เรียน WM และเพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน
กระทู้คำถามนี้มิได้มีจุดประสงค์เพื่อชี้นำให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียงหรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เพียงแต่มีข้อสงสัยบางประการเกี่ยวกับบางมาตราในการบังคับปฏิบัติจริงของคณะทำงานตามรัฐธรรมนูญ 2559 เท่านั้น ยังคงเคารพในสิทธิ์และเสียงของผู้มีสิทธิ์ของผู้มีสิทธิ์ทุกฝ่ายและพร้อมที่จะยอมรับผลของประชามติของประชาชนทั้งประเทศหลังจากผ่านการทำประชามติแล้ว ทั้งหมดนี้คือเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนในการนำรัฐธรรมนูญมาบังคับใช้ให้สมดังเจตนาปฏิรูปประเทศไทยเพื่อประชาธิปไตยอันยั่งยืน
ใกล้วันลงประชามติมาแล้วทุกขณะ เหลือเวลาอีกเพียง 108 วันก็จะถึงวันลงประชามติ รับ-ไม่รับร่างรับธรรมนูญ 2559 พร้อมกับคำถามพ่วงท้าย โหวตนายกรัฐมนตรีของ 250 สว. ว่าจะได้หรือไม่ได้ นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของระบอบประชาธิปไตยฯ ของประเทศไทยที่บทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติอาจก้าวข้ามเข้ามามีบทบาทต่อฝ่ายบริหารที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ยังคงมีคำถามมากมายว่าหากประชามติไม่ผ่านแล้วเราจะเอารัฐธรรมนูญฉบับไหนมาใช้ หรือบทเฉพาะกาลอะไรเพื่อมารองรับการเลือกตั้งแล้วเลือกตั้งเสร็จค่อยมาว่ากันเรื่องรัฐธรรมนูญ หรือจะนำกลับไปแก้ไขใหม่แล้วนำกลับมาโหวตอีกครั้ง ทุกอย่างยังไม่มีคำตอบเป็นรูปธรรมชัดเจน แต่หากเกิดกรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการลงประชามติ ก็เป็นเรื่องที่ชอบธรรมสำหรับการบังคับใช้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มันจึงเกิดคำถามขึ้นมาในใจของผมว่า หากเกิดรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งภายใต้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เสถียรภาพจะเป็นเช่นไร
(เบื้องต้นยังไม่นับรวมเรื่อง 250 สว. โหวตนายกฯได้หรือไม่ได้)
ผมลองมาไล่ไทม์ไลน์ของการจับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแขวนอยู่บนเส้นด้าย จะบีบก็ตายจะคลายก็รอดดูตามลำดับความได้คร่าวๆดังนี้
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ สว. มาจากการสรรหาทั้งหมดโดย คสช. ตามมาตรา 269
มาตรา ๒๐๐ ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจำนวนเก้าคน
มาตรา ๒๐๔ ผู้ได้รับการคัดเลือกหรือสรรหาเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา สรุปแล้วคือ สว. ที่มาจาก คสช. แต่งตั้ง คณะ ตลก มาอีกที
ในกรณีใช้อำนาจทางศาลรัฐธรรมนูญในการล้มรัฐบาลประชาชน หรือเกิดกรณี 2 มาตรฐานอีกครั้ง (ไม่ไม่จำกัดนะครับว่าจะมาจากทางขั้วการเมืองไหน จะเป็นเพื่อไทยก็ได้ หรือประชาธิปัตย์ก็ได้) หรือแม้กระทั่งการรอการขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคนนอกจึงจำเป็นที่จะต้องเอาผิดรัฐบาลประชาชนให้ได้เสียก่อน ก็สามารถทำได้โดยใช้
มาตรา ๘๒ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก ว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งแห่งสภานั้นสิ้นสุดลงตามมาตรา ๑๐๑ (๓)(๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐) หรือ (๑๒) หรือมาตรา ๑๑๑ (๓) (๔) (๕) หรือ (๗) แล้วแต่กรณี และให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับคำร้อง ส่งคำร้องนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้นั้นสิ้นสุดลงหรือไม่
จากมาตรา 82 มีสิ่งที่สามารถเชื่อมต่อเพื่อเอาผิดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ตาม
มาตรา 101 ข้อที่ 7 กระทำการอันเป็นการต้องห้ามตาม
มาตรา ๑๘๔ หรือมาตรา ๑๘๕
ภาพแสดงมาตรา 101 ข้อที่ 7
ภาพแสดงมาตรา 185
มาตรา ๑๘๕ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภากระทำการใดๆ อันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมืองไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในเรื่องดังต่อไปนี้
(๑) การปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการส่วนท้องถิ่น
(๒) กระทำการในลักษณะที่ทำให้ตนมีส่วนร่วมในการใช้จ่ายเงินงบประมาณ หรือให้ความเห็นชอบในการจัดทำโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐ เว้นแต่เป็นการดำเนินการในกิจการของรัฐสภา
(๓) การบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนเงินเดือนหรือการให้พ้นจากตำแหน่งของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำและมิใช่ข้าราชการการเมือง พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการส่วนท้องถิ่น
จากทั้ง 3 ข้อในมาตรา 185 นี้ หากเกิดกรณี 2 มาตรฐานขึ้นมาในการตัดสินความของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็สามารถกระทำการได้โดยง่ายเช่นในอดีตที่ผ่านมา เพราะสามารถตีความออกไปได้กว้างและออกได้ทุกทางว่าผิดจริงหรือไม่ผิด ฉะนั้นแล้วเราจะมีความเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าจะไม่เกิดกรณีนี้ขึ้น การตีความเพื่อเอาผิดจากกรณีทางการเมืองต่างๆก็มีให้เห็นดังเช่นอดีต เช่นทำกับข้าวออกทีวียังผิด สั่งย้ายข้าราชการที่ทำหน้าที่ไม่ได้ก็ยังผิด เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าทำอะไรแล้วจะไม่ผิด ในเมื่อทำหน้าที่รัฐบาลก็คงหลีกเลี่ยงที่จะมีภาระกิจต่างๆมากมายที่จะทำ หากจะตีความเอาผิดโดยคณะ ตลก ที่ถูกแต่งตั้งมาจาก สว. สรรหา ที่ถูกแต่งตั้งมาจากบุคคลคณะเดียว ก็สามารถดำเนินการได้ทุกเมื่อ
ในการลงประชามติในครั้งนี้ มีเรื่องของคำถามพ่วงท้ายเกี่ยวกับ สว. สามารถโหวตนายกฯได้ หากร่าง รธน. ผ่านประชามติ แม้คำถามจะผ่านหรือไม่ก็ตามแต่ก็จะช่องทางในการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรานี้ได้ตาม มาตรา 256 แต่ถ้าคำถามพ่วงท้ายผ่านโหวตมาด้วยแล้วเป็นไปได้สูงที่จะถูกบรรจุเพิ่มเติมเข้าไปในรัฐธรรมนูญ ทำให้มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เราอาจจะมีนายกรัฐมนตรีคนนอกเข้ามากำกับการทำงานของฝ่ายบริหารอีกที หรือเบื้องต้นอาจจะยังไม่รับตำแหน่งเพื่อความสง่างาม แต่รอให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนถูกตัดสินความทางการเมืองเสียก่อน แล้วค่อยรอการโหวตขึ้นนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็สามารถทำได้
หากรัฐธรรมนูญหากมีปัญหาในการนำมาใช้จริงและซ่อนอะไรต่างๆไว้มากมายภายในนั้นภายใต้เปลือกนอกที่ตีตราไว้ว่าประชาธิปไตย รัฐบาลที่มาจากเสียงของประชาชนถูกจับเชือดเมื่อไหร่ก็ได้ จึงไม่เป็นผลดีแน่นอน อยากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพเช่นทองชุบเป็นต้น แม้ภายนอกจะดูสวยงามแต่ข้างในไม่ใช่ทอง ใส่แป๊บเดียวมันก็ลอก จะนำไปขายร้านทองก็ไม่รับซื้อ หากเปรียบเทียบกับทองจริงแม้จะไม่สวยสดแต่เอาไปชั่งขายก็ได้ราคาเท่ากับทองใหม่หรือน้อยกว่ากันไม่มาก ประชาธิปไตยแบบทองชุบไม่สามารถลวงตาเหล่านานาชาติได้นานนัก และไม่สามารถให้กลุ่มประเทศประชาธิปไตยด้วยกันยอมรับด้วยความสนิทใจ อย่าลืมคำว่าประชาธิปไตยฯต้องเป็นประชาธิปไตยฯ อย่าได้เป็นเพียงชื่อซึ่งการนำมาใช้จริงกลับสวนทางกับชื่อมันไม่เกิดประโยชน์ต่อทั้งภาพลักษณ์ สังคม เศรษฐกิจ และการยอมรับจากนานาชาติ
วันนี้เรามีโอกาสแก้ไขข้อบกพร่องและรัฐธรรมนูญที่เคยสร้างปัญหาให้กับการเมืองไทย ผมจึงอยากที่จะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยจริงและยั่งยืนจริงๆให้สมกับเวลาที่เสียไป ประเทศหยุดนิ่งมาเป็นเวลาหนึ่งแล้ว หากเราไม่ได้อะไรเลยก็ไม่ต่างอะไรไปจากเอาเวลาเอางบประมาณของประเทศชาติไปทิ้งเหวโดยเปล่าประโยชน์ สำหรับคนที่เห็นด้วยกับการรัฐประหารที่ผ่านมาความรู้สึกอาจไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารแล้วยอมอดทนรอเพื่อที่จะมีวันนี้ วันที่จะได้มีประชาธิปไตยฯที่ยั่งยืนแต่กลับได้ในสิ่งที่ตรงกันข้าม นอกจากไม่ยั่งยืนแล้วยังพร้อมจะล้มได้ทุกเมื่อ เสียงของประชาชนมีค่าเพียงตีตราให้ว่าเราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยฯเท่านั้นหรือ และความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นมันคืออะไร...
อ่านร่างรัฐธรรมนูญ 2559 ได้ตามลิ้งค์นี้
http://cdc.parliament.go.th/draftconstitution2/ewt_dl_link.php?nid=429&filename=index%E2%80%9C
The Mario 21 เมษายน 2559 16.40 น
หากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ประชาธิปไตยแบบทองชุบ เสียงของประชาชนไม่มีค่า (The Mario)
กระทู้คำถามนี้มิได้มีจุดประสงค์เพื่อชี้นำให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียงหรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เพียงแต่มีข้อสงสัยบางประการเกี่ยวกับบางมาตราในการบังคับปฏิบัติจริงของคณะทำงานตามรัฐธรรมนูญ 2559 เท่านั้น ยังคงเคารพในสิทธิ์และเสียงของผู้มีสิทธิ์ของผู้มีสิทธิ์ทุกฝ่ายและพร้อมที่จะยอมรับผลของประชามติของประชาชนทั้งประเทศหลังจากผ่านการทำประชามติแล้ว ทั้งหมดนี้คือเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนในการนำรัฐธรรมนูญมาบังคับใช้ให้สมดังเจตนาปฏิรูปประเทศไทยเพื่อประชาธิปไตยอันยั่งยืน
ใกล้วันลงประชามติมาแล้วทุกขณะ เหลือเวลาอีกเพียง 108 วันก็จะถึงวันลงประชามติ รับ-ไม่รับร่างรับธรรมนูญ 2559 พร้อมกับคำถามพ่วงท้าย โหวตนายกรัฐมนตรีของ 250 สว. ว่าจะได้หรือไม่ได้ นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของระบอบประชาธิปไตยฯ ของประเทศไทยที่บทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติอาจก้าวข้ามเข้ามามีบทบาทต่อฝ่ายบริหารที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ยังคงมีคำถามมากมายว่าหากประชามติไม่ผ่านแล้วเราจะเอารัฐธรรมนูญฉบับไหนมาใช้ หรือบทเฉพาะกาลอะไรเพื่อมารองรับการเลือกตั้งแล้วเลือกตั้งเสร็จค่อยมาว่ากันเรื่องรัฐธรรมนูญ หรือจะนำกลับไปแก้ไขใหม่แล้วนำกลับมาโหวตอีกครั้ง ทุกอย่างยังไม่มีคำตอบเป็นรูปธรรมชัดเจน แต่หากเกิดกรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการลงประชามติ ก็เป็นเรื่องที่ชอบธรรมสำหรับการบังคับใช้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มันจึงเกิดคำถามขึ้นมาในใจของผมว่า หากเกิดรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งภายใต้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เสถียรภาพจะเป็นเช่นไร
(เบื้องต้นยังไม่นับรวมเรื่อง 250 สว. โหวตนายกฯได้หรือไม่ได้)
ผมลองมาไล่ไทม์ไลน์ของการจับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแขวนอยู่บนเส้นด้าย จะบีบก็ตายจะคลายก็รอดดูตามลำดับความได้คร่าวๆดังนี้
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ สว. มาจากการสรรหาทั้งหมดโดย คสช. ตามมาตรา 269
มาตรา ๒๐๐ ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจำนวนเก้าคน
มาตรา ๒๐๔ ผู้ได้รับการคัดเลือกหรือสรรหาเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา สรุปแล้วคือ สว. ที่มาจาก คสช. แต่งตั้ง คณะ ตลก มาอีกที
ในกรณีใช้อำนาจทางศาลรัฐธรรมนูญในการล้มรัฐบาลประชาชน หรือเกิดกรณี 2 มาตรฐานอีกครั้ง (ไม่ไม่จำกัดนะครับว่าจะมาจากทางขั้วการเมืองไหน จะเป็นเพื่อไทยก็ได้ หรือประชาธิปัตย์ก็ได้) หรือแม้กระทั่งการรอการขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคนนอกจึงจำเป็นที่จะต้องเอาผิดรัฐบาลประชาชนให้ได้เสียก่อน ก็สามารถทำได้โดยใช้ มาตรา ๘๒ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก ว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งแห่งสภานั้นสิ้นสุดลงตามมาตรา ๑๐๑ (๓)(๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐) หรือ (๑๒) หรือมาตรา ๑๑๑ (๓) (๔) (๕) หรือ (๗) แล้วแต่กรณี และให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับคำร้อง ส่งคำร้องนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้นั้นสิ้นสุดลงหรือไม่
จากมาตรา 82 มีสิ่งที่สามารถเชื่อมต่อเพื่อเอาผิดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ตามมาตรา 101 ข้อที่ 7 กระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา ๑๘๔ หรือมาตรา ๑๘๕
ภาพแสดงมาตรา 101 ข้อที่ 7
ภาพแสดงมาตรา 185
มาตรา ๑๘๕ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภากระทำการใดๆ อันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมืองไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในเรื่องดังต่อไปนี้
(๑) การปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการส่วนท้องถิ่น
(๒) กระทำการในลักษณะที่ทำให้ตนมีส่วนร่วมในการใช้จ่ายเงินงบประมาณ หรือให้ความเห็นชอบในการจัดทำโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐ เว้นแต่เป็นการดำเนินการในกิจการของรัฐสภา
(๓) การบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนเงินเดือนหรือการให้พ้นจากตำแหน่งของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำและมิใช่ข้าราชการการเมือง พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการส่วนท้องถิ่น
จากทั้ง 3 ข้อในมาตรา 185 นี้ หากเกิดกรณี 2 มาตรฐานขึ้นมาในการตัดสินความของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็สามารถกระทำการได้โดยง่ายเช่นในอดีตที่ผ่านมา เพราะสามารถตีความออกไปได้กว้างและออกได้ทุกทางว่าผิดจริงหรือไม่ผิด ฉะนั้นแล้วเราจะมีความเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าจะไม่เกิดกรณีนี้ขึ้น การตีความเพื่อเอาผิดจากกรณีทางการเมืองต่างๆก็มีให้เห็นดังเช่นอดีต เช่นทำกับข้าวออกทีวียังผิด สั่งย้ายข้าราชการที่ทำหน้าที่ไม่ได้ก็ยังผิด เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าทำอะไรแล้วจะไม่ผิด ในเมื่อทำหน้าที่รัฐบาลก็คงหลีกเลี่ยงที่จะมีภาระกิจต่างๆมากมายที่จะทำ หากจะตีความเอาผิดโดยคณะ ตลก ที่ถูกแต่งตั้งมาจาก สว. สรรหา ที่ถูกแต่งตั้งมาจากบุคคลคณะเดียว ก็สามารถดำเนินการได้ทุกเมื่อ
ในการลงประชามติในครั้งนี้ มีเรื่องของคำถามพ่วงท้ายเกี่ยวกับ สว. สามารถโหวตนายกฯได้ หากร่าง รธน. ผ่านประชามติ แม้คำถามจะผ่านหรือไม่ก็ตามแต่ก็จะช่องทางในการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรานี้ได้ตาม มาตรา 256 แต่ถ้าคำถามพ่วงท้ายผ่านโหวตมาด้วยแล้วเป็นไปได้สูงที่จะถูกบรรจุเพิ่มเติมเข้าไปในรัฐธรรมนูญ ทำให้มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เราอาจจะมีนายกรัฐมนตรีคนนอกเข้ามากำกับการทำงานของฝ่ายบริหารอีกที หรือเบื้องต้นอาจจะยังไม่รับตำแหน่งเพื่อความสง่างาม แต่รอให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนถูกตัดสินความทางการเมืองเสียก่อน แล้วค่อยรอการโหวตขึ้นนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็สามารถทำได้
หากรัฐธรรมนูญหากมีปัญหาในการนำมาใช้จริงและซ่อนอะไรต่างๆไว้มากมายภายในนั้นภายใต้เปลือกนอกที่ตีตราไว้ว่าประชาธิปไตย รัฐบาลที่มาจากเสียงของประชาชนถูกจับเชือดเมื่อไหร่ก็ได้ จึงไม่เป็นผลดีแน่นอน อยากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพเช่นทองชุบเป็นต้น แม้ภายนอกจะดูสวยงามแต่ข้างในไม่ใช่ทอง ใส่แป๊บเดียวมันก็ลอก จะนำไปขายร้านทองก็ไม่รับซื้อ หากเปรียบเทียบกับทองจริงแม้จะไม่สวยสดแต่เอาไปชั่งขายก็ได้ราคาเท่ากับทองใหม่หรือน้อยกว่ากันไม่มาก ประชาธิปไตยแบบทองชุบไม่สามารถลวงตาเหล่านานาชาติได้นานนัก และไม่สามารถให้กลุ่มประเทศประชาธิปไตยด้วยกันยอมรับด้วยความสนิทใจ อย่าลืมคำว่าประชาธิปไตยฯต้องเป็นประชาธิปไตยฯ อย่าได้เป็นเพียงชื่อซึ่งการนำมาใช้จริงกลับสวนทางกับชื่อมันไม่เกิดประโยชน์ต่อทั้งภาพลักษณ์ สังคม เศรษฐกิจ และการยอมรับจากนานาชาติ
วันนี้เรามีโอกาสแก้ไขข้อบกพร่องและรัฐธรรมนูญที่เคยสร้างปัญหาให้กับการเมืองไทย ผมจึงอยากที่จะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยจริงและยั่งยืนจริงๆให้สมกับเวลาที่เสียไป ประเทศหยุดนิ่งมาเป็นเวลาหนึ่งแล้ว หากเราไม่ได้อะไรเลยก็ไม่ต่างอะไรไปจากเอาเวลาเอางบประมาณของประเทศชาติไปทิ้งเหวโดยเปล่าประโยชน์ สำหรับคนที่เห็นด้วยกับการรัฐประหารที่ผ่านมาความรู้สึกอาจไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารแล้วยอมอดทนรอเพื่อที่จะมีวันนี้ วันที่จะได้มีประชาธิปไตยฯที่ยั่งยืนแต่กลับได้ในสิ่งที่ตรงกันข้าม นอกจากไม่ยั่งยืนแล้วยังพร้อมจะล้มได้ทุกเมื่อ เสียงของประชาชนมีค่าเพียงตีตราให้ว่าเราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยฯเท่านั้นหรือ และความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นมันคืออะไร...
อ่านร่างรัฐธรรมนูญ 2559 ได้ตามลิ้งค์นี้ http://cdc.parliament.go.th/draftconstitution2/ewt_dl_link.php?nid=429&filename=index%E2%80%9C
The Mario 21 เมษายน 2559 16.40 น