อย่าลืม...ฉัน

เรื่องที่ผมจะเล่าในวันนี้เป็นเรื่องที่ผมได้เข้าไปพัวพันด้วยส่วนหนึ่ง บวกกับคำบอกเล่าของเจ้าตัว ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็น ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตผม เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ผมจะเขียนให้อ่านง่ายและน่าอ่านมากขึ้น ขออภัยที่มหายปานเพราะติดธุระหลายอย่างมาก
ปล. เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และทั้งหมดนี้ผมไม่ได้มีเจตนามอมเมาหรือหลอกลวงใครทั้งสิ้น หากเรื่องนี้ทำให้ท่านรู้สึกไม่พอใจ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และขอให้อ่านเพียงเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
             วันทุกวันที่ผ่านไปในชีวิตผมนั้นเป็นเพียงแค่วันธรรมดาๆทั่วไปที่ใครๆก็มีกัน และผมก็กวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นไปตลอด แต่ก็มีหลายต่อหลายครั้งที่ผมต้องเข้าไปวุ่นวาย เข้าไปพัวพันกับเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ หรือมันเกินการพิสูจน์ไปในหลายๆแง่ และวันนั้นก็เช่นกัน เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมต้องเข้าไปยุ่ง กับเรื่องที่ยากจะทำให้ใครเชื่อได้
             สายๆวันหนึ่งในขณะที่ผมยังคงนอนเล่นอยู่บนเตียงที่หอพักใกล้กับมหาวิทยาลัย เสียงเพลงที่ชอบดังมาจากลำโพงภายในห้องทำให้ผมอารมณ์ดี และวันนี้ก็เป็นวันสุดสัปดาห์ที่ผมควรจะได้พักผ่อนจากความเหนื่อยล้าตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้รับโทรสับสายหนึ่ง บนหน้าจอโทรศัพท์แสดงให้เห็นชื่อของคนที่โทรมา ผมรับสายในทันทีพร้อมทักทายด้วยความสนิทสนม
              หลังจากที่เราคุยเรื่องไร้สาระกันได้ครู่หนึ่ง ปลายสายก็บอกว่ามีเรื่องจะรบกวนหน่อย มีคนที่รู้จักกับเขานั้นกำลังประสบปัญฆาชีวิตแปลกๆ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเงิน หรือว่าปัญหาความรุนแรงในครอบครัวแต่อย่างใด แต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้หาคำตอบไม่ได้แล้วมันก็เริ่มที่จะมากขึ้นทุกวัน ด้วยความที่ผมสนิทกับเขาพอสมควร จึงทำให้ผมไม่สามารถจะปฏิเสธเขาได้
              บ่ายๆวันนั้น ผมได้มานั่งรอคนที่ ‘เพื่อน’ คนนั้นอยากให้มาคุยกับผม ผมนั่งดื่มกาแฟเย็นๆอยู่ในร้านกาแฟเล็กๆที่ตกแต่งร้านไสตล์วินเทจได้อย่างลงตัว ที่นี่เป็นร้านประจำของผมอยู่แล้ว เพราะคนไม่เยอะมาก แล้วอาหารก็อร่อย
             ผมได้ยินเสียงกระดิ่งที่ประตูร้านดังขึ้นมา ผมหันไปมองตามเสียงนั้นก็พบกับคนที่ผมรออยู่
            หญิงสาววัยกลางคนเดินเข้ามาในร้านในชุดสบายๆ หน้าตาของเธอนั้นจัดว่าสวยในแบบไทยๆ ผิวของเธอไม่ได้ขาวมากนัก แต่ผมที่ดำขลับ และขนาดตัวที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปทำให้เธอดูมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ในร้านหันมามองเธอเป็นตาเดียว แม้ว่าอายุเธอจะห่างจากนักศึกษาที่เข้ามาเป็นลูกค้าร้านนี้อยู่พอสมควร
             หลังจากที่เราทักทายกันตามมารยาทจนเสร็จ ผมเรียกที่สั้นๆว่า ‘พี่’ ไม่ว่าหน้าตาของเธอจะถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ และความสวยของเธอมากเพียงใด แต่มันก็ไม่อาจปกปิดแววตาอันเศร้าสร้าย และความอิดโรยที่เห็นได้ชัดจากใบหน้าของเธอ เนื่องจากการพักผ่อนน้อย
             เธอสั่งเครื่องดื่มของเธอมาแก้วหนึ่ง แล้วก็ได้แต่จิบเอาทีละนิดเหมือนคนไม่อยากอาหาร ผมสูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับคถามที่ตรงประเด็นจนทำเอาเธอตกใจเล็กน้อย เพราะผมต้องการที่จะเข้าเรื่องให้เร็วที่สุด และจบมันให้เร็วที่สุดเช่นกัน
             เธอสูดหายใจเข้าครั้งหนึกก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างแรงเหมือนพยายามรวบรวมสติเพื่อที่จะเล่าเรื่องราวและปัญหาของเธอให้ผมฟัง เธอเริ่มเล่าเรื่องราวที่เธอได้พบเจอให้ผมฟังด้วยสีหน้าที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ เหมือนไม่อยากจะคิดถึงมัน
.................................................................................................

             เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ตามปกติ เมื่อก่อนก็ต้องไปทำงานประจำเป็นพยาบาล ไม่ค่อยได้พักผ่อนสักเท่าไหร่ แต่งหลังจากแต่งงานได้สักพักหนึ่งแฟนของเธอก็ได้งานใหม่ที่ดีกว่าและมั่นคง จนทำให้ครอบครัวสบายพอที่จะให้เธอได้ออกมาอยู่บ้านเฉยๆ เพื่อเตรียมตัวที่จะมีลูกได้
              โชคดีที่เธอยังพอมีรายได้เสริมให้กับครอบครัวบ้างจากความรู้ความสามารถของเธอ เธอได้ไปช่วยงานคลีนิกแถวบ้านบ้าง ไปดูแลคนแก่แถวๆบ้านเธอบ้าง ด้วยความรักในการทำงานและไม่ชอบอยู่ว่างๆ นอกจากนั้นเธอยังรับเย็บผ้าซ่อมผ้าเป็นงานอดิเรกอีกด้วย
              บ้านของเธอเป็นบ้านจัดสรรเล็กๆนอกตัวเมือง เธอกับสามีไม่ได้ต้องการบ้านหลังใหญ่โตอะไร เพราะเมื่อก่อนเธอและเขาต่างก็ลำบากเพราะไม่มีทุนเก่ามาก่อนเลย ทุกอย่างเป็นสิ่งสร้างใหม่ทั้งหมด ดีที่ทั้งสองคนขยันทำงาน บวกกับโชคของฝ่ายชายทำให้มีทุกวันนี้มาได้ ทั้งสองคนเรียกได้ว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยก็ได้
            เธอใช้ชีวิตประจำวันอย่างเรียบง่ายไม่มีอะไรพิเศษ เธอมักจะออกมาเล่นกับสุนัขที่เธอเลี้ยงไว้ตรงโรงจอดรถหน้าบ้าน หมู่บ้านนั้นน่าอยู่ ทั้งบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นชุมชน และเพื่อนบ้านที่แสนดีมากมาย มีอย่างเดียวที่ทำให้เธอไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ นั่นคือที่รกร้างที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านเธอ
          เธอเป็นผู้มาอยู่ใหม่ ที่อื่นๆในหมู่บ้านจัดสรรนั้นส่วนมากก็จะมีคนจับจองไปหมดแล้ว เหลือก็แต่ที่ทางท้ายๆหมู่บ้านที่ออกจะหากจากถนนใหญ่สักหน่อย และยังไม่ได้รับการปรับพื้นที่มากนัก
          ตรงข้ามกับบ้านเธอนั้นเป็นที่รกร้าง มีหญ้าสูงอยู่ระดับเอว มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่บ้าง แม้จำนวนจะไม่เยอะแต่ก็พอจะรู้ได้ว่า ต้นไม้เหล่านี้ผ่านเวลามานานพอสมควร ดีไม่ดีอาจจะมีอายุมากกว่าเธอเสียอีก
          และแน่นอนว่าที่รกร้างมักจะถูกใช้เป็นที่ทิ้งขยะ และสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ แม้จะมีรถเก็บขยะเข้ามาทุกวันแต่ก็ยังหลงเหลือร่องรอยความสกปรกและกลิ่นที่ไม่รื่นรมณ์สักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทำให้เธอหวั่นใจอยู่เนืองๆคือ ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในนั้น มีศาลไม้เก่าๆโทรมๆตั้งอยู่ ถ้าไม่ตั้งใจมองก็คงจะไม่เห็นเพราะความสูงของหญ้าที่บังจนแทบจะท่วมศาล คาดว่าคงเป็นศาลไม้ที่คนงานก่อสร้างมาสร้างเอาตามความเชื่อก่อนที่จะทำการก่อสร้าง และเมื่อสร้างเสร็จก็ไม่ได้รับการดูแลอีกเลย นอกจากนี้ยังมีเศษซากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผุพังมากมาย ทั้งศาล ทั้งพุทธรูปที่แตกหัก รวมไปถึงตุ๊กตานางรำของประดับศาลมากมายหลายอย่างที่ผู้คนไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน
           แม้เธอจะไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่แต่การที่จะต้องเดินผ่าน หรือมองเห็นเศษซากอันน่าขนลุกพวกนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนักสำหรับเธอ อีกทั้งเพื่อนบ้านที่คอยเล่าว่าเคยมีคนเห็นนั่นนี่ เสียงแบบนั้นแบบนี้ จากบริเวณนั้น ยิ่งทำให้เธอกังวลใจอยู่ลึกๆ เธอก็ได้แต่คิดว่า เธอไม่เคยเบียดเบียนใคร ซ้ำยังมีน้ำใจเสียอีก สิ่งดีๆเหล่านี้ก็คงช่วยทำให้เธอไม่ต้องเจอเรื่องร้ายๆอะไร
            แต่แล้วสิ่งที่เธอหวังก็ไม่เป็นไปตามความคาดคิดของเธอ เรื่องมันเริ่มจากเย็นวันหนึ่งที่เธอกำลังให้อาหารสุนัขที่เธอเลี้ยงไว้ตรงที่จอดรถ ติดๆกับรั้วบ้าน
‘หมาน่ารักจังเลยครับ’ เสียงใสๆของเด็กอายุประมาณ 5 – 6 ขวบ พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวจนเผลออุทานออกมา
‘ ว้าย ’
           เมื่อมองไปตามเสียงนั้นเธอก็พบว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งนั่งยองๆอยู่ติดกับรั้วบ้านด้านนอก ด้วยความที่รั้วบ้านนั้นเป็นประตูเหล็กเลื่อน มีเพียงเสาเหล็กเล็กๆเรียงกันอยู่ห่างๆเท่านั้น จึงเห็นเด็กคนนั้นได้ชัดเจน
           เด็กผู้ชายคนนั้นจ้องไปยังสุขนัขของเธออย่างไม่วางสายตา เสื้อผ้ามอมแมมเก่าๆของเด็กคนนั้นทำให้เธอคิดว่าเด็กคนนี้คงไม่ค่อยมีเงินเท่าไหร่ การที่จะสนใจสุนัขน่ารักๆนั้นคงไม่แปลก
‘ชอบหมาหรอจ๊ะ’
‘ครับ มันน่ารักดี คงจะรักมันมากใช่ไหมครับ’
           เธอยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเด็ก เธอหันไปเรียกสุนัขของเธอให้มาใกล้ๆ เพื่อที่จะให้เด็กน้อยได้มองดูมันใกล้ๆ อย่างที่เขาสนใจ แต่เมื่อเธอหันกลับมาก็พบว่า สายตาของเด็กคนนั้นไม่ได้จ้องไปที่สุนัขของเธอ แต่จ้องมาที่เธออย่างตั้งใจ สายตานั้นทำเอาเธออดขนลุกไม่ได้
            เธอพยายามชวนเด็กคนนั้นเล่นกับสุนัขของเธอ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจมันเหมือนในตอนแรก ตอนนี้เด็กคนนั้นเอาแต่จ้องหน้าเธอไม่วางตา
            ในตอนนั้นเสียงกาน้ำร้อนในห้องครัวก็ดังขึ้นมา ทำให้เธอผละออกจากตรงนั้นแล้วบอกกับเด็กคนนั้นว่า ‘เดี๋ยวมานะ’
            เธอรีบไปปิดแก๊สในห้องครัว พร้อมกับชงกาแฟที่เธอชอบทิ้งไว้ ก่อนจะเดินกลับออกมาที่หน้าบ้าน แต่ปรากฏว่า เด็กคนนั้นไม่อยู่แล้ว มีเพียงสุนัขของเธอที่นอนกลิ้งไปมาอยู่กับพื้น
            เธอไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงแค่ว่าเด็กคนนั้นคงจะ กลับบ้านไปแล้ว เท่านั้นเอง
           หลังจากวันนั้นเด็กชายคนนั้นก็ไม่ได้มาที่บ้านของเธออีกเลย จนเวลาผ่านไปได้สัก สัปดาห์ สองสัปดาห์ เธอกับสามีก็ได้รับข่าวดีที่ทั้งคู่เฝ้ารอมานาน เธอตั้งครรภ์...
            บรรยากาศภายในบ้านนั้นดูสดใสมากกว่าที่เคยเป็น สิ่งต่างๆมากมายถูกจัดเตรียมไว้เพื่อต้อนรับอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านหลังนี้
            ไม่กี่วันหลังจากที่เธอทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเธอ ในตอนเย็นนั้นที่เธอกำลังให้ข้าสุนัขของเธออยู่เหมือนทุกๆวัน เธอก็ได้พบกับเด็กชายคนเดิม ที่มานั่งมองเจ้าสุนัขแสนน่ารักของเธอ สลับกับมองมาที่เธอ ในชุดมอมแมมตัวเดิม
‘ทำไมดูมีความสุขจังครับ ยิ้มไม่หยุดเลย’
‘น้ากำลังจะมีน้อง’ เธอยิ้มตอบด้วยความดีใจ
‘ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นครับ’
‘เป็นใครๆก็ต้องดีใจทั้งนั้นแหละ ไม่เชื่อลองไปถามแม่ของหนูสิ ตอนมีหนูก็คงดีใจแบบน้านี่แหละ’
‘…..’
              เด็กน้อยไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพียงแค่ทำตาเศร้าๆแล้วหันไปทางสุนัขแทน เหมือนพยายามที่จะหลบตา และในตอนนั้นเอง สามีของเธอก็กลับมาถึงบ้านพอดี เธอรีบลุงไปเปิดประตูรั้วบ้าน เธอก็เห็นเด็กคนนั้นเดินจากไป เมื่อสามีเธอจอดรถเสร็จแล้ว ตอนที่เธอกำลังปิดประตูรั้วเธอก็พยายามมองว่าเด็กคนนั้นไปทางไหน แต่ก็ไม่พบคนที่เธอตามหา
              เด็กคนนั้นมักจะแวะเวียนมานั่งดูเธอกับสุนัขของเธอในเวลาเดิม มาบ้างไม่มาบ้าง จนเธอเริ่มที่จะชินและเริ่มคุ้นเคยกับเด็กน้อยคนนั้น ครั้งหนึ่งเธอเคยให้ขนมกับเด็กน้อยคนนั้น พอเด็กน้อยจากไปก็พบว่าขนมนั้นไมได้ถูกเอาไปด้วย เพียงแต่ตกอยู่ตรงที่ที่เด็กน้อยเคยนั่งอยู่
              เช้าตรู่วันหนึ่งเธอตื่นมาทำกับข้าวให้สามีพร้อมกับรอใส่บาตร เมื่อเธอมองไปยังหน้าบ้านเพราะได้ยินเสียงเจ้าตูบของเธอส่งเสียงเหมือนเล่นกับใครอยู่ เธอเห็นเงาตะคุ่มๆอยู่ตรงหน้าบ้าน เพราะพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นมา เธอคิดว่าคงเป็นเด็กน้อยคนนั้น
              เธอกำลังจะเดินไปหาเด็กคนนั้นแต่ลับตาไปหน่อยเดียว เด็กคนนั้นก็หายไปแล้ว เธอก็งงๆ ทำไมเด็กคนนั้นรีบไป แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย เธอก็ไปทำงานที่เธอต้องทำต่อเสียก่อน
              ในตอนเย็นวันนั้นเอง เธอก็ได้พบกับเด็กคนเดิมตรงที่เดิมหน้าประตู คราวนี้เธอเปิดประตูให้เด็กน้อย แล้วเอ่ยชวนให้เข้ามาในบ้าน เพื่อที่จะได้เล่นและสัมผัสกับสุนัขของเธอได้ถนัดขึ้น และอีกอย่างคือ เธอต้องการที่จะเลี้ยงขนมเด็กคนนั้นสักเล็กน้อย เพราะจากเส้อผ้าตัวเดิมที่ถูกใส่ซ้ำๆ ก็พอจะบอกได้ว่าเด็กน้อยคงไม่มีโอกาสสักเท่าไหร่
‘เข้าไปได้จริงๆหรอครับ’
‘ได้สิจ๊ะ เข้ามาสิ’
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่