คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
คุณเป็นต่อ.
เป็นคำถามจากคนอื่นที่ตั้งกระทู้ถามที่ผมยกมาตอบ ใช่ครับ ผมเองก็เห็นเป็นคำถามสองซ้อนในความเห็นของผมเหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าของคำถามต้องการถามอย่างที่ผมและคุณเห็นไหม ผมจึงอธิบายแยกเป็นสองกระบวนคืออันแรก "คิด" (มโนกรรม) อันที่สอง "ทำ" (กายกรรม) และแต่ละกระบวนมีจุดยุติในตัวของมัน
ส่วนการ "ทรยศ" ก็ต้องมาตีความอย่างที่ผมทิ้งท้ายไว้ว่าแบบไหน?และอย่างไร? เรียกว่าทรยศ อย่างกรณีรพระมหาธรรมราชา พระราชลูกเขยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์และพระราชบิดาของสมเด็จพระณเรศวร ที่เอาใจฝักใฝ่พม่านำข่าวสารจากอยุธยาไปแจ้งต่อหงสาวดีอยู่เนือง สุดท้ายก็ร่วมทัพกับพม่ามาตีกรุงศรีฯ แตกครั้งแรกนั้น เราจะเรียกว่าอะไร? หรือก่อนที่กรุงจะแตก พระยาจักรีถูกเกลี้ยกล่อมให้เปิดประตูเมืองด้วยเหตุผลต่างๆ นานา แล้วพระยาจักรีก็เปิดประตูเมืองให้พม่าจนเป็นเหตุให้เสียกรุง
จึงอยากถามต่อไปว่า เราๆ ท่านๆ มองการกระทำทั้งสองอย่างในเหตุการณ์เสียกรุงฯ ครั้งแรกอย่างไร? พระมหาธรรมราชาที่ยกทัพมาล้อมกรุงศรีฯ พร้อมกับพม่าได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งกรุงศรีฯ ส่วนพระยาจักรีโดนประหารโทษฐานทรยศต่อกรุงศรีฯ ไว้ใจไม่ได้?? สำหรับผมๆ มองอย่างน็ คำว่าทรยศ นอกจากจะดูที่การกระทำและผลของมันแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือต้องดูว่า "ใคร" กระทำ??
เป็นคำถามจากคนอื่นที่ตั้งกระทู้ถามที่ผมยกมาตอบ ใช่ครับ ผมเองก็เห็นเป็นคำถามสองซ้อนในความเห็นของผมเหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าของคำถามต้องการถามอย่างที่ผมและคุณเห็นไหม ผมจึงอธิบายแยกเป็นสองกระบวนคืออันแรก "คิด" (มโนกรรม) อันที่สอง "ทำ" (กายกรรม) และแต่ละกระบวนมีจุดยุติในตัวของมัน
ส่วนการ "ทรยศ" ก็ต้องมาตีความอย่างที่ผมทิ้งท้ายไว้ว่าแบบไหน?และอย่างไร? เรียกว่าทรยศ อย่างกรณีรพระมหาธรรมราชา พระราชลูกเขยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์และพระราชบิดาของสมเด็จพระณเรศวร ที่เอาใจฝักใฝ่พม่านำข่าวสารจากอยุธยาไปแจ้งต่อหงสาวดีอยู่เนือง สุดท้ายก็ร่วมทัพกับพม่ามาตีกรุงศรีฯ แตกครั้งแรกนั้น เราจะเรียกว่าอะไร? หรือก่อนที่กรุงจะแตก พระยาจักรีถูกเกลี้ยกล่อมให้เปิดประตูเมืองด้วยเหตุผลต่างๆ นานา แล้วพระยาจักรีก็เปิดประตูเมืองให้พม่าจนเป็นเหตุให้เสียกรุง
จึงอยากถามต่อไปว่า เราๆ ท่านๆ มองการกระทำทั้งสองอย่างในเหตุการณ์เสียกรุงฯ ครั้งแรกอย่างไร? พระมหาธรรมราชาที่ยกทัพมาล้อมกรุงศรีฯ พร้อมกับพม่าได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งกรุงศรีฯ ส่วนพระยาจักรีโดนประหารโทษฐานทรยศต่อกรุงศรีฯ ไว้ใจไม่ได้?? สำหรับผมๆ มองอย่างน็ คำว่าทรยศ นอกจากจะดูที่การกระทำและผลของมันแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือต้องดูว่า "ใคร" กระทำ??
แสดงความคิดเห็น
...การคิดไม่ดีหรือทรยศต่อประเทศชาติเป็นบาปตามหลักพุทธศาสนาไหม?...
ผมมองอย่างนี้นะครับ ก่อนอื่นเลย หลักพุทธศาสนาไม่ได้มีการบัญญัติเรื่องอย่างนี้ไว้ตรงๆ เพราะแก่นของศาสนาพุทธไม่ได้อยู่ที่ “ประเทศชาติ” หากแต่อยู่ที่วิมุติคือการหลุดพ้น ในมุมมองของพุทธศาสนา "ประเทศชาติ" จึงเป็นเพียงสิ่งสมมุติ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามารถนำหลักพุทธศาสนามาเทียบเคียงเพื่อวิเคราะห์เพื่อหาคำตอบได้
“การคิดไม่ดีหรือทรยศต่อประเทศชาติ” ต้องเข้าใจให้ตรงกัน เสียก่อนว่าขณะนี้ยังเป็นเพียง “การคิด” หรือทางพุทธศาสนาเรียกว่ากระบวนการนี้ว่า “มโนกรรม” คือยังอยู่ในระหว่างการปรุงแต่งของจิต จิตที่ถูกลาภะ โทสะ โมหะผสมปรุงแต่ง ทางพุทธศาสนาเรียกจิตประเภทนี้ว่า “อกุศลจิต” แต่ถ้าไม่มีอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสามอย่างถือว่าเป็น “กุศลจิต” ถึงตรงนี้ หลายท่านก็คงพอจะเริ่มเห็นลางๆ ว่าการคิดและการกระทำบาปของมนุษย์นั้นมีรากเหง้ามาจากไหน?
เอาล่ะ...หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการแรก(มโนกรรม)แล้ว ก็เข้าสู่กระบวนการที่สอง คือหลังจากคิดแล้วก็เริ่มกระทำคือทรยศประเทศชาติ โจทก์ที่ต้องขบคิดต่อไปก็คือ “ผู้ถูกกระทำ” ถ้าผู้ถูกกระทำเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งมีชีวิต และได้รับความเดือดร้อน ความทุกข์ทรมานจากการกระทำ(กายกรรม)แล้ว การกระทำนั้นถือว่าเป็นบาปแน่นอน เผอิญว่าผู้ถูกกระทำตรงนี้คือ “ประเทศชาติ” ซึ่งตามความเข้าใจทั่วๆ ไป “ประเทศชาติ”นั้นเป็นเพียงนามธรรมไม่ใช่สิ่งมีชีวิต และในเมื่อประเทศชาติเป็นเพียงนามธรรมเช่นนี้ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณก็ไม่มี ดังนั้นความเดือดร้อน ความทุกข์ ความโศกเศร้ารำพันจึงไม่มีสำหรับประเทศชาติ อันนี้ผมพูดตามหลักพุทธศาสนานะ....แน่ล่ะบางคนอาจจะแย้งด้วยการยกอ้างประโยคที่บ่งบอกว่าว่าประเทศชาติเป็นรูปธรรม ประเทศชาติล่มสลาย ประเทศชาติเสียหาย ประเทศชาติเดือดร้อน ประโยคเหล่านี้มีอยู่จริงและเราใช้กันอย่างดาษดื่นและเป็นทางการด้วย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นความหมายที่ถูกใช้ทางปรัชญารัฐศาสตร์ แต่ข้อเท็จจริงในหลักพุทธศาสนา ประเทศชาติเป็นเพียงนามธรรม ที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด เสียใจ ผิดหวัง ดีใจอะไร และประเทศชาติไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ส่วนที่ใครๆ บอกว่าประเทศชาติเจ็บปวดมามากพอแล้วนั้น ก็ต้องมองให้ถึงแก่นว่าจริงๆ แล้วใครเจ็บปวด?
พุทธศาสนามองว่า วิบากรรม(ผลจากการทำบาป)จะไม่มีผลใดๆ กับสิ่งที่ไม่มีชีวิตหรือสิ่งที่ไม่มีวิญญาณครอง ยกตัวอย่างเช่น นายก. ไปยืนในถ้ำแห่งหนึ่ง จู่ๆ ก้อนหินก้อนใหญ่ก็หล่นลงมาบนหัวเขาทำให้เขาและทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส “ก้อนหิน” ที่หล่นใส่หัวนายก. นั้นไม่ถือว่าบาปเพราะก้อนหินไม่มีวิญญาณครองไม่รับรู้อารมณ์ใดๆ ซึ่งต่างจากอีกเหตุการณ์หนึ่ง สมมุติว่านายก. ไปยืนในถ้ำแห่งเดิม ต่อมามีนายข. เข้ามาปล้นแล้วทำร้ายนายก. บาดเจ็บสาหัสจนตาย “นายข.” ที่ฆ่านายก. ตายนั้นถือว่าเป็นบาป ถึงตรงนี้เชื่อว่าท่านคงเห็นความแตกต่างและการส่งผลของกรรม ย้อนกลับไปที่กรณีแรกที่ก้อนหินหล่นใส่หัวนายก. และแม้นายก.จะด่าทอ บริภาษใส่ก้อนหินนั้นขนาดไหน ก้อนหินก้อนนั้นก็ไม่มีทางรับรู้อะไรได้ ในทำนองคล้ายๆ กันกับคนที่คิดไม่ดีหรือคิดทรยศประเทศชาติ(ซึ่งในมุมมองของพุทธศาสนาไม่ใช่สิ่งมีชีวิต) แล้วถามว่าบาปเกิดขึ้นไหม?? ก็ต้องใช้หลักทางพุทธศาสนาที่ผมอธิบายไว้มาตัดสิน? และดีกรีของ “บาป”ว่ามากน้อยแค่ไหนนั้นก็ต้องดูว่าจิตของผู้กระทำถูกปรุงแต่งด้วย ลาภะ โทสะ และโมหะเพียงใด ประกอบร่วมกับผลของผู้ถูกกระทำด้วยว่าได้รับความทุกข์ขนาดไหน? ตรงนี้ผมเพียงชี้หลักแค่สองสามบรรทัดเองนะ ความละเอียดอ่อนตรงนี้มีเยอะกว่านี้
ในมุมมองของนักรัฐศาสตร์อาจจะแตกต่างโดยสิ้นเชิง นั่นก็คือประเทศชาติอาจจะหมายถึงประชากรของชาตินั้นๆ ซึ่งถ้าหากใช้มุมมองของนักรัฐศาสตร์รวมไปถึงนักการเมืองแล้วก็ต้องเกิดแนวความคิดและมุมมองที่หลากหลายขึ้น หลายมุมมองและหลากหลายชนิดที่ยังหาบทสรุปกันไม่ได้เท่าทุกวันนี้นั่นเอง
ในวงกว้างๆ.....ผมมองอย่างนี้ ประเทศชาติหรือเราย่อเอาสั้นๆ ว่า “ชาติ” นั้น พึ่งจะมาวิ่งพล่านในสายเลือดคนไทยได้ไม่นานมานี่เอง สมัยก่อนเหล่าทหารที่ออกศึกสงครามนั้น เอาเข้าจริงๆ แทบจะไม่มีใครอยากจะไปเลย ส่วนใหญ่จะถูกบังคับไปในฐานะไพร่เสียมากกว่า แม้แต่นายทหารระดับพระยาอย่างพระยาวิเชียรและนายทหารบางส่วนที่ถูกส่งให้ไปช่วยหล่อปืนต่อชาวบ้านบางระบันยังหนีสงครามเลย คือหลังจากช่วยชาวบ้านบางระจันแล้วก็ไม่ยอมกลับคืนพระนครเลย การยกอ้างวีรกรรมบรรพบุรุษว่าต่อสู้เสียเลือดเสียเนื้อเพื่อชาตินั้นน่าจะเป็นเพียงวาทกรรมจากชนชั้นสูงที่ปลุกกระแสรักชาติเพื่อต้องการรักษาสถานะของชนชั้นของตัวเองเอาไว้ ส่วนการทรยศประเทศชาตินั้น....เป็นประโยคสั้นๆ ที่พูดง่าย แต่ในสถานการที่คลั่งชาติกันอยู่ตอนนี้ต้องระมัดระวังให้มากที่สุด ถูกโยนให้ใครแล้ว คนนั้นแทบจะหมดโอกาสมาแก้มลทินได้........เรื่องการทรยศประเทศชาตินั้นต้องนิยามกันให้ละเอียด อย่างไหนและแบบไหนเรียกว่าทรยศประเทศ......