึงจะเป็นนางร้ายเต็มขั้น แต่นี่ทิพไม่รู้อะไร ก็คิดว่าเค้าครองรักกันดี มีปัญหาอะไรก็ช่วยให้คำปรึกษา แม้แต่กับอุบล ตอนที่ทิพบอกกับอุบลเกี่ยวกับคุณพระว่า "ถ้าอยากรู้ว่าเขาคิดอะไร ให้ดูว่าเขาทำอะไร" ทิพก็พูดด้วยความจริงใจที่จะให้อุบลเข้าใจคุณพระ ต่อเมื่ออุบลเน้นว่าคุณพระเห็นทิพเป็น "น้องสาว" ทิพถึงได้รู้สึกถึงความนัยแล้วชะงัก แต่ก็อาจจะคิดว่าตัวเองอาจคิดมากไปเอง ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ อุบลเริ่มระแวงแล้วจริงๆ
อย่างไรก็ตามเจตนาของคนมันดูออกยากค่ะ ในสายตาคนดูบางคน ก็อาจจะมองว่าทิพให้ท่าพระอรรคก็ได้ บางคนอาจจะคิดว่าทิพควรวางตัวให้ห่างกว่านี้ เพราะเค้ามีเมียอยู่แล้ว แต่สำหรับเรา เราดูที่การกระทำ ซึ่งเราว่าทิพยังไม่ได้ทำอะไรที่ล้ำเส้น ทิพไม่เคยสารภาพรักกับพระอรรค ไม่เคยดักเจอตอนที่อุบลไม่อยู่ ไม่เคยไปไหนกันสองต่อสองในยามวิกาล (ยกเว้นคืนวันที่มาบอกข่าวแล้วพระอรรคลากข้อมือลงเรือนไป ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับบ้านเมือง) ที่สำคัญทิพไม่เคยปล่อยตัวให้พระอรรค ซึ่งคนอย่างพระอรรคจะมีเมียสักกี่คน ก็ไม่ได้ผิดประเพณีสมัยนั้น ดังนั้นการที่ทั้งสองคนยังรักษาความดีอันบริสุทธิ์ของตัวเองไว้ได้ ว่าง่ายๆคือ รักษาศีลข้อ 3 ไม่ให้ด่างพร้อย เราว่าก็เป็นคนดีมากพอแล้วค่ะ
สำหรับเชษ อันนี้ยิ่งไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ตามดูแลทิพ ก็เพราะอัคนีไม่ใส่ใจ แล้วถึงรู้อัคนีก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับยินดีที่จะฝากฝังทิพให่เชษช่วยดูแลด้วยซ้ำ การหมั้นของทิพอาภาและอัคนี เมื่อมาถึงจุดกลางเรื่อง มันก็รู้กันแล้วค่ะว่าอะไรเป็นอะไร ทิพก็รักข้างเดียวเหมือนกับชาติที่แล้วไม่มีผิด เมื่อรอดกันกลับมาได้ อัคนีก็คงยินดีถ้าเชษกับทิพจะคบกัน
ในส่วนตอนจบนี้ ทิพกับเชษพยายามช่วยอัคนีในลานพิพากษาด้วยการโน้มน้าวใจอุบล [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เชษนั้นคือคนเห็นแก่ตัว พยายามพูดทุกทางเพื่อให้อัคนีรอดตาย เพราะถ้าอัคนีไม่รอด ตัวเองกับทิพอาภาก็ต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนไปด้วย ส่วนทิพนั้นเสียสละเอาตัวเองแทนอัคนี ก็เพื่อช่วยคนที่ตัวเองรัก เราไม่เห็นว่าเค้าจะมีความผิดอะไรค่ะ ถึงแม้หลายคนจะมองว่า พูดได้ทำไม่ได้ หรือเป็นคนดีแต่พูด เราก็ว่าในขณะที่พูดนั้นทิพอาภามีแต่ความอยากให้อัคนีรอด คิดว่ายอมได้ทุกอย่าง แต่พอถึงเวลา อาจจะทำไม่ได้หรอกค่ะ แต่อย่างน้อยเค้าก็ไม่ได้เสแสร้ง ในละครปรับบทให้ทิพรักอัคนีมาถึง 2 ชาติ เราเชื่อว่าทิพยอมตายแทนอัคนีได้ ส่วนจะต้องไปเผชิญกับอะไร ทำได้แบบอุบลมั้ย มันก็ต้องลองดูค่ะถึงจะรู้
ใครเห็นใจทิพอาภาที่รักข้างเดียวบ้างคะ ถ้าลองเทียบกับประสบการณ์ใกล้เคียงแล้วทำให้เข้าใจมากขึ้นก็แชร์ได้นะคะ
ขอบคุณรูปจากรายงานสดค่ะ