ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 52 น้ำตกใหญ่ที่สุดในโลก Iguazu, Argentina-Brazil
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=5CtWehZaZRY&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=55
https://www.youtube.com/watch?v=09Jg3ryWY7o&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=56
https://www.youtube.com/watch?v=xyh2pEku6cE&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=58
https://www.youtube.com/watch?v=G1IXWNSQrCM&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=59
https://www.youtube.com/watch?v=G1IXWNSQrCM&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=59
https://www.youtube.com/watch?v=ZWg8r4dfCtA&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=61
อาทิตย์ที่ 7 ส.ค. กว่าอีกัวซูจะเช้า ผลการลงประชามติที่เมืองไทย ก็ใกล้คลอดแล้ว....เพราะเวลาห่างกัน 10 ชม.
ตอนนี้ เราขยับเข้าไปใกล้ ริโอ เดอจาเนโร แต่ไม่มีตั๋วรถ เราไปได้แค่ เซาเปาโล แล้วนั่งเครื่องไปเคปทาวน์
ตอนกลับเข้าโรงแรม รับข่าวจากไลน์ จึงรู้ว่า ทำไม มาดามจากบราซิล จึงบอกเราว่า มีป้าย Thailand เบ้อเริ่ม อยู่ที่ Rio de Janeiro ตอนแรก เราคิดว่า เพราะคนไทย นิยมเที่ยวริโอ ที่ไหนได้ เป็นเพราะ เหรียญทองเหรียญแรก ต่างหาก😄😄😄😄
เมื่อคืนอ่านพยากรณ์อากาศว่าวันนี้ที่อีกัวซู ฝนตกหนัก อุณหภูมิ 16 องศา....
ยังไม่ถึงเที่ยงคืน ฝนตกหนักมาก และอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว...ตอนเช้าอากาศเย็นทีเดียว...อาหารเช้า เน้นแป้ง แป้ง และ แป้ง ขนมปัง บาแก๊ต ครัวซอง เค้ก พายแยม ซีเรียล นมวานิลา น้ำส้มคั้น เนบ แยม มีแฮม กับ ชีส คนละแผ่น น้ำส้มคั้นเปรี้ยวจี๊ด ส้มที่ฝานเป็นแผ่นบางๆ เป็นส้มจริงๆ สับปะรดแผ่นบางๆ สีขาว มะละกอเหมือนเรากินเมื่อคืน แต่มาเป็นเสี้ยวเล็กๆ ไม่ได้ปอกให้ ต้องตัดและแทะ เพราะมีดปอกไม่เข้า แตงขาวๆ จืดๆ กีวีแก่ไม่ได้ที่🙄🙄🙄🙄เขามีเนื้อวัว กับ เนื้อแกะเยอะ ส่งออกอาหาร และผลไม้ไปชิลี กับเปรู แต่อาหารเช้า😐😐😐😐
ไม่มีอะไรดีไปหมด และเสียไปหมด โรงแรมนี้ บรรยากาศดี ห้องดี น้ำดี เน็ตดี ที่ไม่ดีก็แค่ อาหารเช้า กับ ไกล เห็นคนอื่นๆ มีกล่องอาหารพิเศษ ส่วนตัวกัน แสดงว่า พวกเขารู้ว่า ต้องเสริมกันเอง...มั้ง?☺☺☺☺☺
เน็ตดี จนลุงคิดว่า อะไรๆ ที่ค้างมาตั้งแต่อเมริกากลาง น่าจะเคลียร์ได้ก่อนเดินทางไปเซาเปาโล เพื่อต่อไปที่อัฟริกาใต้...ที่กังวลว่า หน่วยความจำจะเต็มก็เป็นอันตัดไป...และถ้าวันนี้ อากาศแห้ง เสื้อผ้าของเรา ก็คงจะยกยอดไปซักตอนกลับบ้านได้เลย
เวลา 08.20 น. ออกจากที่พัก ขึ้นรถเวลา 08.50 น. ค่ารถคนละ 65 เปโซ ถึงปลายทางเวลา 09.15 น. รถ Rio Uruguay / Cataratas
ต้องซื้อตั๋วผ่านประตู คนละ 330 เปโซ จากนั้น ก็เอาตั๋วทัวร์ไปแจ้งที่ซุ้มที่มีจนท.ใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีเหลืองจำปา
เขาเขียนเวลาให้เราไปขึ้นรถเปิดประทุนทัวร์ป่า เวลา 10.15 น. พร้อมอธิบายแผนที่ เส้นทางไปสถานีรถ จากแผนที่ใหญ่ แต่ป้าไม่ได้จดลงแผนที่เล็ก เพราะคิดว่า จะจำได้ พอถึงเวลาจริงๆ จำผิดจุด.... ไม่ทันรถ เพราะวนไปวนมา อยู่ในป่า หาท่ารถไม่เจอ😣😣😣😣😣
แต่ก็ไม่ได้เสียอะไร เพราะจนท. ให้เราเดินเลียบแม่น้ำ ใกล้น้ำตก แล้วไปลงเรือ แบบย้อนศร เริ่มจากการใช้เส้นทางที่เรียกว่า Lower Trail ไปเจอน้ำตก 2 ข้าง ที่โจนลงมากระแทกหินข้างล่าง อย่างแรง เมื่อมีแสงแดดไปกระทบ ทำให้เป็นประกายรุ้ง
แล้วข้ามไปเกาะ San Martin โดยบริการของเรืออุทยาน เพื่อฆ่าเวลา รอเรือออก ตอนเที่ยงครึ่ง ตอนนั้นได้เจอนักท่องเที่ยว จากต่างที่ แต่ที่เยอะที่สุดเป็นชาวบัวโนส ไอเรส ที่หนีหนาว จากทางใต้ ขึ้นเหนือกัน...พวกเขาไปเครื่องบิน 2 ชม. เราไปรถ 2 วัน 2 คืน แต่ได้อะไรเยอะเลย
เราได้ลงเรือตอนเที่ยง ทัวร์บอกว่า ไกด์ 2 ภาษา แต่ไกด์พูดอยู่ภาษาเดียว เราจึงใบ้กิน
สิ่งที่น่าตื่นเต้น ก็คือ การนั่งเรือ กระแทกความเชี่ยวกรากของน้ำ ที่โจนลงมาสู่พื้นหินก้อนใหญ่ใต้ท้องน้ำ แล้วมุดเข้าไปตรงกลาง สายน้ำที่โจนลงมา อย่างบ้าระห่ำ ขนาดใส่เสื้อกันฝนยังแทบจะเอาไม่อยู่ เข้าไปแล้ว วนออกไป แล้วกลับ เข้าไปใหม่ 3 ครั้ง คนขับเรือต้องมืออาชีพจริงๆ จึงพานักท่องเที่ยวออกไปได้อย่างปลอดภัย จากนั้นก็แล่นทวนน้ำ ฝ่าร่องน้ำเชี่ยวกราก ไปอีกประมาณ 20 นาที ตอนนั้นไม่น่าตื่นเต้นสำหรับเราแล้วเพราะ เราเคยฝ่าพายุฝน กับ คลื่นคลั่ง กลางทะเลอันดามัน จากเกาะหลีเป๊ะ ไปสตูล มาแล้ว
ตอนที่เรือเข้าใกล้ท่า ที่มีเคเบิล เราคิดว่า เป็นท่า ของเรา แต่ไม่ใช่ เขาผ่านไปอีกท่า เป็นท่าที่มีรถเปิดประทุนรออยู่ เขาสลับกัน ใครนั่งรถ ก่อนลงเรือ ก็ไปขึ้นท่าที่เราลง ส่วนใครเดินก่อน ขึ้นรถ ก็เป็นแบบเรา บนรถมีไกด์บรรยาย 2 ภาษา แต่เน้นภาษาสเปนมากกว่ามาก นักท่องเที่ยว 2 แถว หลังเรา ประมาณ 8 คน เป็นผู้สูงวัยชาวอเมริกัน พวกเขาและเธอคุยกัน เหมือนโลกทั้งโลกเป็นของพวกเขา เรานั่งหน้า ฟังแล้วไม่อยากหันไปมอง จนรถจอดป้ายแรก พวกเขาลงไป เราจึงเข้าใจว่า ทำไมไกด์ใช้ภาษาสเปนเยอะจัง...เพราะนักท่องเที่ยวด้านหลังไม่น้อยกว่า 20 คน พูดถาษาสเปน นั่นเอง พอพวกมะกันลงไปหมด พวกสเปนก็มีเสียง หัวเราะกันเฮฮา🙄🙄😏😏😏
แต่ลุงบอกว่า เป็นทัวร์ป่าที่ไม่มีอะไรเลย เพราะที่เราเคยร่วมทัวร์ก่อนๆ นี้ มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างมากๆ สิ่งที่แปลกในวันนี้ คือ ต้นส้มป่า ทีมีลูกสีทองเต็มต้น ถามไกด์แล้ว บอกว่า เปลือกหนา เนื้อน้อย รสชาติน้องๆ มะนาว อีกอย่างหนึ่ง คือ รอยเท้าเสือจากัวร์ ที่ไกด์บอกว่า ในป่าที่มีบริเวณติดต่อกับบราซิลนี้ มีอยู่ประมาณ 200 ตัว และได้ยินไกด์พูดเรื่องสัตว์ชนิดหนึ่ง คล้ายๆ หมู คล้ายหมูป่า เนื้อเหมือนไก่ หนังใช้ทำรองเท้า กระเป๋า และเสื้อผ้า ชอบอยู่ริมน้ำ บอกว่า มันชื่อ กาปิวาด้า เป็นภาษาสเปน ไม่มีภาษาอังกฤษ ไม่กล้าสะกด กลัวผิด😃😃😃😃
ส่วนตัวที่เดินตัดหน้าเราตอนเช้า มันชื่อว่า กัวติมูนดัส ตระกูลเดียวกับแร็คคูน มันเขื่องมาก หากินอยู่กับนักท่องเที่ยวนั่นแหละ ไกด์บอกว่า ให้ระวังมันจะกัด และขโมย ของ ฟังแล้ว เหมือนลิงลพบุรี หรือ เขาวัง เลย เราลงรถเปิดประทุนป้ายสุดท้าย แล้วไปต่อรถไฟ ซึ่งเป็นบริการของอุทยาน อยู่ในค่าเข้าอุทยาน 330 เปโซ....ดังนั้น ใครที่จะตามรอยเราไปเที่ยว ไม่จำเป็นต้องซื้อทัวร์ 800 เปโซ เลย
ที่เราซื้อเพราะ คนขายทัวร์พูดให้เราสับสน เหมือนมันจะเที่ยวยาก และต้องจ่ายยิบย่อย พอเข้าไปจริงๆ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน
รถไฟแล่นเอื่อยๆ พาไปสถานีต้นน้ำตก ลงรถแล้วเดินต่อไปข้ามสะพาน ผ่านแฉกของต้นน้ำตก ระยะทสง 1,100 เมตร แต่เดินไกลมาก เพราะมันหลายเลี้ยว
เราเคยเห็นแต่ต้นน้ำตกเล็กๆ แต่อีกัวซู เป็นน้ำตกที่ได้ขื่อว่า มีปริมาณน้ำ มากที่สุดในโลก มันมาจากหลายแยกของแม่น้ำเหลือเกิน และน้ำก็เยอะมาก ขนาดหน้าน้ำน้อยยังสุดจะบรรยาย
จุดแรก ที่น้ำโจนลง มันน่ากลัวมาก ตกลงไปคงยากที่จะหาซาก เพราะปริมาณน้ำ กับปริมาณหิน และความสูง ไม่ได้ท้าให้ใครพิสูจน์ ด้านหน้าน้ำตก ที่เรายืนอยู่ มีธงสีฟ้าขาว ของอาร์เจนติน่า โบกสะบัด...แต่มองไปที่หอคอย ฝั่งตรงกันข้าม ด้านหลังน้ำตก เห็นธงชาติสี เขียง เหลือง ของบราซิล โบกสะบัด...ที่เขาบอกว่า ถ้าต้องการความใกล้ชิด ให้อยูฝั่งอาร์เจนติน่า แต่ถ้าต้องการภาพกว้าง ให้อยู่ฝั่งบราซิล มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ตะโกนข้ามฟาก ก็ไม่มีทางไดยินกัน เพราะมันกว้าง และเสียงน้ำตก ดังมาก ได้ยินแต่เสียงเฮลิคอปเตอร์บั้กๆๆ อยู่บนฟ้า มี 2 ลำ บินอยู่เหนือน้ำตก เป็นชั่วโมง
ตอนเดินข้ามสะพานกลับ เห็นปลาสีดำ ตัวใหญ่คล้ายๆ ปลาดุก แต่ตัวสั้นกว่า ว่ายอยู่ด้านล่างของสะพาน ดูรูปที่เขาจัดแสดงแล้ว เป็นคนละชนิดกัน เขาคงห้ามจับสัตว์น้ำ มันจึงกล้าออกมาว่ายโชว์
เรานั่งรถไฟกลับไปสถานีเดิม ซึ่งไม่ใช่สถานีต้นทาง เราต้องเดินต่ออีก 900 เมตร จึงออกไปที่ท่ารถได้
ขากลับต้องซื้อตั๋ว ราคาเท่าขาไป คือ คนละ 65 เปโซ สรุป ค่าเที่ยวอีกัวซู เฉพาะเมืองอีกัวซู เป็นค่าโรงแรม 980 เปโซ ค่าตั๋วทัวร์ 1,600 เปโซ ค่ารถเมล์ 260 เปโซ ค่าผ่านประตู 660 เปโซ ไม่รวมค่าอาหาร ตอนนี้อัตราแลกเปลี่ยน 1 เปโซ เท่ากับ 2.58 บาท ไทย เราใช้เงินที่นี่เยอะทีเดียว แต่ก็คุ้มค่า ที่ได้เห็นความยิ่งใหญ่ ของมัน
ถ้าใครคิดจะเที่ยว ก็จ่ายแค่ค่ารถเมล์ และค่าผ่านประตู ส่วนค่าเรือ ถ้าอยากได้ประสบการณ์ตรงกลางสายน้ำโจน ค่อยจ่าย ไม่ต้องเสียรู้นายหน้าขายทัวร์แบบเรา และการทัวร์ป่า ก็ไม่ได้มีความจำเป็น เพราะป่าบ้านเราก็ไม่ได้แตกต่างอะไร😉😉😉😉
พรุ่งนี้เราจะต้องแบกกระเป๋าผ้าเปียกเดินขึ้นเขาลงเขาไปท่ารถอีกแล้ว เพราะถ้าไปรถเมล์ก็ต้องเดินไปที่ป้ายรถประมาณครึ่งทาง และค่ารถก็แพง เราจึงตัดสินใจที่จะเอาค่ารถซื้ออาหารตุนไปเซาเปาโล ที่เราคาดว่า ช่วงนี้ อาหารการกินที่บราซิล คงแพงกว่า ปกติ เพราะเป็นช่วงโอลิมปิค พอดี🙄🙄🙄🙄
อากาศก็ช่างไม่เป็นใจ เมื่อวาน แดดแรงมาก พอเราซักผ้าเสร็จ ฝนตกซะงั้น😣😣😣😣
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กฯ เมกากลาง เมกาใต้ อัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 52 น้ำตกใหญ่ที่สุดในโลก Iguazu
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=5CtWehZaZRY&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=55
https://www.youtube.com/watch?v=09Jg3ryWY7o&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=56
https://www.youtube.com/watch?v=xyh2pEku6cE&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=58
https://www.youtube.com/watch?v=G1IXWNSQrCM&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=59
https://www.youtube.com/watch?v=G1IXWNSQrCM&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=59
https://www.youtube.com/watch?v=ZWg8r4dfCtA&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=61
อาทิตย์ที่ 7 ส.ค. กว่าอีกัวซูจะเช้า ผลการลงประชามติที่เมืองไทย ก็ใกล้คลอดแล้ว....เพราะเวลาห่างกัน 10 ชม.
ตอนนี้ เราขยับเข้าไปใกล้ ริโอ เดอจาเนโร แต่ไม่มีตั๋วรถ เราไปได้แค่ เซาเปาโล แล้วนั่งเครื่องไปเคปทาวน์
ตอนกลับเข้าโรงแรม รับข่าวจากไลน์ จึงรู้ว่า ทำไม มาดามจากบราซิล จึงบอกเราว่า มีป้าย Thailand เบ้อเริ่ม อยู่ที่ Rio de Janeiro ตอนแรก เราคิดว่า เพราะคนไทย นิยมเที่ยวริโอ ที่ไหนได้ เป็นเพราะ เหรียญทองเหรียญแรก ต่างหาก😄😄😄😄
เมื่อคืนอ่านพยากรณ์อากาศว่าวันนี้ที่อีกัวซู ฝนตกหนัก อุณหภูมิ 16 องศา....
ยังไม่ถึงเที่ยงคืน ฝนตกหนักมาก และอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว...ตอนเช้าอากาศเย็นทีเดียว...อาหารเช้า เน้นแป้ง แป้ง และ แป้ง ขนมปัง บาแก๊ต ครัวซอง เค้ก พายแยม ซีเรียล นมวานิลา น้ำส้มคั้น เนบ แยม มีแฮม กับ ชีส คนละแผ่น น้ำส้มคั้นเปรี้ยวจี๊ด ส้มที่ฝานเป็นแผ่นบางๆ เป็นส้มจริงๆ สับปะรดแผ่นบางๆ สีขาว มะละกอเหมือนเรากินเมื่อคืน แต่มาเป็นเสี้ยวเล็กๆ ไม่ได้ปอกให้ ต้องตัดและแทะ เพราะมีดปอกไม่เข้า แตงขาวๆ จืดๆ กีวีแก่ไม่ได้ที่🙄🙄🙄🙄เขามีเนื้อวัว กับ เนื้อแกะเยอะ ส่งออกอาหาร และผลไม้ไปชิลี กับเปรู แต่อาหารเช้า😐😐😐😐
ไม่มีอะไรดีไปหมด และเสียไปหมด โรงแรมนี้ บรรยากาศดี ห้องดี น้ำดี เน็ตดี ที่ไม่ดีก็แค่ อาหารเช้า กับ ไกล เห็นคนอื่นๆ มีกล่องอาหารพิเศษ ส่วนตัวกัน แสดงว่า พวกเขารู้ว่า ต้องเสริมกันเอง...มั้ง?☺☺☺☺☺
เน็ตดี จนลุงคิดว่า อะไรๆ ที่ค้างมาตั้งแต่อเมริกากลาง น่าจะเคลียร์ได้ก่อนเดินทางไปเซาเปาโล เพื่อต่อไปที่อัฟริกาใต้...ที่กังวลว่า หน่วยความจำจะเต็มก็เป็นอันตัดไป...และถ้าวันนี้ อากาศแห้ง เสื้อผ้าของเรา ก็คงจะยกยอดไปซักตอนกลับบ้านได้เลย
เวลา 08.20 น. ออกจากที่พัก ขึ้นรถเวลา 08.50 น. ค่ารถคนละ 65 เปโซ ถึงปลายทางเวลา 09.15 น. รถ Rio Uruguay / Cataratas
ต้องซื้อตั๋วผ่านประตู คนละ 330 เปโซ จากนั้น ก็เอาตั๋วทัวร์ไปแจ้งที่ซุ้มที่มีจนท.ใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีเหลืองจำปา
เขาเขียนเวลาให้เราไปขึ้นรถเปิดประทุนทัวร์ป่า เวลา 10.15 น. พร้อมอธิบายแผนที่ เส้นทางไปสถานีรถ จากแผนที่ใหญ่ แต่ป้าไม่ได้จดลงแผนที่เล็ก เพราะคิดว่า จะจำได้ พอถึงเวลาจริงๆ จำผิดจุด.... ไม่ทันรถ เพราะวนไปวนมา อยู่ในป่า หาท่ารถไม่เจอ😣😣😣😣😣
แต่ก็ไม่ได้เสียอะไร เพราะจนท. ให้เราเดินเลียบแม่น้ำ ใกล้น้ำตก แล้วไปลงเรือ แบบย้อนศร เริ่มจากการใช้เส้นทางที่เรียกว่า Lower Trail ไปเจอน้ำตก 2 ข้าง ที่โจนลงมากระแทกหินข้างล่าง อย่างแรง เมื่อมีแสงแดดไปกระทบ ทำให้เป็นประกายรุ้ง
แล้วข้ามไปเกาะ San Martin โดยบริการของเรืออุทยาน เพื่อฆ่าเวลา รอเรือออก ตอนเที่ยงครึ่ง ตอนนั้นได้เจอนักท่องเที่ยว จากต่างที่ แต่ที่เยอะที่สุดเป็นชาวบัวโนส ไอเรส ที่หนีหนาว จากทางใต้ ขึ้นเหนือกัน...พวกเขาไปเครื่องบิน 2 ชม. เราไปรถ 2 วัน 2 คืน แต่ได้อะไรเยอะเลย
เราได้ลงเรือตอนเที่ยง ทัวร์บอกว่า ไกด์ 2 ภาษา แต่ไกด์พูดอยู่ภาษาเดียว เราจึงใบ้กิน
สิ่งที่น่าตื่นเต้น ก็คือ การนั่งเรือ กระแทกความเชี่ยวกรากของน้ำ ที่โจนลงมาสู่พื้นหินก้อนใหญ่ใต้ท้องน้ำ แล้วมุดเข้าไปตรงกลาง สายน้ำที่โจนลงมา อย่างบ้าระห่ำ ขนาดใส่เสื้อกันฝนยังแทบจะเอาไม่อยู่ เข้าไปแล้ว วนออกไป แล้วกลับ เข้าไปใหม่ 3 ครั้ง คนขับเรือต้องมืออาชีพจริงๆ จึงพานักท่องเที่ยวออกไปได้อย่างปลอดภัย จากนั้นก็แล่นทวนน้ำ ฝ่าร่องน้ำเชี่ยวกราก ไปอีกประมาณ 20 นาที ตอนนั้นไม่น่าตื่นเต้นสำหรับเราแล้วเพราะ เราเคยฝ่าพายุฝน กับ คลื่นคลั่ง กลางทะเลอันดามัน จากเกาะหลีเป๊ะ ไปสตูล มาแล้ว
ตอนที่เรือเข้าใกล้ท่า ที่มีเคเบิล เราคิดว่า เป็นท่า ของเรา แต่ไม่ใช่ เขาผ่านไปอีกท่า เป็นท่าที่มีรถเปิดประทุนรออยู่ เขาสลับกัน ใครนั่งรถ ก่อนลงเรือ ก็ไปขึ้นท่าที่เราลง ส่วนใครเดินก่อน ขึ้นรถ ก็เป็นแบบเรา บนรถมีไกด์บรรยาย 2 ภาษา แต่เน้นภาษาสเปนมากกว่ามาก นักท่องเที่ยว 2 แถว หลังเรา ประมาณ 8 คน เป็นผู้สูงวัยชาวอเมริกัน พวกเขาและเธอคุยกัน เหมือนโลกทั้งโลกเป็นของพวกเขา เรานั่งหน้า ฟังแล้วไม่อยากหันไปมอง จนรถจอดป้ายแรก พวกเขาลงไป เราจึงเข้าใจว่า ทำไมไกด์ใช้ภาษาสเปนเยอะจัง...เพราะนักท่องเที่ยวด้านหลังไม่น้อยกว่า 20 คน พูดถาษาสเปน นั่นเอง พอพวกมะกันลงไปหมด พวกสเปนก็มีเสียง หัวเราะกันเฮฮา🙄🙄😏😏😏
แต่ลุงบอกว่า เป็นทัวร์ป่าที่ไม่มีอะไรเลย เพราะที่เราเคยร่วมทัวร์ก่อนๆ นี้ มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างมากๆ สิ่งที่แปลกในวันนี้ คือ ต้นส้มป่า ทีมีลูกสีทองเต็มต้น ถามไกด์แล้ว บอกว่า เปลือกหนา เนื้อน้อย รสชาติน้องๆ มะนาว อีกอย่างหนึ่ง คือ รอยเท้าเสือจากัวร์ ที่ไกด์บอกว่า ในป่าที่มีบริเวณติดต่อกับบราซิลนี้ มีอยู่ประมาณ 200 ตัว และได้ยินไกด์พูดเรื่องสัตว์ชนิดหนึ่ง คล้ายๆ หมู คล้ายหมูป่า เนื้อเหมือนไก่ หนังใช้ทำรองเท้า กระเป๋า และเสื้อผ้า ชอบอยู่ริมน้ำ บอกว่า มันชื่อ กาปิวาด้า เป็นภาษาสเปน ไม่มีภาษาอังกฤษ ไม่กล้าสะกด กลัวผิด😃😃😃😃
ส่วนตัวที่เดินตัดหน้าเราตอนเช้า มันชื่อว่า กัวติมูนดัส ตระกูลเดียวกับแร็คคูน มันเขื่องมาก หากินอยู่กับนักท่องเที่ยวนั่นแหละ ไกด์บอกว่า ให้ระวังมันจะกัด และขโมย ของ ฟังแล้ว เหมือนลิงลพบุรี หรือ เขาวัง เลย เราลงรถเปิดประทุนป้ายสุดท้าย แล้วไปต่อรถไฟ ซึ่งเป็นบริการของอุทยาน อยู่ในค่าเข้าอุทยาน 330 เปโซ....ดังนั้น ใครที่จะตามรอยเราไปเที่ยว ไม่จำเป็นต้องซื้อทัวร์ 800 เปโซ เลย
ที่เราซื้อเพราะ คนขายทัวร์พูดให้เราสับสน เหมือนมันจะเที่ยวยาก และต้องจ่ายยิบย่อย พอเข้าไปจริงๆ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน
รถไฟแล่นเอื่อยๆ พาไปสถานีต้นน้ำตก ลงรถแล้วเดินต่อไปข้ามสะพาน ผ่านแฉกของต้นน้ำตก ระยะทสง 1,100 เมตร แต่เดินไกลมาก เพราะมันหลายเลี้ยว
เราเคยเห็นแต่ต้นน้ำตกเล็กๆ แต่อีกัวซู เป็นน้ำตกที่ได้ขื่อว่า มีปริมาณน้ำ มากที่สุดในโลก มันมาจากหลายแยกของแม่น้ำเหลือเกิน และน้ำก็เยอะมาก ขนาดหน้าน้ำน้อยยังสุดจะบรรยาย
จุดแรก ที่น้ำโจนลง มันน่ากลัวมาก ตกลงไปคงยากที่จะหาซาก เพราะปริมาณน้ำ กับปริมาณหิน และความสูง ไม่ได้ท้าให้ใครพิสูจน์ ด้านหน้าน้ำตก ที่เรายืนอยู่ มีธงสีฟ้าขาว ของอาร์เจนติน่า โบกสะบัด...แต่มองไปที่หอคอย ฝั่งตรงกันข้าม ด้านหลังน้ำตก เห็นธงชาติสี เขียง เหลือง ของบราซิล โบกสะบัด...ที่เขาบอกว่า ถ้าต้องการความใกล้ชิด ให้อยูฝั่งอาร์เจนติน่า แต่ถ้าต้องการภาพกว้าง ให้อยู่ฝั่งบราซิล มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ตะโกนข้ามฟาก ก็ไม่มีทางไดยินกัน เพราะมันกว้าง และเสียงน้ำตก ดังมาก ได้ยินแต่เสียงเฮลิคอปเตอร์บั้กๆๆ อยู่บนฟ้า มี 2 ลำ บินอยู่เหนือน้ำตก เป็นชั่วโมง
ตอนเดินข้ามสะพานกลับ เห็นปลาสีดำ ตัวใหญ่คล้ายๆ ปลาดุก แต่ตัวสั้นกว่า ว่ายอยู่ด้านล่างของสะพาน ดูรูปที่เขาจัดแสดงแล้ว เป็นคนละชนิดกัน เขาคงห้ามจับสัตว์น้ำ มันจึงกล้าออกมาว่ายโชว์
เรานั่งรถไฟกลับไปสถานีเดิม ซึ่งไม่ใช่สถานีต้นทาง เราต้องเดินต่ออีก 900 เมตร จึงออกไปที่ท่ารถได้
ขากลับต้องซื้อตั๋ว ราคาเท่าขาไป คือ คนละ 65 เปโซ สรุป ค่าเที่ยวอีกัวซู เฉพาะเมืองอีกัวซู เป็นค่าโรงแรม 980 เปโซ ค่าตั๋วทัวร์ 1,600 เปโซ ค่ารถเมล์ 260 เปโซ ค่าผ่านประตู 660 เปโซ ไม่รวมค่าอาหาร ตอนนี้อัตราแลกเปลี่ยน 1 เปโซ เท่ากับ 2.58 บาท ไทย เราใช้เงินที่นี่เยอะทีเดียว แต่ก็คุ้มค่า ที่ได้เห็นความยิ่งใหญ่ ของมัน
ถ้าใครคิดจะเที่ยว ก็จ่ายแค่ค่ารถเมล์ และค่าผ่านประตู ส่วนค่าเรือ ถ้าอยากได้ประสบการณ์ตรงกลางสายน้ำโจน ค่อยจ่าย ไม่ต้องเสียรู้นายหน้าขายทัวร์แบบเรา และการทัวร์ป่า ก็ไม่ได้มีความจำเป็น เพราะป่าบ้านเราก็ไม่ได้แตกต่างอะไร😉😉😉😉
พรุ่งนี้เราจะต้องแบกกระเป๋าผ้าเปียกเดินขึ้นเขาลงเขาไปท่ารถอีกแล้ว เพราะถ้าไปรถเมล์ก็ต้องเดินไปที่ป้ายรถประมาณครึ่งทาง และค่ารถก็แพง เราจึงตัดสินใจที่จะเอาค่ารถซื้ออาหารตุนไปเซาเปาโล ที่เราคาดว่า ช่วงนี้ อาหารการกินที่บราซิล คงแพงกว่า ปกติ เพราะเป็นช่วงโอลิมปิค พอดี🙄🙄🙄🙄
อากาศก็ช่างไม่เป็นใจ เมื่อวาน แดดแรงมาก พอเราซักผ้าเสร็จ ฝนตกซะงั้น😣😣😣😣
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น