“พี่ธนู พี่ธนูแปลงร่างได้ สุดยอดเลย” น้ำเต้าอึ้งจนพูดไม่ออก เพื่อน ๆจึงพากันวิ่งเข้าหาธนูอย่างไม่ขาดสาย
“เมื่อกี้เขายังเป็นวายุอยู่เลยแท้ๆ หรือว่าธนูจะนัดแนะกับเขา แล้วแกล้งวิ่งเข้ามาสลับตัว” ตุ่นยืนออกความคิดอย่างสงสัย จู่ ๆ เด็กน้อยคนหนึ่งก็วิ่งชูแว่นที่วายุทำตกไว้ ทุกคนต่างหันมามองเป็นตาเดียว
“ไม่ต้องตกใจเราไปถามเขาให้รู้กันเลยดีกว่า ว่าพ่อหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนี้ คือธนูหรือว่าวายุกันแน่” ชายจ้องมองธนูอย่างเอาเป็นเอาตาย ธนูราวกับถูกบีบคอไว้ เขาหายใจแทบไม่ออก ประกายดาวมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เมื่อมองเห็นทุกสายตาจับจ้องมาที่ตัวเอง ธนูก็รู้สึกบีบคั้น ชายยิ่งกดดันเข้าไปอีก จนธนูแทบจะระเบิด
“พอได้แล้ว” น้ำค้างตะโกนออกมาเสียงดังลั่น จนทุกคนก็สงบลง น้ำค้างลุกขึ้นยืนมองเขา เธอรู้ดีว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้คือใคร สาวน้อยไม่มีอะไรจะพูด นอกจากน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาแทนความรู้สึก เธอเจ็บหัวใจจนทนมองดูใบหน้านั้นไม่ไหว แล้วน้ำค้างก็วิ่งออกไปในทันที จนชายต้องร้องเรียกแล้วรีบวิ่งตามเธอไป
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ธนู” หมอร้องเรียกเพื่อนรักสายตาของเขาเอาแต่จับจ้องไปที่ร่างเล็ก ๆ ที่กำลังวิ่งหนีเขาไปท่ามกลางความมืดมิด ผิดกับสายตาของประกายดาว ที่จ้องมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ในสายตาเต็มไปด้วยคำถามและเมื่อเขาหันมามองประกายดาว ก็ถูกหญิงสาวตบหน้าเข้าอย่างจัง เสียงตบนั้นสะกดให้ทุกคนเงียบ
“คุณทำอย่างนี้ทำไม ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่านี่คือการแสดงคุณทำลายความเชื่อมั่นของฉัน ทำลายจิตใจของน้ำค้าง คุณมันคนไม่มีหัวใจ” ประกายดาววิ่งร้องไห้ออกไปท่ามกลางเสียงเรียกของทุกคน
“ฉันนึกแล้วว่านายมันคิดไม่ซื่อ แต่ไม่คิดว่านายจะเลวได้ถึงเพียงนี้ ไอ้ผู้ชายสองใจ... ดาว...รอฉันด้วย” ตุ่นชี้หน้าด่าธนู ก่อนจะวิ่งตามประกายดาวออกไป ธนูมองตามอย่างยอมรับความผิด หมอได้แต่ตบบ่าปลอบใจเพื่อน ธนูมองสายตาของเด็ก ๆ ที่ยังคงค้างคาใจกับความจริงที่เกิดขึ้น น้ำเต้าที่เห็นเขาเป็นวีรบุรุษมาตลอดเดินเข้ามาหาเขาด้วยสายตาที่ผิดหวัง
“พี่เขย ตกลงพี่รักใครกันแน่ พี่น้ำค้าง หรือว่าพี่ดาว” คำพูดพร้อมกับแววตาที่ใสซื่อนั้น ยากเกินกว่าที่เขาจะตอบได้ เพราะแม้แต่ตัวเขา ก็ยังไม่เข้าใจหัวใจของตนเองเลย เขาได้แต่เหม่อมองความมืดพร้อมกับหัวใจที่ว่างเปล่า
……………………………………………………….
น้ำค้างวิ่งมาร้องไห้อยู่ที่ริมสระน้ำ ในสมองคิดถึงแต่เรื่องของวายุกับธนูทุกครั้งที่เธอรู้สึกว่าเขาทั้งสองเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นสีที่ชอบ การบาดเจ็บที่ขา หรือแม้แต่คำพูดเตือนครั้งสุดท้ายของธนู เธอได้แต่โทษตัวเองว่าเป็นยัยโง่หลงเชื่อคำพูดโกหกของผู้ชายคนหนึ่ง สุดท้ายเธอก็เป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งในเกมส์ คนที่เธอเคยรักเธอไม่มีอยู่จริง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาไม่ขาดสาย ราวกับว่ามันจะชะล้างความเจ็บปวดออกไปจากหัวใจ ล้างมันไปให้หมดในคืนที่ไร้แสงจันทร์
……………………………………………………….
หลังจากหยุดยาวหลายวัน ในที่สุดวันเปิดเรียนก็มาถึง หมอรีบเดินเซ้าซี้ให้ตุ่นช่วยเหลือธนู
“นายไม่ต้องมาแก้ตัวแทนเพื่อนเลยนะ ไอ้หมอนั่นมันทำร้ายเพื่อนฉันถึงสองคน แล้วจะให้ฉันอภัยให้ได้ยังไง หนอย คิดแล้วก็แค้นไม่หาย ได้หัวใจของดาวแล้ว ยังคิดจะเหยียบย่ำหัวใจของน้ำค้างอีก เลวจริง ๆ”
“นี่เธอจะไม่ฟังหน่อยเหรอ ว่าทำไมเขาถึงต้องทำอย่างนั้น ไอ้ธนูน่ะมันรักดาวจริง ๆ นะแค่มีเรื่องจับพลัดจับผลูให้ต้องไปข้องเกี่ยวกับน้ำค้าง”
“นายมันพวกเดียวกัน พูดอะไรออกมาฉันก็ไม่ฟังหรอกพวกผู้ชายเหมือนกันหมด”
“เธอไม่อยากรู้ แต่บางทีดาวเขาอาจจะอยากรู้ก็ได้” ตุ่นอึ้งไปในทันที หมอจึงให้ช่วงเวลานี้ใส่ข้อมูลอย่างไม่ยั้ง
“ธนูถูกพ่อบังคับให้มาตีสนิทกับน้ำค้าง เพื่อที่จะได้รับมรดกต่อจากพ่อ แต่พอเห็นดาวเข้าเขาก็ตกหลุมรักทันที ที่ต้องเข้าไปตีสนิทกับน้ำค้างก็เพราะความจนใจ คนที่เขารักมีแต่ดาวเท่านั้นนะ”
“หึ...เลยมองเห็นความรักของยัยน้ำค้างไร้ค่าล่ะสินะ ให้เขาหลงรักคนที่ไม่มีตัวตน มันยิ่งกว่าเอามีดกรีดหัวใจเสียอีก แล้วนายรู้อะไรไหม ว่ายัยน้ำค้างน่ะน่าสงสารขนาดไหน อาภัพรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันละเกลียดไอ้พวกผู้ชายสองหน้าจริง ๆ”
“เธอหมายความว่ายังไง ที่บอกว่าอาภัพรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยัยน้ำค้างเคยอกหักด้วยเหรอ”
“ใช่ ไม่ว่าใครก็เคยทั้งนั้น แต่กรณีของยัยน้ำค้างมันไม่เหมือนกัน เป็นเหมือนกับหนังที่ถูกนำมาฉายซ้ำใหม่อีกรอบยิ่งดูก็ยิ่งช้ำ” หมอยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ เอาแต่ยืนเกาหัวแกรก ๆ ตุ่นจึงนัดวันให้พาธนูมาพร้อมกันเธอจะได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่พวกเขายังไม่เคยรู้มาก่อน
……………………………………………………….
หลังจากวันปีใหม่ผ่านพ้นไป ธนูก็ได้แต่มายืนเฝ้ามองดูต้นไม้อยู่ในเรือนกระจก เขาหวังว่าน้ำค้างจะมาที่นี่บ้าง แต่แล้วเขาก็ผิดหวัง พอจะเดินเข้าไปหาประกายดาวที่คณะ กลับถูกหญิงสาวเมินหน้าใส่ ชีวิตของเขาไม่ต่างอะไรกับกระถางต้นไม้ที่ปราศจากดินใบนี้เลย ชายหนุ่มได้แต่เศร้าสร้อย
“ธนู ธนู” เสียงหมอตะโกนเรียกชื่อ จนเขาต้องร้องตอบไปว่าอยู่ข้างในนี้ หมอหยุดหายใจอย่างเหนื่อยหอบก่อนจะบอกวันเวลานัดเจรจาหย่าศึกให้กับเขา
“ดาวยอมพบกับฉันแล้วเหรอ”
“วันนี้อาจไม่ แต่พรุ่งนี้อาจใช่ ยังไงตุ่นก็รับปากให้แล้ว ฉันเชื่อว่ายัยนั่นทำไม่พลาดแน่” ธนูรู้สึกดีใจที่จะได้พบกับประกายดาว แต่อีกใจเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะเข้าหน้าเธอติดได้อย่างไร
……………………………………………………….
เกมส์รักเดิมพันหัวใจ ตอนที่ 8
“พี่ธนู พี่ธนูแปลงร่างได้ สุดยอดเลย” น้ำเต้าอึ้งจนพูดไม่ออก เพื่อน ๆจึงพากันวิ่งเข้าหาธนูอย่างไม่ขาดสาย
“เมื่อกี้เขายังเป็นวายุอยู่เลยแท้ๆ หรือว่าธนูจะนัดแนะกับเขา แล้วแกล้งวิ่งเข้ามาสลับตัว” ตุ่นยืนออกความคิดอย่างสงสัย จู่ ๆ เด็กน้อยคนหนึ่งก็วิ่งชูแว่นที่วายุทำตกไว้ ทุกคนต่างหันมามองเป็นตาเดียว
“ไม่ต้องตกใจเราไปถามเขาให้รู้กันเลยดีกว่า ว่าพ่อหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนี้ คือธนูหรือว่าวายุกันแน่” ชายจ้องมองธนูอย่างเอาเป็นเอาตาย ธนูราวกับถูกบีบคอไว้ เขาหายใจแทบไม่ออก ประกายดาวมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เมื่อมองเห็นทุกสายตาจับจ้องมาที่ตัวเอง ธนูก็รู้สึกบีบคั้น ชายยิ่งกดดันเข้าไปอีก จนธนูแทบจะระเบิด
“พอได้แล้ว” น้ำค้างตะโกนออกมาเสียงดังลั่น จนทุกคนก็สงบลง น้ำค้างลุกขึ้นยืนมองเขา เธอรู้ดีว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้คือใคร สาวน้อยไม่มีอะไรจะพูด นอกจากน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาแทนความรู้สึก เธอเจ็บหัวใจจนทนมองดูใบหน้านั้นไม่ไหว แล้วน้ำค้างก็วิ่งออกไปในทันที จนชายต้องร้องเรียกแล้วรีบวิ่งตามเธอไป
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ธนู” หมอร้องเรียกเพื่อนรักสายตาของเขาเอาแต่จับจ้องไปที่ร่างเล็ก ๆ ที่กำลังวิ่งหนีเขาไปท่ามกลางความมืดมิด ผิดกับสายตาของประกายดาว ที่จ้องมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ในสายตาเต็มไปด้วยคำถามและเมื่อเขาหันมามองประกายดาว ก็ถูกหญิงสาวตบหน้าเข้าอย่างจัง เสียงตบนั้นสะกดให้ทุกคนเงียบ
“คุณทำอย่างนี้ทำไม ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่านี่คือการแสดงคุณทำลายความเชื่อมั่นของฉัน ทำลายจิตใจของน้ำค้าง คุณมันคนไม่มีหัวใจ” ประกายดาววิ่งร้องไห้ออกไปท่ามกลางเสียงเรียกของทุกคน
“ฉันนึกแล้วว่านายมันคิดไม่ซื่อ แต่ไม่คิดว่านายจะเลวได้ถึงเพียงนี้ ไอ้ผู้ชายสองใจ... ดาว...รอฉันด้วย” ตุ่นชี้หน้าด่าธนู ก่อนจะวิ่งตามประกายดาวออกไป ธนูมองตามอย่างยอมรับความผิด หมอได้แต่ตบบ่าปลอบใจเพื่อน ธนูมองสายตาของเด็ก ๆ ที่ยังคงค้างคาใจกับความจริงที่เกิดขึ้น น้ำเต้าที่เห็นเขาเป็นวีรบุรุษมาตลอดเดินเข้ามาหาเขาด้วยสายตาที่ผิดหวัง
“พี่เขย ตกลงพี่รักใครกันแน่ พี่น้ำค้าง หรือว่าพี่ดาว” คำพูดพร้อมกับแววตาที่ใสซื่อนั้น ยากเกินกว่าที่เขาจะตอบได้ เพราะแม้แต่ตัวเขา ก็ยังไม่เข้าใจหัวใจของตนเองเลย เขาได้แต่เหม่อมองความมืดพร้อมกับหัวใจที่ว่างเปล่า
……………………………………………………….
น้ำค้างวิ่งมาร้องไห้อยู่ที่ริมสระน้ำ ในสมองคิดถึงแต่เรื่องของวายุกับธนูทุกครั้งที่เธอรู้สึกว่าเขาทั้งสองเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นสีที่ชอบ การบาดเจ็บที่ขา หรือแม้แต่คำพูดเตือนครั้งสุดท้ายของธนู เธอได้แต่โทษตัวเองว่าเป็นยัยโง่หลงเชื่อคำพูดโกหกของผู้ชายคนหนึ่ง สุดท้ายเธอก็เป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งในเกมส์ คนที่เธอเคยรักเธอไม่มีอยู่จริง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาไม่ขาดสาย ราวกับว่ามันจะชะล้างความเจ็บปวดออกไปจากหัวใจ ล้างมันไปให้หมดในคืนที่ไร้แสงจันทร์
……………………………………………………….
หลังจากหยุดยาวหลายวัน ในที่สุดวันเปิดเรียนก็มาถึง หมอรีบเดินเซ้าซี้ให้ตุ่นช่วยเหลือธนู
“นายไม่ต้องมาแก้ตัวแทนเพื่อนเลยนะ ไอ้หมอนั่นมันทำร้ายเพื่อนฉันถึงสองคน แล้วจะให้ฉันอภัยให้ได้ยังไง หนอย คิดแล้วก็แค้นไม่หาย ได้หัวใจของดาวแล้ว ยังคิดจะเหยียบย่ำหัวใจของน้ำค้างอีก เลวจริง ๆ”
“นี่เธอจะไม่ฟังหน่อยเหรอ ว่าทำไมเขาถึงต้องทำอย่างนั้น ไอ้ธนูน่ะมันรักดาวจริง ๆ นะแค่มีเรื่องจับพลัดจับผลูให้ต้องไปข้องเกี่ยวกับน้ำค้าง”
“นายมันพวกเดียวกัน พูดอะไรออกมาฉันก็ไม่ฟังหรอกพวกผู้ชายเหมือนกันหมด”
“เธอไม่อยากรู้ แต่บางทีดาวเขาอาจจะอยากรู้ก็ได้” ตุ่นอึ้งไปในทันที หมอจึงให้ช่วงเวลานี้ใส่ข้อมูลอย่างไม่ยั้ง
“ธนูถูกพ่อบังคับให้มาตีสนิทกับน้ำค้าง เพื่อที่จะได้รับมรดกต่อจากพ่อ แต่พอเห็นดาวเข้าเขาก็ตกหลุมรักทันที ที่ต้องเข้าไปตีสนิทกับน้ำค้างก็เพราะความจนใจ คนที่เขารักมีแต่ดาวเท่านั้นนะ”
“หึ...เลยมองเห็นความรักของยัยน้ำค้างไร้ค่าล่ะสินะ ให้เขาหลงรักคนที่ไม่มีตัวตน มันยิ่งกว่าเอามีดกรีดหัวใจเสียอีก แล้วนายรู้อะไรไหม ว่ายัยน้ำค้างน่ะน่าสงสารขนาดไหน อาภัพรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันละเกลียดไอ้พวกผู้ชายสองหน้าจริง ๆ”
“เธอหมายความว่ายังไง ที่บอกว่าอาภัพรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยัยน้ำค้างเคยอกหักด้วยเหรอ”
“ใช่ ไม่ว่าใครก็เคยทั้งนั้น แต่กรณีของยัยน้ำค้างมันไม่เหมือนกัน เป็นเหมือนกับหนังที่ถูกนำมาฉายซ้ำใหม่อีกรอบยิ่งดูก็ยิ่งช้ำ” หมอยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ เอาแต่ยืนเกาหัวแกรก ๆ ตุ่นจึงนัดวันให้พาธนูมาพร้อมกันเธอจะได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่พวกเขายังไม่เคยรู้มาก่อน
……………………………………………………….
หลังจากวันปีใหม่ผ่านพ้นไป ธนูก็ได้แต่มายืนเฝ้ามองดูต้นไม้อยู่ในเรือนกระจก เขาหวังว่าน้ำค้างจะมาที่นี่บ้าง แต่แล้วเขาก็ผิดหวัง พอจะเดินเข้าไปหาประกายดาวที่คณะ กลับถูกหญิงสาวเมินหน้าใส่ ชีวิตของเขาไม่ต่างอะไรกับกระถางต้นไม้ที่ปราศจากดินใบนี้เลย ชายหนุ่มได้แต่เศร้าสร้อย
“ธนู ธนู” เสียงหมอตะโกนเรียกชื่อ จนเขาต้องร้องตอบไปว่าอยู่ข้างในนี้ หมอหยุดหายใจอย่างเหนื่อยหอบก่อนจะบอกวันเวลานัดเจรจาหย่าศึกให้กับเขา
“ดาวยอมพบกับฉันแล้วเหรอ”
“วันนี้อาจไม่ แต่พรุ่งนี้อาจใช่ ยังไงตุ่นก็รับปากให้แล้ว ฉันเชื่อว่ายัยนั่นทำไม่พลาดแน่” ธนูรู้สึกดีใจที่จะได้พบกับประกายดาว แต่อีกใจเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะเข้าหน้าเธอติดได้อย่างไร
……………………………………………………….