พรบ.สงฆ์ มาตรา 7 เขียนไว้ว่า
ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาอาวุโสสูงสุด โดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
พยายามตะแบงเข้าข้างตนเองว่าจะให้นายกเป็นผู้เสนออยู่นั่นแหละ จะตะบี้ตะบันกันไปถึงไหน
ด้วยความที่มีอคติล้นใจก็พยายามตีความหมายเข้าข้างตนเองจนไร้ยางอายอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะทำกันไปได้
เอาเถอะ ถ้าจะตีความกันอย่างนั้นก็แล้วไปแต่ถ้ากฎหมายเขียนไว้กลับกันว่า............
ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้มหาเถรสมาคมโดยความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรีเสนอนามสมเด็จพระราชาอาวุโสสูงสุด โดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
เขียนกลับกันอย่างนี้ พวกขยะนักกฏหมายพวกนี้จะตีความกันอย่างไร
เดาล่วงหน้าได้เลยว่าคนพวกนี้จะต้องตีความหมายว่านายกต้องเป็นผู้เสนอนามเหมือนเดิม
เราจะเอานักกฏหมายขยะ ทั้งนอกบอร์ดทั้งในบอร์ดพวกนี้ไปทิ้งถึงขยะที่ไหนดี?
จะเอา junk lawyer พวกนี้ไปทิ้งที่ไหนดี
ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาอาวุโสสูงสุด โดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
พยายามตะแบงเข้าข้างตนเองว่าจะให้นายกเป็นผู้เสนออยู่นั่นแหละ จะตะบี้ตะบันกันไปถึงไหน
ด้วยความที่มีอคติล้นใจก็พยายามตีความหมายเข้าข้างตนเองจนไร้ยางอายอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะทำกันไปได้
เอาเถอะ ถ้าจะตีความกันอย่างนั้นก็แล้วไปแต่ถ้ากฎหมายเขียนไว้กลับกันว่า............
ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้มหาเถรสมาคมโดยความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรีเสนอนามสมเด็จพระราชาอาวุโสสูงสุด โดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
เขียนกลับกันอย่างนี้ พวกขยะนักกฏหมายพวกนี้จะตีความกันอย่างไร