[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กฯ อเมริกากลาง เมกาใต้ อัฟริกา 26ประเทศ74วัน ตอน43 เส้นทางธารน้ำแข็งเสียวสุดในโลก

ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 43 เส้นทางธารน้ำแข็ง เส้นทาง 1 ใน 10 หวาดเสียวที่สุดในโลก และ เดินป่า 11 กม. เปรู
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)

https://www.youtube.com/watch?v=mer5vP95zY8&index=25&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk
https://www.youtube.com/watch?v=GvYdKGbmZFo&index=26&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk
https://www.youtube.com/watch?v=vlj4ubK4gr8&index=27&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk
https://www.youtube.com/watch?v=l1_CYbU_cnM&index=28&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk
https://www.youtube.com/watch?v=B3zMdNgDLVA&index=29&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk

วันพุธที่ 27 ก.ค. เวลา 06.10 น. ป้าลงมาถาม พนง. ที่เคาน์เตอร์ ว่า อาหารเช้าจัดที่ไหน เธอบอกว่า 7 โมง เธอพยายามจะสื่อสารแบบกระท่อนกระแท่น ป้า เข้าใจเอาว่า เป็นของที่สั่งมาจากข้างนอก 🙄🙄🙄🙄 ป้าจึงถามเธอว่า ขอใช้ครัวต้มไข่ได้ไหม เธอไม่เข้าใจ ป้าจึงเปิดถุงไข่ให้ดู😊😊😊😊
เธอให้ตามขึ้นไปชั้น 3 แล้วป้าก๋ได้ต้มไข่ที่เหลือมาจากกิโต้ มี่ไม่ได้ทำเพราะแก๊สหมด....จบเรื่องไข่😊😊😊

เวลา 07.30 น. เธอคนเดิม เป็นพนง.1 ใน 3 ที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ ที่พูดภาษาอังกฤษได้ มาถามว่า จะรับชา หรือ กาแฟ แบบไหน ใส่นม หนือ ไม่ใส่....ป้าบอกว่า เราไม่ดื่มทั้งชา และ กาแฟ ขอเป็นขนมปัง หรือ ของขบเคี้ยวได้ไหม เพราะ คงดื่มอะไรไม่ทัน แล้ว ....เธอบอกว่า ไม่มีอะไรเลย😣😣😣😣
เวลา 07.57 น. มีชายคนหนึ่ง กดออด เข้าประตู มาถามที่เคาน์เตอร์ เขา คือ คนขับรถที่มารับเรานั่นเอง ....เป็นรถแวนเล็ก 3 ประตู มีคนนั่งมา 1 ครอบครัว พ่อ แม่ กับลูกเล็ก และลูกอ่อน ชาวอินคา...

ป้าเห็นที่ว่างข้างคนขับว่าง จึงขอให้ลุงได้นั่ง บอกเขาว่า ลุงเมารถ...เขาบอกว่า ได้ นั่งไปแค่ 10 นาที เดี๋ยวก็เปลียน เป็นรถบัสแล้ว ...
รถพาวนรอบเมือง ทำให้ได้เห็นเมืองใหม่เกือบทั้งหมด เป็นเมืองที่มีอาคาร บ้านเรือน และอาคารพาณิชย์ ที่สมบูรณ์แบบ เกือบ 100% ต่างกับเมืองอื่น ที่ดูเหมือนสร้างไม่เสร็จ เพราะหลังคาเป็นพื้นราบ และปล่อยเหล็กเส้นชี้โด่ เหมือนรอการสร้างต่อ ข้างฝาก่ออิฐไม่ฉาบปูน ไม่ทาสี....แต่เมืองนี้ ข้างล่าง กลางเมืองดูเรียบร้อย สวยงาม มีแต่บ้านเรือนที่อยู่บนเขา ซึ่งมีถนน วนตามไหล่เขาให้สัญจรเท่านั้น ที่มีทั้งบ้านที่เสร็จสมบูรณ์ และล้านที่เหมือนรอการสร้างต่อ😊😶😶😊

รถพาเข้าเขตเมืองเก่า และขึ้นเขาไป้ขตเมืองเก่า ที่เราขึ้นไปเมื่อวานนี้ ทางรถส่วนใหญ่เป็นถนนลาดยาง แต่ถนนคนเดินส่วนใหญ่ อัดด้วยหืนก้อนใหญ่ ให่เดินได้มั้งบนหินกลางถนน และขอบถนนที่ราบเรียบ....ถ้ารถไม่กลัวยางสึก จะวิ่งบนถยนหิน ก็ไม่ได้ผิดกฎแต่อย่างใด😊😊😊😊
รถจอดถนนสายล่าง คนขับรถพาเราเดินขึ้นไปตามถนนหิน ที่มีรถตู้ขนาดใหญ่ ที่เขาเรียกว่ารถบัส จอดอยู่ เขาเปิดประตูหน้ให้เราขึ้น😉😉😉😉

มีไกด์เดินมาขอพาสปอร์ต 1 เล่ม ไม่เอาตั๋ว เขาแค่เอาเล่มไปเช็คว่า เป็นเล่มเดียวกับที่เอเมอร์สันถ่ายไว้เมื่อวาน หรือ ไม่ ... 08.10 น. คนขับรถเอาใบมาให้กรอกชื่อ และรายละเอียดตามตาราง ดูแล้ว มีคยอายุ สูงที่สุด คือ 46 ปี นอกนั้น ไม่เกิน 30 ....ลุง กับ ป้า ครองแชมป์ อีกแล้ว😃😃😃😃😃

เวลา 08.15 น. รถออกไปแวะเติมน้ำมัน กว่าจะออกได้จริงๆ เวลา 08.30 น. รถวิ่งไปบนถนน 2 เลน ที่บางครั้งตอนรถสวนกัน คันหนึ่งต้องจอด....ถนนเรียบ ไปเรื่อยๆ ผ่านชุมชนที่เป็นลักษณะเฉพาะของชาวอินคา บ้านอิฐ บ้านดิน มีหย้าต่างประตู เป็นไม้ คำถาม คือ บ้านเขาไม่มีปลวก หรืออย่างไร🙄🙄🙄🙄
จนกระทั่งถึงชุมชน Clachinmayo เห็นมีการเชียร์นักการเมืองหลายคน นอกจาก Keiko ลูกสาวของประธานาธิบดี ชาวญี่ปุ่นที่ปฏินูปเศรษฐกิจ ปราบโกง และ มิจฉาชีพ เด็ดขาด จนนำพาเปรู เข้าสู่ความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของอเมริกาใต้ แต่พวกชาตินิยมไม่ต้องการ เมื่อมีคนใหม่ขึ้นมาแทน ทำให้มีการโกงกิน และ พวกมิจฉาชีพ เริ่มรวบรวมกำลังขึ้นมาใหม่ ทำให้ชนชั้นรากหญ้าเบื่อหน่าย ตั้งแต่ชายแดนติดต่อกับเอกวาดอร์ จนเข้าเขตลิม่า จึงมีแต่ชื่อของ Keiko Presidente 2016 อยู่ตามกำแพงรั้ว ร้านค้า และบ้านเรือนอย่างต่อเนื่อง....แต่เมื่อเข้ามาในเขตเมือง มีชื่อคนอื่น เข้ามาสลับ เหมือนที่ไหนน้า ที่คนรากหญ้านิยมพรรคการเมืองหนึ่ง แต่คนอีก 2 ชนชั้นนิยมอีกพรรคการเมืองหนึ่ง🙄🙄🙄🙄🙄

จาก Clachimayo ถึง Chinchero มีการทำนาบนที่ราบสูง และบนเขา มีหมู แกะ วัว ม้า ลา จามรี และ ลามะ ยืนเล็มหญ้าแห้ง และฟางข้าวแห้ง ให้เห็นอยู่ตามเชิงเขา
พอเห็นลำธารหินสายเล็กๆ ที่มีน้ำสีดำได้ไม่นาน ความสงสัยว่า น้ำมาจากไหน ก็หมดไป เมื่อ มีแนวภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะหนาเตอะ ลิบๆ อยู่าข้างหน้า😊😊😊😊
แล้วก็เข้าเขตเมืองใหญ่ที่มีรถเมล์หลายสาย มีป้ายปลายทางอบู่ที่ Urum Umba มีสะพานข้ามลำธารหินสายใหญ่ มีน้ำสีดำ มาจากภูเขาหิมะ ที่มองเห็นอยู่ด้านหลัง ภูเขาหิน และเขาหัวโล้น ที่มีหญ้าแห้งๆ ปกคลุม อยู่โดยทั่วไป...พอรถออกจากเขตเมือง รถก็แวะจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ความหวังของลุงมีอันจบสิ้น เมื่อคนขับบอกว่า ให้ลงเข้าห้องน้ำ และช้อปปิ้ง 20 นาที 😅😅😅😅
ดีที่เราไม่ไว้ใจ มีขนมปัง ไข่ต้ม กับส้มติดมา....รถตู้จอดเต็มลาน มีรถเปิดท้ายขายของขบเคี้ยวกับเครื่องดื่มกระป๋องด้วย....ที่ร้านอาหาร มีของที่ระลึกขายด้วย😉😉😉😉

เขาพยายามเอาชนะธรนมชาติ เอาหญ้ามาแปะตามพื้นหิน และรดน้ำ แต่มันก็ไม่ฟื้น😣😣😣😣
แต่หน้าห้องน้ำ ที่เขาขุดหินออก เอาดินใส่ลงไปในหลุม ต้นแอ๊ปเปิ้ลขนาดจิ๋วกำลังออกดอก ส่วนอีกต้นหนึ่งสูงแค่ท่วมหัว ออกลูกดกพอให้คนปลูกได้ชื่นใจ😊😊😶😶

ตอนที่ออกจากร้านอาหาร พวกทัวร์เลือกใช้เส้นทางที่ขรุขระด้วยหิน เพื่อพานักท่องเที่ยวเลียบลำธารหิน ที่มีการล่องแก่ง และมีคนเดินทางไกลตามไหล่เขาหิน เลียบลำธารน้ำขุ่นอีกด้านหนึ่ง .... ถนนส่ยเลียบลำธารมีการรดน้ำดับฝุ่นด้วย😊😊😊😊
เส้นทางเดินทางไกล เป็นภูเขาหินมีพืชที่ทนต่อความแห้งแล้ง ได้แก่ กระบองเพชร ศรพระราม และหญ้า....บางที่ก็มีน้ำที่หิมะละลายไหลลงมาเป็นเส้นเล็กๆ ขุ่นๆ ....

รถออกจากถนนหิน เข้าสู่ถนนสายหลัก ที่มี 2 เลน วนไป วนมาเพื่อไต่ขึ้นที่สูงตามไหล่เขา ฝูงสัตว์เลี้ยงผ่านเข้ามาในสายตาบ้างประปราย....Albra Malaga เป็นจุดสูงสุด ก่อนที่รถจะเริ่มลงจากเทือกเขาอีกด้านหนึ่ง ก็เห็นหิมะชัดเจน เพราะมันอยู่บนเขาอีกด้านหนึ่งของหุบเขานั่นเอง และเรากำลังวนลงไปหามัน😥😥😥😥😥

ฝุ่นคลุ้งเข้ามาในรถ เพราะรถไม่ได้ปิดกระจก รับลมเย็นธรรมชาติ ถนนสึกกร่อน และกำลังอยู่ใยระหว่างการซ่อมแซม....มีบางทัวร์เอาจักรยานขึ้นหลังคา มาแจกลูกทัวร์ด้วย😊😊😊😊

ตามชุมชนมีสุนัขขนปุย ซึ่งเป็นธรรมชาติของสัตว์ในเขตหนาว ต้องมีขนยาวช่วยปกป้องความหนาว...นึกถึงคนในเมืองร้อนเอาสัตว์เมืองหนาวไปเลี้ยง แล้วไม่ทำห้องแอร์ให้อยู่ หรือมีห้องแอร์ แต่ไม่เปิดแอร์ เป็นการทารุณสัตว์ในรูปแบบหนึ่ง🙄🙄🙄🙄
เวลา 11.30 น. ปรากฏป่าไม้คายลำเรียวเล็ก และต้นไม้ที่แม้แต่ทำฟืน ก็ให้ความร้อนน้อยและไม่ทนทาน แต่ก็สร้างความชุ่มชื่นแก่สายตาได้อย่างมหาศาล😊😊😊😊

ภูเขาที่มีความชุ่มชื้น เป็นอีกด้านหนึ่งของเทือกเขา ที่ไม่ใช่เงาฝน มีน้ำไหลข้ามถนนเป็นระยะ บางจุดที่น้ำข้ามถนนปริมาณมาก ควรจะทำท่อให้น้ำลอดก็ยังไม่ได้ทำ แต่มีบางที่ก็ทำให้ความมันสอบเข้า แล้วเอาท่อยืดรับน้ำ แล้วดัดให้เลี้ยวลงข้างถนน....มีน้ำตกลงตามร่องเขา อยู่ทั่งไป เป็นเส้นทางที่รื่นรมณ์ ที่สุดเท่าผ่านมา แม้ว่าส่วนใหญ่อีกด้านหนึ่งจะยังคงเต็มไปด้วยหิน ก็ตาม😊😊😊😊

ป้าได้ยินเสียงคุ้นๆ หันไปมองข้างหลัง...อ้าว!...นั่นไง...หนูน้อยวัยประมาณ 10 ขวบ ตั้งหน้าตั้งตาอาเจียนใส่ถุง😣😣😣😣
เราช่วยได้แค่ ให้ยาดม และยาแก้เมารถ ซึ่งต้องรอให้เอาของเสียออกมาให้หมดไส้หมดพุงเสียก่อน สื่อสารก็ไม่รู้เรื่อง หน้าต่างก็เปิดได้แค่ด้านหน้า...อยากบอกว่า ให้หนูน้อยมานั่งกับลุง สลับที่กับป้า แต่พูดไม่เป็น😥😥😥😥😥

ได้ยินเสียงข้างหลังอีกรายแล้ว....นั่น...ข้างทาง มีรถจอด 2 คัน มีคนตั้งหน้าตั้งตาอ้วกอยู่ 2 คน....ถนนที่โค้งไปโค้งมา นั่งรถที่ไม่โปร่ง เป็นอันเข้าใจได้ คนไม่เคยเมารถ ไม่มีวันที่จะเข้าใจ🙄🙄🙄🙄🙄

รถจอดให้กินอาหารกลางวันก่อนถึง Santa Teresa ร้านอาหารอยู่ข้างล่างของถนน ที่ร้านมีรายชื่อของแขกอยู่แล้ว พอแจ้งชื่อแค่คนเดียวก็ได้รับแจกกระดาษ 2 ใบ แล้วก็เข้าแถว หยิบจาน ตักข้าวเอง เป็นอาหารบุฟเฟ่ต์ ที่เขาตักแกงกะหรี่เนิ้อให้คนละชิ้น นอกนั้นเป็นผักต้ม และผักสด ตักเอง ข้างถาดข้าวมีข้าวสาลีสดต้มด้วย ผักมีหลายอย่าง ผักกาดขาวหั่นฝอย มะเขือเทศฝาน ผักต้ม ได้แก่ มันเทศ หัวบีท ถั่วแขกแครอท บร็อคโคลี่ มีเกลือป่น กับมะนาวเป็นชิ้นให้ มีเส้นพาสต้าต้ม กับซอส 2 อย่าง ซอสมะเขือเทศ กับ อีกอย่างเป็นกะทิ มีข้าวเปียกน้ำตาล กับผงมัสตาร์ด เป็นของหวาน ส่วนน้ำ มีกระติกน้ำร้อนกับใบสมุนไพร ให้หยิบเอง ตั้งถ้วยน้ำตาลไว้ให้ด้วย....อาหารอร่อย น้ำชาก็ไม่ใช่ใบชา ทำให้กล้าลอง😉😉😉😉 ได้เวลานัด ทุกคนไปรอที่รถ ขาดแต่คนขับรถ🙄🙄🙄🙄

รถออกไปได้ไม่นานก็ถึงเมือง Santa Teresa....มีบางคนลงรถไป....ต้องมีการกรอกรายชื่อกันใหม่ หลังจากซานต้า เทเรซ่า ก็ถึงเวลา ที่เข้าสู่ 1 ใน 10 เส้นทางสายที่น่าหวาดเสียวที่สุดในโลก ด้านหนึ่งเป็นภูเขาหิน พื้นถนนเป็นหิน และฝุ่น อีกด้านหนึ่ง คือ ธารน้ำแข็งกลางหุบเหวหิน ตกลงไปก็ไม่เหลือ เวลารถสวนกัน ต้องจอดคัน ไปคัน น่าหวาดเสียวมาก คนขับปิดกระจก น้องตัวน้อยที่ป้าสลับให้ไปนั่งหน้าแทน ร้องขอถุง😣😣😣😣😣
คนขับไม่ยอมเปิดหน้าต่าง และจอดรถให้ลง....ป้าจึงได้รู้จักกับครอบครัวนี้อีก 1 ครอบครัว คุณ JJnett ออกเสียงว่า ญ่าเน่ต์ กับน้อง Morina อายุ 11 ปี...ทายผิดค่ะ คิดว่ายังไม่ถึง 10 ขวบ😉😉😉😉

เวลา 14.20 น. รถจอดที่ทางเข้าอุทยานฯ คนขับเอาใบรายชื่อส่งให้จนท. แล้วขับรถเข้าไปด้านในรั้วลวดหนาม มีรถตู้จอดอยู่เต็มไปหมด พอเขาจอดรถ ก็มีไกด์ขึ้นรถมา พูดภาษาสเปนที่ป้าฟังออกอย่างเดียว คือ 1 แต่พอเขาพูดภาษาอังกฤษ เขาแค่บอกว่า เดินป่า 11 กม. แล้วไปเจอกันในเมือง ครอบครัวน้องโมริน่า บอกลาเรา เราคิดว่า เราจะเจอกัน ตอนที่กินข้าวเย็นที่โรงแรมด้วยกัน จึงไม่ได้อาลัยอาวรณ์ เหมือนพวกเขาอาลัยอาวรณ์ เรา🙄🙄🙄🙄
แล้วไกด์ก็เช็คชื่อ คนอื่นๆ ที่มาใหม่ เราถามใครก็ไม่มีใครตอบเราได้ เพราะภาษาเป็นอุปสรรค...จนกระทั่ง หนุ่มที่นั่งกินอาหารกลางวันกับเราเดินมา เราจึงถามเขา เขาบอกว่า ทุกคนต้องเดิน...เราก็ตามๆ เขาไป ทั้งขึ้นเขาสูงชัน ทั้งเลียบทางรถไฟ ผ่านป่าดงดิบ กับธารน้ำแข็ง
ตอนแรกเราก็ตื่นเต้นกับน้ำตก ลัดเลาะแก่งหิน แต่พอเดินต่อไปก็ห่ยตื่นเต้น เพราะมันมีไปตลอดทาง😉😉😉😉

ระยะทาง 11 กม. บนรางรถไฟ บนถนนหิน เดินยากลำบาก ผ่านไป 1 ชม. เจอสาว 2 คน เดินสวนมา ถามว่า พวกเธอเดินมานานเท่าไร แล้ว คำตอบ คือ 1 ชม. เล็กน้อย 😣😣😣😣
ตอนนั้น ขาก็เริ่มปัดแล้ว เดินต่อไปอีก เจอคนกลุ่มหนึ่ง หยุด เหมือนมีปัญหา มีหญิงคนหนึ่ง อายุ น้อยกว่าป้าแน่นอน แต่ตัวใหญ่กว่ามาก เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น มีลูกสาว ยืนกอดคอร้องไห้ด้วย .... คนอื่นๆ ยืนมอง แบบ ไม่รู้อนาคต🙄🙄🙄🙄
(ยังมีต่อ)
ชื่อสินค้า:   เส้นทางธารน้ำแข็ง เส้นทาง 1 ใน 10 หวาดเสียวที่สุดในโลก และ เดินป่า 11 กม. เปรู
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่