ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก เที่ยว "กระบี่ ถิ่นหอยเก่า เขาตระหง่าน ธารสวย รวยเกาะ เพาะปลูกปาล์ม งามหาดทราย ใต้ทะเลสวยสด มรกตอันดามัน" 1
วันจันทร์ที่ 2พ.ย.58 ออกจากบ้านเวลา 06.45 น. ลูกขับรถไปส่งที่สนามบินดอนเมือง เดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย ได้ตั๋วโปรโมชั่น 2 คนไป-กลับ 3,200 บาท เครื่องออกเวลา 07.30 น. ผู้โดยสารมีไม่ถึงครึ่งลำจาก 180 ที่นั่ง ทั้งๆที่เข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวแล้ว วันนี้กัปตันประกาศว่าสภาพอากาศไม่ปกติ ทั้งในเครื่องบินและที่สนามบินมีเสียงประกาศและป้ายต่างๆ 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และจีน เครื่องบินโคลงเคลงบ่อยครั้ง ถึงสนามบินนานาชาติกระบี่เวลา 09.00 น. ฝนลงเม็ดเล็กน้อย
เราเดินออกจากสนามบินไปถนนใหญ่ ข้ามถนนไปรอรถสองแถวสีฟ้าที่มาจากอำเภอเหนือคลอง ที่ศาลารอรถเพื่อเข้าตัวเมืองกระบี่ เราลงรถที่ท่าเรือเจ้าฟ้า ตรงที่มีทรายดูดฝรั่งสามีภรรยาสัปดาห์ก่อน จ่ายค่ารถคนละ 30 บาท ถ่ายรูปกับปูดำที่ลานริมน้ำ นกออกหรืออินทรีทะเลท้องขาวที่หลักกิโลเมตรที่ 0 มองย้อนไปทางที่มาจากสนามบิน เป็นเขาขนาบน้ำ ท่าเรือจ้าวฟ้ามีเรือบริการท่องเที่ยวเขาขนาบน้ำ กระชังปลา และหมู่บ้านเกาะกลาง ในราคา 500 บาท ข้ามถนนที่ทางม้าลาย เดินตรงไปด้านขวาเป็นตลาดด้านซ้ายเป็นทางเข้าลานจอดรถห้างโวค ตรงไปเป็นสี่แยกฟอสซิลมนุษย์ดึกดำบรรพ์ ที่สร้างจำลองจากการพบซากมนุษย์ดึกดำบรรพ์กับเสือเขี้ยวดาบ ที่อำเภอเหนือคลอง ส่วนเสือเขี้ยวดาบสร้างไว้อีกแยกหนึ่ง แต่เราไปไม่ถึง
https://www.youtube.com/watch?v=32avfhOlYCI&index=2&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb
ที่หน้าศาลากลางมีอนุสาวรีย์ร.5 ผู้พระราชทานนาม “กระบี่” ตอนที่แยกตัวออกจากนครศรีธรรมราช มีตำนานเล่าว่า มีผู้พบดาบ 2 เล่ม เล่มใหญ่ใหญ่กับเล่มเล็ก ตอนที่เมืองยังสร้างไม่เสร็จ จึงมอบดาบทั้ง 2 เล่มให้เจ้าเมืองนำไปเก็บไว้ในถ้ำเขาขนาบน้ำ ก่อนถึงศาลากลางมีรูปปั้นช้าง และมีอนุสาวรีย์ช้างเผือกหน้าศาลากลาง ซึ่งได้ถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นช้างคู่บารมี ถัดไปเป็นศาลหลักเมือง
เดินออกจากศาลากลางเลี้ยวขวาแล้วข้ามถนนที่สามแยก เดินลงไปท่าเรือเทียบท่ากระบี่ มองไปฝั่งตรงข้ามเป็นหมู่บ้านเกาะกลาง นั่งเรือที่ท่าเรือข้ามฟากไปเขาขนาบน้ำ ต่อราคาได้ 2 คน 250 บาท น้ำในแม่น้ำกระบี่ใสสะอาดมาก ตอนน้ำกระเซ็นขึ้นมาถูกหน้าเย็นชื่นใจ เผลออ้าปากให้น้ำกระเด็นเข้าปาก ปรากฏว่า ไม่เค็ม และไม่เหม็นคาว ด้านซ้ายเป็นตัวเมืองกระบี่ ด้านตรงข้ามตลอดแนวเป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์มาก เป็นป่าโกงกาง และป่าแสม เขียวชอุ่ม มีเรือจอดค้างไว้ในป่าโกงกางด้วย เอ.. กลางคืนจะมีแสงหิ่งห้อยพราวพรายคล้ายกับที่อัมพวาไหมหนอ?? เรือผ่านท่าเรือจ้าวฟ้ามุ่งสู่เขาขนาบน้ำ
ตอนที่เรือถึงเขาขนาบน้ำ ด้านขวามีท่าเรือให้ขึ้นไปชมถ้ำ ส่วนทางซ้ายเป็นทางเดินขึ้นไปบนฝั่งซึ่งสามารถเดินขึ้นไปทะลุถนนใหญ่ได้ ค่าขึ้นฝั่งชมถ้ำขนาบน้ำคนละ 30 บาท เก็บค่ากล้องอีก 30 บาท ขากลับขึ้นจากเรือที่ท่าจ้าวฟ้า บริเวณที่โคลนดูด แต่เป็นตอนน้ำขึ้น พอเรือเกยท่า ป้ากระโดดลงพื้นทราย เนื่องจากเรือสูงมาก ป้าคิดว่าคงกระโดดลงไปเจอทรายนุ่มๆ จึงลงเต็มแรง กระดอนดั่งพลั่ก พื้นทรายเปียกแข็งมาก คนเรือที่เคยชวนลุงกับป้าลงเรือตอนแรกเดินมาเก็บค่าเทียบเรือ เพราะเป็นเรือมาจากท่าอื่น
https://www.youtube.com/watch?v=EItcFh0aSLE&index=3&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb
ชาวกระบี่มีความเป็นมิตรและมีน้ำใจมาก ตอนออกจากสนามบินมีมอเตอร์ไซด์พ่วงข้าง จอดชวนเราขึ้นบอกว่าเขาจะไปตลาดพอดี ให้เราไปด้วยกันเขาไม่คิดเงิน แต่เรากำลังถูกวิญญาณแบ็คแพ็คเกอร์เข้าสิง เราจึงปฏิเสธความเอื้ออาทรของเขา ตอนนั่งรถสองแถวคนที่อยู่บนรถก็มีน้ำใจ เห็นพวกเขาบอกผู้โดยสารคนอื่นๆ เวลาถึงที่ลง ระหว่างทางผ่านตลาดเก่าซึ่งปัจจุบันเป็นสถานีขนส่ง มีชาวเมียนม่าร์แม่ลูกไม่รู้ว่าจะลงตรงจุดไหน พวกเขาก็บอกให้ แต่เมื่อถามประวัติเมืองกระบี่ พวกเขากลับตอบไม่ได้ ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด มีคนหนึ่งบอกว่า มีอนุสาวรีย์กระบี่ไขว้ แต่บอกไม่ได้ว่าอยู่ตรงไหน ถามข้าราชการที่ศาลากลางก็ตอบไม่ได้ มีการตะโกนถามกันหลายคน แต่ไม่มีใครตอบได้
รถรับจ้างทุกชนิดในตัวเมืองกระบี่ถูกเรียกว่า แท็กซี่ แม้แต่มอเตอร์ไซด์รับจ้างก็เรียกว่าแท็กซี่ ตอนที่เราไปไจ้ทิโย หรือ พระเจดีย์อินแขวนที่เมียนม่าร์ เราเคยแอบขำ ที่พวกเขาเรียกให้เราขึ้นรถมอเตอร์ไซด์แต่เรียกมันว่า แท็กซี่ คราวนี้มาเจอที่เมืองไทยจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้
เรานั่งรถสองแถวสีขาว ติดป้ายอ่าวนาง บอกคนขับว่าให้ไปส่งเรา Hi Krabi คนขับรถจอดส่งหนังสือพิมพ์ไปตลอดทาง มีเลี้ยวเข้าไปส่งในย่านที่ไม่ใช่ทางผ่านด้วย ลุงเพลิดเพลินอยู่กับการนั่งชะเวิบชะวาบของสาวยุ่น ที่นั่งหัวแถวตรงข้าม ลุงแอบพูดกับป้าว่า เอ้า…เอ้า แล้วก็บรรยายสภาพเสร็จสรรพ เพราะผู้โดยสารคนอื่นๆ เป็นชาวต่างชาติที่ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง รถผ่านหาดทรายอ่าวนางยาวสุดลูกตาสวยงาม แวะไปส่งผู้โดยสารในถนนอ่าวนางที่เต็มไปด้วยสีสัน ร้านค้า และที่พักนักท่องเที่ยว
คนขับเล็งไปตลอดทางว่าจะส่งเราตรงไหน ต้องโทรถามพนักงานต้อนรับ ว่าอยู่จุดไหนของอ่าวนาง เขาบอกว่าอยู่เลยโรงเรียนอ่าวนาง การหาที่พักยากทีเดียวแม้แต่คนในพื้นที่ก็ไม่รู้จัก เลยไปแล้วจึงจอดถาม รถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างให้ต่อสายถามทาง เขาคุยให้จึงรู้ว่าต้องย้อนกลับไป 1 กม. เนื่องจากติดป้ายไว้เล็กมาก ป้ายใหญ่เขียนว่า Warina แต่ป้ายเล็กเขียนว่า Hi Krabi อยู่ตรงข้ามกับตลาดนัดซอฟีน่า มี Wifi ให้ใช้ฟรี
ลุงกลัวจะไม่มีที่พัก จึงจองตั้งแต่พฤษภาคม2558 ก่อนซื้อตั๋วไปยุโรป และจองหอพักเยาวชนเพราะอยากใช้สิทธิสมาชิกบ้านเยาวชน แต่พอไปถึงปรากฏว่า ห้องพักเตียง 2 ชั้น 3 เตียง มีเราครอบครองกันแค่ 2 คน ลุงบอกว่า เราก็ย้ายที่นอนเตียงละชั่วโมงก็ได้ จะได้คุ้มค่ากับการเข้าพัก ตอนเดินเที่ยวในเมือง ที่พักในเมืองมีมากมาย ราคาก็ไม่แพงด้วย
ตอนอยู่ในตัวเมืองจินตนาการไว้ว่า มื้อเย็นจะไปนั่งร้านอาหารที่อ่าวนาง แต่ปรากฏว่า ที่พักไม่ได้อยู่ใกล้ทะเล และไม่มีร้านอาหารทะเล มีแต่ร้านลาบเป็ด พนักงานต้อนรับแนะนำให้เราไปเดินตลาดนัดเร่ คนขายอาหารยำกับปิ้งย่างน่ารักมาก เธอแบ่งข้าวที่เธอหุงไว้กินขายให้เรา พร้อมกับเสนอให้เรายืมจานด้วย เธอบอกว่า Hi Krabi แค่นี้เองแต่เราเห็นว่าต้องเดินขึ้นเขาลงเขาเป็นกิโลฯ เราจึงไม่ขยันที่จะเดินเอาไปคืน
เดินย้อนกลับไปซื้อผัก ผลไม้ และเฉาก๊วยนมสด ที่ตลาดนัดซอฟีน่า รวมค่าอาหารเย็นนี้ 135 บาท
พรุ่งนี้ 3พ.ย.58 นัดรถบริษัทเกาะพีพีทัวร์มารับไปทัวร์ 4 เกาะ ประกอบด้วยถ้ำพระนาง อ่าวไรเล่ย์ ตะวันออก ทะเลแหวก เกาะสี่ และเกาะรวมปอดะ ช่วงโปรโมชั่น จาก 750 บาท ลดเหลือ 600 บาท ต่อ 1 คน
วันที่ 4พ.ย.58 ไปทัวร์หมู่เกาะห้อง ทะเลใน เกาะผักเบี้ย เกาะไร่ และเกาะลาดิง ช่วงโปรโมชั่น จาก 1,200 บาท ลดเหลือ 900 บาท ต่อ 1 คน ตอนเย็นจะไปเที่ยวสุสานหอย 75 ล้านปี
วันที่ 5พ.ย.58 ไปทัวร์เกาะพีพีดอน เกาะพีพี อ่าวการันดีหรือหินกลาง และเกาะไผ่ ช่วงโปรโมชั่น จาก 1,500 บาท ลดเหลือ 1,200 บาท ต่อ 1 คน
เราจ่ายรวม 2 คน 5,400 บาท
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลกเที่ยวกระบี่ถิ่นหอยเก่าเขาตระหง่าน ธารสวยรวยเกาะ เพาะปลูกปาล์มงามหาดทรายใต้ทะเลสวยสดมรกตอันดามัน1
วันจันทร์ที่ 2พ.ย.58 ออกจากบ้านเวลา 06.45 น. ลูกขับรถไปส่งที่สนามบินดอนเมือง เดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย ได้ตั๋วโปรโมชั่น 2 คนไป-กลับ 3,200 บาท เครื่องออกเวลา 07.30 น. ผู้โดยสารมีไม่ถึงครึ่งลำจาก 180 ที่นั่ง ทั้งๆที่เข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวแล้ว วันนี้กัปตันประกาศว่าสภาพอากาศไม่ปกติ ทั้งในเครื่องบินและที่สนามบินมีเสียงประกาศและป้ายต่างๆ 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และจีน เครื่องบินโคลงเคลงบ่อยครั้ง ถึงสนามบินนานาชาติกระบี่เวลา 09.00 น. ฝนลงเม็ดเล็กน้อย
เราเดินออกจากสนามบินไปถนนใหญ่ ข้ามถนนไปรอรถสองแถวสีฟ้าที่มาจากอำเภอเหนือคลอง ที่ศาลารอรถเพื่อเข้าตัวเมืองกระบี่ เราลงรถที่ท่าเรือเจ้าฟ้า ตรงที่มีทรายดูดฝรั่งสามีภรรยาสัปดาห์ก่อน จ่ายค่ารถคนละ 30 บาท ถ่ายรูปกับปูดำที่ลานริมน้ำ นกออกหรืออินทรีทะเลท้องขาวที่หลักกิโลเมตรที่ 0 มองย้อนไปทางที่มาจากสนามบิน เป็นเขาขนาบน้ำ ท่าเรือจ้าวฟ้ามีเรือบริการท่องเที่ยวเขาขนาบน้ำ กระชังปลา และหมู่บ้านเกาะกลาง ในราคา 500 บาท ข้ามถนนที่ทางม้าลาย เดินตรงไปด้านขวาเป็นตลาดด้านซ้ายเป็นทางเข้าลานจอดรถห้างโวค ตรงไปเป็นสี่แยกฟอสซิลมนุษย์ดึกดำบรรพ์ ที่สร้างจำลองจากการพบซากมนุษย์ดึกดำบรรพ์กับเสือเขี้ยวดาบ ที่อำเภอเหนือคลอง ส่วนเสือเขี้ยวดาบสร้างไว้อีกแยกหนึ่ง แต่เราไปไม่ถึง
https://www.youtube.com/watch?v=32avfhOlYCI&index=2&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb
ที่หน้าศาลากลางมีอนุสาวรีย์ร.5 ผู้พระราชทานนาม “กระบี่” ตอนที่แยกตัวออกจากนครศรีธรรมราช มีตำนานเล่าว่า มีผู้พบดาบ 2 เล่ม เล่มใหญ่ใหญ่กับเล่มเล็ก ตอนที่เมืองยังสร้างไม่เสร็จ จึงมอบดาบทั้ง 2 เล่มให้เจ้าเมืองนำไปเก็บไว้ในถ้ำเขาขนาบน้ำ ก่อนถึงศาลากลางมีรูปปั้นช้าง และมีอนุสาวรีย์ช้างเผือกหน้าศาลากลาง ซึ่งได้ถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นช้างคู่บารมี ถัดไปเป็นศาลหลักเมือง
เดินออกจากศาลากลางเลี้ยวขวาแล้วข้ามถนนที่สามแยก เดินลงไปท่าเรือเทียบท่ากระบี่ มองไปฝั่งตรงข้ามเป็นหมู่บ้านเกาะกลาง นั่งเรือที่ท่าเรือข้ามฟากไปเขาขนาบน้ำ ต่อราคาได้ 2 คน 250 บาท น้ำในแม่น้ำกระบี่ใสสะอาดมาก ตอนน้ำกระเซ็นขึ้นมาถูกหน้าเย็นชื่นใจ เผลออ้าปากให้น้ำกระเด็นเข้าปาก ปรากฏว่า ไม่เค็ม และไม่เหม็นคาว ด้านซ้ายเป็นตัวเมืองกระบี่ ด้านตรงข้ามตลอดแนวเป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์มาก เป็นป่าโกงกาง และป่าแสม เขียวชอุ่ม มีเรือจอดค้างไว้ในป่าโกงกางด้วย เอ.. กลางคืนจะมีแสงหิ่งห้อยพราวพรายคล้ายกับที่อัมพวาไหมหนอ?? เรือผ่านท่าเรือจ้าวฟ้ามุ่งสู่เขาขนาบน้ำ
ตอนที่เรือถึงเขาขนาบน้ำ ด้านขวามีท่าเรือให้ขึ้นไปชมถ้ำ ส่วนทางซ้ายเป็นทางเดินขึ้นไปบนฝั่งซึ่งสามารถเดินขึ้นไปทะลุถนนใหญ่ได้ ค่าขึ้นฝั่งชมถ้ำขนาบน้ำคนละ 30 บาท เก็บค่ากล้องอีก 30 บาท ขากลับขึ้นจากเรือที่ท่าจ้าวฟ้า บริเวณที่โคลนดูด แต่เป็นตอนน้ำขึ้น พอเรือเกยท่า ป้ากระโดดลงพื้นทราย เนื่องจากเรือสูงมาก ป้าคิดว่าคงกระโดดลงไปเจอทรายนุ่มๆ จึงลงเต็มแรง กระดอนดั่งพลั่ก พื้นทรายเปียกแข็งมาก คนเรือที่เคยชวนลุงกับป้าลงเรือตอนแรกเดินมาเก็บค่าเทียบเรือ เพราะเป็นเรือมาจากท่าอื่น
https://www.youtube.com/watch?v=EItcFh0aSLE&index=3&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb
ชาวกระบี่มีความเป็นมิตรและมีน้ำใจมาก ตอนออกจากสนามบินมีมอเตอร์ไซด์พ่วงข้าง จอดชวนเราขึ้นบอกว่าเขาจะไปตลาดพอดี ให้เราไปด้วยกันเขาไม่คิดเงิน แต่เรากำลังถูกวิญญาณแบ็คแพ็คเกอร์เข้าสิง เราจึงปฏิเสธความเอื้ออาทรของเขา ตอนนั่งรถสองแถวคนที่อยู่บนรถก็มีน้ำใจ เห็นพวกเขาบอกผู้โดยสารคนอื่นๆ เวลาถึงที่ลง ระหว่างทางผ่านตลาดเก่าซึ่งปัจจุบันเป็นสถานีขนส่ง มีชาวเมียนม่าร์แม่ลูกไม่รู้ว่าจะลงตรงจุดไหน พวกเขาก็บอกให้ แต่เมื่อถามประวัติเมืองกระบี่ พวกเขากลับตอบไม่ได้ ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด มีคนหนึ่งบอกว่า มีอนุสาวรีย์กระบี่ไขว้ แต่บอกไม่ได้ว่าอยู่ตรงไหน ถามข้าราชการที่ศาลากลางก็ตอบไม่ได้ มีการตะโกนถามกันหลายคน แต่ไม่มีใครตอบได้
รถรับจ้างทุกชนิดในตัวเมืองกระบี่ถูกเรียกว่า แท็กซี่ แม้แต่มอเตอร์ไซด์รับจ้างก็เรียกว่าแท็กซี่ ตอนที่เราไปไจ้ทิโย หรือ พระเจดีย์อินแขวนที่เมียนม่าร์ เราเคยแอบขำ ที่พวกเขาเรียกให้เราขึ้นรถมอเตอร์ไซด์แต่เรียกมันว่า แท็กซี่ คราวนี้มาเจอที่เมืองไทยจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้
เรานั่งรถสองแถวสีขาว ติดป้ายอ่าวนาง บอกคนขับว่าให้ไปส่งเรา Hi Krabi คนขับรถจอดส่งหนังสือพิมพ์ไปตลอดทาง มีเลี้ยวเข้าไปส่งในย่านที่ไม่ใช่ทางผ่านด้วย ลุงเพลิดเพลินอยู่กับการนั่งชะเวิบชะวาบของสาวยุ่น ที่นั่งหัวแถวตรงข้าม ลุงแอบพูดกับป้าว่า เอ้า…เอ้า แล้วก็บรรยายสภาพเสร็จสรรพ เพราะผู้โดยสารคนอื่นๆ เป็นชาวต่างชาติที่ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง รถผ่านหาดทรายอ่าวนางยาวสุดลูกตาสวยงาม แวะไปส่งผู้โดยสารในถนนอ่าวนางที่เต็มไปด้วยสีสัน ร้านค้า และที่พักนักท่องเที่ยว
คนขับเล็งไปตลอดทางว่าจะส่งเราตรงไหน ต้องโทรถามพนักงานต้อนรับ ว่าอยู่จุดไหนของอ่าวนาง เขาบอกว่าอยู่เลยโรงเรียนอ่าวนาง การหาที่พักยากทีเดียวแม้แต่คนในพื้นที่ก็ไม่รู้จัก เลยไปแล้วจึงจอดถาม รถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างให้ต่อสายถามทาง เขาคุยให้จึงรู้ว่าต้องย้อนกลับไป 1 กม. เนื่องจากติดป้ายไว้เล็กมาก ป้ายใหญ่เขียนว่า Warina แต่ป้ายเล็กเขียนว่า Hi Krabi อยู่ตรงข้ามกับตลาดนัดซอฟีน่า มี Wifi ให้ใช้ฟรี
ลุงกลัวจะไม่มีที่พัก จึงจองตั้งแต่พฤษภาคม2558 ก่อนซื้อตั๋วไปยุโรป และจองหอพักเยาวชนเพราะอยากใช้สิทธิสมาชิกบ้านเยาวชน แต่พอไปถึงปรากฏว่า ห้องพักเตียง 2 ชั้น 3 เตียง มีเราครอบครองกันแค่ 2 คน ลุงบอกว่า เราก็ย้ายที่นอนเตียงละชั่วโมงก็ได้ จะได้คุ้มค่ากับการเข้าพัก ตอนเดินเที่ยวในเมือง ที่พักในเมืองมีมากมาย ราคาก็ไม่แพงด้วย
ตอนอยู่ในตัวเมืองจินตนาการไว้ว่า มื้อเย็นจะไปนั่งร้านอาหารที่อ่าวนาง แต่ปรากฏว่า ที่พักไม่ได้อยู่ใกล้ทะเล และไม่มีร้านอาหารทะเล มีแต่ร้านลาบเป็ด พนักงานต้อนรับแนะนำให้เราไปเดินตลาดนัดเร่ คนขายอาหารยำกับปิ้งย่างน่ารักมาก เธอแบ่งข้าวที่เธอหุงไว้กินขายให้เรา พร้อมกับเสนอให้เรายืมจานด้วย เธอบอกว่า Hi Krabi แค่นี้เองแต่เราเห็นว่าต้องเดินขึ้นเขาลงเขาเป็นกิโลฯ เราจึงไม่ขยันที่จะเดินเอาไปคืน
เดินย้อนกลับไปซื้อผัก ผลไม้ และเฉาก๊วยนมสด ที่ตลาดนัดซอฟีน่า รวมค่าอาหารเย็นนี้ 135 บาท
พรุ่งนี้ 3พ.ย.58 นัดรถบริษัทเกาะพีพีทัวร์มารับไปทัวร์ 4 เกาะ ประกอบด้วยถ้ำพระนาง อ่าวไรเล่ย์ ตะวันออก ทะเลแหวก เกาะสี่ และเกาะรวมปอดะ ช่วงโปรโมชั่น จาก 750 บาท ลดเหลือ 600 บาท ต่อ 1 คน
วันที่ 4พ.ย.58 ไปทัวร์หมู่เกาะห้อง ทะเลใน เกาะผักเบี้ย เกาะไร่ และเกาะลาดิง ช่วงโปรโมชั่น จาก 1,200 บาท ลดเหลือ 900 บาท ต่อ 1 คน ตอนเย็นจะไปเที่ยวสุสานหอย 75 ล้านปี
วันที่ 5พ.ย.58 ไปทัวร์เกาะพีพีดอน เกาะพีพี อ่าวการันดีหรือหินกลาง และเกาะไผ่ ช่วงโปรโมชั่น จาก 1,500 บาท ลดเหลือ 1,200 บาท ต่อ 1 คน
เราจ่ายรวม 2 คน 5,400 บาท
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น