เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อราวๆ 3 วันที่ผ่านมาครับ ทางผมเป็นฝ่ายขับรถกระบะ ส่วนคู่กรณีขี่มอเตอร์ไซด์ โดยเหตุการณ์มันเกิดขึ้นอย่างไวมาก ขอลำดับไทม์ไลน์เรื่องการเกิดเหตุก่อน
1. เกิดเหตุช่วง 6 โมงเย็น ผมขับรถกระบะ กำลังจะเข้าซอยเข้าบ้าน ซึ่งจะต้องเลี้ยว ขวาทางด้านหน้า ซึ่งถนนนี้ เป็นถนนวิ่งสวนเลนมานานแล้ว ผมเกิดที่นี่ อยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ก็ 40 กว่าแล้ว แล้วก็เป็นเรื่องปกติที่คุ้นเคย ที่รู้ว่าจะต้องเลี้ยวขวาข้างหน้า ก็ต้องชะลอรถเพื่อเข้าซอย (เป็นเรื่องปกติ)
2. วันเกิดเหตุ ผมก็มองรถหลัง มองรถหน้าก่อนจะเลี้ยวอยู่แล้ว และกล้ายืนยันว่า ผมเองไม่แน่ใจว่า ผมไม่เห็นรถมอเตอร์ไซด์คันข้างหน้าเลย ตอนนี้ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ ว่ารถคันที่เป็นคู่กรณีมีไฟหน้าหรือเปล่า แต่จากที่สอบถาม ทางซ้ายมือ เป็นพื้นที่ของไทยออยด์ มียามอยู่เยื้องจากปากซอยประมาณ 20 เมตร แถมตรง ซอย ดังกล่าว ก็มีโรงงานอู่ต่อเรือ และมีผู้คนมากมาย จากที่ผมถามมา เขาก็ยืนยันว่า มอเตอร์ไซด์วิ่งมาเร็วจริง จากที่ผมคิดไปเองตอนนี้ คือผมกำลังจะเลี้ยวขวา ก็ต้องชะลอเป็นเรื่องปกติ แต่มันอาจจะทำให้มอเตอร์ไซด์ด้านหน้าคิดว่า ผมชะลอเพื่อให้แกวิ่งเลยไปก่อนรึเปล่าไม่แน่ใจ อยู่ๆ แกก็เร่งเครื่องเข้ามา ซึ่งผมเองก็ไม่คิดว่าจะมีรถวิ่งสวนเข้ามา เพราะผมจะเลี้ยวและเปิดไฟเลี้ยวมาแต่ไกล เลยปะทะกันในจุดนี้
เมื่อเกิดเหตุขึ้น ผมเองก็ตกใจ แต่ก็รีบจอดรถแอบข้างทาง เพื่อเข้าช่วยเหลือรถลุงที่ขี่มอเตอร์ไซด์ทันที ที่ผมต้องเคลื่อนย้ายรถ เพราะถ้าไม่ย้าย มันจะขวางกลางลำถนนแบบในรูป ทีนี้วันที่เกิดเหตุ ก็มีเหตุการณ์ดังนี้
1. โทรแจ้งหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยดูอาการลุงทันที เนื่องจากมีแผลที่ขมับซ้ายเป็นทางยาว แต่ลุงกลับไม่ต้องการความช่วยเหลือ ลุงจะขอฉี่อย่างเดียว จนคนที่เข้ามาช่วยบอกให้ลุงไปยืนฉี่ริมทางก่อน แกก็บอกว่าไหวๆ เดินได้ แกก็เดินไปฉี่ ผมก็ห่วงแก เพราะแกดูแล้วอายุน่าจะ 50+ พอแกฉี่เสร็จ ก็ให้มานั่งเฉยๆ รอหน่วยกู้ภัย
2. หน่วยกู้ภัยมา ถามว่าจะเรียกประกัน หรือตำรวจไหม ลุงบอกไม่เอา ไม่ต้อง ไม่ไป รพ. ด้วย เขาไม่เป็นอะไรมาก ซึ่งผมก็บอกว่าไม่ได้ ให้กู้ภัยทำแผลก็ยังดี หน่วยกู้ภัยก็ยืนยันว่าจะทำแผลตรงนี้ให้เลย แต่แกก็ไม่เอา ผมก็เลยเอ่ยปากว่า ไปเถอะลุง เดี๋ยวออกค่าใช้จ่ายให้ เรื่องรถเรื่องอะไรเดี๋ยวดูให้ ตื้ออยู่พัก แกก็ตกลง
3. หน่วยกู้ภัยถามผมว่า จะไปส่งลุงแกเองใช่ไหม แล้วเรื่องรถมอเตอร์ไซด์ล่ะ ผมก็เลยบอกว่า เดี๋ยวเอาไปดูที่อู่เลย ถ้ายังไงไม่เป็นอะไรมากจะดูจัดการให้ ตอนนี้ตอบไม่ได้ว่าผมถูกหรือผิด แต่ก็ขอรับผิดชอบไปก่อน
4. พอไปถึง รพ. ไปตรวจ แกก็ยอมรับว่าแกดื่มมา แต่ไม่มาก แค่เป็กเดียวจริงจริ๊ง.. (แกว่าอย่างนั้น) เอกสารการตรวจ ก็ลงบันทึกว่าแกดื่มมา ผมเองเป็นคู่กรณี อยากขอถ่ายรูปเอกสาร แต่พยาบาลไม่ให้ บอกว่าแกดื่มมาก็จริง แต่ดื่มมากหรือน้อย ก็ต้องดูด้วย ไม่ใช่ว่าดื่มแล้วผิดอย่างเดียว คุณต้องไปแจ้งความเอาบันทึกมาเพื่อให้เจาะตรวจเลือด ถึงจะดูได้ว่าแกดื่มมากหรือน้อย.. แต่ลุงแกก็ยืนยันว่าแกดื่มแป๊กเดียว
5. เข้าตรวจ รพ. ตอน 6 โมงครึ่ง กว่าจะได้เย็บแผลเกือบ 3 ทุ่ม แกก็นั่งหลับๆ ตื่นๆ จนเย็บแผลเสร็จ ก็เลยขับรถไปส่งลุงที่บ้าน ส่วนรถแกผมก็เอาไปไว้อู่คืนนั้นเลย แต่ยังไม่ขอซ่อม ให้ทางอู่ดูอาการและประเมินราคาก่อน คืนนั้นก็ตรงไปส่งลุงที่บ้าน อยากจะคุยกับภรรยาลุง เท่าที่รู้คือ ลุงอยู่กับภรรยา 2 คน แต่ไปแล้วไม่เจอ ลุงบอกว่าภรรยาไปขายของตลาดนัด น่าจะอีกสักพักใหญ่ๆ กว่าจะเก็บของกลับ...
ทีนี้ หลังจากวันนั้น ผมก็เข้าไปพูดคุย เพื่อทำการสอบถามว่าตกลงเรื่องราว ควรจะเอาอย่างไรได้บ้าง โดยมีการพูดคุยกันว่า
1. ค่าใช้จ่ายในการรักษาวันแรก หรือการล้างแผลใดๆ หรือการตัดไหม ผมดูแลจัดการให้ ลุงไม่มีรถไป ขอให้โทรบอก ไลน์บอก บอกล่วงหน้าสักชั่วโมง ผมจะได้เคลียงานแล้วรีบไปรับไปส่งที่ รพ. จัดการเรื่องตรงนี้ให้
2. เรื่องรถมอเตอร์ไซด์ สอบถามเบื้องต้น ค่าซ่อม 3000 บาท เป็นรถฮอนด้า LS 125 รุ่นเก่า โดยผมจะรับผิดชอบตรงนี้ให้
3. เรื่องรถผม ผมจะดำเนินการจัดการซ่อมเอง (ผมดันมีปัญหาตรงที่ลืมต่อประกัน เพราะก่อนหน้านี้ประกันหมด และไม่คิดว่าจะเกิดเรื่อง กำลังคุยกับที่บ้านอยู่ว่า จะต่อชั้น 1 หรือชั้น 2 ก่อนหน้าเกิดเรื่องเพียงไม่กี่วัน ก็ดันแจ๊กพ๊อตซะแล้ว)
จากนั้น ข้อเรียกร้องที่ลุงแจ้งมาคือ
1. ลุงบอกว่าลุงทำงานได้วันละ 2000 บาท เป็นช่างเชื่อมรับเหมารายวัน
2. ลุงเกิดเหตุวันที่ 3 โดยได้รับใบรับรองแพทย์ระบุพักงาน 1 วัน และตัดไหมวันที่ 9
3. ลุงขอค่าชดเชยรายได้ที่หายไป จากวันที่ 3-9 รวมเป็น 7 วัน (ผมตอนนั้นพยายามฟังแกอย่างเดียวก่อน ยังไม่ออกความคิดเห็นใดๆ)
4. ลุงบอกว่า เขาเป็นเสาหลักของบ้าน ซึ่งภรรยาขี่มอเตอร์ไซด์ไม่เป็น เช้าลุงต้องขี่ไปส่งป้าตลาดนัด แล้วก็ค่อยไปทำงาน หัวค่ำก็ไปรับกลับ
5. ลุงเลยขอค่าชดเชยแบบลดให้ ขอ 5000 บาท + ซ่อมมอเตอร์ไซด์ให้แก + ดูแลรักษาค่าพยาบาล แต่ถ้าหลังวันที่ 9 เกิดอาการไม่ดี ต้องกายภาพบำบัด ต้องรักษาเพิ่มเติม ก็ "อาจจะ" ขอความช่วยเหลือจากผมบ้าง
ข้อสังเกตุที่ผมได้ประเมิน (ประเมินด้วยตัวเอง กับเพื่อนที่ไปด้วย วันที่ไปคุยผมเอาเพื่อน ที่พอมีคุณวุฒิและการตัดสินใจที่ดีไปพูดคุยด้วย) ประเมินว่า
1. ลุงเป็นคนพิการ มือขวา มีแต่นิ้วกลาง นาง ก้อย เท้าซ้ายไม่มีสักนิ้ว เพื่อผมประเมินว่า คนไม่มีนิ้วโป้ง ขี่มอเตอร์ไซด์ยากมาก นึกไม่ออกว่าจะบิดอย่างไร ถ้าไม่มีตัวปีกผีเสื้อช่วยบิด แต่เพื่อนผมไม่อยากจะเอาประเด็นนี้มาพูด เพราะไม่อยากให้มองว่า คนพิการจะทำงาน ขี่มอเตอร์ไซด์ไม่ได้เลยเหรอ
2. ลุงทำงานได้วันละ 2 พันบาท แต่ลุงกับขี่มอเตอร์ไซด์เก่าๆ พอเพื่อผมถามไล่ไป เขาก็บอกว่า อย่างน้อยๆ วันละ 800 นี่ได้แน่นอน โดยล่าสุดก่อนเกิดเหตุ ได้มีคนมาจ้างให้แกไปทำประตูรั้ว แกก็เลยไปซื้อเหล็ก ไปจ้างคนงานมาทำ แต่พอเกิดอุบัติเหตุ งานก็ต้องเลื่อนส่ง .. เพื่อนผมบอกว่า ฟังดูไม่ขึ้น ระดับลุงถ้ามีเงินจ้างคนงาน แสดงว่าลุงก็ต้องอยู่ในโหมดประธานบริษัทหรือหัวหน้างาน ก็แค่สั่งให้ลูกน้องดำเนินงานต่อก็ได้ มันไม่ใช่ว่าหัวหน้าบาดเจ็บ งานก็ทำต่อไม่ได้ เลยอ้างว่าเบิกเงินไม่ได้เพราะต้องเลื่อนส่งงาน แถมลุงมีแต่ มอเตอร์ไซด์เก่าๆ กับ 3 ล้อพ่วง ยิ่งลุงเองมีสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ควรจะซื้อมอเตอร์ไซด์ประเภทเกียร์ออโต้ แต่ลุงดันใช้รถที่ต้องตบเกียร์เลียคลาส ก็เลยมองว่า มันเป็นเรื่องที่เข้าใจยากมาก
3. ลุงอ้างว่า ลุงดื่มจริง แต่ดื่มนิดเดียวแบบสังคม เพราะที่เกิดเหตุนั้น ลุงกำลังรีบไปช่วยป้าเก็บของที่ตลาดนัด.. จากที่ไปถามที่ทำงานดังกล่าว ที่ทำงานเลิก 17.00 ซึ่งสถานที่ทำงาน กับจุดเกิดเหตุ ห่างกันประมาณ 200 เมตร... ซึ่งจุดเกิดเหตุตรงนั้น เกิดเหตุเวลา 18.00 น. จึงมีเรื่องให้น่าคิดว่า ลุงดื่มแป๊กเดียว กับเวลา 1 ชั่วโมง เป็นไปได้มากน้อยระดับไหน ? .. บอกไว้ก่อนนะครับ สำหรับผมเอง ไม่ดื่มเหล้า ไม่ดื่มเบียร์ แต่เพื่อนผมที่พาไปด้วยก็ดื่มเหมือนกัน มันบอกว่า เป็นไปได้ยาก 1 ชั่วโมง กับ 1 เป็ก... ถ้าเป็นเบียร์ อย่างน้อยๆ ก็ขวดนึง ถ้าเหล้า ก็น่าจะสัก 2-3 แก้ว กินไปคุยกันไป ถ้าไวน์ อาจจะน้อยหน่อย หนักการกินอาหารการพูดคุย แต่การกินเหล้าขาว จึงเป็นไปได้ยาก
ทีนี้...พอผมปรึกษาที่บ้าน โดยที่ตัวพ่อเลี้ยงของผมเองนั้น เขาก็เป็นตำรวจ แต่ก็เกษียรมาแล้ว ซึ่งวันที่เกิดเหตุ อย่างทีบอกครับว่า ห่างจากบ้านผมประมาณ 100 เมตร แกก็ออกมาดูด้วย แกมองดูมุมชนแล้ว แกก็บอกเลยว่า เป็นไปได้ยากถ้าจะใช้คำว่า ปาดหน้า เพราะถ้าผมปาดจริง ความเสียหายของรถ จะเกิดขึ้นทางด้านฝั่งทางซ้าย แต่เมื่อผมจะเลี้ยวขวา แล้วเกิดเหตุชนที่มุมขวา ส่วนใหญ่คือ "ประมาทร่วม" หรือไม่ก็ มอเตอร์ไซด์ พุ่งมาเร็วแบบไม่มีเบรก พอเห็นรถเลี้ยว ก็ไม่คิดเบรก คิดว่าเร่งเครื่องให้เร็วแล้วจะพ้น ก็เลยชนเข้าด้านขวา
แต่พอไปคุยกับภรรยาลุง เขาบอกว่า เขาเองก็เคยขับรถยนต์ เขาดูจากความเสียหายแล้ว เขาคิดว่า ผมอาจจะเลี้ยวเข้าซอยโดยไม่ผ่อนแรง .. ผมก็นึกภาพแล้วก็อารมณ์ประมาณ ฮาน ใน โตเกียวดรีฟ.. -..-! แต่ผมก็ไม่ได้เถียงอะไรนะ ก็ฟังๆ ไปเพราะตอนนี้ยังสรุปตกลงกันไม่ได้ ป้าบอกว่า อยากจะให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เพราะเหมือนแกเองมองว่า 5 พัน มันน้อยไป.. เพื่อนผมบอกว่า เพราะผมช่วยเยียวยามากจนเกินไป จนมันจะเริ่มกลายเป็นฝ่ายผมผิดและยอมรับสภาพไปเต็มๆ กับการรับผิดชอบ ...
ทีนี้คำถามครับ (ขออภัยกับเนื้อหาที่ยาวไปหน่อย)
1. รถผมไม่มีประกัน แต่มี พรบ. รถลุงก็มี พรบ. ลุงเองก็คงเบิกรักษาได้ ผมไม่ได้ก็ไม่มีปัญหา เรื่อง พรบ. จบไป
2. ผมพึ่งทราบว่า จุดเกิดเหตุมีกล้องวงจรปิด แต่สอบถามไทยออยแล้ว เขาบอกว่าไม่ใช่เจ้าของกล้อง พรุ่งนี้ว่าจะไปขอตรวจสอบ
3. ผมต้องดำเนินการกับทางตำรวจยังไงบ้าง กรณีรถชนโดยไม่มีประกัน พ่อเลี้ยงผมบอกว่า ถ้าจะให้ดำเนินคดี ทางเราไม่มีปัญหา เพราะดูแล้วเราก็ไม่น่าจะมีอะไรผิด แต่ถ้ามันจะผิดจริงๆ ก็แค่จ่ายค่ารักษา ค่าทำขวัญ ค่าซ่อมรถไปก็จบ แต่ทางลุงเอง ฐานะดูแล้วไม่ได้ดีอะไร ถ้าฝ่ายลุงผิด ฝ่ายลุงเองที่จะหนัก ทางผมก็พยายามช่วย แม่ก็เลยตัดจบไปว่า จะให้เงินแค่ 4 พัน ให้เลือกเอาว่าจะซ่อมรถ หรือเอาเงิน ถ้าเอาเงินแล้วไปซ่อมเองที่อู่ไหนก็ได้ เผื่อมีอู่ถูกกว่านี้ เพราะประเด็นลุงดื่มมา ยังไงๆ ลุงจะโดนหนัก .. ผมก็ไม่รู้จะพูดหรือดำเนินการยังไง.. ใครมีข้อแนะนำอย่างไร ดำเนินการอย่างไรให้จบ บอกบ้างครับ.. เพราะตอนนี้ รถผมก็ต้องซ่อมเอง เอาไปดูที่ศูนย์แล้ว 25,000 ซึ่งหนักเอาเรื่อง แต่ตอนนี้ทางพ่อเลี้ยงจะเอาไปซ่อมอู่เพื่อนแกให้ สั่งของในเนทไปซ่อมเปลี่ยนเอา และก็ตอนนี้รีบดำเนินการจัดการเรื่องประกันภัยรถด้วย .....
จริงๆ นะ.. ถ้าประกันผมไม่มัวแต่ตัดสินใจช้า กระทู้นี้ก็คงไม่เกิด จะผิดถูกอย่างไร ก็ให้ประกันจัดการเองไปแล้ว แต่พอเกิดเรื่องแล้ว ก็ต้องรับสภาพและหาทางแก้ไขกันไป
เกิดอุบัติเหตุทางรถยนตร์ รถไม่มีประกัน พยายามเยียวยา แต่หาทางออกไม่ลงตัว ทำอย่างไรดี ?
1. เกิดเหตุช่วง 6 โมงเย็น ผมขับรถกระบะ กำลังจะเข้าซอยเข้าบ้าน ซึ่งจะต้องเลี้ยว ขวาทางด้านหน้า ซึ่งถนนนี้ เป็นถนนวิ่งสวนเลนมานานแล้ว ผมเกิดที่นี่ อยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ก็ 40 กว่าแล้ว แล้วก็เป็นเรื่องปกติที่คุ้นเคย ที่รู้ว่าจะต้องเลี้ยวขวาข้างหน้า ก็ต้องชะลอรถเพื่อเข้าซอย (เป็นเรื่องปกติ)
2. วันเกิดเหตุ ผมก็มองรถหลัง มองรถหน้าก่อนจะเลี้ยวอยู่แล้ว และกล้ายืนยันว่า ผมเองไม่แน่ใจว่า ผมไม่เห็นรถมอเตอร์ไซด์คันข้างหน้าเลย ตอนนี้ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ ว่ารถคันที่เป็นคู่กรณีมีไฟหน้าหรือเปล่า แต่จากที่สอบถาม ทางซ้ายมือ เป็นพื้นที่ของไทยออยด์ มียามอยู่เยื้องจากปากซอยประมาณ 20 เมตร แถมตรง ซอย ดังกล่าว ก็มีโรงงานอู่ต่อเรือ และมีผู้คนมากมาย จากที่ผมถามมา เขาก็ยืนยันว่า มอเตอร์ไซด์วิ่งมาเร็วจริง จากที่ผมคิดไปเองตอนนี้ คือผมกำลังจะเลี้ยวขวา ก็ต้องชะลอเป็นเรื่องปกติ แต่มันอาจจะทำให้มอเตอร์ไซด์ด้านหน้าคิดว่า ผมชะลอเพื่อให้แกวิ่งเลยไปก่อนรึเปล่าไม่แน่ใจ อยู่ๆ แกก็เร่งเครื่องเข้ามา ซึ่งผมเองก็ไม่คิดว่าจะมีรถวิ่งสวนเข้ามา เพราะผมจะเลี้ยวและเปิดไฟเลี้ยวมาแต่ไกล เลยปะทะกันในจุดนี้
เมื่อเกิดเหตุขึ้น ผมเองก็ตกใจ แต่ก็รีบจอดรถแอบข้างทาง เพื่อเข้าช่วยเหลือรถลุงที่ขี่มอเตอร์ไซด์ทันที ที่ผมต้องเคลื่อนย้ายรถ เพราะถ้าไม่ย้าย มันจะขวางกลางลำถนนแบบในรูป ทีนี้วันที่เกิดเหตุ ก็มีเหตุการณ์ดังนี้
1. โทรแจ้งหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยดูอาการลุงทันที เนื่องจากมีแผลที่ขมับซ้ายเป็นทางยาว แต่ลุงกลับไม่ต้องการความช่วยเหลือ ลุงจะขอฉี่อย่างเดียว จนคนที่เข้ามาช่วยบอกให้ลุงไปยืนฉี่ริมทางก่อน แกก็บอกว่าไหวๆ เดินได้ แกก็เดินไปฉี่ ผมก็ห่วงแก เพราะแกดูแล้วอายุน่าจะ 50+ พอแกฉี่เสร็จ ก็ให้มานั่งเฉยๆ รอหน่วยกู้ภัย
2. หน่วยกู้ภัยมา ถามว่าจะเรียกประกัน หรือตำรวจไหม ลุงบอกไม่เอา ไม่ต้อง ไม่ไป รพ. ด้วย เขาไม่เป็นอะไรมาก ซึ่งผมก็บอกว่าไม่ได้ ให้กู้ภัยทำแผลก็ยังดี หน่วยกู้ภัยก็ยืนยันว่าจะทำแผลตรงนี้ให้เลย แต่แกก็ไม่เอา ผมก็เลยเอ่ยปากว่า ไปเถอะลุง เดี๋ยวออกค่าใช้จ่ายให้ เรื่องรถเรื่องอะไรเดี๋ยวดูให้ ตื้ออยู่พัก แกก็ตกลง
3. หน่วยกู้ภัยถามผมว่า จะไปส่งลุงแกเองใช่ไหม แล้วเรื่องรถมอเตอร์ไซด์ล่ะ ผมก็เลยบอกว่า เดี๋ยวเอาไปดูที่อู่เลย ถ้ายังไงไม่เป็นอะไรมากจะดูจัดการให้ ตอนนี้ตอบไม่ได้ว่าผมถูกหรือผิด แต่ก็ขอรับผิดชอบไปก่อน
4. พอไปถึง รพ. ไปตรวจ แกก็ยอมรับว่าแกดื่มมา แต่ไม่มาก แค่เป็กเดียวจริงจริ๊ง.. (แกว่าอย่างนั้น) เอกสารการตรวจ ก็ลงบันทึกว่าแกดื่มมา ผมเองเป็นคู่กรณี อยากขอถ่ายรูปเอกสาร แต่พยาบาลไม่ให้ บอกว่าแกดื่มมาก็จริง แต่ดื่มมากหรือน้อย ก็ต้องดูด้วย ไม่ใช่ว่าดื่มแล้วผิดอย่างเดียว คุณต้องไปแจ้งความเอาบันทึกมาเพื่อให้เจาะตรวจเลือด ถึงจะดูได้ว่าแกดื่มมากหรือน้อย.. แต่ลุงแกก็ยืนยันว่าแกดื่มแป๊กเดียว
5. เข้าตรวจ รพ. ตอน 6 โมงครึ่ง กว่าจะได้เย็บแผลเกือบ 3 ทุ่ม แกก็นั่งหลับๆ ตื่นๆ จนเย็บแผลเสร็จ ก็เลยขับรถไปส่งลุงที่บ้าน ส่วนรถแกผมก็เอาไปไว้อู่คืนนั้นเลย แต่ยังไม่ขอซ่อม ให้ทางอู่ดูอาการและประเมินราคาก่อน คืนนั้นก็ตรงไปส่งลุงที่บ้าน อยากจะคุยกับภรรยาลุง เท่าที่รู้คือ ลุงอยู่กับภรรยา 2 คน แต่ไปแล้วไม่เจอ ลุงบอกว่าภรรยาไปขายของตลาดนัด น่าจะอีกสักพักใหญ่ๆ กว่าจะเก็บของกลับ...
ทีนี้ หลังจากวันนั้น ผมก็เข้าไปพูดคุย เพื่อทำการสอบถามว่าตกลงเรื่องราว ควรจะเอาอย่างไรได้บ้าง โดยมีการพูดคุยกันว่า
1. ค่าใช้จ่ายในการรักษาวันแรก หรือการล้างแผลใดๆ หรือการตัดไหม ผมดูแลจัดการให้ ลุงไม่มีรถไป ขอให้โทรบอก ไลน์บอก บอกล่วงหน้าสักชั่วโมง ผมจะได้เคลียงานแล้วรีบไปรับไปส่งที่ รพ. จัดการเรื่องตรงนี้ให้
2. เรื่องรถมอเตอร์ไซด์ สอบถามเบื้องต้น ค่าซ่อม 3000 บาท เป็นรถฮอนด้า LS 125 รุ่นเก่า โดยผมจะรับผิดชอบตรงนี้ให้
3. เรื่องรถผม ผมจะดำเนินการจัดการซ่อมเอง (ผมดันมีปัญหาตรงที่ลืมต่อประกัน เพราะก่อนหน้านี้ประกันหมด และไม่คิดว่าจะเกิดเรื่อง กำลังคุยกับที่บ้านอยู่ว่า จะต่อชั้น 1 หรือชั้น 2 ก่อนหน้าเกิดเรื่องเพียงไม่กี่วัน ก็ดันแจ๊กพ๊อตซะแล้ว)
จากนั้น ข้อเรียกร้องที่ลุงแจ้งมาคือ
1. ลุงบอกว่าลุงทำงานได้วันละ 2000 บาท เป็นช่างเชื่อมรับเหมารายวัน
2. ลุงเกิดเหตุวันที่ 3 โดยได้รับใบรับรองแพทย์ระบุพักงาน 1 วัน และตัดไหมวันที่ 9
3. ลุงขอค่าชดเชยรายได้ที่หายไป จากวันที่ 3-9 รวมเป็น 7 วัน (ผมตอนนั้นพยายามฟังแกอย่างเดียวก่อน ยังไม่ออกความคิดเห็นใดๆ)
4. ลุงบอกว่า เขาเป็นเสาหลักของบ้าน ซึ่งภรรยาขี่มอเตอร์ไซด์ไม่เป็น เช้าลุงต้องขี่ไปส่งป้าตลาดนัด แล้วก็ค่อยไปทำงาน หัวค่ำก็ไปรับกลับ
5. ลุงเลยขอค่าชดเชยแบบลดให้ ขอ 5000 บาท + ซ่อมมอเตอร์ไซด์ให้แก + ดูแลรักษาค่าพยาบาล แต่ถ้าหลังวันที่ 9 เกิดอาการไม่ดี ต้องกายภาพบำบัด ต้องรักษาเพิ่มเติม ก็ "อาจจะ" ขอความช่วยเหลือจากผมบ้าง
ข้อสังเกตุที่ผมได้ประเมิน (ประเมินด้วยตัวเอง กับเพื่อนที่ไปด้วย วันที่ไปคุยผมเอาเพื่อน ที่พอมีคุณวุฒิและการตัดสินใจที่ดีไปพูดคุยด้วย) ประเมินว่า
1. ลุงเป็นคนพิการ มือขวา มีแต่นิ้วกลาง นาง ก้อย เท้าซ้ายไม่มีสักนิ้ว เพื่อผมประเมินว่า คนไม่มีนิ้วโป้ง ขี่มอเตอร์ไซด์ยากมาก นึกไม่ออกว่าจะบิดอย่างไร ถ้าไม่มีตัวปีกผีเสื้อช่วยบิด แต่เพื่อนผมไม่อยากจะเอาประเด็นนี้มาพูด เพราะไม่อยากให้มองว่า คนพิการจะทำงาน ขี่มอเตอร์ไซด์ไม่ได้เลยเหรอ
2. ลุงทำงานได้วันละ 2 พันบาท แต่ลุงกับขี่มอเตอร์ไซด์เก่าๆ พอเพื่อผมถามไล่ไป เขาก็บอกว่า อย่างน้อยๆ วันละ 800 นี่ได้แน่นอน โดยล่าสุดก่อนเกิดเหตุ ได้มีคนมาจ้างให้แกไปทำประตูรั้ว แกก็เลยไปซื้อเหล็ก ไปจ้างคนงานมาทำ แต่พอเกิดอุบัติเหตุ งานก็ต้องเลื่อนส่ง .. เพื่อนผมบอกว่า ฟังดูไม่ขึ้น ระดับลุงถ้ามีเงินจ้างคนงาน แสดงว่าลุงก็ต้องอยู่ในโหมดประธานบริษัทหรือหัวหน้างาน ก็แค่สั่งให้ลูกน้องดำเนินงานต่อก็ได้ มันไม่ใช่ว่าหัวหน้าบาดเจ็บ งานก็ทำต่อไม่ได้ เลยอ้างว่าเบิกเงินไม่ได้เพราะต้องเลื่อนส่งงาน แถมลุงมีแต่ มอเตอร์ไซด์เก่าๆ กับ 3 ล้อพ่วง ยิ่งลุงเองมีสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ควรจะซื้อมอเตอร์ไซด์ประเภทเกียร์ออโต้ แต่ลุงดันใช้รถที่ต้องตบเกียร์เลียคลาส ก็เลยมองว่า มันเป็นเรื่องที่เข้าใจยากมาก
3. ลุงอ้างว่า ลุงดื่มจริง แต่ดื่มนิดเดียวแบบสังคม เพราะที่เกิดเหตุนั้น ลุงกำลังรีบไปช่วยป้าเก็บของที่ตลาดนัด.. จากที่ไปถามที่ทำงานดังกล่าว ที่ทำงานเลิก 17.00 ซึ่งสถานที่ทำงาน กับจุดเกิดเหตุ ห่างกันประมาณ 200 เมตร... ซึ่งจุดเกิดเหตุตรงนั้น เกิดเหตุเวลา 18.00 น. จึงมีเรื่องให้น่าคิดว่า ลุงดื่มแป๊กเดียว กับเวลา 1 ชั่วโมง เป็นไปได้มากน้อยระดับไหน ? .. บอกไว้ก่อนนะครับ สำหรับผมเอง ไม่ดื่มเหล้า ไม่ดื่มเบียร์ แต่เพื่อนผมที่พาไปด้วยก็ดื่มเหมือนกัน มันบอกว่า เป็นไปได้ยาก 1 ชั่วโมง กับ 1 เป็ก... ถ้าเป็นเบียร์ อย่างน้อยๆ ก็ขวดนึง ถ้าเหล้า ก็น่าจะสัก 2-3 แก้ว กินไปคุยกันไป ถ้าไวน์ อาจจะน้อยหน่อย หนักการกินอาหารการพูดคุย แต่การกินเหล้าขาว จึงเป็นไปได้ยาก
ทีนี้...พอผมปรึกษาที่บ้าน โดยที่ตัวพ่อเลี้ยงของผมเองนั้น เขาก็เป็นตำรวจ แต่ก็เกษียรมาแล้ว ซึ่งวันที่เกิดเหตุ อย่างทีบอกครับว่า ห่างจากบ้านผมประมาณ 100 เมตร แกก็ออกมาดูด้วย แกมองดูมุมชนแล้ว แกก็บอกเลยว่า เป็นไปได้ยากถ้าจะใช้คำว่า ปาดหน้า เพราะถ้าผมปาดจริง ความเสียหายของรถ จะเกิดขึ้นทางด้านฝั่งทางซ้าย แต่เมื่อผมจะเลี้ยวขวา แล้วเกิดเหตุชนที่มุมขวา ส่วนใหญ่คือ "ประมาทร่วม" หรือไม่ก็ มอเตอร์ไซด์ พุ่งมาเร็วแบบไม่มีเบรก พอเห็นรถเลี้ยว ก็ไม่คิดเบรก คิดว่าเร่งเครื่องให้เร็วแล้วจะพ้น ก็เลยชนเข้าด้านขวา
แต่พอไปคุยกับภรรยาลุง เขาบอกว่า เขาเองก็เคยขับรถยนต์ เขาดูจากความเสียหายแล้ว เขาคิดว่า ผมอาจจะเลี้ยวเข้าซอยโดยไม่ผ่อนแรง .. ผมก็นึกภาพแล้วก็อารมณ์ประมาณ ฮาน ใน โตเกียวดรีฟ.. -..-! แต่ผมก็ไม่ได้เถียงอะไรนะ ก็ฟังๆ ไปเพราะตอนนี้ยังสรุปตกลงกันไม่ได้ ป้าบอกว่า อยากจะให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เพราะเหมือนแกเองมองว่า 5 พัน มันน้อยไป.. เพื่อนผมบอกว่า เพราะผมช่วยเยียวยามากจนเกินไป จนมันจะเริ่มกลายเป็นฝ่ายผมผิดและยอมรับสภาพไปเต็มๆ กับการรับผิดชอบ ...
ทีนี้คำถามครับ (ขออภัยกับเนื้อหาที่ยาวไปหน่อย)
1. รถผมไม่มีประกัน แต่มี พรบ. รถลุงก็มี พรบ. ลุงเองก็คงเบิกรักษาได้ ผมไม่ได้ก็ไม่มีปัญหา เรื่อง พรบ. จบไป
2. ผมพึ่งทราบว่า จุดเกิดเหตุมีกล้องวงจรปิด แต่สอบถามไทยออยแล้ว เขาบอกว่าไม่ใช่เจ้าของกล้อง พรุ่งนี้ว่าจะไปขอตรวจสอบ
3. ผมต้องดำเนินการกับทางตำรวจยังไงบ้าง กรณีรถชนโดยไม่มีประกัน พ่อเลี้ยงผมบอกว่า ถ้าจะให้ดำเนินคดี ทางเราไม่มีปัญหา เพราะดูแล้วเราก็ไม่น่าจะมีอะไรผิด แต่ถ้ามันจะผิดจริงๆ ก็แค่จ่ายค่ารักษา ค่าทำขวัญ ค่าซ่อมรถไปก็จบ แต่ทางลุงเอง ฐานะดูแล้วไม่ได้ดีอะไร ถ้าฝ่ายลุงผิด ฝ่ายลุงเองที่จะหนัก ทางผมก็พยายามช่วย แม่ก็เลยตัดจบไปว่า จะให้เงินแค่ 4 พัน ให้เลือกเอาว่าจะซ่อมรถ หรือเอาเงิน ถ้าเอาเงินแล้วไปซ่อมเองที่อู่ไหนก็ได้ เผื่อมีอู่ถูกกว่านี้ เพราะประเด็นลุงดื่มมา ยังไงๆ ลุงจะโดนหนัก .. ผมก็ไม่รู้จะพูดหรือดำเนินการยังไง.. ใครมีข้อแนะนำอย่างไร ดำเนินการอย่างไรให้จบ บอกบ้างครับ.. เพราะตอนนี้ รถผมก็ต้องซ่อมเอง เอาไปดูที่ศูนย์แล้ว 25,000 ซึ่งหนักเอาเรื่อง แต่ตอนนี้ทางพ่อเลี้ยงจะเอาไปซ่อมอู่เพื่อนแกให้ สั่งของในเนทไปซ่อมเปลี่ยนเอา และก็ตอนนี้รีบดำเนินการจัดการเรื่องประกันภัยรถด้วย .....
จริงๆ นะ.. ถ้าประกันผมไม่มัวแต่ตัดสินใจช้า กระทู้นี้ก็คงไม่เกิด จะผิดถูกอย่างไร ก็ให้ประกันจัดการเองไปแล้ว แต่พอเกิดเรื่องแล้ว ก็ต้องรับสภาพและหาทางแก้ไขกันไป