วันนี้เรื่องดูเหมือนไม่มีอะไรมาก เป็นช่วงของการเดินเรื่อง ฉากสำคัญๆจะไปอยู่ที่พาร์ทอดีตนะคะวันนี้ โดยคีย์เวิร์ดที่สำคัญ คือ บทสนทนาที่อุบลพูดกับพระยายม
“แต่หม่อมฉันจะไม่มีวันล้มเลิกความตั้งใจ ชายผู้นั้นอาจปฏิเสธความรักที่เคยมีต่อหม่อมฉันได้ แต่เขาไม่อาจปฏิเสธความรักที่เขามีต่อแผ่นดินได้พระเจ้าข้า...”
“เจ้าคิดดีแล้วหรือที่จะฟื้นความทรงจำเขาด้วยวิธีนั้น?”
“หม่อมฉันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วพระเจ้าข้า... หม่อมฉันยังจำได้ดีถึงความรักความหวงแหนแผ่นดินเกิดที่ฝังอยู่ในวิญญานของชายผู้นั้น”
จะเห็นได้ว่า เรื่องความรักชาติของพระอรรค ถูกอุบลนำมาใช้เป็นเครื่องมือเรียกความทรงจำของอัคนีอยู่ตลอดทั้งเรื่อง และมันก็มีอานุภาพมากกว่าความรักเสียอีก แม้จะไม่มั่นใจว่าพระอรรคเคยรักเธอหรือไม่ (อันที่จริงก็ฝังใจเลยด้วยซ้ำว่าเกลียด จากความเข้าใจผิดต่างๆนาๆ แบบที่ละครพยายามนำเสนอ) แต่อุบลรู้ดีว่าพระอรรคนั้นรักชาติเพียงใด และมั่นใจด้วยว่าความรักชาตินั้นได้ฝังอยู่แน่นสนิทในวิญญาณ จนติดตามมาถึงชาติภพนี้
เธอคิดถูก เมื่อเป็นเรื่องชาติ ความทรงจำของอัคนีถูกปลุกขึ้นมาได้ง่ายเสมอ ดูอย่างวันนี้ แค่เขาได้เห็นดาบคู่ ทันทีที่หยิบมันขึ้นมา เขาก็ได้กลายเป็นพระอรรคไปอีกครั้ง เพียงแค่อุบลเนรมิตเงาของพวกอังวะให้เห็น อัคนีก็ออกไปโรมรันกับศัตรูอย่างหิวกระหาย ราวกับมันเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ และทำเป็นตลอดมา
แม้ในหลายๆฉากหลายๆตอน อัคนีได้เห็นความเป็นพระอรรคที่โหดเหี้ยม ผ่านการเป็นบุคคลนอก ที่ได้ดูอยู่ในฉากเหล่านั้นด้วย เขาถึงกับอาเจียนออกมา เมื่อได้เห็นความเหี้ยมโหดของพระอรรค แต่ก็เขาเองอีกนั่นแหละ เมื่อได้สัมผัสดาบคู่กาย ได้เห็นเพียงเงาของพวกอังวะ เขาก็พร้อมจะกระโดดเข้าไปเป็นขุนศึกผู้กระหายเลือดศัตรูผู้นั้นเสียเอง
ด้วยความขัดแย้งในใจข้อนี้ ทั้งที่ไม่ชอบที่ได้เห็น แต่ก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ ทำให้อัคนีคิดจะหนี หนีไปให้ไกล ยิ่งเข้าใกล้ความจริงเพียงใด แต่ความจริงนั้นกลับทำให้เขากลัว กลัวว่าถ้าเขาจำได้ขึ้นมาจริงๆ เขาจะรับตัวเองได้แน่หรือ
เมื่ออัคนีคิดจะหนี มีหรือที่อุบลจะยอม เธอต้องทำให้ทุกอย่างกลับมาในแผนที่เธอวางไว้ให้ได้ ผ่านงานรฤกอยุธยา ที่จะเป็นฉากในวันพรุ่งนี้ ในงานนี้เธอจะสร้างเหตุการณ์คล้ายๆกันกับคราวก่อน เธอได้เห็นแล้วว่า เขามีปฏิกิริยาอย่างไร ต่อการเห็นพวกอังวะ คราวนี้เธอจะจำลองฉากกรุงแตก เธอมั่นใจว่าเขาจะสวมวิญญาณพระอรรคขึ้นมาอีกครั้ง แล้วคราวนี้เขาจะได้รู้สักทีว่าสิ่งที่เขาคาดคั้นอยากจะรู้ให้ได้ คำถามข้อนั้น เขาไปทำอะไรให้เธอ ตอนนี้แหละที่เขาจะได้รู้
พร้อมๆกับที่อุบลพยายามรื้อฟื้นอดีตของอัคนีผ่านความรักชาติ ละครก็ได้ขยี้เหตุผลและความชอบธรรมของอุบลที่จะมาทวงหนี้แค้นครั้งนี้ไปพร้อมๆกัน ฉากที่อุบลแอบได้ยิน (ทั้งที่อยู่ไกลมาก 555) ว่าขุนวิจิตร มาฝากทิพให้เป็นเมียอีกคนของพระอรรค ประจวบกับที่คุณพระก็คิดเป็นห่วง จนตัดสินใจส่งอุบลไปอยู่กับแม่ที่เมืองเพชรบุรี ทำให้อุบลหมดแล้วซึ่งความหวังว่าคุณพระนั้นยังรักและเมตตาเธออยู่ และเมื่อคุณพระบัลดาลโทสะกับเธอ ที่มาท้าทายให้เขาฆ่าเธอซะ เธอยินดีตายด้วยน้ำมือของคนที่เธอรักและบูชา เมื่อเขาตอบกลับมาว่า “หากเพลานั้นมาถึง ข้าจะไม่รอให้เจ้าท้าทายข้าเยี่ยงนี้อีก!!”
ประโยคนี้เองที่ทำให้อุบลรู้ว่าคุณพระไม่ต้องการเธออีกต่อไปแล้ว ถ้าแม้นถึงกับจะต้องฆ่า เขาก็คงทำได้ ดังนั้นเหตุผลทุกอย่างจึงลงตัว เหมาะเจาะและรับกันดี กับการที่เขาฆ่าตัดคอเธอให้เฝ้าสมบัติอยู่ที่นั่น เพื่อจะได้ไปเสวยสุขกับทิพ เมียคนใหม่
ในเมื่อขาข้างนึงของเราอยู่ในทีมพระอรรค ดังนั้นจะขอยกเหตุผลขึ้นช่วยหัวหน้าทีม ว่าได้กล่าวคำๆนั้นไปเพราะอะไร “ อย่าท้าข้าอุบล… หากเพลานั้นมาถึง ข้าจะไม่รอให้เจ้าท้าทายข้าเยี่ยงนี้อีก!!”
ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงที่คุณพระวุ่นวายใจหลายเรื่องมาก ทั้งการศึก ทั้งเรื่องขุนวิจิตร ทั้งเรื่องที่ตัวเองตัดสินใจแล้วว่าจะตายเป็นปู่โสมรักษาสมบัติ และ ท้ายที่สุดคือเรื่องของอุบล ที่คุณพระฉุดกระชากลากถูเมียลงเรือนไปก็เพราะอยากให้มีคนดูแล รู้ว่าตัวเองต้องตายแน่ ๆ แล้ว ทีนี้พอเมียดื้อดึงอย่างที่ไม่เคยดื้อดึงมาก่อน (ปกติคุณอุบลจะยอม คือ มีถามบ้างแหละ แต่พอดุละก็เงียบ) ถึงขั้นเอาดาบมาจ่อคอตัวเอง คุณพระก็โมโห ทำไมไม่ทำตามไปนะ (คุณพระเองน่ะ คิดสารตะมาแล้ว ตัดสินใจแล้วว่าทางนี้ดีที่สุด) เมียต้องเชื่อผัวสิ (ตามขนบสมัยก่อน) ถ้าไม่ไปโอกาสที่จะไม่รอดก็สูงมากเลย แต่จะบอกแบบนั้นก็บอกไม่ได้ เพราะไม่อยากให้เมียรู้ ถ้าบอกเรื่องนี้มันก็จะต้องเกี่ยวพันไปเรื่องอื่น เมื่อหลายเรื่องมันสุมเข้าและมันเกี่ยวกับชีวิตของคนที่เรารักที่สุด แต่ตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากบังคับ ตะคอก ขู่ อย่างที่เคยทำแล้วคิดว่าเมียจะเชื่อ จะหยุด และ ทำตาม มันก็อึดอัดใจมันก็โมโห ประกอบกับเป็นคนอารมณ์ร้อนและเด็ดขาดอยู่แล้ว คนไม่ฟังคำสั่งก็คือท้าทาย และ ในความคิดของคุณพระนี่คือท้าทายในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฉันทำเพื่อเธออยู่นะ ไม่เห็นเหรอ ทำ ๆ ไปอย่างที่บอกได้ไหมละ ไม่ต้องมีคำถามได้ไหม ทำไมไม่เข้าใจบ้าง (อือ ... ไม่เข้าใจก็ถูกแล้วไง ไม่ได้มีโทรจิต ไม่ได้เป็นอับดุล) คือคิดฝ่ายเดียวว่าตัวเองคิดมาดีแล้ว และ ตั้งธงว่า "เมีย" ต้องเข้าใจ ที่ดาบจ่อคอนั่นก็คือโมโห และ เดาว่าเป็นการขู่ให้กลัวมากขึ้นไปอีก เผื่อจะทำให้อุบลอยากรีบไปเสียให้พ้น ๆ แต่ใครจะไปนึกว่านอกจากไม่ไปแล้วยังมีน้ำตา แล้วมานั่งเหมือนใจสลายตรงหน้าอีก ที่เดินหนีโมโหก็ส่วนหนึ่ง แต่เราคิดว่าอีกส่วนหนึ่งก็คือน้ำตาเมียอีกแล้วไง ทนไม่ได้
ขอขอบคุณคุณวรินทร์รตา ทีมอุบลนะคะ ที่ช่วยกรุณามาอธิบายเหตุผลของพระอรรคให้ฟัง ทั้งที่คนอยู่ทีมคุณพระอย่างเรายังไม่เข้าใจ ขอบคุณมากค่ะ ชอบบรรยากาศการคุยของละครเรื่องนี้จังเลยอ่ะ ขนาดอยู่คนละทีม ยังเข้าใจอีกฝ่ายได้
มาถึงการวิจารณ์การแสดงกันสนุกๆบ้างค่ะ
คุณพระพูดเร็วมากค่ะ ยิ่งฉากจะตัดคอคนขายความลับชาติ น้องฟังไม่รู้เรื่องเลยฮ่ะ เพราะคำโบราณเยอะมาก คำไม่คุ้นหู ยิ่งฟังไม่รู้เรื่อง พี่ป้องเวลาฉากโกรธนี่ควบคุมสปีดการพูดไม่ได้เลยอ่ะ
พระยายมนี่เหมือนนกสองหัวเนอะ มีหัวเราะเยาะด้วยอ่ะ ตอนอัคนีเก็บของหนี แล้วยังตอกย้ำอุบลอีกแน่ะ ว่าเขาทำให้เจ้าเสียใจมากี่ครั้งแล้ว เหมือนเสี้ยมให้ยิ่งแค้น แล้วก็กลับมาบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างอาจจะไม่เป็นอย่างที่เจ้าคิดก็ได้ เจ้าอาจจะไม่ได้ทุกอย่างดั่งใจเสมอไป เอ่อ คือ พระยายมอยู่ทีมไหนอ่ะ ชักสงสัย
เชษนี่จะเอายังไง อัคนีบอกอยากไปเจอสิ่งใหม่ๆ ก็ไปแขวะเค้าอีกว่าหรือว่าอยากลืมอะไรเก่าๆ ตกลงนี่หึงอีกแล้วใช่มั้ย เชษนี่นิสัยผู้หญิงมากอ่ะ เหมือนคนหาเรื่องแฟนไปเรื่อยๆ เค้าบอกไม่ยุ่งแล้ว จะเดินไปข้างหน้า มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ยังจะไปประชดเค้าอีกว่า หรือไม่อยากคิดถึงอะไรเก่าๆ พาลอ่ะหมอ ถ้าเป็นทิพอาภาพูด มันยังน่าเข้าใจมากกว่านี้นะ เพราะนั่นเค้าคู่หมั้น อยากรู้ว่าเจษเค้าตีความตัวละครยังไงอ่ะ เป็นเราคงงงมาก ว่าอยากให้ตามรักทิพอาภา หรือตามหึงอัคนีกันแน่ 555
คือ สังเกตหลายทีแล้วว่า คุณนุ่นพูดควบกล้ำบางทีผิดๆถูกๆ แต่วันนี้ชัดมาก ทุกอย่าง “ขับเคื่อน” ไปตามทางของมัน น่าจะคัทใหม่นะคะ แต่แม่ก็ยังเป็นแม่ค่ะ เล่นดีจนไม่รู้จะดียังไง โดยเฉพาะฉาก ที่พูดว่า “เอาเลยเจ้าค่ะ อย่ารอช้าอยู่...ถ้าน้องจะต้องตายก็ขอให้ตายด้วยน้ำมือของคนที่น้องรักแลบูชาเถิด!!” และก็ “ถ้าหมดซึ่งรักและเมตตาต่อกันแล้ว ก็ขอให้บั่นคอน้องเสียเถิดเจ้าค่ะ” คือสองประโยคนี้ ความเจ็บกินลึกจนอยากร้องไห้ตาม ดีงามมากๆค่ะ กราบ
คิดหัวข้อไม่ออก แค่อยากคุย วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ ชอบฉากไหนกันบ้าง พิษสวาท 23 ส.ค. 2559
“แต่หม่อมฉันจะไม่มีวันล้มเลิกความตั้งใจ ชายผู้นั้นอาจปฏิเสธความรักที่เคยมีต่อหม่อมฉันได้ แต่เขาไม่อาจปฏิเสธความรักที่เขามีต่อแผ่นดินได้พระเจ้าข้า...”
“เจ้าคิดดีแล้วหรือที่จะฟื้นความทรงจำเขาด้วยวิธีนั้น?”
“หม่อมฉันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วพระเจ้าข้า... หม่อมฉันยังจำได้ดีถึงความรักความหวงแหนแผ่นดินเกิดที่ฝังอยู่ในวิญญานของชายผู้นั้น”
จะเห็นได้ว่า เรื่องความรักชาติของพระอรรค ถูกอุบลนำมาใช้เป็นเครื่องมือเรียกความทรงจำของอัคนีอยู่ตลอดทั้งเรื่อง และมันก็มีอานุภาพมากกว่าความรักเสียอีก แม้จะไม่มั่นใจว่าพระอรรคเคยรักเธอหรือไม่ (อันที่จริงก็ฝังใจเลยด้วยซ้ำว่าเกลียด จากความเข้าใจผิดต่างๆนาๆ แบบที่ละครพยายามนำเสนอ) แต่อุบลรู้ดีว่าพระอรรคนั้นรักชาติเพียงใด และมั่นใจด้วยว่าความรักชาตินั้นได้ฝังอยู่แน่นสนิทในวิญญาณ จนติดตามมาถึงชาติภพนี้
เธอคิดถูก เมื่อเป็นเรื่องชาติ ความทรงจำของอัคนีถูกปลุกขึ้นมาได้ง่ายเสมอ ดูอย่างวันนี้ แค่เขาได้เห็นดาบคู่ ทันทีที่หยิบมันขึ้นมา เขาก็ได้กลายเป็นพระอรรคไปอีกครั้ง เพียงแค่อุบลเนรมิตเงาของพวกอังวะให้เห็น อัคนีก็ออกไปโรมรันกับศัตรูอย่างหิวกระหาย ราวกับมันเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ และทำเป็นตลอดมา
แม้ในหลายๆฉากหลายๆตอน อัคนีได้เห็นความเป็นพระอรรคที่โหดเหี้ยม ผ่านการเป็นบุคคลนอก ที่ได้ดูอยู่ในฉากเหล่านั้นด้วย เขาถึงกับอาเจียนออกมา เมื่อได้เห็นความเหี้ยมโหดของพระอรรค แต่ก็เขาเองอีกนั่นแหละ เมื่อได้สัมผัสดาบคู่กาย ได้เห็นเพียงเงาของพวกอังวะ เขาก็พร้อมจะกระโดดเข้าไปเป็นขุนศึกผู้กระหายเลือดศัตรูผู้นั้นเสียเอง
ด้วยความขัดแย้งในใจข้อนี้ ทั้งที่ไม่ชอบที่ได้เห็น แต่ก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ ทำให้อัคนีคิดจะหนี หนีไปให้ไกล ยิ่งเข้าใกล้ความจริงเพียงใด แต่ความจริงนั้นกลับทำให้เขากลัว กลัวว่าถ้าเขาจำได้ขึ้นมาจริงๆ เขาจะรับตัวเองได้แน่หรือ
เมื่ออัคนีคิดจะหนี มีหรือที่อุบลจะยอม เธอต้องทำให้ทุกอย่างกลับมาในแผนที่เธอวางไว้ให้ได้ ผ่านงานรฤกอยุธยา ที่จะเป็นฉากในวันพรุ่งนี้ ในงานนี้เธอจะสร้างเหตุการณ์คล้ายๆกันกับคราวก่อน เธอได้เห็นแล้วว่า เขามีปฏิกิริยาอย่างไร ต่อการเห็นพวกอังวะ คราวนี้เธอจะจำลองฉากกรุงแตก เธอมั่นใจว่าเขาจะสวมวิญญาณพระอรรคขึ้นมาอีกครั้ง แล้วคราวนี้เขาจะได้รู้สักทีว่าสิ่งที่เขาคาดคั้นอยากจะรู้ให้ได้ คำถามข้อนั้น เขาไปทำอะไรให้เธอ ตอนนี้แหละที่เขาจะได้รู้
พร้อมๆกับที่อุบลพยายามรื้อฟื้นอดีตของอัคนีผ่านความรักชาติ ละครก็ได้ขยี้เหตุผลและความชอบธรรมของอุบลที่จะมาทวงหนี้แค้นครั้งนี้ไปพร้อมๆกัน ฉากที่อุบลแอบได้ยิน (ทั้งที่อยู่ไกลมาก 555) ว่าขุนวิจิตร มาฝากทิพให้เป็นเมียอีกคนของพระอรรค ประจวบกับที่คุณพระก็คิดเป็นห่วง จนตัดสินใจส่งอุบลไปอยู่กับแม่ที่เมืองเพชรบุรี ทำให้อุบลหมดแล้วซึ่งความหวังว่าคุณพระนั้นยังรักและเมตตาเธออยู่ และเมื่อคุณพระบัลดาลโทสะกับเธอ ที่มาท้าทายให้เขาฆ่าเธอซะ เธอยินดีตายด้วยน้ำมือของคนที่เธอรักและบูชา เมื่อเขาตอบกลับมาว่า “หากเพลานั้นมาถึง ข้าจะไม่รอให้เจ้าท้าทายข้าเยี่ยงนี้อีก!!”
ประโยคนี้เองที่ทำให้อุบลรู้ว่าคุณพระไม่ต้องการเธออีกต่อไปแล้ว ถ้าแม้นถึงกับจะต้องฆ่า เขาก็คงทำได้ ดังนั้นเหตุผลทุกอย่างจึงลงตัว เหมาะเจาะและรับกันดี กับการที่เขาฆ่าตัดคอเธอให้เฝ้าสมบัติอยู่ที่นั่น เพื่อจะได้ไปเสวยสุขกับทิพ เมียคนใหม่
ในเมื่อขาข้างนึงของเราอยู่ในทีมพระอรรค ดังนั้นจะขอยกเหตุผลขึ้นช่วยหัวหน้าทีม ว่าได้กล่าวคำๆนั้นไปเพราะอะไร “ อย่าท้าข้าอุบล… หากเพลานั้นมาถึง ข้าจะไม่รอให้เจ้าท้าทายข้าเยี่ยงนี้อีก!!”
ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงที่คุณพระวุ่นวายใจหลายเรื่องมาก ทั้งการศึก ทั้งเรื่องขุนวิจิตร ทั้งเรื่องที่ตัวเองตัดสินใจแล้วว่าจะตายเป็นปู่โสมรักษาสมบัติ และ ท้ายที่สุดคือเรื่องของอุบล ที่คุณพระฉุดกระชากลากถูเมียลงเรือนไปก็เพราะอยากให้มีคนดูแล รู้ว่าตัวเองต้องตายแน่ ๆ แล้ว ทีนี้พอเมียดื้อดึงอย่างที่ไม่เคยดื้อดึงมาก่อน (ปกติคุณอุบลจะยอม คือ มีถามบ้างแหละ แต่พอดุละก็เงียบ) ถึงขั้นเอาดาบมาจ่อคอตัวเอง คุณพระก็โมโห ทำไมไม่ทำตามไปนะ (คุณพระเองน่ะ คิดสารตะมาแล้ว ตัดสินใจแล้วว่าทางนี้ดีที่สุด) เมียต้องเชื่อผัวสิ (ตามขนบสมัยก่อน) ถ้าไม่ไปโอกาสที่จะไม่รอดก็สูงมากเลย แต่จะบอกแบบนั้นก็บอกไม่ได้ เพราะไม่อยากให้เมียรู้ ถ้าบอกเรื่องนี้มันก็จะต้องเกี่ยวพันไปเรื่องอื่น เมื่อหลายเรื่องมันสุมเข้าและมันเกี่ยวกับชีวิตของคนที่เรารักที่สุด แต่ตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากบังคับ ตะคอก ขู่ อย่างที่เคยทำแล้วคิดว่าเมียจะเชื่อ จะหยุด และ ทำตาม มันก็อึดอัดใจมันก็โมโห ประกอบกับเป็นคนอารมณ์ร้อนและเด็ดขาดอยู่แล้ว คนไม่ฟังคำสั่งก็คือท้าทาย และ ในความคิดของคุณพระนี่คือท้าทายในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฉันทำเพื่อเธออยู่นะ ไม่เห็นเหรอ ทำ ๆ ไปอย่างที่บอกได้ไหมละ ไม่ต้องมีคำถามได้ไหม ทำไมไม่เข้าใจบ้าง (อือ ... ไม่เข้าใจก็ถูกแล้วไง ไม่ได้มีโทรจิต ไม่ได้เป็นอับดุล) คือคิดฝ่ายเดียวว่าตัวเองคิดมาดีแล้ว และ ตั้งธงว่า "เมีย" ต้องเข้าใจ ที่ดาบจ่อคอนั่นก็คือโมโห และ เดาว่าเป็นการขู่ให้กลัวมากขึ้นไปอีก เผื่อจะทำให้อุบลอยากรีบไปเสียให้พ้น ๆ แต่ใครจะไปนึกว่านอกจากไม่ไปแล้วยังมีน้ำตา แล้วมานั่งเหมือนใจสลายตรงหน้าอีก ที่เดินหนีโมโหก็ส่วนหนึ่ง แต่เราคิดว่าอีกส่วนหนึ่งก็คือน้ำตาเมียอีกแล้วไง ทนไม่ได้
ขอขอบคุณคุณวรินทร์รตา ทีมอุบลนะคะ ที่ช่วยกรุณามาอธิบายเหตุผลของพระอรรคให้ฟัง ทั้งที่คนอยู่ทีมคุณพระอย่างเรายังไม่เข้าใจ ขอบคุณมากค่ะ ชอบบรรยากาศการคุยของละครเรื่องนี้จังเลยอ่ะ ขนาดอยู่คนละทีม ยังเข้าใจอีกฝ่ายได้
มาถึงการวิจารณ์การแสดงกันสนุกๆบ้างค่ะ
คุณพระพูดเร็วมากค่ะ ยิ่งฉากจะตัดคอคนขายความลับชาติ น้องฟังไม่รู้เรื่องเลยฮ่ะ เพราะคำโบราณเยอะมาก คำไม่คุ้นหู ยิ่งฟังไม่รู้เรื่อง พี่ป้องเวลาฉากโกรธนี่ควบคุมสปีดการพูดไม่ได้เลยอ่ะ
พระยายมนี่เหมือนนกสองหัวเนอะ มีหัวเราะเยาะด้วยอ่ะ ตอนอัคนีเก็บของหนี แล้วยังตอกย้ำอุบลอีกแน่ะ ว่าเขาทำให้เจ้าเสียใจมากี่ครั้งแล้ว เหมือนเสี้ยมให้ยิ่งแค้น แล้วก็กลับมาบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างอาจจะไม่เป็นอย่างที่เจ้าคิดก็ได้ เจ้าอาจจะไม่ได้ทุกอย่างดั่งใจเสมอไป เอ่อ คือ พระยายมอยู่ทีมไหนอ่ะ ชักสงสัย
เชษนี่จะเอายังไง อัคนีบอกอยากไปเจอสิ่งใหม่ๆ ก็ไปแขวะเค้าอีกว่าหรือว่าอยากลืมอะไรเก่าๆ ตกลงนี่หึงอีกแล้วใช่มั้ย เชษนี่นิสัยผู้หญิงมากอ่ะ เหมือนคนหาเรื่องแฟนไปเรื่อยๆ เค้าบอกไม่ยุ่งแล้ว จะเดินไปข้างหน้า มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ยังจะไปประชดเค้าอีกว่า หรือไม่อยากคิดถึงอะไรเก่าๆ พาลอ่ะหมอ ถ้าเป็นทิพอาภาพูด มันยังน่าเข้าใจมากกว่านี้นะ เพราะนั่นเค้าคู่หมั้น อยากรู้ว่าเจษเค้าตีความตัวละครยังไงอ่ะ เป็นเราคงงงมาก ว่าอยากให้ตามรักทิพอาภา หรือตามหึงอัคนีกันแน่ 555
คือ สังเกตหลายทีแล้วว่า คุณนุ่นพูดควบกล้ำบางทีผิดๆถูกๆ แต่วันนี้ชัดมาก ทุกอย่าง “ขับเคื่อน” ไปตามทางของมัน น่าจะคัทใหม่นะคะ แต่แม่ก็ยังเป็นแม่ค่ะ เล่นดีจนไม่รู้จะดียังไง โดยเฉพาะฉาก ที่พูดว่า “เอาเลยเจ้าค่ะ อย่ารอช้าอยู่...ถ้าน้องจะต้องตายก็ขอให้ตายด้วยน้ำมือของคนที่น้องรักแลบูชาเถิด!!” และก็ “ถ้าหมดซึ่งรักและเมตตาต่อกันแล้ว ก็ขอให้บั่นคอน้องเสียเถิดเจ้าค่ะ” คือสองประโยคนี้ ความเจ็บกินลึกจนอยากร้องไห้ตาม ดีงามมากๆค่ะ กราบ