สำหรับบางท่านเรื่องนี้มันอาจจะเล็กน้อยมาก
แต่สำหรับผมมันคับข้องใจเหลือเกิน
อึดอัดและรู้สึกว่าจากคนปกติคนนึงกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ
โดยที่ผมไม่ได้กระทำอะไรให้สมควรต้องมารับผลนี้เลย
และผมจะไม่สามารถต่อสู้อะไรได้เลยหรือ
เรื่องของผมเกิดขึ้นวันที่ 5 มี.ค. ช่วงเย็นๆ
ผมขี่มอเตอร์ไซต์ไปรับภรรยากลับจากที่ทำงาน
ระหว่างทางกลับบ้านผ่านช่วงสี่แยกไฟแดงแรก
ช่องทางเดินรถด้านซ้ายมีรถเลี้ยวซ้ายจำนวนมาก
รถหลายๆคันจึงเปลี่ยนมาใช้ช่องทางขวาเผื่อผ่านแยกไป
ผมก็เช่นเดียวกันเปลี่ยนมาใช้ช่องขวาและผ่านแยกไฟแดงไปตามปกติ
ตอนเปลี่ยนมาใช้ช่องขวาก็ไม่ได้ปาดหรือตัดหน้าใคร
พอผ่านไฟแดงแรกไปประมาณ 300 เมตรจะเจอสามแยกไฟแดงซึ่งผมจะต้องกลับรถ
และในขณะนั้นไฟจราจรด้านหน้าเป็นไฟแดง รถไหลช้าๆ ผมจึงยังอยู่ในช่องขวา เพื่อรอติดไฟแดงและจะกลับรถเมื่อไฟเขียว
รถเก๋งด้านหน้าผมจอดสนิทแล้ว รถผมกำลังจะจอดสนิทเอาเท้าราพื้นแล้ว
แต่มีกระบะตู้ทึบมาชนผมจากด้านหลัง กระแทกผมไปชนรถเก๋งด้านหน้าอีกที
ภรรยาผมหงายหลังหมวกกันน็อคไปฟาดกับกระโปรงรถกระบะบุบลงไป
แล้วก็ชุนมุนอะไรยังไงัยจำความไม่ได้มันเร็วมาก หมวกกันน็อกภรรยาผมหน้ากากแตกไปเสียบติดอยู่ที่ฝากกระโปรงกระบะ
แล้วภรรยาผมก็กระเด็นตกลงมาที่พื้นถนน ตัวผมเองเจ็บไม่มากนัก บนความโชคร้ายยังมีความโชคดีที่รถมอเตอร์ไซต์แข็งแรง
ค้ำคาไว้ระหว่างท้ายรถเก๋งกับหน้ารถกระบะ นี่ถ้าสมมุติรถมอเตอร์ไซต์ตอนโดนชนแล้วล้มลงนะ ผมกับแฟนจะเจ็บมากกว่านี้หลายเท่า
คนขับรถกระบะลงมาพร้อมกับคำว่า "ขอโทษที พอดีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายเลยไม่ทันเห็น เบรกไม่ทัน"
(สอดคล้องกับพยานอีกท่านที่เห็นเหตุการณ์และลงมาช่วยเหลือผมกับภรรยาเล่าว่ากระบะไม่ได้เบรกเลย)
พอผมรวบรวมสติได้รีบไปดูแฟน แฟนน่าจะโดนกระแทกจนปวดท้องน้อย
พอกู้ภัยมาถึงจึงแจ้งอาการของแฟนให้กู้ภัยทราบ และแจ้งให้ทราบด้วยว่าผ่าคลอดบุตรมาได้ประมาณ 1 ปี
กู้ภัยจึงแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็ค ก็เลยตกลงให้กู้ภัยพาภรรยาไปส่งโรงพยาบาล
ส่วนผมเจ็บไม่มากนักทนเอา เพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจและประกันมาจัดการ
เมื่อประกันและตำรวจมาถึงก็ถ่ายรูปแลัวให้ไปลงบันทึกที่โรงพัก
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าทิ้งมอเตอร์ไซต์ไว้ตรงนั้นเดี๋ยวจะให้ร้อยเวรเอารถตำรวจมาขนไป
(จุดนี้ผมน้ำตาแทบไหล เพราะทีแรกในความวุ่นวายก็คิดว่าถ้าเดี๋ยวต้องยกรถไปโรงพัก ผมจะต้องไปหาจ้างรถมายกไปอีกมั้ย
พอพี่ตำรวจให้ความช่วยเหลือขนาดนี้ผมซึ้งเลย บนความสับสนและวุ่นวาย ณ จุดนั้น มันมืดมนครับ ใครไม่โดนอาจจะไม่เข้าใจ
ผมกราบขอบคุณพี่ตำรวจจริงๆครับ)
เมื่อไปถึงโรงพักกระบะยอมรับผิด ลงบันทึกไว้ว่าประมาทห้ามล้อไว้ไม่ทัน ไม่ได้ลงว่าเล่นโทรศัพท์
ประกันคู่กรณีออกใบเคลมให้รถเก๋ง
และมาดูความเสียหายรถผม รถผมเพิ่งซื้อ เพิ่งวิ่งได้ 3,000 โล
อายุรถ 6 เดือน เสียหายหนักมากทั้งหน้าและหลัง ใบเคลมลงไว้ให้ 14 รายการ และรอตรวจสอบชอบต่อเนื่อง
(รถผมไม่มีประกัน มีแค่ พรบ.+ประกันรถหายที่จะคุ้มครองกรณีอุบัติเหตุต่อตัวรถด้วย แต่ตัวรถต้องเสียหาย 100% เท่านั้นถึงจะคุ้มครอง)
วันรุ่งขึ้นแฟนผมนอนดูอาการที่บ้าน 1 วันตามแพทย์สั่ง
ส่วนผมไปโรงพักอีกรอบไปเบิกรถให้อู่ประกันเอาไปซ่อม
อู่ประกันแจ้งว่า มีรายการเพิ่มมาอีก 25 รายการ
หลักๆเลย คือ
- ชุดสีทั้งคัน
- ไฟหน้า ไฟท้ายทั้งหมด
- สวิงอาร์มคด
- โช้คหน้าคด
- เบ้ากุญแจพังไขไม่ได้
- วงล้อทั้งหน้าและหลังคดใช้การไม่ได้
ผมเลยถามอู่ไปตรงๆว่าค่าซ่อมประมาณเท่าไหร่ ถ้าได้สูงและเพิ่มเงินไม่มากนัก ผมจะรับเงินแล้วไปซื้อคันใหม่
(รถผมซื้อมาเงินสด 6 หมื่นบาทครับ) อู่แจ้งว่าน่าจะได้ค่าซ่อมประมาณ 2 หมื่นกว่า ใช้เวลาซ่อมประมาณ 1 เดือน ผมก็เลยถอดใจที่จะซื้อรถใหม่เพราะคงต้องเพิ่มเงินเยอะ)
ระหว่างนั้นก็ปรึกษาเจ้าหน้าที่ประกันที่มาวันเกิดเหตุ (เป็นประกันของคู่กรณีวันเกิดเหตุผมได้ขอไลน์ติดต่อพี่เขาไว้)
พี่ประกันก็แจ้งว่าคงทำได้มากสุดเท่านี้(คือซ่อมรถไป)
แล้วก็ไปเรียกค่าขาดประโยชน์น่าจะได้วันละ 300 บาท อีก สูงสุด 20 วัน
เลข 300 บาท และ เลข 20 วันนี่มาอย่างไรผมไม่ได้ถามเขาเพิ่ม
เพราะสตั๊นมาก พอไม่มีรถใช้ การเดินทางไปทำงานและรับส่งแฟน
กลายเป็นผมกับแฟนต้องนั่งวินบ้างแท็กซี่บ้าง
วันนึงเกิน 300 ไปแล้ว แล้วยังจะความสะดวกต่างๆที่เคยได้รับจากการใช้รถของตัวผมเองก็หายไป
จะมาให้วันละ 300 แถมแค่ 20 วันอีก (ณ วันนี้ รถก็ซ่อมมาครบ 21 วันแล้ว)
แถมไอ้ที่ว่าผมเจ็บนิดหน่อยไม่เ็นอะไร พอผ่านวันเกิดเหตุไป 3 วันเท่านั้นแหละ
ระบมทั้งตัว ต้นคอนี่ปวดจนแทบหันหัวไม่ได้
ฟกช้ำดำเขียวปรากฎให้เห็นทั่วตัวทั้งหมผทั้งแฟน
ก็เข้าใจบริษัทประกันทำธุรกิจ ก็คงต้องหาหนทางรักษาผลประโยชน์บริษัทให้มากที่สุด
แล้วผมหละ คนอยู่เฉยๆดีๆมีความสุขต้องมาโดนกระทำแบบนี้
ผมไม่ได้ต้องการเงิน หรือมาบวกค่าทำขวัญอะไรใดๆทั้งสิ้น
สิ่งที่ผมต้องการ คือ ความปกติสุขประหนึ่งไม่เคยเกิดเหตุ อันประกอบไปด้วย
1. รถคันเดิม ที่ไม่ใช่รถที่โดนชนจนยับ แล้วเอาไปซ่อม (ผมเชื่อว่าทุกท่านก็รู้ดีว่ารถมันไม่มีวันเหมือนเดิม)
2. ค่าใช้จ่ายจากการเดินทางไป-กลับจากที่ทำงาน ของผมและภรรยาตามจริง ไม่ต้องมาบวกอะไรให้ทั้งนั้น
ขอแค่ไม่มาเอาปรียบกัน เอาแค่ที่เกิดขึ้นจริงก็พอ ผมให้หักค่าน้ำมันประหนึ่งว่าถ้าผมขี่มอเตอร์ไซต์ผมก็ต้องจ่ายค่าน้ำมันออกด้วยเอ้า
(ข้อ 2. นี้รอรถซ่อมเสร็จจะไปเจรจากับประกัน)
ณ วันนี้คู่กรณีสิไม่มีดูดำดูดีอะไรกันเลย
ขนาดเก๋งคันด้านหน้าเขายังโทรมาหาผม เขาบอกว่าเห็นผมเงียบๆไม่มีปากมีเสียง
กลัวผมจะเสียเปรียบ พี่เขาก็เลยเป็นห่วงโทรมาถามเรื่อยๆ
แล้วคู่กรณีหละป่านนี้ก็ยังมีความสุขกันตามปกติ อาจจะเอาเรื่องอุบัติเหตุนี้ไปคุยกันสนุกสนาน
ส่วนผมและภรรยาโครตลำบากตลอดตั้งแต่เกิดเหตุยันวันนี้
(ในใบบันทึกประจำวันมีข้อมูลการติดต่อของทั้ง 3 ตน จึงสามารถที่จะติดต่อกันได้หากต้องการติดต่อ)
มาถึงวันนี้ถ้าในเมื่อสิ่งที่ผมต้องการ 2 ข้อข้างบนมันคงไม่มีทางได้มาหรือได้มาไม่ครบ
ผมก็เลยต้องการให้คู่กรณีที่สร้างความเดือดร้อนให้ผมต้องเดือดร้อนบ้างให้สมน้ำสมเนื้อ
ในทางกฎหมายผมสามารถทำอะไรได้บ้างมั้ย สามารถฟ้องคดีอาญาต่อได้มั้ย
ผมเสียทรัพย์และมีผู้บาดเจ็บ ให้เขามาขึ้นศาลมาลำบากบ้างสิ
ในระหว่างขึ้นศาลผมก็ยอมจะลำบากเพิ่มขึ้น จะไปศาลด้วยทุกนัดเลย
ถ้าทางกฎหมายทำได้
1. รบกวนอธิบายหนทางคร่าวๆให้หน่อยครับ
2. ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจะสูงมากมั้ยครับ
ขอบพระคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าครับ
ขอบคุณสำหรับผู้ที่ให้แสงสว่างกับผมในวันที่มืดมนนี้
รบกวนปรึกษาเรื่องคดีความรถถูกชนครับ
แต่สำหรับผมมันคับข้องใจเหลือเกิน
อึดอัดและรู้สึกว่าจากคนปกติคนนึงกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ
โดยที่ผมไม่ได้กระทำอะไรให้สมควรต้องมารับผลนี้เลย
และผมจะไม่สามารถต่อสู้อะไรได้เลยหรือ
เรื่องของผมเกิดขึ้นวันที่ 5 มี.ค. ช่วงเย็นๆ
ผมขี่มอเตอร์ไซต์ไปรับภรรยากลับจากที่ทำงาน
ระหว่างทางกลับบ้านผ่านช่วงสี่แยกไฟแดงแรก
ช่องทางเดินรถด้านซ้ายมีรถเลี้ยวซ้ายจำนวนมาก
รถหลายๆคันจึงเปลี่ยนมาใช้ช่องทางขวาเผื่อผ่านแยกไป
ผมก็เช่นเดียวกันเปลี่ยนมาใช้ช่องขวาและผ่านแยกไฟแดงไปตามปกติ
ตอนเปลี่ยนมาใช้ช่องขวาก็ไม่ได้ปาดหรือตัดหน้าใคร
พอผ่านไฟแดงแรกไปประมาณ 300 เมตรจะเจอสามแยกไฟแดงซึ่งผมจะต้องกลับรถ
และในขณะนั้นไฟจราจรด้านหน้าเป็นไฟแดง รถไหลช้าๆ ผมจึงยังอยู่ในช่องขวา เพื่อรอติดไฟแดงและจะกลับรถเมื่อไฟเขียว
รถเก๋งด้านหน้าผมจอดสนิทแล้ว รถผมกำลังจะจอดสนิทเอาเท้าราพื้นแล้ว
แต่มีกระบะตู้ทึบมาชนผมจากด้านหลัง กระแทกผมไปชนรถเก๋งด้านหน้าอีกที
ภรรยาผมหงายหลังหมวกกันน็อคไปฟาดกับกระโปรงรถกระบะบุบลงไป
แล้วก็ชุนมุนอะไรยังไงัยจำความไม่ได้มันเร็วมาก หมวกกันน็อกภรรยาผมหน้ากากแตกไปเสียบติดอยู่ที่ฝากกระโปรงกระบะ
แล้วภรรยาผมก็กระเด็นตกลงมาที่พื้นถนน ตัวผมเองเจ็บไม่มากนัก บนความโชคร้ายยังมีความโชคดีที่รถมอเตอร์ไซต์แข็งแรง
ค้ำคาไว้ระหว่างท้ายรถเก๋งกับหน้ารถกระบะ นี่ถ้าสมมุติรถมอเตอร์ไซต์ตอนโดนชนแล้วล้มลงนะ ผมกับแฟนจะเจ็บมากกว่านี้หลายเท่า
คนขับรถกระบะลงมาพร้อมกับคำว่า "ขอโทษที พอดีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายเลยไม่ทันเห็น เบรกไม่ทัน"
(สอดคล้องกับพยานอีกท่านที่เห็นเหตุการณ์และลงมาช่วยเหลือผมกับภรรยาเล่าว่ากระบะไม่ได้เบรกเลย)
พอผมรวบรวมสติได้รีบไปดูแฟน แฟนน่าจะโดนกระแทกจนปวดท้องน้อย
พอกู้ภัยมาถึงจึงแจ้งอาการของแฟนให้กู้ภัยทราบ และแจ้งให้ทราบด้วยว่าผ่าคลอดบุตรมาได้ประมาณ 1 ปี
กู้ภัยจึงแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็ค ก็เลยตกลงให้กู้ภัยพาภรรยาไปส่งโรงพยาบาล
ส่วนผมเจ็บไม่มากนักทนเอา เพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจและประกันมาจัดการ
เมื่อประกันและตำรวจมาถึงก็ถ่ายรูปแลัวให้ไปลงบันทึกที่โรงพัก
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าทิ้งมอเตอร์ไซต์ไว้ตรงนั้นเดี๋ยวจะให้ร้อยเวรเอารถตำรวจมาขนไป
(จุดนี้ผมน้ำตาแทบไหล เพราะทีแรกในความวุ่นวายก็คิดว่าถ้าเดี๋ยวต้องยกรถไปโรงพัก ผมจะต้องไปหาจ้างรถมายกไปอีกมั้ย
พอพี่ตำรวจให้ความช่วยเหลือขนาดนี้ผมซึ้งเลย บนความสับสนและวุ่นวาย ณ จุดนั้น มันมืดมนครับ ใครไม่โดนอาจจะไม่เข้าใจ
ผมกราบขอบคุณพี่ตำรวจจริงๆครับ)
เมื่อไปถึงโรงพักกระบะยอมรับผิด ลงบันทึกไว้ว่าประมาทห้ามล้อไว้ไม่ทัน ไม่ได้ลงว่าเล่นโทรศัพท์
ประกันคู่กรณีออกใบเคลมให้รถเก๋ง
และมาดูความเสียหายรถผม รถผมเพิ่งซื้อ เพิ่งวิ่งได้ 3,000 โล
อายุรถ 6 เดือน เสียหายหนักมากทั้งหน้าและหลัง ใบเคลมลงไว้ให้ 14 รายการ และรอตรวจสอบชอบต่อเนื่อง
(รถผมไม่มีประกัน มีแค่ พรบ.+ประกันรถหายที่จะคุ้มครองกรณีอุบัติเหตุต่อตัวรถด้วย แต่ตัวรถต้องเสียหาย 100% เท่านั้นถึงจะคุ้มครอง)
วันรุ่งขึ้นแฟนผมนอนดูอาการที่บ้าน 1 วันตามแพทย์สั่ง
ส่วนผมไปโรงพักอีกรอบไปเบิกรถให้อู่ประกันเอาไปซ่อม
อู่ประกันแจ้งว่า มีรายการเพิ่มมาอีก 25 รายการ
หลักๆเลย คือ
- ชุดสีทั้งคัน
- ไฟหน้า ไฟท้ายทั้งหมด
- สวิงอาร์มคด
- โช้คหน้าคด
- เบ้ากุญแจพังไขไม่ได้
- วงล้อทั้งหน้าและหลังคดใช้การไม่ได้
ผมเลยถามอู่ไปตรงๆว่าค่าซ่อมประมาณเท่าไหร่ ถ้าได้สูงและเพิ่มเงินไม่มากนัก ผมจะรับเงินแล้วไปซื้อคันใหม่
(รถผมซื้อมาเงินสด 6 หมื่นบาทครับ) อู่แจ้งว่าน่าจะได้ค่าซ่อมประมาณ 2 หมื่นกว่า ใช้เวลาซ่อมประมาณ 1 เดือน ผมก็เลยถอดใจที่จะซื้อรถใหม่เพราะคงต้องเพิ่มเงินเยอะ)
ระหว่างนั้นก็ปรึกษาเจ้าหน้าที่ประกันที่มาวันเกิดเหตุ (เป็นประกันของคู่กรณีวันเกิดเหตุผมได้ขอไลน์ติดต่อพี่เขาไว้)
พี่ประกันก็แจ้งว่าคงทำได้มากสุดเท่านี้(คือซ่อมรถไป)
แล้วก็ไปเรียกค่าขาดประโยชน์น่าจะได้วันละ 300 บาท อีก สูงสุด 20 วัน
เลข 300 บาท และ เลข 20 วันนี่มาอย่างไรผมไม่ได้ถามเขาเพิ่ม
เพราะสตั๊นมาก พอไม่มีรถใช้ การเดินทางไปทำงานและรับส่งแฟน
กลายเป็นผมกับแฟนต้องนั่งวินบ้างแท็กซี่บ้าง
วันนึงเกิน 300 ไปแล้ว แล้วยังจะความสะดวกต่างๆที่เคยได้รับจากการใช้รถของตัวผมเองก็หายไป
จะมาให้วันละ 300 แถมแค่ 20 วันอีก (ณ วันนี้ รถก็ซ่อมมาครบ 21 วันแล้ว)
แถมไอ้ที่ว่าผมเจ็บนิดหน่อยไม่เ็นอะไร พอผ่านวันเกิดเหตุไป 3 วันเท่านั้นแหละ
ระบมทั้งตัว ต้นคอนี่ปวดจนแทบหันหัวไม่ได้
ฟกช้ำดำเขียวปรากฎให้เห็นทั่วตัวทั้งหมผทั้งแฟน
ก็เข้าใจบริษัทประกันทำธุรกิจ ก็คงต้องหาหนทางรักษาผลประโยชน์บริษัทให้มากที่สุด
แล้วผมหละ คนอยู่เฉยๆดีๆมีความสุขต้องมาโดนกระทำแบบนี้
ผมไม่ได้ต้องการเงิน หรือมาบวกค่าทำขวัญอะไรใดๆทั้งสิ้น
สิ่งที่ผมต้องการ คือ ความปกติสุขประหนึ่งไม่เคยเกิดเหตุ อันประกอบไปด้วย
1. รถคันเดิม ที่ไม่ใช่รถที่โดนชนจนยับ แล้วเอาไปซ่อม (ผมเชื่อว่าทุกท่านก็รู้ดีว่ารถมันไม่มีวันเหมือนเดิม)
2. ค่าใช้จ่ายจากการเดินทางไป-กลับจากที่ทำงาน ของผมและภรรยาตามจริง ไม่ต้องมาบวกอะไรให้ทั้งนั้น
ขอแค่ไม่มาเอาปรียบกัน เอาแค่ที่เกิดขึ้นจริงก็พอ ผมให้หักค่าน้ำมันประหนึ่งว่าถ้าผมขี่มอเตอร์ไซต์ผมก็ต้องจ่ายค่าน้ำมันออกด้วยเอ้า
(ข้อ 2. นี้รอรถซ่อมเสร็จจะไปเจรจากับประกัน)
ณ วันนี้คู่กรณีสิไม่มีดูดำดูดีอะไรกันเลย
ขนาดเก๋งคันด้านหน้าเขายังโทรมาหาผม เขาบอกว่าเห็นผมเงียบๆไม่มีปากมีเสียง
กลัวผมจะเสียเปรียบ พี่เขาก็เลยเป็นห่วงโทรมาถามเรื่อยๆ
แล้วคู่กรณีหละป่านนี้ก็ยังมีความสุขกันตามปกติ อาจจะเอาเรื่องอุบัติเหตุนี้ไปคุยกันสนุกสนาน
ส่วนผมและภรรยาโครตลำบากตลอดตั้งแต่เกิดเหตุยันวันนี้
(ในใบบันทึกประจำวันมีข้อมูลการติดต่อของทั้ง 3 ตน จึงสามารถที่จะติดต่อกันได้หากต้องการติดต่อ)
มาถึงวันนี้ถ้าในเมื่อสิ่งที่ผมต้องการ 2 ข้อข้างบนมันคงไม่มีทางได้มาหรือได้มาไม่ครบ
ผมก็เลยต้องการให้คู่กรณีที่สร้างความเดือดร้อนให้ผมต้องเดือดร้อนบ้างให้สมน้ำสมเนื้อ
ในทางกฎหมายผมสามารถทำอะไรได้บ้างมั้ย สามารถฟ้องคดีอาญาต่อได้มั้ย
ผมเสียทรัพย์และมีผู้บาดเจ็บ ให้เขามาขึ้นศาลมาลำบากบ้างสิ
ในระหว่างขึ้นศาลผมก็ยอมจะลำบากเพิ่มขึ้น จะไปศาลด้วยทุกนัดเลย
ถ้าทางกฎหมายทำได้
1. รบกวนอธิบายหนทางคร่าวๆให้หน่อยครับ
2. ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจะสูงมากมั้ยครับ
ขอบพระคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าครับ
ขอบคุณสำหรับผู้ที่ให้แสงสว่างกับผมในวันที่มืดมนนี้