กาลครั้งหนึ่ง .... เมื่อหัวใจมีรัก

กระทู้สนทนา
กาลครั้งหนึ่ง เมื่อหัวใจมีรัก

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



              “มาวิ่งแข่งกันไหม ใครถึงบ้านก่อนเป็นผู้ชนะ ใครแพ้เลี้ยงติมนะ”

               เสียงของพลอยใสหันไปพูดกับเพื่อนนักเรียนชายคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่เขากลับไม่สนใจสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย ยังคงนั่งเล่นเกมส์ผ่านมือถืออย่างเมามันส์  แม้แต่เสียงทักทายของเหล่าเพื่อนๆ ก็ไม่ได้รับรับการตอบสนองจากเขา

               นักเรียนหลายคนเริ่มเรื่อยทยอยเดินออกมาจากโรงเรียนเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน บ้างคนเดินกลับ บ้างก็ปั่นจักรยานกลับ หรือใครฐานะหน่อยก็มีผู้ปกครองขับรถยนต์มารับถึงหน้าประตูโรงเรียน
    
               บรรยากาศหน้าโรงเรียนในเวลาเลิกเรียนดูวุ่นวาย เสียงเอ็ดตะโรของเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าหน้าโรงเรียนตะโกนบอกให้คนแซงคิวไปต่อแถว เสียงพูดจาแจ้วจ้าวของเหล่านักเรียน เสียงรถวิ่งสวนทางไปมาดูแล้วก็ไม่มีระเบียบแบบแผนแน่นอนนัก แต่ก็ดูเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างยอมรับมันและปฏิบัติสิ่งที่เป็นอยู่นี้ได้อย่างคล่องตัว

               พลอยใสหันมองเพื่อนชายด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ดูแล้วโลกใบนี้จะมีอย่างเดียวที่เขาสนใจคือการเล่นเกมส์ซินะ พลอยใสนึก ก่อนจะดึงมือถือจากมือเขา แล้วยัดมันลงในกระเป๋านักเรียนของเธอทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เขาแย่งกลับ

               “เธอทำบ้าอะไรนี่ โอ๊ยๆ เค้าเกือบจะผ่านด่านนั้นแล้วเชียว เซ็งเลยบ่องตง”  พิรัชนักเรียนชายหัวเกรียนใบหน้าทะเล้นซุกซนใครมองแวบเดียวก็คงพอจะเดาได้ว่า เขาคงเป็นหัวโจกของห้องอย่างแน่นอน ด้วยใบหน้าที่ฟกช้ำดำเขียวเกือบจะทุกวัน

               จนหลายคนอาจจะมองว่าคงมีเรื่องชกต่อยบ่อยแน่ๆ แต่แท้ที่จริงคือความซุ่มชามของเขาเองต่างหากที่เดินไม่ค่อยจะดูทางซักเท่าไหร่จึงชนโน้นนี่นั่นไปเรื่อย หรือไม่ก็ตกลงไปในทางระบายน้ำเพราะมัวแต่เดินเล่นเกมส์อย่างเดียว

               “เค้าไม่อยากเธอให้เล่มเกมนี่ บ่องตง”   พลอยใสทำเสียงล้อเลียนพิรัชอย่างน่าหมั่นไส้

               “สนใจที่เค้าพูดหน่อยซิ วัยรุ่นเซ็งนะ”  พลอยใสทำหน้าเบ้ปากใส่เขา ก่อนจะเชิดหน้าหนีตั้งใจให้อีกฝ่ายเห็นว่าเธอไม่พอใจที่ถูกเขาเมินใส่

               “สนใจยิ่งกว่าสิ่งอื่นเลยละ จริงๆนะ”  พิรัชทำเสียงหยอกล้อใส่พลอยใส

               “เหรอ งั้นวันนี้ พรุ่งนี้เค้ายึดมือถือเธอไว้ที่เค้านะ” พลอยใสเอียงคอพูดอย่างนุ่มนวลน้ำเสียงทุ่มต่ำ

                “เฮ้อ .. เค้ามีทางทวงคืนไหมล่ะ”  พิรัชพูดเสียงระห้อยเพราะรู้อยู่แล้วว่าคงไม่ได้คืนง่ายๆ

               “ไม่มีทาง” พลอยใสกอดอกพูดอย่างมั่นใจ

               “นั่นไง”   เขาบอกเสียงดัง ก่อนจะใช้มือบีบจมูกพลอยใสด้วยความหมั่นไส้พร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง อ  แล้วทั้งสองก็ต่างหัวเราะอย่างมีความสุขไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร สิ่งที่เป็นอยู่แบบนี้ ที่ยิ้มหัวเราะและหัวใจของพวกเขาก็มีความสุขตามไปด้วย

                พิรัชไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันคืออะไรแต่เขาอยากอยู่ใกล้เธอทุกวัน ทุกเวลาที่เขามีและตลอดไปเขาจะอยู่กับผู้หญิงคนนี้

               “อ่าว สองคนนี้ยังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอ เดี๋ยวฝนก็เทลงมาก่อนถึงบ้านหรอก”  นักเรียนชายสามคนเดินออกมาจากโรงเรียนคนหนึ่งที่ชื่อนนท์ตะโกนถามทั้งสองที่ยังนั่งอยู่หน้าโรงเรียน

               “จะสวีทกันไปถึงไหนหวานจนน้ำตาลเรียกพี่แล้วโว้ย”  เสียงอีกคนที่ชื่อกล้าพูดสมทบ แล้วทั้งสามก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา

               “จะสวีททำไมฉันไม่ใช่แฟนไอ้หมอนี่ซักหน่อย”   พลอยใสพูดอย่างไม่สบอารมณ์น้ำเสียงแสดงถึงความไม่พอใจ

               “แหม พวกเราก็แซวเล่นๆน่า ก็เห็นพวกเธอสองคนชอบไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ใครเห็นก็คงคิดว่าเป็นแฟนนะซิ”  เพื่อนอีกคนแก้ตัวให้ใหม่

               “ก็บ้านอยู่ติดกันโตมาด้วยกัน เรียนห้องเดียวกันแถมพ่อกับแม่ก็เป็นเพื่อนกันอีก แกว่าพวกเราสองคนควรจะสนิทกันไหมล่ะไอ้บื้อเอ๊ย”   พิรัชชี้แจงให้เหล่าเพื่อนๆฟัง

               “อืมๆใช่ๆ”   พลอยใสพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

                “เอ่อ พวกเรารู้น่าก็บอกแล้วว่าแซวเล่นๆ จริงจังไปได้”   เพื่อนๆทั้งสามต่างรีบแก้ตัว

                “ใครจริงจังว่ะ”  พิรัชถามอย่างร้อนร้น

                “ก็แกไงไอ้ป้องที่จริงจัง สงสัยคิดเกินเพื่อนซินะ”  พูดจบทั้งสามก็หัวเราะพร้อมกัน ก่อนจะรีบวิ่งหนีเพราะเห็นสายตาพิฆาตของเพื่อนซึ่งพร้อมจะจัดการพวกเขาได้ทุกเมื่อ

                “พวกแกอยากตายหรือไง”    ว่าแล้วพิรัชก็วิ่งไล่เตะเพื่อนทั้งสามอย่างเอาจริงเอาจัง สองคนล้มกลิ้งไปเพราะสะดุดขาด้วยเอง พิรัชล้มกลิ้งลงไปอีกคน สุดท้ายทั้งสี่ก็ตะลุมบอนกันชลมุนอยู่หน้าโรงเรียนกลายเป็นการหยอกล้อที่สนุกสนานของเด็กทั้งสี่ไปทันที

               พลอยใสนั่งดูทั้งสี่ด้วยความสุข เธออยากอยู่ที่นี้อยากเรียนที่นี่ต่ออีก แต่นี้ก็เป็นเทอมสุดท้ายสำหรับเธอและคงเป็นเทอมสุดท้ายสำหรับทุกคนด้วยเพราะโรงเรียนนี้มีแค่มัธยมศึกษาปีที่ ๓ เทอมสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่กับเพื่อนที่น่ารักและเทอมสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่กับพิรัช    พิรัชต้องไปเรียนต่อที่กรุงเทพตามพ่อกับแม่ของเขา  เพียงแค่คิดว่าอีกไม่นาน เธอจะไม่มีเขาคอยนั่งข้างๆอีกต่อไป หัวใจเธอก็ห่อเหี่ยวลงทันที

               ถ้านี้เรียกว่าความรักเธอจะกล้าบอกเขาไหม แค่คิดเธอก็ต้องส่ายหน้าไปมา คิดไปอีกทีก็คงจะไม่ใช่ความรักอาจเป็นความผูกพันที่เขากับเธอสนิทกันมากเกิน ความผูกพันที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ความผูกพันที่เธออธิบายไม่ได้ว่ามันเป็นแบบนไหนกันแน่ แต่ที่เธอรู้อยู่เสมอคือ  เธอได้อยู่ใกล้กับผู้ชายคนนี้แล้วมีความสุขที่สุด หัวใจของเธอชุ่มชื่นและมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที่เห็นรอยยิ้มของเขา

                พลอยใสไม่อาจรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เธอรู้สึกอยู่ตอนนี้ เขารู้สึกเช่นเดียวกับเธอรู้เปล่า ถ้าความรู้สึกของเราสองคนตรงกัน เธอนึกไม่ออกว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปมันจะออกมาในรูปใด แต่ขอแค่ทุกวันนี้เธอมีเขาอยู่เคียงข้างกายก็มีความสุขมากแล้ว
    
               “นับถึงสามออกสตาทร์เลยนะ” พลอยใสพูดกับคู่ต่อสู้ที่ตอนนี้อยู่ในท่าพร้อมวิ่ง

                “หนึ่ง” พลอยใสตะโกนเสียงดัง

                “สอง”  พิรัชนับต่ออย่างรู้งาน สิ้นเสียงนับสองจบพลอยใสก็ออกตัววิ่งทันที ปล่อยเพื่อนที่อยู่ข้างหลังมองอย่างตกใจ

               “เฮ้ย โกงกันนี่หว่า”  พิรัชตะโกนก้อง สาวเท้าวิ่งตามอย่างรวดเร็ว

               “แน่จริงก็ตามในทันนะ เค้าไปก่อนละ”   พลอยใสหันมาบอกคนข้างหลังพร้อมกับโบกมือให้เขา

               พิรัชทุ่มพลังที่มีเพื่อวิ่งตามเธอให้ทัน แต่แท้ที่จริงแล้วเขาตั้งใจวิ่งให้อยู่ข้างหลังเธอเพื่อที่จะดูเธออยู่ห่างๆแบบนี้ มองเห็นเธอได้ตลอดเวลา เธอจะได้อยู่ในสายตาของเขาตลอดระยะทางที่วิ่งกลับบ้าน และที่สำคัญเขาอยากให้เธอเป็นผู้ชนะ

               ผมยาวของเธอที่ถูกมัดรวบยกสูงสะบัดไปมาตามแรงวิ่ง  รูปร่างผอมแห้งของเธอวิ่งได้อย่างคล่องแคล่ว  รวดเร็วราวกับเป็นการแข่งขันระดับชาติก็ว่าได้ เขามองดูหญิงสาววิ่งด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ จนพิรัชเผลอปล่อยหัวเราะออกมา  ถ้าจะเปรียบเธอแล้ว  เขาว่าเธอเป็นดั่งดวงตะวันที่สดใสสุกสว่างตลอดเวลา

                “เค้าชนะเธอแน่งานนี้”   พลอยใสหันมาตะโกนบอกคนที่วิ่งตามมาข้างหลังติดๆ  แต่ก็ไม่ได้ลดระดับความเร็วของตัวเองลง จนวิ่งชนกับถังขยะใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างทางเข้าอย่างจัง ทำให้พลอยใสล้มคะมำลงไปกองอยู่ที่พื้นแบบไม่ทันตั้งตัว

               “ยัยบื้อเอ๊ย”    เสียงพิรัชแว่วมาใกล้ๆ ไม่นานเขาก็วิ่งมาดูอาการคนเจ็บที่นั่งจับเข่าตัวเองด้วยความเจ็บปวด

                “ไหนขอดูหน่อย”  พิรัชนั่งลงข้างๆคนเจ็บ  สีหน้าแสดงถึงความเป็นห่วง เขาจับขาข้างที่เธอเอามือกุมไว้เพื่อตรวจหาร่องรอยบาดแผล

                “โอ๊ย เจ็บนะ”  พลอยใสร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด เมื่อพิรัชดึงขาที่เธองอไว้มาดูให้ชัดๆ

                “มีเลือดออกด้วย เจ็บมากไหม”

                “มาก”   พลอยใสตอบแบบไม่ต้องคิด

                 “ผ้าเช็ดหน้าของเธออยู่ไหน เอามาจะพันแผล”  พิรัชถามอีกฝ่ายในขณะเดียวกันนั้นเขาก็ก้มหน้าลงเปาแผลที่หัวเข่าของเธอเบาๆ เผื่อจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บลงบ้าง
    
               พลอยใสค้นหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าแล้วยื่นให้เขาทันทีที่หาเจอ   พิรัชดึงปลายเสื้อนักเรียนออกมาเช็ดเลือดที่รอยแผลก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าพันแผลให้อย่างเรียบร้อย

                “เสร็จแระ กลับบ้านต้องล้างแผลอีกทีนะ”   เขาบอกเธอด้วยความเป็นห่วง

                “ไม่ต้องล้างก็ได้แผลนิดเดียวเอง ล้างแผลก็แสบ จี๊ดๆนะซิ”   พลอยใสทำหน้าบูดบึ้ง เมื่อนึกถึงน้ำยาล้างแผล ถ้าเอามันมาเทใส่แผลก็คงจะต้องแสบน่าดู

                 “ต้องล้าง วิ่งชนถังขยะแบบนี้สกปรกจะตาย  ห้ามหนีเลย เค้าจะล้างให้เธอเองเข้าใจ”  พิรัชใช้มือตีหัวเธอเบาๆเพื่อเป็นการเตือนอย่างหวังดี

               “โอ๊ย เค้าเจ็บขาอยู่นะมาตีหัวอีก นิสัยไม่ดีเลยเธอนะ”

               “เค้านิสัยไม่ดี ทำไมเธอมาเป็นเพื่อนเขาละ งั้นเธอก็นิสัยไม่ดีเหมือนกัน”

              พลอยใสไม่นึกที่จะเถียงกับเขาได้แต่ทำหน้าบึ้งตึงใส่แล้วก็เบือนหน้าหนีไปทางอีก เป็นลักษณะเฉพาะตัวของเธอที่มักจะทำแบบนี้กับเขาประจำ ซึ่งจะเป็นการบอกให้รู้ว่าฉันไม่เข้าใจที่พูดนะ ไม่อยากรับฟัง ไม่ได้ยิน

               พิรัชเองก็คุ้นเคยกับท่าทางลักษณะแบบนี้ของเธอแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ และยืนกรานว่าจะต้องล้างแผลที่เข่าของเธอให้ได้  พิรัชช่วยพลอยใสพยุงตัวลุกขึ้นเพื่อหาที่นั่ง ในที่ๆเหมาะสมกว่านี้ ทั้งสองเดินมุ่งหน้าไปยังศาลาริมทางสำหรับนั่งรอรถประจำทาง

               สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างอ้อยอิ่งและเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ลมเย็นพัดมาแผ่วเบาหอบเอาไอฝนมาสัมผัสกับผิวกายของทั้งสอง พลอยใสนั่งหดตัวลีบลง เพื่อจะเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย ขณะที่พิรัชเล่นกระโดดตัดสายฝนที่ไหลลงมาจากหลังคาอย่างสนุกสนาน

                “เธอไปแล้วเค้าคงเหงานะ”  พลอยใสพูดเสียงทุ้มต่ำสายตาจับจ้องมองสายฝนที่พิรัชตัดเล่น

                 “งั้นเค้าไม่ไปดีกว่ากลัวเธอเหงา”   พิรัชหันมาพูดกับอีกฝ่าย เขาเอียงศีรษะครุ่นคิดในสิ่งที่พูด

                “แล้วเธอจะอยู่กับใคร พ่อกับแม่เธอไปหมดเธออยู่บ้านคนเดียวไม่ได้หรอก ไม่ดีแน่ที่จะอยู่คนเดียว”  พลอยใสบอกอีกฝ่ายใบหน้าบ่งบอกถึงความไม่สบายอารมณ์ เมื่อคิดว่าเด็กคนหนึ่งต้องอยูบ้านคนเดียว และนึกเป็นห่วงพิรัชขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  พิรัชเอียงศีรษะจ้องมองพลอยใสอย่างครุ่นคิด แต่ก็แอบยิ้มที่มุมปากให้อีกฝ่าย แม้ตอนนี้เธอจะกำลังจะหันมองไปทางอีก  เขาจึงเดินมานั่งข้างๆเธอ

               “ก็ต้องได้ไปอยู่ดี แต่ที่เค้าบอกไม่ไป เพราะกลัวเธอเหงาจริงๆนะ ถ้าเลือกที่จะอยู่ทีนี้ได้ เขาเลือกที่จะอยู่กับเธอนะ”  พิรัชหยุดเว้นวรรคก่อนจะพูดขึ้นต่อ

              “แต่เค้าจะไม่ทิ้งเธอไปไหน  เธออยู่ตรงนี้ ที่หัวใจ”   พิรัชใช้มือตบอกตัวเองข้างซ้ายเบาๆ

              “เธอจะบ้าเหรอ”   พลอยใสใช้มือตีไหล่เขา และพูดต่อ

               “พูดยังกะเป็นแฟนกันเลยนะ ไม่ต้องๆเลยนะ  คิดไรกับเค้าป่ะนี่ มีตบแบบนี้ด้วย ฮะฮ่า”   พลอยใสใช้มือตัวเองตบที่อกของพิรัชและหัวเราะอย่างชอบใจ

               “ไม่น่าถามเลยนะ ไม่คิดไรเลย อย่างเธอนะ อืม….”   พิรัชหยุดพูดเหมือนกับกำลังคิดอะไรบ้างอย่างแต่ก็ไม่พูดออกไป

>>>>>
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่