ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก เที่ยว "กระบี่ ถิ่นหอยเก่า เขาตระหง่าน ธารสวย รวยเกาะ เพาะปลูกปาล์ม งามหาดทราย ใต้ทะเลสวยสด มรกตอันดามัน" 4
วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 07.25 น. ออกจากที่พักไปเติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซด์ให้เต็มถังเหมือนตอนที่เอาออกจากร้าน ค่าน้ำมัน 75 บาท แวะถ่ายรูปมัสยิดบ้านอ่าวนางก่อนไปที่ Smiling Dog Travel คิดว่าต้องไปรอให้ร้านเปิดตอน 8.00 น. ตอนที่เราไปถึงเพิ่ง 07.34 น. แต่ร้านเปิดแล้ว น้องบิ๋มออกมารับรถคืน คืนบัตรและเงินค่าประกันให้
ก่อน 08.00 น. เล็กน้อยรถไปรับที่หน้าร้านตามที่ตกลงกับฝ่ายประสานงานค่ำวานนี้ มีน้องฝึกงาน 4 คน ลงมารับ คือ น้องบิว น้องแป้ง น้องกิต และ น้องหมัด จุดที่ 2 ที่ไปรับ คือ นักท่องเที่ยวคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวชาวจีน และ น้องสุกับน้องหนิง สกู๊ปหน้า 1 ไทยรัฐ ที่เราเจอบนรถเมื่อเช้าวาน วันนี้ไปทัวร์เกาะพีพีกับเรา
คู่สุดท้ายเป็นแหม่มสาวจากอินเทอร์ลาเก้นสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อเราบอกพวกเธอว่า ค่าที่พักกับอาหารที่อินเทอร์ลาเก้นแพงกว่าที่กระบี่มาก พวกเธอหัวเราะแล้วบอกว่า ค่าอย่างอื่นก็แพงด้วย พอลุงเสริมว่า เพราะจ่ายค่าที่พักกับค่าอาหารที่นั่นแพง ทำให้คืนต่อมาเราไม่มีค่าที่พัก ต้องไปนอนที่สถานีลูเซิร์น พวกเธอหัวเราะแล้วบอกว่า แบ็กแพ็คเกอร์แบบพวกเราต้องรับได้ทุกสถานการณ์อยู่แล้ว พวกเธอทำงานในทะเลสาบ และชอบน้ำแต่สภาพน้ำในทะเลสาบที่สวิสกับทะเลไทยต่างกันลิบลับเลย
เรือท่องเที่ยววันนี้จุคนได้ 45+3 คนทีมนำเที่ยววันนี้ประกอบด้วยไกด์ฉิม ผู้ช่วยนายท้ายบ่าว นายท้ายซัน และกัปตันอ้วน นักศึกษาฝึกงานจากวิทยาลัยพาณิชยการหาดใหญ่ 2 สาว คือ น้องบิวกับ น้องแป้ง
เราคิดว่าเราไปถึงท่าเรือสายแต่ปรากฏว่ามีฝรั่งตื่นสายไปถึงที่เช็คอินช้าไปกว่า 10 นาที ทำให้เรือออกสาย วันนี้ฟ้าใสแจ๋ว แดดจ้าตั้งแต่เช้า เรือไปเกาะพีพีเป็นเรือ 3 เครื่องยนต์ 750 แรงม้า จุคนได้ 45+3 คน แล่นเรียบ เสียงไม่ดังเหมือนเมื่อวาน เพราะเป็นเครื่องยนต์่ใหม่
ได้ทราบจากน้องแป้ง ว่า เกาะพีพีทัวร์ เป็นบริษัทนำเที่ยวทางเรือที่ใหญ่ที่สุดในกระบี่ มีเรือเร็วที่นำเข้าจากต่างประเทศเกือบ 40 ลำ ป้าเห็นเป็นเครื่องยนต์ยามาฮ่าทั้หมด น่าจะนำเข้าจากญี่ปุ่นหรือไม่ก็ไม่ทราบ เพราะไม่ได้ถามต่อ
ในขณะที่เรือแล่นด้วยความเร็วสูง นักท่องเที่ยวชาวอินเดียซึ่งไปกันเป็นครอบครัว เดินไป มา ระหว่างหัวเรือ กับท้ายเรือ ไกด์ฉิมจึงบอกว่าเวลาเรือแล่นให้หลีกเลี่ยงการเดินเพราะมีคนเซหกล้ม หลังหักหลายคนแล้ว
เรือจอดรับนัดท่องเที่ยวและไกด์ชาวรัสเซียที่อ่าวไรเล่ย์ตะวันตก วันนี้อากาศดีสำหรับนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกเพราะท้องฟ้าปลอดโปร่งและมีแดดจ้าตั้งแต่ตอนเรือออกจากท่า บนเรือนอกจากทีมงานจากบริษัททัวร์แล้ว มีนักท่องเที่ยวชาวไทย 6 คน ชาวจีน 8 คน สวิส 2 คน อิตาลี 2 คน รัสเซีย 3 คน อินเดีย 8 คน
นักท่องเที่ยวชาวอิตาลี 2 คน มาเที่ยวกรุงเทพเป็นครั้งที่ 7 แล้ว ไปมาหลายที่ โคราช เชียงใหม่ สุโขทัย ภูเก็ต และกระบี่ ชอบทุกที่ที่ไปไป แต่ที่ชอบที่สุด คือ กรุงเทพฯ เพราะเพื่อนเป็นชาวอีสานมีร้านอาหารอยู่ที่สุขุมวิท และมีร้านอาหารไทยที่ฟลอเรนซ์ ด้วย พวกเขาก็มาจากเมืองฟลอเรนซ์ พวกเขาชอบอาหารไทยมาก เพราะมีรสชาติจัดจ้านคล้ายๆ อาหารอิตาเลี่ยน เขาพูดภาษาไทยได้หลายคำทีเดียว
นักท่องเที่ยวชาวจีนที่นั่งติดอยู่กับป้าบอกว่า สาเหตุที่ชาวจีนนิยมออกไป ท่อเที่ยวต่างประเทศเพราะเบื่อความเข้มงวดของบ้านเมือง ดังนั้น ถ้าใครมีเงินจึงชอบออกไปเที่ยวต่างประเทศมากกว่า เขาบอกว่าที่จีนจำกัดการเขาถึงอินเทอร์เน็ต พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงเฟสบุ๊กได้ ที่จีนมีเว็บที่เรียกว่าวีชาน เป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ใช้กัน ข้อมูลต่างๆ ถูกสแกนด้วยระบบซิงเกิลเกตเวย์ แต่ตระกูลของพวกเขาโชคดีที่มีธุรกิจอยู่หลายประเทศในโลก และนำเงินเข้าประเทศปีละมากมาย จึงสามารถรับข่าวสารจากประเทศที่พวกเขามีกิจการอยู่ได้
เชาชอบกระบี่มาก เสียเดายที่ภรรยาของเขาว่ายน้ำไม่เป็นและพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เขาบอกว่าเขาจะกลับไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ส่วนภรรยาคงต้องเรียนทั้งภาษาอังกฤษและฝึกว่ายน้ำ คราวหน้าจะได้กลับมาเที่ยวได้มันกว่านี้
เรือออกจากอ่าวไรเล่ย์ตะวันตกมุ่งสู่เกาะไผ่ เราไปถึงตอนที่เพิ่งมีเรือจอดอยู่ 2 ลำ มีเจ้าหน้าที่อุทยานดูแลเข้มแข็ง นักท่องเที่ยวชาวไทย จ่ายค่าขึ้นเกาะคนละ 20 บาท ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต้องจ่าย 400 บาท รวมกับอ่าวมาหยาด้วย ตอนที่เรานำรถมอเตอร์ไซด์ไปคืนที่ร้าน Smiling Dog Travel น้องบิ๋มบอกเราว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติบ่นว่า ค่าขึ้นเกาะแพงมาก ส่วนบริษัททัวร์ก็ไม่สามารถแบกรับภาระนั้นได้ ต้องให้นักท่องเที่ยวจ่ายกันเอง
สันทรายตรงทางขึ้นเกาะไผ่ด้านที่เราขึ้นสูงมาก ทรายที่เกาะไผ่นุ่มมากและเป็นหาดทรายที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาหาดทรายทั้งหมดในจังหวัดกระบี่ จากริมน้ำไปถึงแนวป่ามีพื้นที่เท่าๆ กับสนามฟุตบอลเลยทีเดียว น้ำทะเลที่เกาะนี้ใสสะอาด และไม่เป็นอันตรายต่อนักเล่นน้ำ เพราะพื้นน้ำเป็นทราย แม้จะมีหินอยู่บ้างก็เป็นหินที่ถูกคลื่นน้ำลบคมจนไม่บาดเท้าแล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=7W_06VOi4Io&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=16
เรามีเวลาเล่นน้ำและพักผ่อนที่เกาะไผ่ 1 ชั่วโมงก่อนเดินทางต่อไปดำน้ำดูปะการัง โดยลอยลำอยู่ในทะเลก่อนที่จะเทียบท่าที่เกาะพีพีดอนต่ออีกครึ่งชั่วโมง แล้วขึ้นเรือไปรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมพีพี ปรี๊นเซส วันนี้อาหารกลางวันเป็นอาหารมื้อใหญ่ มีอาหารหลายอย่าง เป็นปีกบนไก่ทอด ปลากะพงผัดเปรี้ยวหวาน ไก่ผัดเปรี้ยวหวาน ต้มยำทะเลหม้อไฟ สลัดผัก ผัดผักรวมมิตร มีสับปะรดกับแตงโมเป็นผลไม้
ห้องอาหารของโรงแรมอยู่อีกด้านหนึ่งของเกาะ เป็นด้านที่มีทะเลน้ำตื้น ต่างจากด้านที่จอดเรือเป็นด้านที่น้ำทะเลลึกพอสมควร จนต้องมีการทำแนวกันน้ำกัดเซาะตลิ่ง บนเกาะมีร้านขายของที่ระลึกคล้ายๆตลาดนัดจตุจักร ที่เกาะพีพีที่เรียกว่าพีพีดอนเพราะเป็นเกาะน้ำตื้นและมีสันทรายสูง มีน้องๆ ชาวเชียงใหม่ 3 คนลงเรือกลับกับพวกเราด้วย น้องณรงค์ ปกติทำงานอยู่ที่โรงแรมไม้ขาวที่ภูเก็ตได้ไปช่วยงานอยู่ที่โรงแรมมีโอกาสพาน้องนางภรรยาสาว กับน้องเอฟ เพื่อนสนิท ไปเที่ยวที่นั่น
https://www.youtube.com/watch?v=fXaAZ_YPsH8&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=17
เราออกจากเกาะพีพีดอนช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ เพราะนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียกับไกด์ผิดเวลา จากเกาะพีพีดอน มุ่งหน้าไปยังเกาะพีพีเล ระหว่างทางผ่านอ่าวลิง ไกด์ฉิมเล่าว่า เคยมีลิงทำร้ายนักท่องเที่ยว เพราะลิงหิวออกมาแย่งอาหารนักท่องเที่ยว เมื่อไม่ได้จึงโมโหกัดนักท่องเที่ยว บริษัทจึงไม่อนุญาตให้นำเรือเข้าไปจอด
ต่อจากอ่าวลิง ผ่านถ้ำไวกิ้ง ไกด์ฉิมบอกว่า ในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่มีลักษณะเหมือนเรือไวกิ้ง เดิมเคยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมได้ แต่ตอนหลังได้มีการให้เช่าสัมปทานการเก็บรังนกนางแอ่น 5 ปี 200 ล้าน เวลามีนักท่องเที่ยวเข้าไปทำให้นกนางแอ่นตกใจ ทิ้งรัง และมีบางคนแอบเข้าไปขโมยรังนก ทำให้มีการจัดการคนขโมยรังนกโดยการยิงให้ตาย จึงไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกล่วงล้ำเข้าไปในบริเวณถ้ำ นักวิชาการได้เผยแพร่ผลการพิสูจน์สรรพคุณของรังนกว่าไม่ได้มีสรรพคุณเหมือนที่โฆษณา ทำให้ยอดขายรังนกน้อยลงไปมาก
https://www.youtube.com/watch?v=9-GJlaGg60M&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=18
ตอนแรกไกด์ฉิมบอกว่า จะพาไปดำน้ำที่อ่าวพีพีเล แต่วันนี้น้ำตื้นเกินกว่าที่จะนำเรือเข้าไป และขาดอรรถรสในการดำน้ำ จึงพาเลยไปที่อ่าวมาหยา ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Beach ที่นำแสดงโดย ลีโอนาโด ดีคาปริโอ ในเวลานั้นคนซาแล้ว เพราะนักท่องเที่ยวจะหนาแน่นในช่วงเช้า และในวันหยุดสุดสัปดาห์ กับวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีแต่ที่ยืนกับที่เดิน จะไม่มีที่นั่งเลย เพราะคนทั่วทุกมุมโลกนิยมไปเที่ยวที่นั่นมาก เนื่องจากตอนถ่ายทำภาพยนตร์มีการตกแต่งให้มีต้นมะพร้าว ลิง และต้นกล้วย จึงทำให้ชายหาดดูร่มรื่นกว่าที่เป็นจริง
ที่อ่าวมาหยามีทางเดินไปยังอ่าวโละซามะ ระยะทางประมาณ 200 เมตร ระหว่างทางมีห้องน้ำไว้บริการด้วย ทางที่เชื่อมอ่าวเป็นกำแพงหินตามธรรมชาติ มีโพรงหินน้ำซึมมีปลาตัวเล็กๆ ว่ายอยู่ในแอ่งน้ำเลที่เต็มไปด้วยซอกหินด้วย แต่ตรงโพรงหิน หรือถ้ำลอด ไม่อนุญาตให้ใครล่วงล้ำเพราะเป็นจุดอันตราย ส่วนบนกำแพงโขดหินมีบันไดไม้ให้ปีนขึ้นไปชมทัศนียภาพอ่าวโละซามะได้
จากจุดชมวิว มองลงไปด้านล่างเป็นช่องว่างทะเลน้ำตื้นที่เต็มไปด้วยก้อนหินที่พื้นน้ำ มีเกาะหินก้อนมหึมาขวางอยู่ มีคนเล่นน้ำอยู่พอประมาณ เพราะน้ำทะเลบริเวณนั้นใสสะอาด น่าลงไปเดินชมสัตว์น้ำ ไกลออกไปมีเรือจอดลอยลำให้นักท่องเที่ยวดำดูทัศนียภาพใต้ท้องทะเล
จากอ่าวมาหยาสถานที่ที่เป็นหนึ่งในสุดยอดความนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก เรืออ้อมไปอีกด้านหนึ่งของอ่าวโละซามะ จอดเรือกลางทะเลให้นักท่องเที่ยวลงดำน้ำดูปะการัง นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกที่ว่ายน้ำเก่งและช่วยตัวเองได้ไม่ต้องการเสื้อชูชีพ เครื่องช่วยหายใจ แว่นตากันน้ำ พวกเขากระโดดลงทางหัวเรือ แต่นักท่องเที่ยวอื่นๆ ไกด์ไม่อนุญาตให้ลงน้ำโดยปราศจากอุปกรณ์ชูชีพ และต้องลงทางท้ายเรือเท่านั้น
https://www.youtube.com/watch?v=ofLjgkoVTmA&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=19
เมื่อทุกคนผ่านช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อยกับการดำน้ำ ก็มีแตงโมกับเค้กผลไม้เป็นอาหารว่างรออยู่บนเรือ และได้เวลาสำหรับการเดินทางกลับ ย้อนรอยเดิม คือ แวะส่งนักท่องและไกด์ชาวรัสเซียที่อ่าวไรเล่ย์ตะวันตก แล้วมุ่งหน้าสู่ท่าเรือของเกาะพีพีทัวร์ ระหว่างทางฝนตกเล็กน้อย ทำให้นักท่องเที่ยวที่อยู่ที่หัวเรือ เคลื่อนย้ายเข้าไปในลำเรือ แต่ตอนที่เราไปถึงท่าเรือ พบว่า ฝนตกหนักและหยุดก่อนที่เราจะไปถึงเล็กน้อย
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลกเที่ยวกระบี่ถิ่นหอยเก่าเขาตระหง่าน ธารสวยรวยเกาะ เพาะปลูกปาล์มงามหาดทรายใต้ทะเลสวยสดมรกตอันดามัน4
วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 07.25 น. ออกจากที่พักไปเติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซด์ให้เต็มถังเหมือนตอนที่เอาออกจากร้าน ค่าน้ำมัน 75 บาท แวะถ่ายรูปมัสยิดบ้านอ่าวนางก่อนไปที่ Smiling Dog Travel คิดว่าต้องไปรอให้ร้านเปิดตอน 8.00 น. ตอนที่เราไปถึงเพิ่ง 07.34 น. แต่ร้านเปิดแล้ว น้องบิ๋มออกมารับรถคืน คืนบัตรและเงินค่าประกันให้
ก่อน 08.00 น. เล็กน้อยรถไปรับที่หน้าร้านตามที่ตกลงกับฝ่ายประสานงานค่ำวานนี้ มีน้องฝึกงาน 4 คน ลงมารับ คือ น้องบิว น้องแป้ง น้องกิต และ น้องหมัด จุดที่ 2 ที่ไปรับ คือ นักท่องเที่ยวคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวชาวจีน และ น้องสุกับน้องหนิง สกู๊ปหน้า 1 ไทยรัฐ ที่เราเจอบนรถเมื่อเช้าวาน วันนี้ไปทัวร์เกาะพีพีกับเรา
คู่สุดท้ายเป็นแหม่มสาวจากอินเทอร์ลาเก้นสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อเราบอกพวกเธอว่า ค่าที่พักกับอาหารที่อินเทอร์ลาเก้นแพงกว่าที่กระบี่มาก พวกเธอหัวเราะแล้วบอกว่า ค่าอย่างอื่นก็แพงด้วย พอลุงเสริมว่า เพราะจ่ายค่าที่พักกับค่าอาหารที่นั่นแพง ทำให้คืนต่อมาเราไม่มีค่าที่พัก ต้องไปนอนที่สถานีลูเซิร์น พวกเธอหัวเราะแล้วบอกว่า แบ็กแพ็คเกอร์แบบพวกเราต้องรับได้ทุกสถานการณ์อยู่แล้ว พวกเธอทำงานในทะเลสาบ และชอบน้ำแต่สภาพน้ำในทะเลสาบที่สวิสกับทะเลไทยต่างกันลิบลับเลย
เรือท่องเที่ยววันนี้จุคนได้ 45+3 คนทีมนำเที่ยววันนี้ประกอบด้วยไกด์ฉิม ผู้ช่วยนายท้ายบ่าว นายท้ายซัน และกัปตันอ้วน นักศึกษาฝึกงานจากวิทยาลัยพาณิชยการหาดใหญ่ 2 สาว คือ น้องบิวกับ น้องแป้ง
เราคิดว่าเราไปถึงท่าเรือสายแต่ปรากฏว่ามีฝรั่งตื่นสายไปถึงที่เช็คอินช้าไปกว่า 10 นาที ทำให้เรือออกสาย วันนี้ฟ้าใสแจ๋ว แดดจ้าตั้งแต่เช้า เรือไปเกาะพีพีเป็นเรือ 3 เครื่องยนต์ 750 แรงม้า จุคนได้ 45+3 คน แล่นเรียบ เสียงไม่ดังเหมือนเมื่อวาน เพราะเป็นเครื่องยนต์่ใหม่
ได้ทราบจากน้องแป้ง ว่า เกาะพีพีทัวร์ เป็นบริษัทนำเที่ยวทางเรือที่ใหญ่ที่สุดในกระบี่ มีเรือเร็วที่นำเข้าจากต่างประเทศเกือบ 40 ลำ ป้าเห็นเป็นเครื่องยนต์ยามาฮ่าทั้หมด น่าจะนำเข้าจากญี่ปุ่นหรือไม่ก็ไม่ทราบ เพราะไม่ได้ถามต่อ
ในขณะที่เรือแล่นด้วยความเร็วสูง นักท่องเที่ยวชาวอินเดียซึ่งไปกันเป็นครอบครัว เดินไป มา ระหว่างหัวเรือ กับท้ายเรือ ไกด์ฉิมจึงบอกว่าเวลาเรือแล่นให้หลีกเลี่ยงการเดินเพราะมีคนเซหกล้ม หลังหักหลายคนแล้ว
เรือจอดรับนัดท่องเที่ยวและไกด์ชาวรัสเซียที่อ่าวไรเล่ย์ตะวันตก วันนี้อากาศดีสำหรับนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกเพราะท้องฟ้าปลอดโปร่งและมีแดดจ้าตั้งแต่ตอนเรือออกจากท่า บนเรือนอกจากทีมงานจากบริษัททัวร์แล้ว มีนักท่องเที่ยวชาวไทย 6 คน ชาวจีน 8 คน สวิส 2 คน อิตาลี 2 คน รัสเซีย 3 คน อินเดีย 8 คน
นักท่องเที่ยวชาวอิตาลี 2 คน มาเที่ยวกรุงเทพเป็นครั้งที่ 7 แล้ว ไปมาหลายที่ โคราช เชียงใหม่ สุโขทัย ภูเก็ต และกระบี่ ชอบทุกที่ที่ไปไป แต่ที่ชอบที่สุด คือ กรุงเทพฯ เพราะเพื่อนเป็นชาวอีสานมีร้านอาหารอยู่ที่สุขุมวิท และมีร้านอาหารไทยที่ฟลอเรนซ์ ด้วย พวกเขาก็มาจากเมืองฟลอเรนซ์ พวกเขาชอบอาหารไทยมาก เพราะมีรสชาติจัดจ้านคล้ายๆ อาหารอิตาเลี่ยน เขาพูดภาษาไทยได้หลายคำทีเดียว
นักท่องเที่ยวชาวจีนที่นั่งติดอยู่กับป้าบอกว่า สาเหตุที่ชาวจีนนิยมออกไป ท่อเที่ยวต่างประเทศเพราะเบื่อความเข้มงวดของบ้านเมือง ดังนั้น ถ้าใครมีเงินจึงชอบออกไปเที่ยวต่างประเทศมากกว่า เขาบอกว่าที่จีนจำกัดการเขาถึงอินเทอร์เน็ต พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงเฟสบุ๊กได้ ที่จีนมีเว็บที่เรียกว่าวีชาน เป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ใช้กัน ข้อมูลต่างๆ ถูกสแกนด้วยระบบซิงเกิลเกตเวย์ แต่ตระกูลของพวกเขาโชคดีที่มีธุรกิจอยู่หลายประเทศในโลก และนำเงินเข้าประเทศปีละมากมาย จึงสามารถรับข่าวสารจากประเทศที่พวกเขามีกิจการอยู่ได้
เชาชอบกระบี่มาก เสียเดายที่ภรรยาของเขาว่ายน้ำไม่เป็นและพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เขาบอกว่าเขาจะกลับไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ส่วนภรรยาคงต้องเรียนทั้งภาษาอังกฤษและฝึกว่ายน้ำ คราวหน้าจะได้กลับมาเที่ยวได้มันกว่านี้
เรือออกจากอ่าวไรเล่ย์ตะวันตกมุ่งสู่เกาะไผ่ เราไปถึงตอนที่เพิ่งมีเรือจอดอยู่ 2 ลำ มีเจ้าหน้าที่อุทยานดูแลเข้มแข็ง นักท่องเที่ยวชาวไทย จ่ายค่าขึ้นเกาะคนละ 20 บาท ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต้องจ่าย 400 บาท รวมกับอ่าวมาหยาด้วย ตอนที่เรานำรถมอเตอร์ไซด์ไปคืนที่ร้าน Smiling Dog Travel น้องบิ๋มบอกเราว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติบ่นว่า ค่าขึ้นเกาะแพงมาก ส่วนบริษัททัวร์ก็ไม่สามารถแบกรับภาระนั้นได้ ต้องให้นักท่องเที่ยวจ่ายกันเอง
สันทรายตรงทางขึ้นเกาะไผ่ด้านที่เราขึ้นสูงมาก ทรายที่เกาะไผ่นุ่มมากและเป็นหาดทรายที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาหาดทรายทั้งหมดในจังหวัดกระบี่ จากริมน้ำไปถึงแนวป่ามีพื้นที่เท่าๆ กับสนามฟุตบอลเลยทีเดียว น้ำทะเลที่เกาะนี้ใสสะอาด และไม่เป็นอันตรายต่อนักเล่นน้ำ เพราะพื้นน้ำเป็นทราย แม้จะมีหินอยู่บ้างก็เป็นหินที่ถูกคลื่นน้ำลบคมจนไม่บาดเท้าแล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=7W_06VOi4Io&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=16
เรามีเวลาเล่นน้ำและพักผ่อนที่เกาะไผ่ 1 ชั่วโมงก่อนเดินทางต่อไปดำน้ำดูปะการัง โดยลอยลำอยู่ในทะเลก่อนที่จะเทียบท่าที่เกาะพีพีดอนต่ออีกครึ่งชั่วโมง แล้วขึ้นเรือไปรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมพีพี ปรี๊นเซส วันนี้อาหารกลางวันเป็นอาหารมื้อใหญ่ มีอาหารหลายอย่าง เป็นปีกบนไก่ทอด ปลากะพงผัดเปรี้ยวหวาน ไก่ผัดเปรี้ยวหวาน ต้มยำทะเลหม้อไฟ สลัดผัก ผัดผักรวมมิตร มีสับปะรดกับแตงโมเป็นผลไม้
ห้องอาหารของโรงแรมอยู่อีกด้านหนึ่งของเกาะ เป็นด้านที่มีทะเลน้ำตื้น ต่างจากด้านที่จอดเรือเป็นด้านที่น้ำทะเลลึกพอสมควร จนต้องมีการทำแนวกันน้ำกัดเซาะตลิ่ง บนเกาะมีร้านขายของที่ระลึกคล้ายๆตลาดนัดจตุจักร ที่เกาะพีพีที่เรียกว่าพีพีดอนเพราะเป็นเกาะน้ำตื้นและมีสันทรายสูง มีน้องๆ ชาวเชียงใหม่ 3 คนลงเรือกลับกับพวกเราด้วย น้องณรงค์ ปกติทำงานอยู่ที่โรงแรมไม้ขาวที่ภูเก็ตได้ไปช่วยงานอยู่ที่โรงแรมมีโอกาสพาน้องนางภรรยาสาว กับน้องเอฟ เพื่อนสนิท ไปเที่ยวที่นั่น
https://www.youtube.com/watch?v=fXaAZ_YPsH8&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=17
เราออกจากเกาะพีพีดอนช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ เพราะนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียกับไกด์ผิดเวลา จากเกาะพีพีดอน มุ่งหน้าไปยังเกาะพีพีเล ระหว่างทางผ่านอ่าวลิง ไกด์ฉิมเล่าว่า เคยมีลิงทำร้ายนักท่องเที่ยว เพราะลิงหิวออกมาแย่งอาหารนักท่องเที่ยว เมื่อไม่ได้จึงโมโหกัดนักท่องเที่ยว บริษัทจึงไม่อนุญาตให้นำเรือเข้าไปจอด
ต่อจากอ่าวลิง ผ่านถ้ำไวกิ้ง ไกด์ฉิมบอกว่า ในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่มีลักษณะเหมือนเรือไวกิ้ง เดิมเคยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมได้ แต่ตอนหลังได้มีการให้เช่าสัมปทานการเก็บรังนกนางแอ่น 5 ปี 200 ล้าน เวลามีนักท่องเที่ยวเข้าไปทำให้นกนางแอ่นตกใจ ทิ้งรัง และมีบางคนแอบเข้าไปขโมยรังนก ทำให้มีการจัดการคนขโมยรังนกโดยการยิงให้ตาย จึงไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกล่วงล้ำเข้าไปในบริเวณถ้ำ นักวิชาการได้เผยแพร่ผลการพิสูจน์สรรพคุณของรังนกว่าไม่ได้มีสรรพคุณเหมือนที่โฆษณา ทำให้ยอดขายรังนกน้อยลงไปมาก
https://www.youtube.com/watch?v=9-GJlaGg60M&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=18
ตอนแรกไกด์ฉิมบอกว่า จะพาไปดำน้ำที่อ่าวพีพีเล แต่วันนี้น้ำตื้นเกินกว่าที่จะนำเรือเข้าไป และขาดอรรถรสในการดำน้ำ จึงพาเลยไปที่อ่าวมาหยา ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Beach ที่นำแสดงโดย ลีโอนาโด ดีคาปริโอ ในเวลานั้นคนซาแล้ว เพราะนักท่องเที่ยวจะหนาแน่นในช่วงเช้า และในวันหยุดสุดสัปดาห์ กับวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีแต่ที่ยืนกับที่เดิน จะไม่มีที่นั่งเลย เพราะคนทั่วทุกมุมโลกนิยมไปเที่ยวที่นั่นมาก เนื่องจากตอนถ่ายทำภาพยนตร์มีการตกแต่งให้มีต้นมะพร้าว ลิง และต้นกล้วย จึงทำให้ชายหาดดูร่มรื่นกว่าที่เป็นจริง
ที่อ่าวมาหยามีทางเดินไปยังอ่าวโละซามะ ระยะทางประมาณ 200 เมตร ระหว่างทางมีห้องน้ำไว้บริการด้วย ทางที่เชื่อมอ่าวเป็นกำแพงหินตามธรรมชาติ มีโพรงหินน้ำซึมมีปลาตัวเล็กๆ ว่ายอยู่ในแอ่งน้ำเลที่เต็มไปด้วยซอกหินด้วย แต่ตรงโพรงหิน หรือถ้ำลอด ไม่อนุญาตให้ใครล่วงล้ำเพราะเป็นจุดอันตราย ส่วนบนกำแพงโขดหินมีบันไดไม้ให้ปีนขึ้นไปชมทัศนียภาพอ่าวโละซามะได้
จากจุดชมวิว มองลงไปด้านล่างเป็นช่องว่างทะเลน้ำตื้นที่เต็มไปด้วยก้อนหินที่พื้นน้ำ มีเกาะหินก้อนมหึมาขวางอยู่ มีคนเล่นน้ำอยู่พอประมาณ เพราะน้ำทะเลบริเวณนั้นใสสะอาด น่าลงไปเดินชมสัตว์น้ำ ไกลออกไปมีเรือจอดลอยลำให้นักท่องเที่ยวดำดูทัศนียภาพใต้ท้องทะเล
จากอ่าวมาหยาสถานที่ที่เป็นหนึ่งในสุดยอดความนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก เรืออ้อมไปอีกด้านหนึ่งของอ่าวโละซามะ จอดเรือกลางทะเลให้นักท่องเที่ยวลงดำน้ำดูปะการัง นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกที่ว่ายน้ำเก่งและช่วยตัวเองได้ไม่ต้องการเสื้อชูชีพ เครื่องช่วยหายใจ แว่นตากันน้ำ พวกเขากระโดดลงทางหัวเรือ แต่นักท่องเที่ยวอื่นๆ ไกด์ไม่อนุญาตให้ลงน้ำโดยปราศจากอุปกรณ์ชูชีพ และต้องลงทางท้ายเรือเท่านั้น
https://www.youtube.com/watch?v=ofLjgkoVTmA&list=PLNNEpgjidh3rv_vt7HOU6j9Pqea5j9eUb&index=19
เมื่อทุกคนผ่านช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อยกับการดำน้ำ ก็มีแตงโมกับเค้กผลไม้เป็นอาหารว่างรออยู่บนเรือ และได้เวลาสำหรับการเดินทางกลับ ย้อนรอยเดิม คือ แวะส่งนักท่องและไกด์ชาวรัสเซียที่อ่าวไรเล่ย์ตะวันตก แล้วมุ่งหน้าสู่ท่าเรือของเกาะพีพีทัวร์ ระหว่างทางฝนตกเล็กน้อย ทำให้นักท่องเที่ยวที่อยู่ที่หัวเรือ เคลื่อนย้ายเข้าไปในลำเรือ แต่ตอนที่เราไปถึงท่าเรือ พบว่า ฝนตกหนักและหยุดก่อนที่เราจะไปถึงเล็กน้อย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น