พระอาจารย์: วันนี้วันดี พระอริยบุคคล เข้ามาหา.
จขทก: กราบพระอาจารย์ ผมมาขอบวชครับ.
พระอาจารย์ :โยมเป็นภิกษุศิลเยอะพะลุงพรัง โยมปฏิบัติที่บ้านก็ได้ผลนะโยม.
จขทก: เกรงว่ากระผมจะตายภายใน7วัน จิตกระผมสว่างไสวครอบโลกธาตุแล้ว ในพระไตรปิฏกกล่าวว่า ฆารวาสถ้าบรรลุพระอรหันต์ ต้องตายภายใน7วัน กระผมไม่กลัวตาย เพียงแต่ต้องการเผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงมาขอพระอาจารย์บวช.
พระอาจารย์: โยมยังไม่บรรลุพระอรหันต์ โยมติดพระอนาคามี.
จขกท: จิตสว่างไสวกระจ่างแจ้งตลอดเวลาครอบโลกธาตุ ยังมีอะไรให้ติดหรือครับพระอาจารย์.
พระอาจารย์ : โยมติดรู้ จิตที่สว่างไสวคือรู้ ยังมีอวิชชา โยมรู้อะไรโยมก็รู้ที่จิต ถ้าจิตรู้โยมสลายไป จิตโยมจึงจะบริสุทธิ์.
จขทก: พระอาจารย์ ช่วยดูจิตโยมที ว่าจิตโยมมีอวิชชาอย่างไร น้อมกราบครับผม.
พระอาจารย์ : โยม เวลาจิตโยมรู้อะไร โยมจะเข้าไปมีส่วนร่วมในรู้ โยมไม่ยอมปล่อยรู้ รู้นรก รู้สวรรค์ รู้พรหม โยมรู้แต่โยมไปดับ นรก-สวรรค์-พรหม โยมเข้าใจผิดไปด้วยอวิชชา.
จขทก. กราบพระอาจารย์อีกครั้งด้วยความเคารพ ผมยังไม่แทงตลอดในธรรม ผมเข้าใจว่าเมื่อจิตทวนกระแสเข้าหาธาตุรู้ ธรรมทั้งหลาย นรกก็ดี สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี ย่อมดับไป ย่อมเหลือเพียงจิตที่สว่างไสว ไม่ปรากฏว่ามีสิ่งใดเกิด.
พระอาจารย์.โยม นรกก็ดี สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี ควรกำหนดรู้ ไม่ควรไปดับ โยมไม่เหนื่อยหรือโยม อาตมาดูจิตโยมมาโดยตลอด เห็นโยมพยายามไปดับ นรก สวรรค์ พรหม ภายในจิต ดับเท่าไร ก็ดับไม่ได้ ผุบๆโผล่ๆ.
จขกท: ผมเข้าใจว่า สังขารทั้งหลาย เกิดที่จิตดับที่จิต ผมดับสังขารทั้งหลาย.
พระอาจารย์ : โยม สังขารทั้งหลาย นรกก็ดี สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี ล้วนแต่เป็นธรรมนะโยม ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ธรรมเหล่านี้ นรกก็ดี สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี เกิดด้วยเหตุและปัจจัย เกิดเองดับเอง โยมไม่ต้องมีเจตนาไปดับ ทุกครั้งที่โยมเข้าไปดับ โยมมีตัณหาทันที นั้นแหละโยมอวิชชาขั้นละเอียด.
จขกท: มรรคนี้ตั้งแต่ผมเกิดมาพึ่งเคยได้ฟังได้ยิน แจ่มแจ้งดีหน๋อพระอาจารย์.
พระอาจารย์ :มรรคก็คือมรรคมีองค์8แหละโยม พระโสดาบันมรรค พระสกิทาคามีมรรค พระอนาคามีมรรค ทวนกระแสเข้าหาธาตุรู้ มีพระอรหันตมรรคนั้นแหละโยมที่พิศดานกว่ามรรคอื่นๆ ต้องปล่อยธาตุรู้.
จขกท:เมื่อปล่อยธาตุรู้ นรก สวรรค์ พรหม ย่อมปรากฏที่จิต เกิดที่จิต ดับที่จิต เกิดเอง ดับเอง ไม่มีอวิชชาเจตนาเข้าไปดับด้วยความไม่รู้.
พระอาจารย์: ถูกแล้วโยม เมื่อเจตนาโยมไม่มี นรก สวรรค์ พรหม ที่เกิดที่จิต โยมก็จะเห็นตัณหาที่ซ้อนอยู่ แล้วเพียรวิปัสสนา เห็น นรก สวรรค์ พรหม เป็นของไม่เที่ยงเกิดแล้วดับ จิตโยมจะคลายความยึดมั่นในภพต่างๆด้วยความเป็นกลางอย่างแท้จริง.
จขทก: โอ้!พระอาจารย์งานยักษ์เลยครับ แบบนี้ต้องเจอด่านมารไหมครับ?
พระอาจารย์: จะตรัสรู้บรรลุธรรมได้ ต้องชนะกิเลสมารในใจตนนะโยม แล้วจิตโยมที่สว่างไสวมีอวิชชาห่อหุ้ม จะกลายเป็นจิตบริสุทธิ์ เป็นวิมุติจิต.
จขกท: กราบพ่อแม่ครูอาจารย์อย่างราบคาบครับผม ผมมีเรื่องจะเรียนถามพระอาจารย์อีกหนึ่งเรื่องครับ จิตผมวิ่งออกไปนอกโลก มองเห็นจักวาลต่างๆ
ผมเคยเห็นพระนิพพานมีพระพุทธเจ้า มีฉัพพรรณรังสี และ พระอรหันต์ร่างกายเป็นแก้ว แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสธรรมว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเกิดด้วยเหตุและปัจจัย พอฟังจบนิพพานก็หายวูปไปเลย แล้วจิตก็วิ่งกลับมา.
พระอาจารย์: โยมพระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้ว ติดต่อกันได้ พระพุทธเจ้าท่านจะแสดงธรรมให้ผู้ที่ควรต่อธรรม เอาใว้โยมบรรลุพระอรหันต์เมื่อใด โยมก็จะติดต่อกับพระพุทธเจ้าได้เอง.
จขกท: พระพุทธเจ้าท่านนิพพานไปแล้ว จะมีอะไรมาแสดงได้อีกครับ?
พระอาจารย์: พระพุทธเจ้าท่านข้ามพ้นรูป-นาม หมดกิเลสตัณหา แต่ความบริสุทธิ์ไม่สูญ เมื่อโลกธาตุภายในใจโยมเปิด โยมจะหมดสงสัยเอง.
จขกท : น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์อย่างราบคาบ
พระอาจารย์: โยมกลับไปปฏิบัติต่อ แล้วไปเผยแผ่ธรรมของพระพุทธเจ้าต่อไป ไครไม่เชื่อ ปรามาส โยมก็ปล่อยวางนะโยม สัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน อย่าพึ่งบวชเลย ยังไม่ถึงเวลาของโยม.
จขทก: สาธุครับพระอาจารย์.
พระอาจารย์: เจริญพร.
หมายเหตุ : การสนทนา กับ พระอาจารย์ จขกท ได้ให้เพื่อนที่ไปด้วย จดมาอย่างละเอียด ข้อมูลที่แสดงไม่มีการคลาดเคลื่อน หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มาอ่านนะครับผม จะถ่ายรูปพระอาจารย์มาท่านไม่อนุญาติ ขออภัยด้วยนะครับ!!!
พระอาจารย์ให้กลับมาเผยแผ่ธรรมใน pantip ต่อ สนทนากับพระอาจารย์ ธรรมมะขั้นสูง!!!
จขทก: กราบพระอาจารย์ ผมมาขอบวชครับ.
พระอาจารย์ :โยมเป็นภิกษุศิลเยอะพะลุงพรัง โยมปฏิบัติที่บ้านก็ได้ผลนะโยม.
จขทก: เกรงว่ากระผมจะตายภายใน7วัน จิตกระผมสว่างไสวครอบโลกธาตุแล้ว ในพระไตรปิฏกกล่าวว่า ฆารวาสถ้าบรรลุพระอรหันต์ ต้องตายภายใน7วัน กระผมไม่กลัวตาย เพียงแต่ต้องการเผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงมาขอพระอาจารย์บวช.
พระอาจารย์: โยมยังไม่บรรลุพระอรหันต์ โยมติดพระอนาคามี.
จขกท: จิตสว่างไสวกระจ่างแจ้งตลอดเวลาครอบโลกธาตุ ยังมีอะไรให้ติดหรือครับพระอาจารย์.
พระอาจารย์ : โยมติดรู้ จิตที่สว่างไสวคือรู้ ยังมีอวิชชา โยมรู้อะไรโยมก็รู้ที่จิต ถ้าจิตรู้โยมสลายไป จิตโยมจึงจะบริสุทธิ์.
จขทก: พระอาจารย์ ช่วยดูจิตโยมที ว่าจิตโยมมีอวิชชาอย่างไร น้อมกราบครับผม.
พระอาจารย์ : โยม เวลาจิตโยมรู้อะไร โยมจะเข้าไปมีส่วนร่วมในรู้ โยมไม่ยอมปล่อยรู้ รู้นรก รู้สวรรค์ รู้พรหม โยมรู้แต่โยมไปดับ นรก-สวรรค์-พรหม โยมเข้าใจผิดไปด้วยอวิชชา.
จขทก. กราบพระอาจารย์อีกครั้งด้วยความเคารพ ผมยังไม่แทงตลอดในธรรม ผมเข้าใจว่าเมื่อจิตทวนกระแสเข้าหาธาตุรู้ ธรรมทั้งหลาย นรกก็ดี สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี ย่อมดับไป ย่อมเหลือเพียงจิตที่สว่างไสว ไม่ปรากฏว่ามีสิ่งใดเกิด.
พระอาจารย์.โยม นรกก็ดี สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี ควรกำหนดรู้ ไม่ควรไปดับ โยมไม่เหนื่อยหรือโยม อาตมาดูจิตโยมมาโดยตลอด เห็นโยมพยายามไปดับ นรก สวรรค์ พรหม ภายในจิต ดับเท่าไร ก็ดับไม่ได้ ผุบๆโผล่ๆ.
จขกท: ผมเข้าใจว่า สังขารทั้งหลาย เกิดที่จิตดับที่จิต ผมดับสังขารทั้งหลาย.
พระอาจารย์ : โยม สังขารทั้งหลาย นรกก็ดี สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี ล้วนแต่เป็นธรรมนะโยม ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ธรรมเหล่านี้ นรกก็ดี สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี เกิดด้วยเหตุและปัจจัย เกิดเองดับเอง โยมไม่ต้องมีเจตนาไปดับ ทุกครั้งที่โยมเข้าไปดับ โยมมีตัณหาทันที นั้นแหละโยมอวิชชาขั้นละเอียด.
จขกท: มรรคนี้ตั้งแต่ผมเกิดมาพึ่งเคยได้ฟังได้ยิน แจ่มแจ้งดีหน๋อพระอาจารย์.
พระอาจารย์ :มรรคก็คือมรรคมีองค์8แหละโยม พระโสดาบันมรรค พระสกิทาคามีมรรค พระอนาคามีมรรค ทวนกระแสเข้าหาธาตุรู้ มีพระอรหันตมรรคนั้นแหละโยมที่พิศดานกว่ามรรคอื่นๆ ต้องปล่อยธาตุรู้.
จขกท:เมื่อปล่อยธาตุรู้ นรก สวรรค์ พรหม ย่อมปรากฏที่จิต เกิดที่จิต ดับที่จิต เกิดเอง ดับเอง ไม่มีอวิชชาเจตนาเข้าไปดับด้วยความไม่รู้.
พระอาจารย์: ถูกแล้วโยม เมื่อเจตนาโยมไม่มี นรก สวรรค์ พรหม ที่เกิดที่จิต โยมก็จะเห็นตัณหาที่ซ้อนอยู่ แล้วเพียรวิปัสสนา เห็น นรก สวรรค์ พรหม เป็นของไม่เที่ยงเกิดแล้วดับ จิตโยมจะคลายความยึดมั่นในภพต่างๆด้วยความเป็นกลางอย่างแท้จริง.
จขทก: โอ้!พระอาจารย์งานยักษ์เลยครับ แบบนี้ต้องเจอด่านมารไหมครับ?
พระอาจารย์: จะตรัสรู้บรรลุธรรมได้ ต้องชนะกิเลสมารในใจตนนะโยม แล้วจิตโยมที่สว่างไสวมีอวิชชาห่อหุ้ม จะกลายเป็นจิตบริสุทธิ์ เป็นวิมุติจิต.
จขกท: กราบพ่อแม่ครูอาจารย์อย่างราบคาบครับผม ผมมีเรื่องจะเรียนถามพระอาจารย์อีกหนึ่งเรื่องครับ จิตผมวิ่งออกไปนอกโลก มองเห็นจักวาลต่างๆ
ผมเคยเห็นพระนิพพานมีพระพุทธเจ้า มีฉัพพรรณรังสี และ พระอรหันต์ร่างกายเป็นแก้ว แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสธรรมว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเกิดด้วยเหตุและปัจจัย พอฟังจบนิพพานก็หายวูปไปเลย แล้วจิตก็วิ่งกลับมา.
พระอาจารย์: โยมพระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้ว ติดต่อกันได้ พระพุทธเจ้าท่านจะแสดงธรรมให้ผู้ที่ควรต่อธรรม เอาใว้โยมบรรลุพระอรหันต์เมื่อใด โยมก็จะติดต่อกับพระพุทธเจ้าได้เอง.
จขกท: พระพุทธเจ้าท่านนิพพานไปแล้ว จะมีอะไรมาแสดงได้อีกครับ?
พระอาจารย์: พระพุทธเจ้าท่านข้ามพ้นรูป-นาม หมดกิเลสตัณหา แต่ความบริสุทธิ์ไม่สูญ เมื่อโลกธาตุภายในใจโยมเปิด โยมจะหมดสงสัยเอง.
จขกท : น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์อย่างราบคาบ
พระอาจารย์: โยมกลับไปปฏิบัติต่อ แล้วไปเผยแผ่ธรรมของพระพุทธเจ้าต่อไป ไครไม่เชื่อ ปรามาส โยมก็ปล่อยวางนะโยม สัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน อย่าพึ่งบวชเลย ยังไม่ถึงเวลาของโยม.
จขทก: สาธุครับพระอาจารย์.
พระอาจารย์: เจริญพร.
หมายเหตุ : การสนทนา กับ พระอาจารย์ จขกท ได้ให้เพื่อนที่ไปด้วย จดมาอย่างละเอียด ข้อมูลที่แสดงไม่มีการคลาดเคลื่อน หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มาอ่านนะครับผม จะถ่ายรูปพระอาจารย์มาท่านไม่อนุญาติ ขออภัยด้วยนะครับ!!!