ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 49 กรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงอาร์เจนตินา ปารีสแห่งอเมริกาใต้
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก
https://www.youtube.com/watch?v=_pn5GbFqkC4&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=48
https://www.youtube.com/watch?v=T7rlWyTq79M&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=49
https://www.youtube.com/watch?v=ApSBfGHh3y4&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=50
เราเริ่มสำรวจกรุงบัวโนส ไอเรส โดยออกจากสถานี Terminal de Omnibus ตามด้วยสถานีรถไฟกลาง สถานีรถไฟท้องถิ่น และสถานีเมโทร ทุกสถานีใช้ ชื่อเดียวกัน คือ Retiro แค่เปลี่ยนคำนำหน้าเท่านั้น.....เราเห็นแถวนั้นมีชายผิวสี ขายของอยู่มากกว่า 10 คน ลองดูกัต่อไป ว่า จะมีมากเท่า ปานามา ซิตี้ไหม
เยื้องๆ กับสถานีรถไฟ เป็น Plaza San Martin เป็นโบสถ์สูงใหญ่ท่ามกลางสวนสาธารณะ....เดินไปเรื่อยๆ ผ่านถนนคนเดิน สถานี Florida ไป Avenida 9 de Julio เป็นถนนสายที่กว้างที่สุดในโลก เท่าที่คำนวณด้วยสายตา กว้างไม่น้อยกว่า 60 เมตร รวมเกาะกลางถนนด้วย มีเสา Le Obilisk สูงเด่นเป็นสง่าอยู่กลางจัตุรัส มองเห็นแต่ไกล
จากสายตาของเรา คำพูดที่ว่า บัวโนส ไอเรส เป็นปารีส อีกแห่งหนึ่ง ของอเมริกาใต้ เราค่อนข้างจะเห็นด้วย....อาคารใหญ่โต ที่อยู่ในเมือง ดูสวยงาม แต่มันดูอึดอัด เพราะแสงสว่างระหว่างช่องถนนมีน้อย และตึกก็สีทึบ ถนนที่อยู่ระหว่างช่องตึก แคบ และปูด้วยหิน นอกจากนั้น อาคารในกรุงปารีส หลายอาคารเป็นสีทอง และสีของอาคารส่วนใหญ่เป็นสีขาว และสีครีม แต่ที่กรุงบัวโนส ไอเรส นิยม สีเทา ของหินแกรนิต
เราแวะซื้อโดนัทข้างถนน ราคาอันละ 7 เปโซ 3 อัน 18 ถ้าซื้อ 6 อัน ลดให้ 35 เปโซ ...เราซื้อ 6 อัน คิดเป็นเงินไทย ก็เฉียด 100 บาท กินคนละ 3 อัน เรอออกมา เป็นกลิ่นอบเชยเลย มีไส้มันด้วย😋😋😋😋😋
กินเสร็จแล้วก็เดินไปที่ De Congresso อาคารรัฐสภา ที่มีลูกกรงแหลมสูงล้อมรอบ เดินย้อนกลับเป็นวงรี ไปที่ Catedral มหาวิหารกลางกรุง
ตามด้วย Big House ทำเนียบประธานาธิบดี แล้วเดินข้ามถนน เลียบริมน้ำ ตั้งแต่สะพานขึง ผ่านท่าเรือยอชท์ กว่าจะสุดถนนริมน้ำ ก็มืดพอดี
ลุงอยากไป La Boca ชุมชนท่าเรือแห่งสีสัน ที่มีเสียงเพลงเร้าใจชวนเต้น เผื่อจะมีโอกาสแจม เหมือนเพอบลา ที่เม็กซิโกบ้าง แต่ติดที่ ต้องซื้อบัตรเติมเงินเป็นค่ารถเมล์ ซึ่งยุ่งยาก
อากาศเริ่มเย็นยะเยือกตั้งแต่ 16.00 น. เดินเท่าไรก็ไม่ร้อน เมื่อเช้ารถผ่าน ลุงถ่ายภาพชุมชนมาแล้ว แต่มันยังไม่ตื่น ลุงจึงบ่นว่า เสียดายๆ แต่ให้ไปจริงๆ ลุงก็ไม่ไปอยู่ดี😉😉😉😊
ก่อนถึงสถานีรถบัส เราแวะซื้อแซนด์วิชเนื้อ หน้าสถานีรถไฟ อันละ 35 เปโซ อันเท่ากับที่เราซื้อจากชายแดนชิลี เมื่อวานนี้ แต่ราคาต่างกันมาก...ที่บัวโนส ไอเรส ก็ไม่ได้ถูก เพราะค่าครองชีพ เขาสูงทีเดียว แต่มันอันใหญ่มาก กิน 2 คนอิ่มเลย😋😋😋😋😋
ที่หน้าสถานีรถไฟ ยังคงเต็มไปด้วยพ่อค้าผิวสี และตอนที่เราเดินผ่านไปเที่ยว ก็เห็นประปราย พวกเขาขายของที่น่าจะผลิตขึ้นมาเอง เป็นสินค้าทำมือ เช่น รองเท้าใส่ในบ้าน หมวกไหมพรมถัก ถึงเท้า กับ เครื่องประดับประเภททองชุบ
ถึงสถานี เราทำความสะอาดร่างกาย แล้วนั่งรอเวลา พอเวลาขยับไปช่วงหนึ่ง เราก็ขยับที่ให้ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ที่ที่นั่งรอตอนแรก เป็นที่ดูทีวีหยอดแบงค์ มีป้ายติดว่า ห้ามดื่ม ห้ามสูบ เราไม่แน่ใจ ว่า ห้ามกินด้วยมั้ย เพราะแปลได้แค่นั้น จึงย้ายไปนั่งให้ตรงช่องที่จะออก กินอิ่มแล้ว ก็ไปแปรงฟัน ยังไม่ย้ายที่
เหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมง ขยับไปนั่งที่เห็นทั้งรถ และจอ อีก ครึ่งชั่วโมง รถจะออก ไปเข้าห้องน้ำครั้งสุดท้าย
หน้าจอมีเวลารถ 23.15 แต่เป็นรถบริษัทอื่น ไปที่อื่น มีเวลาที่ข้ามของเราอีก 2 คัน คือ 23.20 กับ 23.25 แต่ไม่มีของเรา เวลา 23.05 น. ได้ยินเสียงประกาศ ชื่อรถ กับ ชื่อเมือง แต่ฟังไม่ออกว่าช่องอะไร และไม่มีที่จอ ป้าจึงชวนลุง ออกไปดูข้างนอก ในขณะที่ผ่านห้องรอ ด่านสุดท้าย
ลุงเห็นตัวหนังสือสีแดงบนจอ ตอนนั้น 23.10 น. ถ้านั่งรออยู่ที่เดิม คงตกรถแน่ เพราะรถจอดรออยู่แล้ว ผู้โดยสาร คนอื่นๆ เข้าแถว พนง.บนรถกำลังเช็คตั๋ว ให้คนขึ้นรถ🙄🙄🙄🙄🙄
เมื่อคนขึ้นครบ รถก็ออก และไปจอดรับคนข้างนอกสถานีอีก 3 จุด จากนั้น พนง.ก็เอากล่องอาหารมาแจก พอเสร็จภารกิจแล้วก็ปิดไฟ ผู้โดยสารที่จะกินก็กินในความมืดกันเอาเอง😃😃😃😃😃 ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืน
ลุงตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 5 ตามเวลา รถจะถึง Santa Fe เวลา 05.30 น. พนง.หนุ่มที่พูดภาษาอังกฤษบอกเราว่า ให้คอยฟัง พนง.บนรถประกาศ เพราะปลายทางของรถอยู่ที่ Parana ซึ่งเลย Sana Fe ไปอีกไกล แต่เราไม่แน่ใจว่า ตอนที่เขาประกาศ เราจะฟังออกมั้ย😉😉😉😉
พอใกล้เวลา มี คน 2 คน ลุก เดินลงไปที่บันได ลุงถามผู้โดยสารที่ลุงบอกป้า ว่า จะเอาชนะแข่งกรนกับคนคู่นี้ ซึ่งเจ้าเนื้อและมากด้วยไขมันด้วยกันทั้งคู่ ว่า Santa Fe? ผู้หญิง บอกว่า ยัง แล้วก็ทำมือว่า ป้ายถัดไป
ป้าหลับๆ ตื่นๆ จำได้ว่า รถจอดแต่ไม่ได้เปิดไฟ และเห็น 2 คน นั่น ลงไปแล้ว พอรถเปิดไฟ ครอบครัวที่ลุงแข่งกรน เก็บของ มีกะทะอะลูมิเนียมแบน และใหญ่ ดังก๊งเก๊ง .... ป้ารอให้พวกเขาบอก ว่า ซานตาเฟ่ เตรียมลง แต่ไม่มีใครพูดอะไร ถามลุง ว่า รถจอดไปครั้งหนึ่ง หรือ ยัง ลุงบอกว่า ไม่รู้ เพราะลุง ก็ หลับๆ ตื่นๆ ....
อ้าว! เอาไงดี....จะถามพวกเขา ก็กลัวพวกเขารำคาญ....ปล่อยให้พวกเขาลงไปก่อน....มีคนอื่นๆ เดินมาจากท้ายรถ เกือบหมด จึงตัดสินใจถามว่า Sana Fe มีเสียงตอย 2-3 เสียง ว่า Si, Santa Fe....เกือบไปแล้วไหมล่ะ
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กฯ อเมริกากลาง เมกาใต้ อัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอน 49 กรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก
https://www.youtube.com/watch?v=_pn5GbFqkC4&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=48
https://www.youtube.com/watch?v=T7rlWyTq79M&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=49
https://www.youtube.com/watch?v=ApSBfGHh3y4&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=50
เราเริ่มสำรวจกรุงบัวโนส ไอเรส โดยออกจากสถานี Terminal de Omnibus ตามด้วยสถานีรถไฟกลาง สถานีรถไฟท้องถิ่น และสถานีเมโทร ทุกสถานีใช้ ชื่อเดียวกัน คือ Retiro แค่เปลี่ยนคำนำหน้าเท่านั้น.....เราเห็นแถวนั้นมีชายผิวสี ขายของอยู่มากกว่า 10 คน ลองดูกัต่อไป ว่า จะมีมากเท่า ปานามา ซิตี้ไหม
เยื้องๆ กับสถานีรถไฟ เป็น Plaza San Martin เป็นโบสถ์สูงใหญ่ท่ามกลางสวนสาธารณะ....เดินไปเรื่อยๆ ผ่านถนนคนเดิน สถานี Florida ไป Avenida 9 de Julio เป็นถนนสายที่กว้างที่สุดในโลก เท่าที่คำนวณด้วยสายตา กว้างไม่น้อยกว่า 60 เมตร รวมเกาะกลางถนนด้วย มีเสา Le Obilisk สูงเด่นเป็นสง่าอยู่กลางจัตุรัส มองเห็นแต่ไกล
จากสายตาของเรา คำพูดที่ว่า บัวโนส ไอเรส เป็นปารีส อีกแห่งหนึ่ง ของอเมริกาใต้ เราค่อนข้างจะเห็นด้วย....อาคารใหญ่โต ที่อยู่ในเมือง ดูสวยงาม แต่มันดูอึดอัด เพราะแสงสว่างระหว่างช่องถนนมีน้อย และตึกก็สีทึบ ถนนที่อยู่ระหว่างช่องตึก แคบ และปูด้วยหิน นอกจากนั้น อาคารในกรุงปารีส หลายอาคารเป็นสีทอง และสีของอาคารส่วนใหญ่เป็นสีขาว และสีครีม แต่ที่กรุงบัวโนส ไอเรส นิยม สีเทา ของหินแกรนิต
เราแวะซื้อโดนัทข้างถนน ราคาอันละ 7 เปโซ 3 อัน 18 ถ้าซื้อ 6 อัน ลดให้ 35 เปโซ ...เราซื้อ 6 อัน คิดเป็นเงินไทย ก็เฉียด 100 บาท กินคนละ 3 อัน เรอออกมา เป็นกลิ่นอบเชยเลย มีไส้มันด้วย😋😋😋😋😋
กินเสร็จแล้วก็เดินไปที่ De Congresso อาคารรัฐสภา ที่มีลูกกรงแหลมสูงล้อมรอบ เดินย้อนกลับเป็นวงรี ไปที่ Catedral มหาวิหารกลางกรุง
ตามด้วย Big House ทำเนียบประธานาธิบดี แล้วเดินข้ามถนน เลียบริมน้ำ ตั้งแต่สะพานขึง ผ่านท่าเรือยอชท์ กว่าจะสุดถนนริมน้ำ ก็มืดพอดี
ลุงอยากไป La Boca ชุมชนท่าเรือแห่งสีสัน ที่มีเสียงเพลงเร้าใจชวนเต้น เผื่อจะมีโอกาสแจม เหมือนเพอบลา ที่เม็กซิโกบ้าง แต่ติดที่ ต้องซื้อบัตรเติมเงินเป็นค่ารถเมล์ ซึ่งยุ่งยาก
อากาศเริ่มเย็นยะเยือกตั้งแต่ 16.00 น. เดินเท่าไรก็ไม่ร้อน เมื่อเช้ารถผ่าน ลุงถ่ายภาพชุมชนมาแล้ว แต่มันยังไม่ตื่น ลุงจึงบ่นว่า เสียดายๆ แต่ให้ไปจริงๆ ลุงก็ไม่ไปอยู่ดี😉😉😉😊
ก่อนถึงสถานีรถบัส เราแวะซื้อแซนด์วิชเนื้อ หน้าสถานีรถไฟ อันละ 35 เปโซ อันเท่ากับที่เราซื้อจากชายแดนชิลี เมื่อวานนี้ แต่ราคาต่างกันมาก...ที่บัวโนส ไอเรส ก็ไม่ได้ถูก เพราะค่าครองชีพ เขาสูงทีเดียว แต่มันอันใหญ่มาก กิน 2 คนอิ่มเลย😋😋😋😋😋
ที่หน้าสถานีรถไฟ ยังคงเต็มไปด้วยพ่อค้าผิวสี และตอนที่เราเดินผ่านไปเที่ยว ก็เห็นประปราย พวกเขาขายของที่น่าจะผลิตขึ้นมาเอง เป็นสินค้าทำมือ เช่น รองเท้าใส่ในบ้าน หมวกไหมพรมถัก ถึงเท้า กับ เครื่องประดับประเภททองชุบ
ถึงสถานี เราทำความสะอาดร่างกาย แล้วนั่งรอเวลา พอเวลาขยับไปช่วงหนึ่ง เราก็ขยับที่ให้ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ที่ที่นั่งรอตอนแรก เป็นที่ดูทีวีหยอดแบงค์ มีป้ายติดว่า ห้ามดื่ม ห้ามสูบ เราไม่แน่ใจ ว่า ห้ามกินด้วยมั้ย เพราะแปลได้แค่นั้น จึงย้ายไปนั่งให้ตรงช่องที่จะออก กินอิ่มแล้ว ก็ไปแปรงฟัน ยังไม่ย้ายที่
เหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมง ขยับไปนั่งที่เห็นทั้งรถ และจอ อีก ครึ่งชั่วโมง รถจะออก ไปเข้าห้องน้ำครั้งสุดท้าย
หน้าจอมีเวลารถ 23.15 แต่เป็นรถบริษัทอื่น ไปที่อื่น มีเวลาที่ข้ามของเราอีก 2 คัน คือ 23.20 กับ 23.25 แต่ไม่มีของเรา เวลา 23.05 น. ได้ยินเสียงประกาศ ชื่อรถ กับ ชื่อเมือง แต่ฟังไม่ออกว่าช่องอะไร และไม่มีที่จอ ป้าจึงชวนลุง ออกไปดูข้างนอก ในขณะที่ผ่านห้องรอ ด่านสุดท้าย
ลุงเห็นตัวหนังสือสีแดงบนจอ ตอนนั้น 23.10 น. ถ้านั่งรออยู่ที่เดิม คงตกรถแน่ เพราะรถจอดรออยู่แล้ว ผู้โดยสาร คนอื่นๆ เข้าแถว พนง.บนรถกำลังเช็คตั๋ว ให้คนขึ้นรถ🙄🙄🙄🙄🙄
เมื่อคนขึ้นครบ รถก็ออก และไปจอดรับคนข้างนอกสถานีอีก 3 จุด จากนั้น พนง.ก็เอากล่องอาหารมาแจก พอเสร็จภารกิจแล้วก็ปิดไฟ ผู้โดยสารที่จะกินก็กินในความมืดกันเอาเอง😃😃😃😃😃 ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืน
ลุงตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 5 ตามเวลา รถจะถึง Santa Fe เวลา 05.30 น. พนง.หนุ่มที่พูดภาษาอังกฤษบอกเราว่า ให้คอยฟัง พนง.บนรถประกาศ เพราะปลายทางของรถอยู่ที่ Parana ซึ่งเลย Sana Fe ไปอีกไกล แต่เราไม่แน่ใจว่า ตอนที่เขาประกาศ เราจะฟังออกมั้ย😉😉😉😉
พอใกล้เวลา มี คน 2 คน ลุก เดินลงไปที่บันได ลุงถามผู้โดยสารที่ลุงบอกป้า ว่า จะเอาชนะแข่งกรนกับคนคู่นี้ ซึ่งเจ้าเนื้อและมากด้วยไขมันด้วยกันทั้งคู่ ว่า Santa Fe? ผู้หญิง บอกว่า ยัง แล้วก็ทำมือว่า ป้ายถัดไป
ป้าหลับๆ ตื่นๆ จำได้ว่า รถจอดแต่ไม่ได้เปิดไฟ และเห็น 2 คน นั่น ลงไปแล้ว พอรถเปิดไฟ ครอบครัวที่ลุงแข่งกรน เก็บของ มีกะทะอะลูมิเนียมแบน และใหญ่ ดังก๊งเก๊ง .... ป้ารอให้พวกเขาบอก ว่า ซานตาเฟ่ เตรียมลง แต่ไม่มีใครพูดอะไร ถามลุง ว่า รถจอดไปครั้งหนึ่ง หรือ ยัง ลุงบอกว่า ไม่รู้ เพราะลุง ก็ หลับๆ ตื่นๆ ....
อ้าว! เอาไงดี....จะถามพวกเขา ก็กลัวพวกเขารำคาญ....ปล่อยให้พวกเขาลงไปก่อน....มีคนอื่นๆ เดินมาจากท้ายรถ เกือบหมด จึงตัดสินใจถามว่า Sana Fe มีเสียงตอย 2-3 เสียง ว่า Si, Santa Fe....เกือบไปแล้วไหมล่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น