สวัสดีทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านกระทู้นี้ด้วยนะคะ กระทู้นี่เป็นประสบการณ์การลดน้ำหนักของเราเอง มีหลายคนบอกให้เราลองเขียนกระทู้รีวิว ซึ่งเขียนกระทู้นี้เป็นครั้งแรกและไม่เคยเขียนกระทู้ที่ไหนมาก่อน อาจจะมีข้อบกพร่องบ้างนะคะก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย(สาธุ ฮ่าๆ)
***ขอเกร่นนำก่อนเลยนะ เราชื่อเฟินงับ(ขออนุญาตใช้ภาษาคีย์บอร์ดที่เป็นกันเองค่ะ)เราอายุ 17 ย่าง 18 ปี สูงประมาณ 163 เซนติเมตร น้ำหนักตอนที่ตัดสินใจจะลดอยู่ที่ 95 กิโลกรัม(เกือบๆ 96 แหน่ะ) ก่อนหน้านั้นคือเรารู้ตัวนะว่าเราอ่ะอ้วน แต่เราไม่คิดจะลดหรอก อาจเพราะนิสัยเรามันออกสาวห้าวๆละมั้งเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยชอบอะไรที่มันเป็นผู้หญิงมากเท่าไหร่ นี่ก็เป็นผลมาจากตอนเด็กๆชอบเล่นกับเด็กผู้ชาย ก็เลยทำให้ติดนิสัยผู้ชายมาไงล่ะ
เอาล่ะ ! ลองมาดูรูป เราก่อนลดกันนะ (***เราอาจจะเป็นคนไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเท่าไหร่ ต้องขออภัย ถ้ารูปมันไม่เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนค่ะ***)
ตอนนี้ตอน ม.4 นะ น้ำหนักแค่ 90 กิโลกรัม พอม.5 เท่านั้นแหล่ะ น้ำหนักพุ่งไป 95 กก.เลยทีเดียว
! อ้วนมากใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ บอกก่อนเลยว่า เราเป็นคนอ้วนแต่ตั้งเด็ก(เพราะแม่เราเป็นคนโครงใหญ่)และด้วยความที่อยู่กับเด็กผู้ชายมาตั้งแต่เด็กก็เลยติดนิสัยแมนๆมา คือไม่ชอบดูแลตัวเอง ชอบพูดฮะมากกว่าค่ะ และที่สำคัญเราชอบผู้หญิงแหล่ะ(TT') เมื่อก่อนรู้ตัวว่าเป็นทอมนะว่าเอ่อชอบผู้หญิงแล้วชอบทำตัวแมนๆด้วย แต่พอโตมาสักระยะก็รู้สึกว่าเราไม่ชอบให้ใครมองว่าเป็นทอม จะมองว่าเป็นเลสเบี้ยนก็ได้นะเพราะตอนนี้ไม่อยากแมนแล้ว= =
----- มาพูดกันถึงเรื่องตอนลดน้ำหนักกันดีกว่า ที่เราตัดสินใจลดน้ำหนักจากที่ไม่เคยคิดจะลดมาก่อนก็เพราะว่า เราชอบผู้หญิงคนนึง เราชอบนางตอนที่ไปเข้าค่ายด้วยกัน นางน่ารักมากคือตรงสเปคเราอ่ะ(เราชอบผู้หญิงตัวเล็ก ผมยาว ขาว น่ารัก) แล้วตอนกินข้าวด้วยกัน เรารู้สึก.. หวั่นไหวอ่ะ รู้สึกชอบเพราะนางขี้แกล้ง ขี้เล่น (น่ารัก) ก็เลยอยากลดน้ำหนักแล้วไปสารภาพรักดู เผื่อจะฟลุค(5555) แต่การที่เราตัดสินใจลดน้ำหนักก็ไม่ใช่แค่เพราะนางนะ เพราะพี่เนเน่กับพี่แบทด้วยงับ
-----เอาล่ะ ตัดสินใจว่าจะลดน้ำหนักละ หาข้อมูลในเน็ตอย่างเร็วเลย สิ่งแรกที่เจอขั้นตอนแรกคือ การเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน รายการGood Shape Save Cost ของคุณจอหน์ วิญญู
..โอ้ พระเจ้า จะทำได้มั้ยนะเพราะเป็นคนชอบกินมากๆ การกินคือชีวิตเราเลยนะเว้ยTT' แต่ตอนนั้นเรามีแรงบันดาลใจในการลดอยู่ระดับหนึ่ง ก็เลยตัดสินใจลดโดยการนับแคลอรี่ จากที่กินวันละ 2,500-3,000 แคลอรี่ เหลือแค่ 1,000-1,200 แคลอรี่เท่านั้น(ช่วงแรกๆกินไม่ถึง1,000ด้วยซ้ำ) มันทรมานมากๆนะเพราะจากที่ชอบกิน กิน แล้วก็กิน ต้องมานั่งระงับใจตัวเองจากการกินอ่ะ คนผอมแห้งไม่มีวันเข้าใจฟิลลิ่งนี่หรอก ฮ่าๆ ในที่สุดเราก็ตัดสินใจที่จะลดน้ำหนัก
เราขอไม่ระบุนะว่าเราลดโดยการกินอะไรไปบ้าง เราไม่อยากให้หลายๆคนต้องทำตามเรามากนัก เพราะการลดแบบเรามันไม่ถูกต้อง100% เพราะเราดัดแปลงคำแนะนำของคุณจอหน์ให้เข้ากับชีวิตประจำวัน(ชีวิตประจำวันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน) เอาเป็นว่าช่วงแรกๆที่ลดกินแทบไม่ถึง 1,000 แคลอรี่
และแล้ว 2 เดือนต่อมาน้ำหนักเราลงมาอยู่ที่ประมาณ 88 กก. เอ้อ ลืมบอกไปเราไม่ออกกำลังกายนะ เพราะกินน้อยอยู่แล้วทำให้ไม่มีแรงออกกำลังกาย
เวลาผ่านมาสักพักจะเข้าเดือนที่ 3 น้ำหนักก็ลงมาอยู่ที่ประมาณ 83 กก. ^^ ตอนนั้นดีใจมากๆเลยเพราะรู้สึกช่วงเอวมันหายไป(ตั้งแต่ลดนน.มานอนลูบพุงทุกคืนเลย 555')
ตอนนี้ 79 กิโลแล้ววว สู้ต่อไปทาเคชิ
เอ้อ ๆ ลืมบอกอีกละ ช่วงแรกที่ลดนน. หน้ามืดมาก แต่ก็พยายามอัดน้ำเย็นเยอะๆ(กินข้าวมื้อเดียวต่อวันคือมื้อเช้า อีกสามมื้อเป็นพวกผลไม้สลับกับโยเกิร์ต)
น้ำหนักลงมาถึง 70 กก.แล้ว แต่สิ่งที่เราได้รับคือเรากลายเป็นโรคกลัวอาหารเลย กลัวของที่แคลอรี่สูง เช่น พวกโดนัท เคเอฟซี บุฟเฟ่ต์ (เราชอบทานชาบูชิมาก) ของพวกนี้เราจะไม่แตะเลย จนเราแทบไม่มีความสุขกับการกินอีกแล้ว และไอ่ส่วนเกินที่หายๆไปตามร่างกายเนี่ย เหมือนจะเหลือแต่ไขมันที่มันย้วยๆนะ ว่าง่ายๆคือมันไม่เฟิร์มนั่นเอง เพราะไม่ออกกำลังกายอ่ะแหล่ะ ทำไงได้อะก็เรากินน้อยหนิ
น้ำหนักเดินทางมาถึง 68 กก. เราเลยตัดสินใจไปสารภาพรักกับนางดู แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธมาแถมเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางมีแฟนแล้ว(เห็นนางชอบบ่นกับเพื่อนว่าโสดอ่ะTT') ยิ่งไอ่ตอนที่ไม่รู้ว่ามีแฟนแล้วอ่ะยังไปถามนางว่า"เราพอจะมีโอกาสมั้ย?" แต่พอโดนปฏิเสธมา มัน.. รู้สึกหน้าเสียยังไงไม่รู้ ก็เลยหลบหน้านางมาตลอดเลยนะ แต่ก็เข้าใจที่มีบางทีเผลอเจอโดยหลบไม่ทัน นางก็จะพยายามทำตัวเป็นปรกติแล้วเรียกเราว่า"เพื่อน"ตลอด เข้าใจนะว่ามันเป็นการย้ำว่าเราเป็นได้แค่เพื่อน(แต่ไม่ต้องย้ำขนาดนี้ก็ได้นะ
) บอกตรงๆว่าตอนนั้นก็ค่อนข้างหมดกำลังใจลดเลย ฮ่าๆ
พอน้ำหนักถึง 64 กก. เราก็ตัดสินใจว่า เราจะกลับมากินปรกติ เพราะเราไม่มีความสุขกับการกินอาหารเอาซะเลย เพราะเป็นคนกลัวอาหารนั่นนี่ กลัวแคลอรี่มันทรมานนะ เลยอยากแก้โดยการกินให้มากกว่าตอนลด ก็คือกินประมาณ 1,700-2,000 แคลอรี่แล้วแต่วัน แต่ก็ออกกำลังกายบ้างค่ะ นิดๆหน่อยๆพอให้ได้เหงื่อเล็กน้อย แต่เราจะเน้นความต่อเนื่องมากกว่า
จนถึงล่าสุดที่ 62 กก.โดยประมาณ น้ำหนักเริ่มลงช้าละ อาจเพราะขาดแรงบันดาลใจมั้ง ฮ่าๆ จนปัจจุบันนี้ มีปัญหา ขาใหญ่ แขนย้วย แก้มเยอะ มีวิธีลดจุดเหล่านี้ช่วยแชร์หน่อยก็ดีนะคะ (แหะๆ)
***เอาล่ะ ตอนนี้เรายังไม่จัดว่าหุ่นดีเหมือนคนอื่นๆ แต่แค่อยากมาเล่าประสบการณ์ที่ครั้งนึงเคยลดน้ำหนักอ่ะค่ะ
ตอนนี้อาจจะยังไม่ถึงเป้าหมาย เราคิดว่าหลังจากนี้เราอยากจะสร้างความสุขในการกินให้กับตัวเองบ้าง ออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆบ้าง แต่เน้นต่อเนื่องเนอะ
# สำหรับบางคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วงงว่า ไหนว่าแชร์ไง ไม่เห็นมีสูตรลดน้ำหนักที่มันนำไปใช้ได้ดีๆเลย ..นี่ไงล่ะคะ เรากำลังจะบอกหลายๆคนที่กำลังอ่านกระทู้นี้ว่า การที่เราลดน้ำหนักมาได้ แรงบันดาลใจหรือกำลังใจสำคัญที่สุดค่ะ ต่อให้คุณอยากจะลดมากแค่ไหน แต่ไม่มีแรงบันดาลใจหรือกำลังใจ บอกเลยค่ะว่ายาก แรงบันดาลใจของเราก็อย่างที่บอกไปก็คือความรักละมั้งคะ555' ถึงแม้ว่าเราจะไม่สมหวังก็ตามหรือมันจะเป็นแรงบันดาลใจที่ผู้ใหญ่หลายๆคนจะมองว่ามันงี่เง่าก็ตาม แต่มันก็ทำให้เราลดน้ำหนักมาได้ 33 กก.โดยประมาณ ภายในเวลา 9 เดือน ^^
สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังลดน้ำหนักทุกๆคนนะคะ กระทู้เราอาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์กับใครมากนัก แต่เราเชื่อว่ามีหลายคนที่ลดเพื่อความรักอยู่ค่ะ สู้ต่อไปนะคะเป็นกำลังใจให้
ปล.เราหน้าบานมากๆค่ะ ตอนนี้กลายเป็นคนหัวโตไปเลย ติชมได้นะคะ แต่อย่าด่านะ TT'(มีวิธีลดหน้าแบบธรรมชาติมั้ยคะ แชร์ให้กันด้วยนะ) บ๊ายบายยงับ
[เล่า&แชร์]ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเองจากหมูอ้วนเป็นหมูนิ่ม #ฮ่าๆ
***ขอเกร่นนำก่อนเลยนะ เราชื่อเฟินงับ(ขออนุญาตใช้ภาษาคีย์บอร์ดที่เป็นกันเองค่ะ)เราอายุ 17 ย่าง 18 ปี สูงประมาณ 163 เซนติเมตร น้ำหนักตอนที่ตัดสินใจจะลดอยู่ที่ 95 กิโลกรัม(เกือบๆ 96 แหน่ะ) ก่อนหน้านั้นคือเรารู้ตัวนะว่าเราอ่ะอ้วน แต่เราไม่คิดจะลดหรอก อาจเพราะนิสัยเรามันออกสาวห้าวๆละมั้งเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยชอบอะไรที่มันเป็นผู้หญิงมากเท่าไหร่ นี่ก็เป็นผลมาจากตอนเด็กๆชอบเล่นกับเด็กผู้ชาย ก็เลยทำให้ติดนิสัยผู้ชายมาไงล่ะ
เอาล่ะ ! ลองมาดูรูป เราก่อนลดกันนะ (***เราอาจจะเป็นคนไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเท่าไหร่ ต้องขออภัย ถ้ารูปมันไม่เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนค่ะ***)
ตอนนี้ตอน ม.4 นะ น้ำหนักแค่ 90 กิโลกรัม พอม.5 เท่านั้นแหล่ะ น้ำหนักพุ่งไป 95 กก.เลยทีเดียว
! อ้วนมากใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ บอกก่อนเลยว่า เราเป็นคนอ้วนแต่ตั้งเด็ก(เพราะแม่เราเป็นคนโครงใหญ่)และด้วยความที่อยู่กับเด็กผู้ชายมาตั้งแต่เด็กก็เลยติดนิสัยแมนๆมา คือไม่ชอบดูแลตัวเอง ชอบพูดฮะมากกว่าค่ะ และที่สำคัญเราชอบผู้หญิงแหล่ะ(TT') เมื่อก่อนรู้ตัวว่าเป็นทอมนะว่าเอ่อชอบผู้หญิงแล้วชอบทำตัวแมนๆด้วย แต่พอโตมาสักระยะก็รู้สึกว่าเราไม่ชอบให้ใครมองว่าเป็นทอม จะมองว่าเป็นเลสเบี้ยนก็ได้นะเพราะตอนนี้ไม่อยากแมนแล้ว= =
----- มาพูดกันถึงเรื่องตอนลดน้ำหนักกันดีกว่า ที่เราตัดสินใจลดน้ำหนักจากที่ไม่เคยคิดจะลดมาก่อนก็เพราะว่า เราชอบผู้หญิงคนนึง เราชอบนางตอนที่ไปเข้าค่ายด้วยกัน นางน่ารักมากคือตรงสเปคเราอ่ะ(เราชอบผู้หญิงตัวเล็ก ผมยาว ขาว น่ารัก) แล้วตอนกินข้าวด้วยกัน เรารู้สึก.. หวั่นไหวอ่ะ รู้สึกชอบเพราะนางขี้แกล้ง ขี้เล่น (น่ารัก) ก็เลยอยากลดน้ำหนักแล้วไปสารภาพรักดู เผื่อจะฟลุค(5555) แต่การที่เราตัดสินใจลดน้ำหนักก็ไม่ใช่แค่เพราะนางนะ เพราะพี่เนเน่กับพี่แบทด้วยงับ
-----เอาล่ะ ตัดสินใจว่าจะลดน้ำหนักละ หาข้อมูลในเน็ตอย่างเร็วเลย สิ่งแรกที่เจอขั้นตอนแรกคือ การเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน รายการGood Shape Save Cost ของคุณจอหน์ วิญญู
..โอ้ พระเจ้า จะทำได้มั้ยนะเพราะเป็นคนชอบกินมากๆ การกินคือชีวิตเราเลยนะเว้ยTT' แต่ตอนนั้นเรามีแรงบันดาลใจในการลดอยู่ระดับหนึ่ง ก็เลยตัดสินใจลดโดยการนับแคลอรี่ จากที่กินวันละ 2,500-3,000 แคลอรี่ เหลือแค่ 1,000-1,200 แคลอรี่เท่านั้น(ช่วงแรกๆกินไม่ถึง1,000ด้วยซ้ำ) มันทรมานมากๆนะเพราะจากที่ชอบกิน กิน แล้วก็กิน ต้องมานั่งระงับใจตัวเองจากการกินอ่ะ คนผอมแห้งไม่มีวันเข้าใจฟิลลิ่งนี่หรอก ฮ่าๆ ในที่สุดเราก็ตัดสินใจที่จะลดน้ำหนัก
เราขอไม่ระบุนะว่าเราลดโดยการกินอะไรไปบ้าง เราไม่อยากให้หลายๆคนต้องทำตามเรามากนัก เพราะการลดแบบเรามันไม่ถูกต้อง100% เพราะเราดัดแปลงคำแนะนำของคุณจอหน์ให้เข้ากับชีวิตประจำวัน(ชีวิตประจำวันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน) เอาเป็นว่าช่วงแรกๆที่ลดกินแทบไม่ถึง 1,000 แคลอรี่
และแล้ว 2 เดือนต่อมาน้ำหนักเราลงมาอยู่ที่ประมาณ 88 กก. เอ้อ ลืมบอกไปเราไม่ออกกำลังกายนะ เพราะกินน้อยอยู่แล้วทำให้ไม่มีแรงออกกำลังกาย
เวลาผ่านมาสักพักจะเข้าเดือนที่ 3 น้ำหนักก็ลงมาอยู่ที่ประมาณ 83 กก. ^^ ตอนนั้นดีใจมากๆเลยเพราะรู้สึกช่วงเอวมันหายไป(ตั้งแต่ลดนน.มานอนลูบพุงทุกคืนเลย 555')
ตอนนี้ 79 กิโลแล้ววว สู้ต่อไปทาเคชิ
เอ้อ ๆ ลืมบอกอีกละ ช่วงแรกที่ลดนน. หน้ามืดมาก แต่ก็พยายามอัดน้ำเย็นเยอะๆ(กินข้าวมื้อเดียวต่อวันคือมื้อเช้า อีกสามมื้อเป็นพวกผลไม้สลับกับโยเกิร์ต)
น้ำหนักลงมาถึง 70 กก.แล้ว แต่สิ่งที่เราได้รับคือเรากลายเป็นโรคกลัวอาหารเลย กลัวของที่แคลอรี่สูง เช่น พวกโดนัท เคเอฟซี บุฟเฟ่ต์ (เราชอบทานชาบูชิมาก) ของพวกนี้เราจะไม่แตะเลย จนเราแทบไม่มีความสุขกับการกินอีกแล้ว และไอ่ส่วนเกินที่หายๆไปตามร่างกายเนี่ย เหมือนจะเหลือแต่ไขมันที่มันย้วยๆนะ ว่าง่ายๆคือมันไม่เฟิร์มนั่นเอง เพราะไม่ออกกำลังกายอ่ะแหล่ะ ทำไงได้อะก็เรากินน้อยหนิ
น้ำหนักเดินทางมาถึง 68 กก. เราเลยตัดสินใจไปสารภาพรักกับนางดู แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธมาแถมเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางมีแฟนแล้ว(เห็นนางชอบบ่นกับเพื่อนว่าโสดอ่ะTT') ยิ่งไอ่ตอนที่ไม่รู้ว่ามีแฟนแล้วอ่ะยังไปถามนางว่า"เราพอจะมีโอกาสมั้ย?" แต่พอโดนปฏิเสธมา มัน.. รู้สึกหน้าเสียยังไงไม่รู้ ก็เลยหลบหน้านางมาตลอดเลยนะ แต่ก็เข้าใจที่มีบางทีเผลอเจอโดยหลบไม่ทัน นางก็จะพยายามทำตัวเป็นปรกติแล้วเรียกเราว่า"เพื่อน"ตลอด เข้าใจนะว่ามันเป็นการย้ำว่าเราเป็นได้แค่เพื่อน(แต่ไม่ต้องย้ำขนาดนี้ก็ได้นะ ) บอกตรงๆว่าตอนนั้นก็ค่อนข้างหมดกำลังใจลดเลย ฮ่าๆ
พอน้ำหนักถึง 64 กก. เราก็ตัดสินใจว่า เราจะกลับมากินปรกติ เพราะเราไม่มีความสุขกับการกินอาหารเอาซะเลย เพราะเป็นคนกลัวอาหารนั่นนี่ กลัวแคลอรี่มันทรมานนะ เลยอยากแก้โดยการกินให้มากกว่าตอนลด ก็คือกินประมาณ 1,700-2,000 แคลอรี่แล้วแต่วัน แต่ก็ออกกำลังกายบ้างค่ะ นิดๆหน่อยๆพอให้ได้เหงื่อเล็กน้อย แต่เราจะเน้นความต่อเนื่องมากกว่า
จนถึงล่าสุดที่ 62 กก.โดยประมาณ น้ำหนักเริ่มลงช้าละ อาจเพราะขาดแรงบันดาลใจมั้ง ฮ่าๆ จนปัจจุบันนี้ มีปัญหา ขาใหญ่ แขนย้วย แก้มเยอะ มีวิธีลดจุดเหล่านี้ช่วยแชร์หน่อยก็ดีนะคะ (แหะๆ)
***เอาล่ะ ตอนนี้เรายังไม่จัดว่าหุ่นดีเหมือนคนอื่นๆ แต่แค่อยากมาเล่าประสบการณ์ที่ครั้งนึงเคยลดน้ำหนักอ่ะค่ะ ตอนนี้อาจจะยังไม่ถึงเป้าหมาย เราคิดว่าหลังจากนี้เราอยากจะสร้างความสุขในการกินให้กับตัวเองบ้าง ออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆบ้าง แต่เน้นต่อเนื่องเนอะ
# สำหรับบางคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วงงว่า ไหนว่าแชร์ไง ไม่เห็นมีสูตรลดน้ำหนักที่มันนำไปใช้ได้ดีๆเลย ..นี่ไงล่ะคะ เรากำลังจะบอกหลายๆคนที่กำลังอ่านกระทู้นี้ว่า การที่เราลดน้ำหนักมาได้ แรงบันดาลใจหรือกำลังใจสำคัญที่สุดค่ะ ต่อให้คุณอยากจะลดมากแค่ไหน แต่ไม่มีแรงบันดาลใจหรือกำลังใจ บอกเลยค่ะว่ายาก แรงบันดาลใจของเราก็อย่างที่บอกไปก็คือความรักละมั้งคะ555' ถึงแม้ว่าเราจะไม่สมหวังก็ตามหรือมันจะเป็นแรงบันดาลใจที่ผู้ใหญ่หลายๆคนจะมองว่ามันงี่เง่าก็ตาม แต่มันก็ทำให้เราลดน้ำหนักมาได้ 33 กก.โดยประมาณ ภายในเวลา 9 เดือน ^^
สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังลดน้ำหนักทุกๆคนนะคะ กระทู้เราอาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์กับใครมากนัก แต่เราเชื่อว่ามีหลายคนที่ลดเพื่อความรักอยู่ค่ะ สู้ต่อไปนะคะเป็นกำลังใจให้
ปล.เราหน้าบานมากๆค่ะ ตอนนี้กลายเป็นคนหัวโตไปเลย ติชมได้นะคะ แต่อย่าด่านะ TT'(มีวิธีลดหน้าแบบธรรมชาติมั้ยคะ แชร์ให้กันด้วยนะ) บ๊ายบายยงับ