[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กฯ อเมริกากลาง เมกาใต้ อัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอน 45 โบลิเวีย ประเทศที่ไม่มีทะเล

ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 45 โบลิเวีย ประเทศที่ไม่มีทะเล
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)

https://www.youtube.com/watch?v=qM542ifN4DE&index=36&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk
https://www.youtube.com/watch?v=lgbClLbQ-xQ&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=37
https://www.youtube.com/watch?v=kxwNK3sAGHs&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=38
https://www.youtube.com/watch?v=-3XuJCKSBaE&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=39

ศุกร์ 29 ก.ค. อาหารเช้าที่โรงแรม Mabey เวลา 05.00-09.30 น. เป็นบุฟเฟ่ต์ มีขนมปังเป็นหลัก ส่วนข้าวเป็นข้าวต้มโถเล็กๆ ไข่คน ไข่ต้ม เบคอน ซีเรียลต่างๆ นม เนย ชา กาแฟ น้ำผลไม้คั้น แอ๊ปเปิ้ล เสาวรส องุ่น กล้วยไข่ สลัดผัก และ ผลไม้ ....แขกที่ออกเช้าพกพาได้ แล้วแต่สะดวก😊😊😊😊
เรารีบกิน รีบใช้เน็ต คุณภาพไมาได่ 4 ดาว เหมือนโรงแรม แต่ก็นับว่า ดีที่สุดในเปรู สำหรับเรา...ป้าพยายามโหลดรูป แต่ไม่สำเร็จ ออกจากที่พักหลัง 07.00 น. เดินตามหาท่ารถ วนไปวนมาอยู่รอบๆ หาทางเข้าไม่เจอ... ถึงท่ารถ 07.35 น. ช้าไป 5 นาที สำหรับเวลาเริ่มต้นเช็คอิน แต่ต้องรอจนถึง 07.50 น. จึงตั้งแถว เช็คตั๋วและสัมุภาระ เดินขึ้นรถ...แน่นอนต้องดูป๊าดสะป๊อดเต้ ทุกครั้ง....เอเมอร์สัน ยืนรอจับแขกอยู่มุมห้อง ป้ายกมือทักทาย เขาเดินมาหา บืนคุยกันในแถว จนใกล้ถึงตาของลุงกับป้า จึงบอกลาโดยการแนบแก้ม แล้วทำเสียงจุ๊บ จับมือ😉😉😉😉
บนรถวันนี้ไม่ได้วีไอพีเหมือนวันก่อนๆ คนข้างหน้าที่ปรับเบาะเอนนอนเต็มที่ คนหนึ่งเป็นพ่อรูปร่างพอดีๆ ลูกสาวตัวเล็ก น้ำหนักไม่มาก ไม่อึดอัดเหมือนวันที่เดินทางจากซานโฮเซ่ เข้าปานามา วันนั้นอึดอัดมาก เพราะสาวแม่กับสาวลูกแบกน้ำหนักเกินพิกัด และนอนตั้งแต่รถยังไม่ออก จะปรับเบาะขึ้นเฉพาะจอนเข้าห้องน้ำ กับพักรถเท่านั้น😣😣😣😣

รถคันนี้มใช้ทีวีรวม 4 จอ ในขณะที่ครูสเดลฅูร์ ส่วนใหญ่มีทีวีส่วนบุคคล เหมือนบนเครื่องบิน....
นอกจากกูสโกจะมีสถานีขนส่งรวม และท่ารถของหลายบริษัทแล้ว ยังมีสถานีรถไฟ และสนามบินด้วย....
เที่ยวเปรู 3 เมือง ทุกเมืองมีความปลอดภัยสูง เจ้าของกิจการไม่ต้องถูกขังไว้ข้างในลูกกรง ไม่มีรปภ. ตำรวจ หรือ ทหาร ยืนถือปืนทั้งสั้น และยาว ปรากฏให้เห็น...นอกจากตำรวจเป่านกหวีด ไม่เหมือนประเทศในอเมริกากลาง....เมื่อคืน มีตำรวจตั้งด่าน ตรวจเช็คตวามเรียบร้อย ทั้งคนขับรถ และตำรวจ คุยกันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ไม่มีการข่มขู่ หรือ เรียกรับส่วย เหมือนบางประเทศ🙄🙄🙄🙄
สุนัขจรจัด ขนยาวตัวอ้วนพี นอนอยู่บนทางเท้าตามมุมถนน พวกนี้ขับถ่ายเรี่ยราด และคุ้ยขยะตอยกลางคืน ทำให้บ้านเมืองเลอะเทอะ😐😐😐😐

ธารน้ำแข็งเมื่อมาถึงกูสโก ไม่มีน้ำใส เพราะถนน หนทาง และทุกๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่น...ร้านอาหารในกูสโก ยังคงใช้ฟืนในการหุง ต้ม และทอด อาหาร มีฟืนกองขายอยู่ทั่วไป....เช้า เย็น และกลางคืน ในกูสโกอากาศเย็นมาก และเบาบางทำให้คนต่างถิ่นอย่างเราถหายใจไม่ค่อยจะเต็มปอด ต้องหายใจผ่านผ้ากรองด้วย เพราะในอากาศเต็มๆปด้วยฝุ่น...สัตว์เลี้ยงเมืองนี้ขนยาว และปุย ข้างบนมาชู ปิ๊ชู มีลามะอบู่หลายตัว เล็มหญ้าสั้นๆ ถ่ายออกมาเป็นเม็ดเล็กๆ สีดำเท่าเม็ดมะขาม😊😊😊😊

วันนี้เราเดินทางตะวันตกเฉียงใต้ คาดว่า คงจะชุ่มชื้นกว่าที่ผ่านๆ มา....ป้านั่งติดหน้าต่าง ลุงนั่งติดทางเดิน ป้าที่อาวุโสกว่าป้าอ้อย นั่งเยื้องไปด้านหน้าของลุง ตื่นขึ้นมานั่งเล่นเกมหน้าจอมือถือ...ในขณะที่ลุงหลับก้มหน้า...เพราะถ้าเงยหน้า จะส่งเสียงดังจนตัวเองตกใจตื่น😂😂😂😂😂

เมื่อคืนกว่าใช้เน็ตที่ล็อบบี้จะหาข้อมูลท่ารถ ที่พัก กับเมืองชายแดนเปรู-โบลิเวีย กับ ชายแดนเปรู-ชิลี พอรู้เรื่อง คร่าวๆ แล้วขึ้นห้อง ซักผ้า เอาฝุ่นออก ก็เกือบตี 2 วันนี้ ตากผ้าบนรถ ใจเย็นๆ ค่อยๆ เลื่อน และกลับ ไป กลับมา ชิ้นที่แห้งเร็วที่สุด คือ เสื้อซับใน กับผ้าพันคอ โชคดี นั่งด้านที่มีแดด....แต่ป้าแพ้ฝุ่นฟึดฟัด เพราะผ้าม่านข้างหน้าต่างที่ไม่รู้จะเอาหลบไปไว้ไหน😣😣😣😣

พอรถออกจากตัวเมืองได้ราวหนึ่งชั่วโมง ก็เป็นชุมชนเกษตรกรรมมาตลอด แต่เป็นไร่ข้าวโพดที่ร้างแล้ว มีแต่กองต้นและใบข้าวโพดแห้ง ที่วัว ม้า ลา แกะ และหมู กำลังค่อยๆ เคี้ยวกันอยู่🙄🙄🙄🙄

บางบ้านกำลังก่อกำแพงจากก้อนฃดินรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่พวกเขาปั้นกันเอง จากดินในไร่ข้าวโพด....ที่กล้าเขียน เพราะบางบ้าน กำลังเอาน้ำผสมดิน ก่อนขึ้นรูป และปั้นโดยไม่ต้องใช้บล็อค😊😊😊😊ต้นไม้ทนแล้ง และทนหนาวที่พอมีให้เห็น คือ ต้นยูคาลิปตัส กับ ต้นสน....พอลงไปเห็นหมู่บ้านที่ทำจากดิน ชั้นเดียว หลังคามุงกระเบื้อง ลอนกลมๆ สั้นๆ มากกว่า ร้อยหลัง ท่ามกลางความแห้งแล้ง ในหมู่บ้านไม่มีต้นไม้ และไม่มีรั้ว🙄🙄🙄😋
เวลา 10.30 น. เริ่มเข้าสู่วัฒนธรรมการใช้สังกะสี...บ้านดิน ชั้นเดียว มุงด้วยสังกะสีใหม่ ทั้งหมู่บ้าน แล้วก็มีชุมชนต่อมาเป็นแบบ ผสมผสาน...มีการใช้ กระเบื้องใส ไม้ไผ่ ไม้จริง...เป็นชุมชนใหญ่ มีรถประจำทางด้วย😊😊😊😶

เพิ่งเห็นว่า มีธารน้ำแข็งไหลผ่านกลางชุมชน สัตว์ แต่ละชนิด ไม่ได้อยู่เป็นฝูง ไม่เห็นมีคอก แกะส่วนใหญ่ ยืนอยู่เดี่ยวๆ ไม่รู้กินอะไร เหมือนหาอะไรที่อยู่ในดิน เพราะไม่เห็นมีหญ้า แต่เอาปากมุดลงไปในดิน🙄🙄🙄🙄
ลืมพูดถึงทรงผมที่อยู่ใต้หมวก ของผู้หญิง ตั้งแต่เด็ก จน สูงวัย เป็นผมเปีย ทั้งเปียเดียว และ 2 เปีย พวกเธอมีผมที่ดก ดำ😊😊😊😊
ตั้งแต่เวลา 10.45 น. เป็นต้นมา ถนนรถยนต์ คู่ขนานไปกับรางรถไฟ บางทีก็คั่นด้วย แถวของบ้านเรือน เริามเห็นฟางข้าว ข้าวสาลีที่รอการเก็บเกี่ยว...แปลงกระเทียม และผักต้นสั้นๆ บางๆ เห็นแล้วสงสารคนปลูก😐😐😐😐

11.05 น. ทั้ง ด้านหน้า และด้านข้างทั้ง 2 ข้าง เป็นภูเขาหัวโล้น ที่มีหญ้าแห้งต้นกุดๆ เหมือนคลุมด้วยเฟอร์สีน้ำตาล ทั้งอ่อนและเข้ม ชุมชนที่อยู่ตรงกลาง มุงหลังคาด้วยสังกะสี มีบ้าน 2 ชั้นด้วย แน่นอน เกือบทุกหลัง เป็นบ้านดิน....
เวลา 11.10 น. ถนนรถยนต์อยู่บนไหล่เขาชั้นุบนสุด รางรถไฟอยู่ชั้นล่างลงไป...ล่างที่สุดเป็นธารน้ำแข็ง
....อ้าว! นั่น... มีตลาดนัด กลางทุ่งโล่ง มีเครื่องเล่นด้วย😊😊😊😊

ยังไม่มีทีท่าว่า ภูเขาสีน้ำตาลจะสิ้นสุดเมื่อไร....นั่นไง! ที่มาของหญ้าสั้นๆ ที่ปกคลุมภูเขาเพราะมันมีทรายแทรกอยู่บนหิน และที่สูงขึ้นไปเป็นภูเขาหิมะ ที่ละลายเกือบหมดแล้ว จึงทำให้เห็นหินสีดำอยู่ใต้หิมะ...นั่น ฝูงแกะ หลายร้อยตัว มีขนสีกลืนกับสีน้ำตาลอ่อนของหญ้า....มีตลาดสินค้าที่ระลึกริมทาง ถัดไปเป็นแอ่งน้ำ จากการเป็นที่ที่เคยมีหิมะกองทับถมกัน ต่อด้วยซากบ้านร้าง ที่เห็นแต่กำแพงดิน ถัดไปเป็นหมู่บ้านที่ ใช้หญ้ามุงหลังคา สลับกับ หลังคาสังกะสีใหม่ๆ...บางที่ยังมีหิมะกองอยู่เล็กน้อย เหมือนเพิ่งผ่านฤดูหนาวมาได้ไม่นาน หรือ ไม่ ก็ เป็นเพราะ หิมะ ตกๆ หยุดๆ
เวลา 12.30 น. เป็นต้นไป ธารน้ำแข็งกว้าง ใหญ่ เป็นแม่น้ำได้เลย ช่วงนี้มีน้ำตื้น แค่ตรงกลางร่องน้ำ แต่เห็นบางที่มีสะพานให้คนข้าม แสดงว่า ตอนที่น้ำมากคงลึกเหมือนกัน....บางแห่งมีนกอยู่ตามหาดหิน แสดงให้เห็นว่า ในน้ำมีสัตว์น้ำ อย่างน้อยๆ ก็หอย
บนที่ราบเชิงเขาที่เวิ้งว้าง นอกจากหญ้าแล้ว ไม่มีต้นไม้ใดๆ วัว กับ แกะกินหญ้าแห้งสีน้ำตาลอ่อน เท่านั้น ซึ่งถ้ากอไหนสูงก็จะถูกเกี่ยวเอาไปทำหลังคาบ้าน😊😊😊😊

มีต้นไม้เตี้ยๆ อยู่ไกลลิบๆ ให้เห็นบ้าง พวกเขาใช้ฟืนในการประกอบอาหาร คงต้องไปหาจากป่าที่อยู่ไกลมาก😎😎😎😎😎
รางรถไฟน่าจะขนานกับทางรถยนต์ ไปจนถึงพูโน่ แต่เพราะรถไฟราคาแพง คนจึงไม่ค่อยนิยม ดังนั้น หลักๆ น่าจะใช้ในการขนส่งสินค้า เพราะขนได้จำนวนมาก...ถ้าเมืองไทย ใช้การขนส่งสินค้าทางราง เป็นส่วนใหญ่จะดีไม่น้อย ราคาสินค้า คงลดลงได้มาก นอกจากจะลดการใช้พลังงานแล้ว บนถนนก็ยังลดจำนวนรถบรรทุกหนักได้อีก ทำให้ยืดอายุการใช้งานถนนได้อีกนาน....สิ่งเหล่านี้เปฌนเรื่องที่คนไม่มีวิสัยทัศน์มองไม่เห็น หรือมองเห็นก็คงกลัวว่า ถ้าอายุการใช้งานของโครงสร้างพื้นฐานคงทน ตลอดชั่วอายุของพวกเขาคงไม่มีโอกาสได้รับเงินทอน🙄🙄🙄🙄😣😣😣😣😣

ตั้งแต่ผ่านลิม่ามา ยังไม่เคยเห็นปล่องควันจากโรงงานเลย...ชาวพื้นเมืองเลี้ยงแกะ ลามะ และจามรี ปั่นเส้นใย ถัก ทอ เสื้อ ผ้า เครื่องนุ่งห่ม ในครัวเรือน....อ้าว!!!!นั่นมหกรรมอะไร ทำไม คนเต็มแม่น้ำ ....อ้อ! มันเป็นช่วงน้ำเยอะ มีร่องน้ำ และสันหิน หลายร่อง ตรงนั้นเป็นสะพานด้วย เขาจึงมาชุมนุมซักผ้า ในเวลาที่มีแดด อากาศอุ่น น้ำก็ไม่เย็นมาก😄😄😄😄 ดูเวลา 13,35 น. มีชื่อ Torneria หลายที่ สงสัยจะเป็นชื่อเมือง....มองลงไปข้างล่าง รถเยอะ และ ฝุ่นคลุ้ง จนดูหมองมัวไปหมด

มันเป็นเมืองใหญ่ มีสถานีขนส่ง Terminal Terrestre de Juliaca ด้วย มัน คือ เมือง Juliaca พอรถออกจากท่า จึงเห็นป้าย Ciudad Juliaca ว่าจะถามคนรู้ ก็ไม่ได้ถามสักที จนรู้เอง คำว่า Ciudad แปลว่า เมือง 😊😊😊😊
น้อง Karina จาก Pedro Sula ยินดีตอบ เวลาถามศัพท์ แต่พอเข้าที่พัก เน็ตอ่อน ก็ไม่ได้ถาม😐😐😐😐

ออกจากเมืองจูเลียก้า ก็เจอโรงงานเล็กๆ 2 โรงงาน และเห็นปล่องควันจากที่ไกลๆ อีกหลายแห่ง แต่มันก็เวิ้งว้าง จนรอบๆ โรงงานไม่ใช่ย่านแออัด....เมืองนี้ อาคารบ้านเรือนปล่อยโครงเหล็กมัดเชือกไว้ปล่อยเสาร์ อย่างน้อยก็ 80% ของสิ่งก่อสร้าง เหมือนกับว่า จะสร้างต่อเร็วๆ นี้ แต่ไม่น่าจะใช่ เพราะประมาณ 80% ของสิ่งก่อสร้างในเมืองส่วนใหญ่ ในเปรู เป็นแบบนี้...ปล่อยเหล็กเส้นชี้โด่ ไม่ฉาบปูน และไม่ทาสี เน้นที่ประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก😊😊😊😊
อ้าว! เมืองอุตสาหกรรม เงินเยอะ เริ่มมีถนน 4 เลน แล้ว....ที่จริง เส้นทางท่องเที่ยวหลักที่ทำเงินมหาศาลอย่าง กูสโก-อากวัส คาเลียนเตส ก็ควรจะลบภาพความน่าหวาดเสียว และถนนหินปนฝุ่น ออกได้แล้ว😏🙄🙄🙄

ถนนสี่เลนเพิ่งลาดยางได้ไม่เกิน 3 กม. อีกประมาณ 1 กม. เป็นดินอัด ต่อด้วยตอม่อสะพานที่กำลังตั้งเสา และกองดิน อีกประมาณ 1 กม.
เวลา 14.50 น. ถึงสถานีขนส่ง Terminal Terrestre de Puno เมืองพูโน อยู่ในหุบเขา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เพราะมีทะเลสาบติติกากา และหมู่บ้านอูร้อส มีเรือทำด้วยต้นกก เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว😊😊😊😊แค่เข้าเขตเมือง ก็เห็นทะเลสาบ และทิวทัศน์ของเมืองแล้ว เพราะรถวิ่งอยู่บนเขา เมืองอยู่ในหุบเขา

เราต้องไปขึ้นรถที่ Terminal Zonal เพื่อไป Desaguadero เมืองชายแดน ระหว่างเปรู กับ โบลิเวีย...เรานั่งรถซาเล้ง ที่เรียกว่า ตั๊กซี่ ค่ารถ 5 โซลิส ของลุงแก่ แต่ยังมีไฟ ใช้เวลา 10 นาที มีรถตู้จอดรอเรียกผู้โดยสาร ได้ยินเขาพูดว่า กั่วเด๊โหร่ๆ ....ยังไม่รู้ว่า ค่ารถจะเท่าไร ดูจากเน็ตว่าใช้เวลา 2.15 ชม.
ถนนไปเดซากัวเดโร ด้านหนึ่งเห็นทะเลสาบ อีกด้านหนึ่งเป็นภูเขาหิน ที่มีลักษณะเป็นขยักๆ สวยงาม....
พอจะเห็นต้นไม้ทนแล้ง และทนหนาวอยู่บ้าง มีวัว กับแกะ เล็มหญ้า อยู่ทั่วไป มีร่องรอยของฟางข้าวหลงเหลืออยู่บ้าง ดูเหมือนว่า ตามไหล่เขาที่ขึ้นไปไม่สูงจะมีการทำนาแบบขั้นบันไดด้วย...ดินในเขตที่ปลูกพืชได้มีสีดำ หรือ ออกแดง เป็นดินร่วนซุย
(ยังมีต่อ)
ชื่อสินค้า:   โบลิเวีย ประเทศที่ไม่มีทะเล
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่