เราอายุเลยเลข 3 มาหลายปีแล้ว เมื่อเดือนที่แล้วน้ำหนักทำนิวไฮด์สูงสุดที่ 70 กก. แต่ส่วนสูงแค่ 155 ซม. บอกตามตรงว่ารับตัวเองไม่ได้ มองกระจกทีไรก็เห็นแต่ป้าแก่ๆ คนหนึ่ง ที่ตัวเตี้ยม่อต้ออ้วนจนคอตัน ทั้งที่เมื่อ 7-8 ปีก่อน เรายังหน้าตาพอดูได้ หุ่นก็ยังโอเคอยู่เลย เผลอแป๊บเดียวน้ำหนักขึ้นมาปีละ 1-2 กก. ยิ่งสองปีหลังนี่หนักสุด ขึ้นมาปีละ 3 กก. จึงได้คิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะปฏิวัติตัวเองซะใหม่ ก่อนที่น้ำหนักมันจะพรุ่งพรวดไปถึง 100 กก. เพราะตั้งแต่ต้นปีมาเราก็รู้สึกว่าอ้วนง่ายขึ้น กินอะไรก็อ้วน พยายามกินน้อยลงกว่าเดิม แต่อย่างมากก็แค่รักษาน้ำหนักให้คงที่ได้ระยะหนึ่ง พอเผลอกินเยอะแค่วันสองวัน น้ำหนักก็พุ่งพรวดขึ้นไปอีก 1-2 กก. หาวิธีลดสารพัดแต่ก็ไม่ได้ผล ไม่ทำอยู่อย่างเดียวคือกินยาลดความอ้วน เพราะเคยกินตามแฟชั่นตอนเป็นวัยรุ่นว่าคนสวยต้องผอมเพรียวขาตะเกียบ แต่ตอนนั้นแค่ครั้งเดียวก็เกิดอาการใจสั่น ปวดหัว แถมอาเจียนหมดเรี่ยวหมดแรง จึงเลิกขาดไม่คิดแตะต้องมันอีก เห็นคนที่เขาลดน้ำหนักประสพผลสำเร็จก็ได้แต่ชื่นชม มีแรงบันดาลใจอยากทำให้ได้อย่างเขาบ้าง จึงแสวงหาวิธีของตัวเองเรื่อยมา แต่ก็ยังไปเคยไม่ถึงฝั่งฝัน
เคยใช้วิธีอดอาหาร กินน้อยๆ ซึ่งทรมานมาก อาทิตย์เดียวลดได้ 5 กก. แต่..พอกลับมากินเหมือนเดิมน้ำหนักก็เพิ่มขึ้นทันใจ ลดยากขึ้นไปอีก งดน้ำหวานก็แล้ว งดของทอดของมันก็แล้ว ..ก็ยังไม่สำเร็จ 😂
จนเมื่อปลายเดือนที่แล้วจึงมาได้คิด ว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะเราใจร้อนเกินไปหรือเปล่า กว่าน้ำหนักจะขึ้นมา 1 กก.ได้ มันใช้เวลาตั้งหลายเดือนหรือเป็นปี เพื่อค่อยๆ สะสมไขมัน ทำไมเวลาจะเชิญเขาออกนี่ เราใจร้อนจัง กะจะเอาให้ทันใจ จะลดให้ได้สักเดือนละ 10 กก. แล้วเป็นยังไงล่ะ สุดท้ายก็ล้มเหลว
จึงมาเริ่มทำแผนใหม่ มีสมุดจดรายการอาหารที่กินในแต่ละวัน รวมทั้งตารางการชั่งน้ำหนักต่ำสุด-สูงสุด และเริ่มวางแผนเมนู เพราะอย่างไรก็จำเป็นต้องลดปริมาณอาหาร และออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย โดยตั้งใจไว้ว่าจะลดไขมันให้ได้วันละ 1 ขีด / 10 วันก็ 1 กก. / 1 เดือนก็ 3 กก. ถ้าทำอย่างนี้ได้เป็นเวลา 8 เดือน น้ำหนักก็น่าจะลดลงตามเป้าคือ 70-46 = 24 กก. หนักหนาเอาการแต่เราก็จะสู้ เพราะไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ลองมาหมดแล้ว สำคัญที่สุดก็คือ "ใจ" นั่นเอง
เริ่มลงมือปฏิบัติ 1 ก.ค. 59 ตั้งใจว่าในหนึ่งวันจะกินไม่เกิน 1,000 kcal (ถ้าน้อยกว่านี้ร่างกายคงประท้วง) ออกกำลังกายทุกวัน หาอะไรทำให้ร่างกายได้แอคทีฟตลอดวัน น่าจะลดได้ประมาณวันละ 900 kcal หรือคิดเป็นน้ำหนักไขมันประมาณวันละ 1 ขีด เราเริ่มเห็นทางสว่างแล้ว หลังจากมืดมนในวังวนแห่งการลดน้ำหนักมาหลายปี น่าจะมีความหวัง..
สิบเจ็ดวันผ่านไป จากเดิมที่น้ำหนัก min/max แต่ละวันอยู่ที่ 67-70 กก. ณ ปัจจุบันชั่งได้ 63-65 กก. (ส่วนต่างเยอะเพราะดื่มน้ำค่อนข้างมาก) คือมันลดลงมา 4-5 กก. ภายนอกเรายังดูอ้วนตันอยู่มาก แต่รู้สึกตัวเองได้ว่าคล่องแคล่วขึ้น พุงหนาๆ เริ่มบางลง แขนขากระชับกว่าแต่ก่อน และหน้าตาผิวพรรณยังผ่องใสขึ้น และไม่ทรมานเหมือนวิธีลดแบบก่อนๆ 17 วันที่อดทนอยู่ในกรอบที่ตั้งใจไว้ ไม่กินน้ำหวานเลย ซดแต่น้ำเปล่า เดินไปเจอของที่เคยชอบก็ตัดใจ บอกตัวเองไว้ว่าอีกแปดเดือนค่อยเจอกัน ข้าวที่เคยกินจนพูนจานก็ลดลงมากินแค่ 1/3 กินแค่รู้สึกอิ่ม ถ้าโหยๆ ก็เอาผลไม้เข้าปาก กินข้าวกล้อง กินปลา กินเนื้อไก่ไร้มัน กินผัก กินไข่ต้ม กินโยเกิร์ต กินอาหารที่ปรุงน้อยๆ ประมาณ 1 อาทิตย์ก็เริ่มอยู่ตัว ไม่มีอาการทุรนทุราย จนวันนี้รู้สึกดีขึ้นมากเพราะไม่ได้ลดอย่างหักโหมเหมือนคราวก่อนๆ บางวันแทบไม่เห็นความแตกต่างของน้ำหนัก แต่พอลง..มันจะลงไปทีเกือบ 1/2 กก. และเราก็เริ่มชินกับการกินพอดีๆ (เมื่อก่อนซัดซะอิ่มแปล้ มัวแต่เสียดายของ เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด)
ที่สำคัญการออกกำลังกายช่วยได้มาก (เมื่อก่อนจะเกลียดการออกกำลังกายเพราะทำให้เราปวดเข่าและเหนื่อย พอเหนื่อยก็กินเยอะ พอกินเยอะก็อ้วนขึ้น) เราไม่หักโหมนะ ตอนแรกก็ร้องเต้นตามเพลงจังหวะสนุกๆ แค่ 20 นาทีแบบเบาๆ แล้วต่อมาค่อยเพิ่มมาเป็น 30-40 นาที ปัจจุบัน เต้น 40 นาที+ยืดเส้นออกโยคะอีก 20 นาที ครบ 1 ชม.พอดี เราติดแล้วล่ะ วันไหนไม่ได้ออกฯ เหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง
แม้น้ำหนักจะลงมาเร็วกว่าที่วางแผนไว้ แต่เราก็ไม่อยากประมาท ที่สำคัญ..กลัวตบะแตกนี่แหละ..ที่สุด หนทางยังอีกยาวไกล เพิ่งเดินทางมาได้แค่ 17 วัน ยังเหลืออีกตั้ง 240-17=223 วัน ใครมีวิธีดีๆ ที่จะทำให้แผนการลดน้ำหนักดำเนินไปอย่างราบรื่นจนบรรลุเป้าหมาย รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ...จาก คนอ้วนที่อยากมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี😋
อยากลดความอ้วนให้ได้ตลอดรอดฝั่ง
เคยใช้วิธีอดอาหาร กินน้อยๆ ซึ่งทรมานมาก อาทิตย์เดียวลดได้ 5 กก. แต่..พอกลับมากินเหมือนเดิมน้ำหนักก็เพิ่มขึ้นทันใจ ลดยากขึ้นไปอีก งดน้ำหวานก็แล้ว งดของทอดของมันก็แล้ว ..ก็ยังไม่สำเร็จ 😂
จนเมื่อปลายเดือนที่แล้วจึงมาได้คิด ว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะเราใจร้อนเกินไปหรือเปล่า กว่าน้ำหนักจะขึ้นมา 1 กก.ได้ มันใช้เวลาตั้งหลายเดือนหรือเป็นปี เพื่อค่อยๆ สะสมไขมัน ทำไมเวลาจะเชิญเขาออกนี่ เราใจร้อนจัง กะจะเอาให้ทันใจ จะลดให้ได้สักเดือนละ 10 กก. แล้วเป็นยังไงล่ะ สุดท้ายก็ล้มเหลว
จึงมาเริ่มทำแผนใหม่ มีสมุดจดรายการอาหารที่กินในแต่ละวัน รวมทั้งตารางการชั่งน้ำหนักต่ำสุด-สูงสุด และเริ่มวางแผนเมนู เพราะอย่างไรก็จำเป็นต้องลดปริมาณอาหาร และออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย โดยตั้งใจไว้ว่าจะลดไขมันให้ได้วันละ 1 ขีด / 10 วันก็ 1 กก. / 1 เดือนก็ 3 กก. ถ้าทำอย่างนี้ได้เป็นเวลา 8 เดือน น้ำหนักก็น่าจะลดลงตามเป้าคือ 70-46 = 24 กก. หนักหนาเอาการแต่เราก็จะสู้ เพราะไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ลองมาหมดแล้ว สำคัญที่สุดก็คือ "ใจ" นั่นเอง
เริ่มลงมือปฏิบัติ 1 ก.ค. 59 ตั้งใจว่าในหนึ่งวันจะกินไม่เกิน 1,000 kcal (ถ้าน้อยกว่านี้ร่างกายคงประท้วง) ออกกำลังกายทุกวัน หาอะไรทำให้ร่างกายได้แอคทีฟตลอดวัน น่าจะลดได้ประมาณวันละ 900 kcal หรือคิดเป็นน้ำหนักไขมันประมาณวันละ 1 ขีด เราเริ่มเห็นทางสว่างแล้ว หลังจากมืดมนในวังวนแห่งการลดน้ำหนักมาหลายปี น่าจะมีความหวัง..
สิบเจ็ดวันผ่านไป จากเดิมที่น้ำหนัก min/max แต่ละวันอยู่ที่ 67-70 กก. ณ ปัจจุบันชั่งได้ 63-65 กก. (ส่วนต่างเยอะเพราะดื่มน้ำค่อนข้างมาก) คือมันลดลงมา 4-5 กก. ภายนอกเรายังดูอ้วนตันอยู่มาก แต่รู้สึกตัวเองได้ว่าคล่องแคล่วขึ้น พุงหนาๆ เริ่มบางลง แขนขากระชับกว่าแต่ก่อน และหน้าตาผิวพรรณยังผ่องใสขึ้น และไม่ทรมานเหมือนวิธีลดแบบก่อนๆ 17 วันที่อดทนอยู่ในกรอบที่ตั้งใจไว้ ไม่กินน้ำหวานเลย ซดแต่น้ำเปล่า เดินไปเจอของที่เคยชอบก็ตัดใจ บอกตัวเองไว้ว่าอีกแปดเดือนค่อยเจอกัน ข้าวที่เคยกินจนพูนจานก็ลดลงมากินแค่ 1/3 กินแค่รู้สึกอิ่ม ถ้าโหยๆ ก็เอาผลไม้เข้าปาก กินข้าวกล้อง กินปลา กินเนื้อไก่ไร้มัน กินผัก กินไข่ต้ม กินโยเกิร์ต กินอาหารที่ปรุงน้อยๆ ประมาณ 1 อาทิตย์ก็เริ่มอยู่ตัว ไม่มีอาการทุรนทุราย จนวันนี้รู้สึกดีขึ้นมากเพราะไม่ได้ลดอย่างหักโหมเหมือนคราวก่อนๆ บางวันแทบไม่เห็นความแตกต่างของน้ำหนัก แต่พอลง..มันจะลงไปทีเกือบ 1/2 กก. และเราก็เริ่มชินกับการกินพอดีๆ (เมื่อก่อนซัดซะอิ่มแปล้ มัวแต่เสียดายของ เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด)
ที่สำคัญการออกกำลังกายช่วยได้มาก (เมื่อก่อนจะเกลียดการออกกำลังกายเพราะทำให้เราปวดเข่าและเหนื่อย พอเหนื่อยก็กินเยอะ พอกินเยอะก็อ้วนขึ้น) เราไม่หักโหมนะ ตอนแรกก็ร้องเต้นตามเพลงจังหวะสนุกๆ แค่ 20 นาทีแบบเบาๆ แล้วต่อมาค่อยเพิ่มมาเป็น 30-40 นาที ปัจจุบัน เต้น 40 นาที+ยืดเส้นออกโยคะอีก 20 นาที ครบ 1 ชม.พอดี เราติดแล้วล่ะ วันไหนไม่ได้ออกฯ เหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง
แม้น้ำหนักจะลงมาเร็วกว่าที่วางแผนไว้ แต่เราก็ไม่อยากประมาท ที่สำคัญ..กลัวตบะแตกนี่แหละ..ที่สุด หนทางยังอีกยาวไกล เพิ่งเดินทางมาได้แค่ 17 วัน ยังเหลืออีกตั้ง 240-17=223 วัน ใครมีวิธีดีๆ ที่จะทำให้แผนการลดน้ำหนักดำเนินไปอย่างราบรื่นจนบรรลุเป้าหมาย รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ...จาก คนอ้วนที่อยากมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี😋