เราว่าตอนนี้สโรชินีเริ่มใจอ่อนแล้วนะคะ ผ่านมาหลายๆฉากเนี่ย ทั้งฉากริมบึง ฉากรถชนและฉากโรงพยาบาลทั้งหมด ความรู้สึกของคนรักชัดเจน อุบลเป็นห่วงอัคนีมาก ตอนรอคนมาช่วยจากซากรถก็ไปกอดไว้ ประโยคที่พูดว่า ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณเป็นอะไรไป พูดด้วยความรู้สึกรักอย่างชัดเจน ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่อ้างว่าจะต้องเอาอัคนีไปในวันพิพากษาให้ได้
ใช่ล่ะค่ะ มันคือทั้งรักทั้งแค้น แต่ด้านรักมันค่อยๆเพิ่มแล้วนะคะในความคิดเรา อย่าเรียกว่าเพิ่มเลย เรียกว่าค่อยๆกลับคืนมาดีกว่า เพราะอุบลรักคุณพระที่สุด คงรักมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ที่ผ่านมาตอนที่ยังไม่พบเจอ มันคือความแค้นทั้งหมด แต่ตอนนี้ได้มาเจอ ได้พูดคุย ได้เห็นความทรงจำที่ยังอยู่ของอัคนี ที่เค้า "เผลอ" แสดงมันออกมาเนี่ย อุบลในนามสโรชินีเริ่มรักอัคนีอีกครั้งแล้วค่ะ ไม่ได้มีแต่ความทรงจำเดิมกับพระอรรคเท่านั้น แต่ตอนนี้อัคนีทำให้สโรชินีรู้สึกรักได้อีกครั้งแล้ว ด้วยความเป็นอัคนีเนี่ยแหละ เห็นชัดมากว่าสโรชินีรู้สึกดีกับสิ่งที่อัคนีทำ ทั้งฉากที่ต่อยกับคนของท่านดนัยเพื่อปกป้องตัวเอง ฉากที่อัคนีบอกว่าทั้งเขาและคุณพระรู้สึกเหมือนกันว่าอยากจะปกป้อง สโรชินีปฏิเสธว่าไม่จริง แต่ก็ยังอยากจะฟัง ฟังแล้วก็อด "เผลอใจไป" ในชั่วขณะหนึ่งเหมือนกับอัคนีไม่ได้ เราว่าที่ร้องไห้ฉากนั้น มันคือรักมากกว่าแค้นนะคะ หรืออย่างฉากรำแล้วอัคนีมาเช็ดน้ำตา มันเหมือนเป็นความรู้สึกปนๆกันทั้งน้อยใจแต่ก็คิดถึง อุบลยอมอ่อนลงให้กับความอ่อนโยนของอัคนีแล้วค่ะ
ในภาคละคร อ่านบทแล้วเหมือนสโรชินีน่าจะแค้นพระอรรคมากกว่า เพราะก็มีเรื่องทิพย์ด้วย เรื่องบุคลิกของพระอรรคที่ไม่อ่อนโยนด้วย น่าจะเกลียดและโกรธแค้นสุดๆ แต่ดูไปดูมา มันเพิ่มขึ้นจากนิยายทั้งรักและแค้นเลยค่ะ
เราว่ากว่าจะถึงวันพิพากษา อุบลจะค่อยๆคลายความแค้นลงเรื่อยๆละค่ะ เพราะข้างรักมันเพิ่มขึ้นทุกวันๆ อัคนีถึงจะยังไม่รู้สึกว่าตัวเองคือพระอรรคก็แคร์สโรชินีพอสมควรเลย ถึงจะมีบางคำพูดที่ทำให้เจ็บช้ำ แต่ความปรานาดีก็ยังส่งให้ตลอด คอยพูดแทนพระอรรคตลอด โดนไล่กลับมาก็ไปเพียรหาหลักฐานมายืนยันพิสูจน์ ซึ่งสโรชินีปากบอกไม่เชื่อ แต่ใจก็ยังรับฟังตลอด แล้วตอนท้ายเรื่องก็จะมีเหตุการณ์ที่อัคนีกับอุบลอยู่ฝั่งเดียวกัน ช่วยกันปกป้อง "บ้านของเรา" ด้วย ซึ่งเหตุการณ์นี้น่าจะสำคัญมากกับความรู้สึกของอุบล ส่วนฝั่งแค้นที่แค้นจากความจริงในอดีตคงเท่าเดิม เพราะเป็นเหตุการณ์เดิมที่เกิดไปแล้ว พระอรรคตายไปแล้ว อัคนีก็เป็นคนในชาติใหม่ มันก็แค่ไปสะกิดแผลเดิมทุกครั้งที่สร้างนิมิตให้อัคนี เราคนดูอินว่าอุบลแค้นมาก เพราะเราเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก แต่ตัวอุบลเค้ารู้นานแล้ว ส่วนถ้าจะแค้นเพิ่มในปัจจุบันนั้น หลักๆมันก็มีแค่ประเด็นว่า ยังจำไม่ได้ เลยหักหาญน้ำใจ พูดจากระทบความรู้สึก อี๋อ๋อกับทิพอาภา ทั้งหมดนี้ก็เพราะจำไม่ได้ ดังนั้นความแค้นเพิ่มบ้าง (แต่ก็เพิ่มไม่มาก เพราะก็ยังตระหนักอยู่ว่าทั้งหมดเป็นเพราะความที่ยังไม่รู้อดีตของอัคนี) แต่ความรักนี่กราฟขึ้นพรวดๆเลยค่ะ
พร้อมๆกับที่อยากให้อัคนีจำได้ว่าทำอะไรเอาไว้ ที่ควรจะต้องชดใช้ สโรชินีก็อยากให้อัคนีจำได้ว่าพระอรรคเคยรักอุบลแค่ไหนไปพร้อมกันด้วย ไม่ใช่แค่เพื่อทำให้รู้สึกผิดอย่างเดียว ว่าอุบลเคยดีขนาดนี้ ทำไมฆ่าได้ลงคอ แต่ลึกๆแล้วอยากให้จำได้ เพื่อที่อัคนีจะได้ย้ำกับว่าพระอรรครักนั่นแหละ อยากให้เค้ายืนยัน อยากให้อธิบาย เพราะอยากจะเข้าใจ ลึกๆแล้วก็หวังว่าที่เห็นมันจะไม่ใช่แบบนั้น เราว่าในวันพิพากษา มันจะไม่ได้เป็น 2 ข้างชัดเจนละนะคะ มันจะเป็นอารมณ์ที่อุบลต่อว่าๆให้เจ็บ ให้รู้บ้างว่าเคยทำอะไรไว้ ทำให้เสียใจเพียงไหน พาไปดูเพื่อความสะใจที่เห็นอัคนีตกเป็นจำเลย แต่พออัคนีอธิบาย แก้ความเข้าใจผิดเรื่องทิพอาภา ยืนยันว่าพระอรรครัก เรื่องมันก็จบแล้วค่ะ มันเหมือนกับคนรักโกรธกันน่ะ โกรธมาก น้อยใจมาก อยากฟังคำแก้ตัว อยากรู้ว่าที่เข้าใจผิดมันไม่จริง อยากรู้ว่ายังรักอยู่ ก็แค่นั้นแหละ ต่อมาเมื่อดีกันแล้ว อารมณ์ก็เหมือนแย่งกันบอกรัก แย่งกันเสียสละมากกว่าแล้ว
พระยายมท่านรู้จักอุบลกับพระอรรค/อัคนีดี ถึงได้ถามย้ำนักย้ำหนาว่าแน่ใจหรือว่าต้องการฟื้นความจำอัคนี เพื่อให้พิพากษาใหม่จริงๆ ถ้าอัคนีจำได้เมื่อไหร่ก็หมายถึงต้องเดินหน้าอย่างเดียว จะไม่มีทางย้อนกลับมาได้แล้ว ความหมายก็คือ ด้วยความเป็นพระอรรคและอัคนี ที่ถือเอาความรับผิดชอบต่อหน้าที่เป็นสำคัญ ยังไงเมื่อระลึกชาติได้ ก็ต้องเต็มใจยอมรับทำหน้าที่แทนอุบลแน่นอน ไม่มีทางที่จะหลบเลี่ยง แล้วอุบลนั่นแหละจะเสียใจมั้ย ถึงเวลานั้นจะรับได้มั้ย อุบลตอบว่าแน่ใจ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้
นี่คือความเห็นของเราค่ะ คนอื่นคิดว่าไงกันบ้างคะ โดยเฉพาะทีมอุบล
ปล. เราเรียกอุบลกับสโรชินีทั้งสองอย่าง มั่วไปหมด ต้องขออภัย
พิษสวาท เราว่าสโรชินีเริ่มรักมากขึ้นจนเกือบจะมาเท่า และอาจจะเกือบแซงความแค้นแล้วนะคะ
ใช่ล่ะค่ะ มันคือทั้งรักทั้งแค้น แต่ด้านรักมันค่อยๆเพิ่มแล้วนะคะในความคิดเรา อย่าเรียกว่าเพิ่มเลย เรียกว่าค่อยๆกลับคืนมาดีกว่า เพราะอุบลรักคุณพระที่สุด คงรักมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ที่ผ่านมาตอนที่ยังไม่พบเจอ มันคือความแค้นทั้งหมด แต่ตอนนี้ได้มาเจอ ได้พูดคุย ได้เห็นความทรงจำที่ยังอยู่ของอัคนี ที่เค้า "เผลอ" แสดงมันออกมาเนี่ย อุบลในนามสโรชินีเริ่มรักอัคนีอีกครั้งแล้วค่ะ ไม่ได้มีแต่ความทรงจำเดิมกับพระอรรคเท่านั้น แต่ตอนนี้อัคนีทำให้สโรชินีรู้สึกรักได้อีกครั้งแล้ว ด้วยความเป็นอัคนีเนี่ยแหละ เห็นชัดมากว่าสโรชินีรู้สึกดีกับสิ่งที่อัคนีทำ ทั้งฉากที่ต่อยกับคนของท่านดนัยเพื่อปกป้องตัวเอง ฉากที่อัคนีบอกว่าทั้งเขาและคุณพระรู้สึกเหมือนกันว่าอยากจะปกป้อง สโรชินีปฏิเสธว่าไม่จริง แต่ก็ยังอยากจะฟัง ฟังแล้วก็อด "เผลอใจไป" ในชั่วขณะหนึ่งเหมือนกับอัคนีไม่ได้ เราว่าที่ร้องไห้ฉากนั้น มันคือรักมากกว่าแค้นนะคะ หรืออย่างฉากรำแล้วอัคนีมาเช็ดน้ำตา มันเหมือนเป็นความรู้สึกปนๆกันทั้งน้อยใจแต่ก็คิดถึง อุบลยอมอ่อนลงให้กับความอ่อนโยนของอัคนีแล้วค่ะ
ในภาคละคร อ่านบทแล้วเหมือนสโรชินีน่าจะแค้นพระอรรคมากกว่า เพราะก็มีเรื่องทิพย์ด้วย เรื่องบุคลิกของพระอรรคที่ไม่อ่อนโยนด้วย น่าจะเกลียดและโกรธแค้นสุดๆ แต่ดูไปดูมา มันเพิ่มขึ้นจากนิยายทั้งรักและแค้นเลยค่ะ
เราว่ากว่าจะถึงวันพิพากษา อุบลจะค่อยๆคลายความแค้นลงเรื่อยๆละค่ะ เพราะข้างรักมันเพิ่มขึ้นทุกวันๆ อัคนีถึงจะยังไม่รู้สึกว่าตัวเองคือพระอรรคก็แคร์สโรชินีพอสมควรเลย ถึงจะมีบางคำพูดที่ทำให้เจ็บช้ำ แต่ความปรานาดีก็ยังส่งให้ตลอด คอยพูดแทนพระอรรคตลอด โดนไล่กลับมาก็ไปเพียรหาหลักฐานมายืนยันพิสูจน์ ซึ่งสโรชินีปากบอกไม่เชื่อ แต่ใจก็ยังรับฟังตลอด แล้วตอนท้ายเรื่องก็จะมีเหตุการณ์ที่อัคนีกับอุบลอยู่ฝั่งเดียวกัน ช่วยกันปกป้อง "บ้านของเรา" ด้วย ซึ่งเหตุการณ์นี้น่าจะสำคัญมากกับความรู้สึกของอุบล ส่วนฝั่งแค้นที่แค้นจากความจริงในอดีตคงเท่าเดิม เพราะเป็นเหตุการณ์เดิมที่เกิดไปแล้ว พระอรรคตายไปแล้ว อัคนีก็เป็นคนในชาติใหม่ มันก็แค่ไปสะกิดแผลเดิมทุกครั้งที่สร้างนิมิตให้อัคนี เราคนดูอินว่าอุบลแค้นมาก เพราะเราเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก แต่ตัวอุบลเค้ารู้นานแล้ว ส่วนถ้าจะแค้นเพิ่มในปัจจุบันนั้น หลักๆมันก็มีแค่ประเด็นว่า ยังจำไม่ได้ เลยหักหาญน้ำใจ พูดจากระทบความรู้สึก อี๋อ๋อกับทิพอาภา ทั้งหมดนี้ก็เพราะจำไม่ได้ ดังนั้นความแค้นเพิ่มบ้าง (แต่ก็เพิ่มไม่มาก เพราะก็ยังตระหนักอยู่ว่าทั้งหมดเป็นเพราะความที่ยังไม่รู้อดีตของอัคนี) แต่ความรักนี่กราฟขึ้นพรวดๆเลยค่ะ
พร้อมๆกับที่อยากให้อัคนีจำได้ว่าทำอะไรเอาไว้ ที่ควรจะต้องชดใช้ สโรชินีก็อยากให้อัคนีจำได้ว่าพระอรรคเคยรักอุบลแค่ไหนไปพร้อมกันด้วย ไม่ใช่แค่เพื่อทำให้รู้สึกผิดอย่างเดียว ว่าอุบลเคยดีขนาดนี้ ทำไมฆ่าได้ลงคอ แต่ลึกๆแล้วอยากให้จำได้ เพื่อที่อัคนีจะได้ย้ำกับว่าพระอรรครักนั่นแหละ อยากให้เค้ายืนยัน อยากให้อธิบาย เพราะอยากจะเข้าใจ ลึกๆแล้วก็หวังว่าที่เห็นมันจะไม่ใช่แบบนั้น เราว่าในวันพิพากษา มันจะไม่ได้เป็น 2 ข้างชัดเจนละนะคะ มันจะเป็นอารมณ์ที่อุบลต่อว่าๆให้เจ็บ ให้รู้บ้างว่าเคยทำอะไรไว้ ทำให้เสียใจเพียงไหน พาไปดูเพื่อความสะใจที่เห็นอัคนีตกเป็นจำเลย แต่พออัคนีอธิบาย แก้ความเข้าใจผิดเรื่องทิพอาภา ยืนยันว่าพระอรรครัก เรื่องมันก็จบแล้วค่ะ มันเหมือนกับคนรักโกรธกันน่ะ โกรธมาก น้อยใจมาก อยากฟังคำแก้ตัว อยากรู้ว่าที่เข้าใจผิดมันไม่จริง อยากรู้ว่ายังรักอยู่ ก็แค่นั้นแหละ ต่อมาเมื่อดีกันแล้ว อารมณ์ก็เหมือนแย่งกันบอกรัก แย่งกันเสียสละมากกว่าแล้ว
พระยายมท่านรู้จักอุบลกับพระอรรค/อัคนีดี ถึงได้ถามย้ำนักย้ำหนาว่าแน่ใจหรือว่าต้องการฟื้นความจำอัคนี เพื่อให้พิพากษาใหม่จริงๆ ถ้าอัคนีจำได้เมื่อไหร่ก็หมายถึงต้องเดินหน้าอย่างเดียว จะไม่มีทางย้อนกลับมาได้แล้ว ความหมายก็คือ ด้วยความเป็นพระอรรคและอัคนี ที่ถือเอาความรับผิดชอบต่อหน้าที่เป็นสำคัญ ยังไงเมื่อระลึกชาติได้ ก็ต้องเต็มใจยอมรับทำหน้าที่แทนอุบลแน่นอน ไม่มีทางที่จะหลบเลี่ยง แล้วอุบลนั่นแหละจะเสียใจมั้ย ถึงเวลานั้นจะรับได้มั้ย อุบลตอบว่าแน่ใจ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้
นี่คือความเห็นของเราค่ะ คนอื่นคิดว่าไงกันบ้างคะ โดยเฉพาะทีมอุบล
ปล. เราเรียกอุบลกับสโรชินีทั้งสองอย่าง มั่วไปหมด ต้องขออภัย