ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก เที่ยว "กระบี่ ถิ่นหอยเก่า เขาตระหง่าน ธารสวย รวยเกาะ เพาะปลูกปาล์ม งามหาดทราย ใต้ทะเลสวยสด มรกตอันดามัน" 3


วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน 2558 รถรับจากที่พักเวลา 08.30 น. ไปท่าเรือเพื่อลงเรือไปทัวร์ เกาะห้อง บนรถที่เรานั่งไปมีคนที่ไปทัวร์เดียวกับเราทั้งหมด 7 คน เป็นหนุ่มสาวชาวจีน 5 คน คู่สามีภรรยาชาวไอริช 1 คู่ รถไปถึงท่าเรือช้ามากเพราะต้องรอนักท่องเที่ยวชาวจีน พอไปถึง เช็คอินเสร็จก็มีประกาศเรียกให้ไปลงเรือ

เรือนำเที่ยววันนี้เป็นเรือชนิดเดียวกับเมื่อวาน แต่วันนี้มีนักท่องเที่ยวน้อยกว่าเมื่อวาน มีคนลงที่ท่าอ่าวนาง 11 คน เป็นคนที่ไปรถคันเดียวกับเรารวมทั้งเราด้วยเป็น 9 คน เป็นนักท่องเที่ยวคู่สามีภรรยาชาวฮังการี1 คู่ ส่วนอีก 6 คน ไปแวะรับที่อ่าวไรเล่ย์ตะวันตก เป็นคู่สามีภรรยาชาวอเมริกัน 1 คู่ สาวอังกฤษ 2 คน และหนุ่มสเปน 2 คน ไกด์สำลี (เม็ดใน) เป็นคนนำเที่ยว น้องเบ๊นซ์กับน้องเบียร์เป็นผู้ช่วยไกด์ บังมาตย์เป็นกัปตัน น้องบ่าวฉายามะนาวเป็นนายท้ายเรือ
หลังจากแวะรับนักท่องเที่ยวที่อ่าวไรเล่ย์ตะวันตกแล้ว เรือก็มุ่งไปที่เกาะเหลาล่าดิง(พาราไดซ์) เป็นจุดแรก มีเวลาให้พักผ่อนและเล่นน้ำที่นั่น 1 ชม. ผู้ช่วยไกด์ตั้งน้ำชงกาแฟบริการนักท่องเที่ยว เราไม่ดื่มกาแฟแต่ขอแจมเค้กผลไม้ ตอนที่เราไปถึงมีนักท่องเที่ยวที่ค้างคืนบนเกาะเปิดเพลงสาวสวนแตงเสียงดังลั่น เหมือนเดินเที่ยวงานวัด บรรยากาศครึกครื้น แต่ท้องฟ้าไม่ปลอดโปร่ง
https://www.youtube.com/watch?v=Ql8filiuBiE&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=9

ที่เกาะเหลาล่าดิงมีทรายที่มีลักษณะเป็นโคลนกับหินก้อนกลมๆ อยู่ที่พื้นทะเล มีปลาเสืออยู่มากมาย นักท่องเที่ยวต่างชาติรับเครื่องช่วยหายใจและแว่นตากันน้ำไปดำน้ำดูปลา วันนี้มีไกด์บิว หนุ่มมาดเท่ชาวสมุทรสาคร ซึ่งมากับทัวร์อื่นที่มีแต่นักท่องเที่ยวชาวจีนฟังภาษาอังกฤษไม่ออก ส่วนไกด์บิวก็พูดภาษาจีนไม่ได้ เล่าให้เราฟังว่า ภูเขาหินที่อยู่ด้านข้างของหาดเหลาล่าดิงเคยเป็นที่จัดการแข่งขันกีฬาเอ๊กซ์ตรีม กระโดดหน้าผาท้าความตาย เราเดินลัดป่าไปอีกด้านหนึ่งของหาดเหลาล่าดิง พบว่าเป็นอ่าวหินที่มีหินละเอียดและคม น้ที่นั่นำใสมากแต่นักท่องเที่ยวไม่นิยมไปเล่นเพราะเป็นทะเลน้ำตื้น นอกจากว่ายน้ำไม่ได้แล้วยังเดินเล่นในน้ำไมได้อีกด้วย
https://www.youtube.com/watch?v=I8szPy9WVvE&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=10

ออกจากเกาะเหลาล่าดิง คณะทัวร์ก็พานักท่องเที่ยวไปที่เกาะผักเบี้ย ที่นั่นมีทางเดินเชื่อมเกาะที่มีลักษณะเป็นทะเลแหวกถาวร สันทรายเป็นหินและเปลือกหอยต้องใส่รองเท้าลงไปเดิน ที่เกาะผักเบี้ยเราพบนักท่องเที่ยวจากภาคเหนือกำลังถ่ายรูปกับลิงอยู่ พวกเขามากัน 6 คน เป็นหนุ่มสาวชาวเชียงใหม่ 3 คน คือ น้องมุ้ย น้องเล็ก กับ น้องแต สาวลับแล 1 คน คือ น้องจูน และสาวแพร่ 1 คน คือ น้องบุ๋มบิ๋ม พวกเขาได้ที่พักที่สามารถเดินลงไปเล่นน้ำทะเลที่อ่าวนางได้เลย และราคาก็ไม่แพงด้วย เพราะน้องมุ้ยกับน้องเล็ก ทำงานที่กระบี่เป็นคนติดต่อหาที่พัก และรู้แหล่งอาหารทะเลอร่อย ราคาถูกพวกเขาเที่ยว 3 ทัวร์เหมือนเรา แต่สลับวันกับเรา พวกเขาชอบเกาะห้องมากเหมือนกับ คู่สามีภรรยาชาวอเมริกัน ที่บอกเราว่า พวกเขาไปทัวร์เกาะห้องเป็นครั้งที่ 2 เพราะประทับใจ
https://www.youtube.com/watch?v=4JUEuGrPmdE&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=11

น้ำทะเลรอบเกาะผักเบี้ยไม่ลึก เดินห่างออกไปจากเกาะเป็นร้อยเมตรก็ยังไม่ถึงเอว และด้านล่างก็เป็นหินก้อนใหญ่ ต้องใส่รองเท้าลงไปเดิน ป้าลงไปเล่นคนเดียวเพราะลุงยังเสียวอาการตะคริวจับเมื่อวาน จึงไม่ได้ลงไปเล่นด้วยเราได้ภาพที่ถ่ายคู่กันโดยฝีมือยายกล้องสาวชาวจีน และภาพเกาะเห็ดตามจินตนาการของน้องๆ ชาวเหนือมาด้วย พอได้เวลาเราก็ไปที่เรือเพื่อเดินทางต่อไปยังเป้าหมายสุดท้าย คือ หมู่เกาะห้อง

เราไปถึงเกาะห้องในเวลาหลังเที่ยงเล็กน้อย ท่าเรือที่เกาะห้องต้องใช้ทุ่นพลาสติกรูปร่างสี่เหลี่ยมเหมือนแกลลอนใส่น้ำมันผูกติดกันเป็นแพ ลอยออกไปรับเรือให้เข้าเทียบท่าได้ทีละลำ การเดินบนทุ่นที่โคลงเคลงตามคลื่นน้ำก็นำความสนุกสนานมาให้นักท่องเที่ยวได้ดีทีเดียว พอขึ้นจากเรือไปบนทุ่นก็มีจุดขายตั๋วเป็นค่าขึ้นไปเที่ยวเกาะ นักท่องเที่ยวชาวไทยจ่ายคนละ 30 บาท ส่วนชาวต่างชาติคนละ 300 บาท สำหรับเราค่าขึ้นชมเกาะรวมอยู่ในค่าทัวร์เรียบร้อยแล้ว

ทรายที่เกาะห้องละเอียดเนียนมาก สมกับที่กลุ่มน้องๆ ชาวเหนือบอก และปลาเสือที่อยู่ในอ่าวก็มีมากมาย ทำให้นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกหลงใหล จนต้องพาลูกๆ ดำน้ำชมความงามใต้พื้นน้ำ แต่ที่นั่นก็ฝากรอยจารึกเป็นแผลจากหินบาดไว้ที่ฝ่าเท้าของป้า 2 แผล เรามีเวลาอยู่ที่นั่นจนถึง 14.00 น. เพราะต้องรอให้น้ำขึ้น จึงจะสามารถนำเรือเข้าไปในหมู่เกาะห้องได้ เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นทะเลน้ำตื้น
https://www.youtube.com/watch?v=T2HHI0IsENM&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=12

อาหารกลางวันวันนี้เป็นข้าวกล่อง มีข้าวสวยกับไก่ผัดกระเทียมพริกไทย และไข่เจียวกับน้ำปลาพริก หลังอาหารกลางวันเราไปเดินถ่ายรูปกัน บนหาดทรายที่ละเอียดนุ่มเท้ามีนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกปูผ้านอนอาบแดดกันเป็นระยะ พอถ่ายภาพเสร็จเราก็ไปว่ายน้ำและไล่จับปลาเสือใต้น้ำ นักท่องเที่ยวสูงวัยชาวจีนถ่ายรูปเล่นน้ำกันสนุกสนาน

ตอนที่เราขึ้นจากน้ำไปเช็คเวลา ได้เจอกับคู่สามีภรรยาเภสัชกรกับทันตแพทย์จากพิษณุโลก ชื่อคุณหมอน้องโอ๋กับน้องฮาร่าด้วย เมื่อน้ำขึ้นได้ที่เรือที่รออยู่บริเวณเดียวกันก็ทยอยออกไปทีละลำ ที่นั่นเราได้เจอไกด์บิวอีกครั้งหนึ่ง และได้เห็นไกด์บิวลงเล่นน้ำที่ช่องจอดเรือหลบลมเกาะห้องด้วย ช่องว่างระหว่างหมู่เกาะห้องเป็นช่องที่นักเดินเรือนำเรือเขาไปจอดหลบลมในเวลาที่มีคลื่นลมแรง เพราะที่นั่นน้ำทะเลจะสงบราบเรียบตลอดเวลา น้ทะเลตรงนั้นำตื้นและใสมากจนมองเห็นเกร็ดเล็กๆ ที่พื้นน้ำ หมู่เกาะห้องได้ชื่อตามลักษณะของเกาะภูเขาหินที่เป็นโพรง เหมือนกับเป็นห้องต่างๆ ในท้องพระโรง

เมื่อเรือพาวนเข้าไปชมทะเลระหว่างหมู่เกาะห้องจนรอบแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับ และส่งนักท่องเที่ยวที่ท่าสุดท้ายในเวลา 15.00 น. ที่ท่าเรือมีรถจอดรอรับนักท่องเที่ยวไปส่งตามจุดที่พัก ตอนนั่งรถกลับนักท่องเที่ยวหนุ่มชาวจีนชวนสองสามีภรรยาชาวไอริชไปร่วมสังสันท์แถวๆ ที่พักด้วยกัน ส่วนป้ากับลุงได้คุยกับน้องนาและน้องนุ่นนักศึกษาฝึกงานสาวน้อยจากวิทยาลัยเทคนิค จึงทราบว่า ผู้ช่วยไกด์จะมีโอกาสลงเรือก็ต่อเมื่อนักท่องเที่ยวไม่เต็มลำเรือ มิน่าล่ะ วันนี้ เรือของเราจึงมีผู้ช่วยไกด์ 2 คน บ่ายนี้เราขอให้รถไปส่งเราที่ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซด์บริเวณอ่าวนาง เพื่อเช่าขับเที่ยวรอบเมือง
https://www.youtube.com/watch?v=980RrWHWoJU&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=13

เราได้เช่ารถที่ Smiling Dog Travel ในราคา 200 บาท ต่อวัน โดยมีค่าประกันรถ 3,000 บาท และเก็บบัตรประชาชนไว้เป็นประกันด้วย ร้านเปิดให้บริการระหว่างเวลา 08.00-21.00 น. น้องที่ส่งรถให้เราเป็นหนุ่มชาวดินแดง จบจากโรงเรียนสามเสนนอกเป็นลูกชายเจ้าของร้าน เมื่อได้รถแล้วลุงก็พาป้าตระเวนตั้งแต่สนามกีฬา ตามทางผ่านไปยัง สุสานหอย 75 ล้านปี ขากลับแวะท่าเรืออ่าวน้ำเมา ทั้งท่าเอกชนและท่าหลวง จากนั้นเราก็ไปสวรรค์ชั้น 7 ซึ่งเป็นสวนสนุกและสนามเด็กเล่น และแวะถ่ายภาพมัสยิดบ้านแหลมโพธิ์ กับมัสยิดบ้านน้ำเมา ซึ่งอยู่ในเส้นทางเดียวกัน
https://www.youtube.com/watch?v=kuwy1DVms70&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=14

ต่อจากนั้นก็มุ่งสู่วัดที่ไกด์บิวแนะนำ คือ วัดถ้ำเสือซึ่งมีบันได 1,260 ขั้น และกำลังสร้างเจดีย์ที่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามและอลังการ แม้จะยังสร้างไม่เสร็จ ยังวิจิตรงดงามมาก ส่วนบันได 1,260 ขั้น เราขอติดไว้ก่อนเพราะเรามีเวลาจำกัด เราต้องตามหาวัดที่นายท้ายบ่าวแนะนำ คือ วัดโภคาจุฑามาตย์ กับวัดแก้วโกรวาราม พระอารามหลวง ให้ทันก่อนที่จะสิ้นแสงสว่างพอที่จะถ่ายรูปได้ ต่อจากนั้นก็แวะตลาดเก่า หาซื้ออาหารเย็น แม่ค้าน่ารักมาก แถมถ้วยโฟมให้เราด้วย แต่เพราะคุยเพลินจึงลืมให้ช้อน

ระหว่างทางก็ถ่ายภาพแยกช้าง ซึ่งมีเทวสถานจตุคามรามเทพ อยู่ตรงมุมสี่แยกด้วย แล้วผ่านไปถ่ายแยกนกออก หรือ นกอินทรีทะเลท้องขาว จากนั้นก็เป็นแยกเสื้อเขี้ยวดาบ แวะซื้อผลไม้ที่ตลาดผลไม้แล้วไปนั่งกินอาหารเย็นกันที่ลานหน้ารูปปั้นปูก้ามดาบ โดยใช้มือเปิบกันอย่างเอร็ดอร่อยเพราะมีทั้งน้ำพริกกะปิ ปลาทอด ปลาปิ้ง และผักเคียง ก่อนไปตามหามัสยิดกลางที่แยกปลาลัง ตามเส้นทางไปอำเภออ่าวลึก ซึ่งกว่าจะถึงมัสยิดก็ได้แต่ภาพที่เห็นรางเลือนเพราะมืดมากและติดเต็นต์ขายของที่ตั้งรอเปิดงานในวันศุกร์ที่จะถึง
https://www.youtube.com/watch?v=6_Ckh-PVPV0&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=15

กว่าจะเดินทางไปชมแสงสียามค่ำคืนที่อ่าวนาง ก็ไม่สามารถถ่ายภาพมัสยิดบ้านอ่าวนางได้แล้ว เพราะแสงไม่พอ เราจะต้องไปเก็บภาพให้ได้ในวันพรุ่งนี้เช้าตอนที่นำรถไปคืนร้านเช่า แสงสียามค่ำคืนที่อ่าวนางสว่างไสว มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศแม้จะไม่คึกคักเท่าที่ควร แต่น้องนางแย่งเพศหญิงที่แต่งกายวาบหวามยืนเชิญชวนลูกค้าตามหน้าสถานบันเทิงก็สร้างสีสันได้ไม่น้อย
คืนนี้เราถึงที่พักในเวลา 21.00 น. เมื่อเปิดเพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ดู ปรากฏว่า น้องๆ ชาวเหนือที่เราพบที่เกาะผักเบี้ยเมื่อตอนกลางวันได้ส่งรูปมา รออยู่แล้ว ต้องขอขอบคุณมากมาย กว่าที่ลุงกับป้าจะโพสต์เสร็จก็คาดว่า น่าจะเลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว เพราะกว่าป้าจะเขียนเสร็จก็ 23.30 น. ยังไม่ได้เซฟรูปที่ถ่ายเข้าไปในโน้ตบุ๊กเลย และตอนนี้ป้าก็เพิ่งกลับมานั่งอ่านทวนที่โพสต์ไปตอนตีหนึ่งครึ่ง พบว่าพิมพ์ผิดเยอะมาก ต้องขออภัยแฟนเพจเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้แก้ไขแล้วค่ะ

เช้าพรุ่งนี้นัดคืนรถที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซด์เวลา 08.00 น. ต้องรีบไปอาบน้ำเตรียมตัวก่อนค่ะ พบกันใหม่ในทัวร์หมู่เกาะพีพี ค่ะ