.
.
ปัญหาปวดใจ😫 แทงใจ😩
คนทำเค้ก แทบทุกคนต้องเคยประสบ แม้จะไม่ใช่มือใหม่หัดอบ
บางทีก็เผลอพลาดได้ การที่ลูกน้อย (น้องเค้ก) เราไม่ฟู มีได้หลายประการค่ะ
มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
.
.
.
1️⃣หนึ่ง!
สำคัญสุดคือคุณภาพของ Leavening agent หรือสารที่ทำให้เกิดการขึ้นฟู
ซึ่งหลักๆที่เราใช้กันคือยีสต์ เบคกิ้งโซดา เบคกิ้งพาวเดอร์
สำหรับคนที่อบขนมบ่อยๆ ใช้แล้วหมดเร็วอย่างดิฉันคงไม่มีปัญหา
แต่สำหรับคนที่นานๆอบขนมที ขอให้ทำการเช็คคุณภาพก่อนการอบทุกครั้งเลย
คุณไม่จำเป็นต้องเช็คแบบก้อนนนก่อนให้ฉุกละหุก (เพราะถ้าเสื่อมคุณภาพ
จะพาอารมณ์เสื่อมแล้วล้มเลิกการทำขนมซะ
เช็คเค้าก่อนซักสองสามวันจะได้มีเวลาหาซื้อใหม่ได้)
✅วิธีการเช็คคุณภาพ (อันนี้เคยเขียนไว้แล้วใน เรื่องต้องรู้ก่อนอบขนม 1 แต่ขอพูดซ้ำเพราะเป็นหัวข้อของวันนี้)
1. ยีสต์: (ใช้ถ้วยขนาด 1 ถ้วยตวง) ผสมน้ำตาล 1 ชช.กับน้ำอุ่น (44-45
องศาเซลเซียส) 1/4 ถ้วย จากนั้นเติมยีสต์ 2 ¼ ชช. ลงไป รอ 10 นาที
ถ้าเกิดฟองจนสูงถึงขีด ½ ถ้วยตวงก็แปลว่าใช้ได้
2. เบคกิ้งโซดา: ผสมเบคกิ้งโซดา ¼ ชช. กับน้ำส้มสายชู 2 ชช. ถ้าผสมแล้วเกิดฟอง แสดงว่าใช้ได้
3. เบคกิ้งพาวเดอร์: ผสมเบคกิ้งพาวเดอร์ 1 ชช. กับน้ำอุ่นเกือบร้อน 1/3 ถ้วย ถ้าผสมแล้วเกิดฟอง แสดงว่าใช้ได้
.
.[img]http://f.ptcdn.info/582/042/000/o70roph1vmaAbJB6mB0-o.jpg[/img
.
2️⃣สอง!
สำหรับสูตรเค้กที่ต้องการให้มีเนื้อเบามากๆจะใช้วิธีทำ creaming (ตีน้ำตาลกับเนย ไข่)
1. การ creaming ให้ทำทีความเร็วปานกลาง
และทำนานพอที่จะทำให้อากาศเข้าไปใน cream (การตีควรทำอย่างน้อย 5
นาทีขึ้นไปจนได้ครีมที่ฟูและกลายเป็นสีอ่อน)
2. การตีที่ความเร็วเกินไป จะทำให้เค็กฟู แต่แฟบตอนหลัง
3. พอทำครีมได้ทีก็ใส่ส่วนผสมแป้ง ก็ต้องทำอย่างนุ่มนวล
.
.
.
3️⃣สาม!
ส่วนผสมที่ไม่บาลานซ์‼️ การทำเค็ก ปริมาณของส่วนผสมนั้นสำคัญ
ใครที่เป็นมือใหม่ หรืออบสูตรใหม่ขอให้ตวงตามที่สูตรบอก อย่าใช้การกะเอา
(อันนั้นให้โปรเค้าทำกัน)
1. แป้งและไข่
เป็นตัวหลักในการสร้างเนื้อตัวของเค้ก ในขณะที่ไขมันและน้ำตาลจะตรงกันข้าม
คือทำให้เค้กนุ่มเบา ถ้าแป้ง/ไข่มากไปเค้กก็แห้งเกิน
ถ้าไขมัน/น้ำตาลมากไปเค้กก็จะไม่เซ็ทตัวและแฉะ
2. การตวงของแห้งเช่นแป้งหรือน้ำตาล เวลาตักแล้วอย่ากด ให้ตักส่วนผสมขึ้นมาและหามีดมาปาดหน้า เพื่อปริมาณที่ถูกต้อง
3. การใส่ผลไม้หรือถั่วในเค้กมากไปก็จะทำให้เค็กไม่ฟู (อันนี้เจอบ่อยค่ะ แฟนเพจหลายคนมือหนัก😝
อยากทำมัฟฟิ่นแบบจัดเต็ม
เลยใส่ผลไม้เยอะมากผลที่ออกมาคือมัฟฟิ่นเรียบร้อยมาก คือหน้าเรียบสุดๆ
แต่ถ้าอร่อยถูกใจและไม่มายด์ก็ทำไปเถอะค่ะ เราทำเอง เราอร่อยเอง
ไม่ได้ไปโชว์ใคร...ดิฉันเองก็ทำบ้างเป็นบางครั้ง😁) ลองสังเกตุ fruit cake สิคะ แน่นปึกด้วยผลไม้ หามีความฟูไม่!
4. การใส่ Leavening agent มากไป ก็ทำให้เค้กแฟบได้เช่นกัน แถมทำให้รสชาติเพี้ยนด้วย
.
.
.
4️⃣สี่
อย่า‼️ overmix การผสมเค้ก ขอให้ผสมแค่ให้พอเข้ากัน ไม่ต้องกวน
ไม่ต้องผสมจนเป็นครีมเนียนสวย (ยกเว้นสูตรบอก)
เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้ส่วนประกอบของแป้งเค้าเปลี่ยนไป
ผลที่ได้คือเนื้อเค้กแข็ง แน่น (ลองนึกถึงการกวนแป้งเปียกสิคะ
ยิ่งกวนยิ่งเหนียว ติดหนึบ)
.
.
.
5️⃣ห้า!
อุณหภูมิเตาที่ไม่เหมาะสม♨️ ความร้อนหรืออุณหภูมิภายในเตาอบจะทำให้ baking
powder เกิดปฎิกิริยาและก่อให้เกิด air bubbles หรืออากาศในเค้ก
ความร้อนที่เหมาะสมมีผลต่อโครงสร้างของเค้ก
มีผลที่จะทำให้เค้กฟูก่อนที่จะเซ็ทตัว
ถ้าอุณหูมิภายในเตาร้อนเกินไปเค้กก็อาจจะเซ็ทตัวเร็วก่อนที่ air bubbles
จะถูกสร้าง หรือถ้าความร้อนไม่ถึง
เค้กก็จะฟูขึ้นเร็วเกินไปและแฟบลงก่อนที่เค้กจะเซ็ทตัว
.
.
.
6️⃣หก!
เปิดเตาอบระหว่างการอบ (ในช่วงแรกๆ) บางคนอาจร้อนใจจ้องเมื่อไหร่เค้กจะได้ที่ๆๆๆ จนสติลอย มือลอยไปเปิดเตาแล้วแอบเหล่ดูเค้ก👀 เป็นไงล่ะ เค้กแฟบตรงกลางเลย😓
(อย่างที่บอกว่าความร้อนที่เหมาะสมมีผลต่อโครงสร้างของเค้ก) ถ้ากล้วเค้กจะ
overbake แล้วจะเช็ค ให้เช็ค 5 นาทีก่อนเวลาที่สูตรบอกว่าโอเค
แนะนำให้ตั้งเวลาโดยมีเสียงเตือน
และระหว่างนี้ก็ทำการเก็บและล้างข้าวของให้เรียบร้อย
(หาอะไรทำจะได้ไม่ต้องมาพะวง บางคนอาจคิดว่าล้างทีเดียวดีกว่า
แต่บางทีการล้างทีเดียวมันก็อาจมีของต้องล้างมากเกินไป
แล้วพอเวลาล้างจริงๆมันเหนื่อยค่ะ! ทะยอยล้างดีกว่ามั้ย)
.
.
.
7️⃣เจ็ด
ขนาดของพิมพ์และการใส่ batter ที่ไม่เหมาะกัน
1. พิมพ์ใหญ่ไป เค็กก็ดูไม่ฟู
2. การใส่ batter มากไป (จนปริ่มขอบพิมพ์ เค้กก็ไม่สามารถฟูขึ้นได้) ให้เติมแค่ เกือบเต็ม หรือ ¾ ของความสูงของพิมพ์
.
ลงทุนทำให้ดูเลยนะเนี่ย
.
.
วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะค่ะ ข้อมูลมากไปก็อาจไม่ไหวจะจำ
และแม่พลอยก็ขอคิดและรวบรวมด้วย ว่าแต่ ...อ่านแล้วอย่าถอดใจนะคะ
การทำเค้กเข้าครัวมันเหมือนการทดลองค่ะ
ทำๆไปจากการทดลองที่อาจมีถูกบ้างผิดบ้างมันก็กลายเป็นการปฏิบัติที่เราชิน
และได้ผลที่ดี ดีขึ้นในที่สุด✌🏻️
.
.
.
สำหรับแฟนเพจหน้าใหม่ แม่พลอยมี เรื่องต้องรู้ก่อนอบขนม 1-2 มาให้อ่านด้วย คลิ๊กลิงค์เลยค่ะ
🎯เรื่องต้องรู้ก่อนอบขนม 1
https://www.facebook.com/maekruasanfran101/posts/492134134304701
🎯เรื่องต้องรู้ก่อนอบขนม 2: 🎯 การใช้ส่วนผสมอื่นทดแทน "ไขมัน"
https://www.facebook.com/maekruasanfran101/posts/498144943703620
.
.
.
ขอบคุณที่ตามอ่านกันค่ะ 🤗
แม่พลอยซานฟราน
😰ทำไมเค้กชั้นไม่ฟู😨!!!!!! 🤔เรื่องต้องรู้ก่อนอบขนม 3: Baking 101 ของแม่พลอยซานฟราน
.
.
ปัญหาปวดใจ😫 แทงใจ😩
คนทำเค้ก แทบทุกคนต้องเคยประสบ แม้จะไม่ใช่มือใหม่หัดอบ
บางทีก็เผลอพลาดได้ การที่ลูกน้อย (น้องเค้ก) เราไม่ฟู มีได้หลายประการค่ะ
มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
.
.
.
1️⃣หนึ่ง!
สำคัญสุดคือคุณภาพของ Leavening agent หรือสารที่ทำให้เกิดการขึ้นฟู
ซึ่งหลักๆที่เราใช้กันคือยีสต์ เบคกิ้งโซดา เบคกิ้งพาวเดอร์
สำหรับคนที่อบขนมบ่อยๆ ใช้แล้วหมดเร็วอย่างดิฉันคงไม่มีปัญหา
แต่สำหรับคนที่นานๆอบขนมที ขอให้ทำการเช็คคุณภาพก่อนการอบทุกครั้งเลย
คุณไม่จำเป็นต้องเช็คแบบก้อนนนก่อนให้ฉุกละหุก (เพราะถ้าเสื่อมคุณภาพ
จะพาอารมณ์เสื่อมแล้วล้มเลิกการทำขนมซะ
เช็คเค้าก่อนซักสองสามวันจะได้มีเวลาหาซื้อใหม่ได้)
✅วิธีการเช็คคุณภาพ (อันนี้เคยเขียนไว้แล้วใน เรื่องต้องรู้ก่อนอบขนม 1 แต่ขอพูดซ้ำเพราะเป็นหัวข้อของวันนี้)
1. ยีสต์: (ใช้ถ้วยขนาด 1 ถ้วยตวง) ผสมน้ำตาล 1 ชช.กับน้ำอุ่น (44-45
องศาเซลเซียส) 1/4 ถ้วย จากนั้นเติมยีสต์ 2 ¼ ชช. ลงไป รอ 10 นาที
ถ้าเกิดฟองจนสูงถึงขีด ½ ถ้วยตวงก็แปลว่าใช้ได้
2. เบคกิ้งโซดา: ผสมเบคกิ้งโซดา ¼ ชช. กับน้ำส้มสายชู 2 ชช. ถ้าผสมแล้วเกิดฟอง แสดงว่าใช้ได้
3. เบคกิ้งพาวเดอร์: ผสมเบคกิ้งพาวเดอร์ 1 ชช. กับน้ำอุ่นเกือบร้อน 1/3 ถ้วย ถ้าผสมแล้วเกิดฟอง แสดงว่าใช้ได้
.
.[img]http://f.ptcdn.info/582/042/000/o70roph1vmaAbJB6mB0-o.jpg[/img
.
2️⃣สอง!
สำหรับสูตรเค้กที่ต้องการให้มีเนื้อเบามากๆจะใช้วิธีทำ creaming (ตีน้ำตาลกับเนย ไข่)
1. การ creaming ให้ทำทีความเร็วปานกลาง
และทำนานพอที่จะทำให้อากาศเข้าไปใน cream (การตีควรทำอย่างน้อย 5
นาทีขึ้นไปจนได้ครีมที่ฟูและกลายเป็นสีอ่อน)
2. การตีที่ความเร็วเกินไป จะทำให้เค็กฟู แต่แฟบตอนหลัง
3. พอทำครีมได้ทีก็ใส่ส่วนผสมแป้ง ก็ต้องทำอย่างนุ่มนวล
.
.
.
3️⃣สาม!
ส่วนผสมที่ไม่บาลานซ์‼️ การทำเค็ก ปริมาณของส่วนผสมนั้นสำคัญ
ใครที่เป็นมือใหม่ หรืออบสูตรใหม่ขอให้ตวงตามที่สูตรบอก อย่าใช้การกะเอา
(อันนั้นให้โปรเค้าทำกัน)
1. แป้งและไข่
เป็นตัวหลักในการสร้างเนื้อตัวของเค้ก ในขณะที่ไขมันและน้ำตาลจะตรงกันข้าม
คือทำให้เค้กนุ่มเบา ถ้าแป้ง/ไข่มากไปเค้กก็แห้งเกิน
ถ้าไขมัน/น้ำตาลมากไปเค้กก็จะไม่เซ็ทตัวและแฉะ
2. การตวงของแห้งเช่นแป้งหรือน้ำตาล เวลาตักแล้วอย่ากด ให้ตักส่วนผสมขึ้นมาและหามีดมาปาดหน้า เพื่อปริมาณที่ถูกต้อง
3. การใส่ผลไม้หรือถั่วในเค้กมากไปก็จะทำให้เค็กไม่ฟู (อันนี้เจอบ่อยค่ะ แฟนเพจหลายคนมือหนัก😝
อยากทำมัฟฟิ่นแบบจัดเต็ม
เลยใส่ผลไม้เยอะมากผลที่ออกมาคือมัฟฟิ่นเรียบร้อยมาก คือหน้าเรียบสุดๆ
แต่ถ้าอร่อยถูกใจและไม่มายด์ก็ทำไปเถอะค่ะ เราทำเอง เราอร่อยเอง
ไม่ได้ไปโชว์ใคร...ดิฉันเองก็ทำบ้างเป็นบางครั้ง😁) ลองสังเกตุ fruit cake สิคะ แน่นปึกด้วยผลไม้ หามีความฟูไม่!
4. การใส่ Leavening agent มากไป ก็ทำให้เค้กแฟบได้เช่นกัน แถมทำให้รสชาติเพี้ยนด้วย
.
.
.
4️⃣สี่
อย่า‼️ overmix การผสมเค้ก ขอให้ผสมแค่ให้พอเข้ากัน ไม่ต้องกวน
ไม่ต้องผสมจนเป็นครีมเนียนสวย (ยกเว้นสูตรบอก)
เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้ส่วนประกอบของแป้งเค้าเปลี่ยนไป
ผลที่ได้คือเนื้อเค้กแข็ง แน่น (ลองนึกถึงการกวนแป้งเปียกสิคะ
ยิ่งกวนยิ่งเหนียว ติดหนึบ)
.
.
.
5️⃣ห้า!
อุณหภูมิเตาที่ไม่เหมาะสม♨️ ความร้อนหรืออุณหภูมิภายในเตาอบจะทำให้ baking
powder เกิดปฎิกิริยาและก่อให้เกิด air bubbles หรืออากาศในเค้ก
ความร้อนที่เหมาะสมมีผลต่อโครงสร้างของเค้ก
มีผลที่จะทำให้เค้กฟูก่อนที่จะเซ็ทตัว
ถ้าอุณหูมิภายในเตาร้อนเกินไปเค้กก็อาจจะเซ็ทตัวเร็วก่อนที่ air bubbles
จะถูกสร้าง หรือถ้าความร้อนไม่ถึง
เค้กก็จะฟูขึ้นเร็วเกินไปและแฟบลงก่อนที่เค้กจะเซ็ทตัว
.
.
.
6️⃣หก!
เปิดเตาอบระหว่างการอบ (ในช่วงแรกๆ) บางคนอาจร้อนใจจ้องเมื่อไหร่เค้กจะได้ที่ๆๆๆ จนสติลอย มือลอยไปเปิดเตาแล้วแอบเหล่ดูเค้ก👀 เป็นไงล่ะ เค้กแฟบตรงกลางเลย😓
(อย่างที่บอกว่าความร้อนที่เหมาะสมมีผลต่อโครงสร้างของเค้ก) ถ้ากล้วเค้กจะ
overbake แล้วจะเช็ค ให้เช็ค 5 นาทีก่อนเวลาที่สูตรบอกว่าโอเค
แนะนำให้ตั้งเวลาโดยมีเสียงเตือน
และระหว่างนี้ก็ทำการเก็บและล้างข้าวของให้เรียบร้อย
(หาอะไรทำจะได้ไม่ต้องมาพะวง บางคนอาจคิดว่าล้างทีเดียวดีกว่า
แต่บางทีการล้างทีเดียวมันก็อาจมีของต้องล้างมากเกินไป
แล้วพอเวลาล้างจริงๆมันเหนื่อยค่ะ! ทะยอยล้างดีกว่ามั้ย)
.
.
.
7️⃣เจ็ด
ขนาดของพิมพ์และการใส่ batter ที่ไม่เหมาะกัน
1. พิมพ์ใหญ่ไป เค็กก็ดูไม่ฟู
2. การใส่ batter มากไป (จนปริ่มขอบพิมพ์ เค้กก็ไม่สามารถฟูขึ้นได้) ให้เติมแค่ เกือบเต็ม หรือ ¾ ของความสูงของพิมพ์
.
ลงทุนทำให้ดูเลยนะเนี่ย
.
.
วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะค่ะ ข้อมูลมากไปก็อาจไม่ไหวจะจำ
และแม่พลอยก็ขอคิดและรวบรวมด้วย ว่าแต่ ...อ่านแล้วอย่าถอดใจนะคะ
การทำเค้กเข้าครัวมันเหมือนการทดลองค่ะ
ทำๆไปจากการทดลองที่อาจมีถูกบ้างผิดบ้างมันก็กลายเป็นการปฏิบัติที่เราชิน
และได้ผลที่ดี ดีขึ้นในที่สุด✌🏻️
.
.
.
สำหรับแฟนเพจหน้าใหม่ แม่พลอยมี เรื่องต้องรู้ก่อนอบขนม 1-2 มาให้อ่านด้วย คลิ๊กลิงค์เลยค่ะ
🎯เรื่องต้องรู้ก่อนอบขนม 1 https://www.facebook.com/maekruasanfran101/posts/492134134304701
🎯เรื่องต้องรู้ก่อนอบขนม 2: 🎯 การใช้ส่วนผสมอื่นทดแทน "ไขมัน" https://www.facebook.com/maekruasanfran101/posts/498144943703620
.
.
.
ขอบคุณที่ตามอ่านกันค่ะ 🤗
แม่พลอยซานฟราน