ความเดิมจากตอนที่แล้ว ตอนที่ 4
http://ppantip.com/topic/32167813/comment5
“คราวนี้เราก็รู้จักกันแล้ว ต่อไปคุณก็เรียกผมว่าวายุเถอะนะครับ” น้ำค้างไม่ตอบ เธอได้แต่พยักหน้าแล้วรีบปั่นจักรยานออกไป วายุยิ้มอย่างผู้ได้รับชัยชนะ เขาเดินกลับเข้าหอไปท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของชาย ชายมองวายุด้วยสายตาที่อิจฉา เขารู้สึกเหมือนมีศัตรูหัวใจเพิ่มขึ้นมาอีกคน จะทนมองดูอย่างนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
……………………………………………………….
ณ คณะศิลปกรรมศาสตร์ น้ำค้าง ตุ่นและประกายดาวต่างปรึกษาหารือกันเรื่องการจัดแสดงผลงานของคณะ ประกายดาวยกหน้าที่ผลิตผลงานให้กับน้ำค้าง
“หรือเธออยากจะลองออกมาข้างนอกบ้างล่ะน้ำค้าง” น้ำค้างส่ายหน้าเป็นคำตอบสุดท้าย ยินยอมให้เพื่อนจัดหน้าที่กันตามใจชอบ ประกายดาวยิ้ม แล้วสั่งให้ตุ่นช่วยเป็นคนเรียกลูกค้าส่วนเธอจะรับหน้าที่ประชาสัมพันธ์ผลงานด้านใน ตุ่นยิ้มรับบอกให้วางใจในฝีมือของเธอได้
“นอกเหนือจากแขกที่ไม่ได้รับเชิญแล้ว อย่างน้อยเราก็ควรจะเชิญคนที่เราอยากให้มานะ” ประกายดาวส่งสายตาไปที่น้ำค้าง
“เธอก็ต้องชวนเขามานะ”
“อ๋อ...พวกเด็ก ๆ เหรอมาอยู่แล้ว งานนี้บ้านสีรุ้งไม่มีพลาด” ประกายดาวหันหน้ามองตุ่นอย่างระอาใจ
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงว่าที่คุณหมอรูปหล่อคนนั้นต่างหาก” น้ำค้างนิ่งอึ้งไปทันที ตุ่นรีบออกคำสั่งไม่ว่ายังไงน้ำค้างก็ต้องเชิญเขามาให้ได้ เพราะเธออยากพบกับเขา น้ำค้างเอาแต่เงียบปล่อยให้สองสาวหัวเราะต่อกระซิกไปสองคน
……………………………………………………….
น้ำค้างเดินเข็นจักรยานเข้าหอพักอย่างเซื่องซึม
“เดิมเหม่ออะไรยัยทึ่มเธอเกือบจะชนชาวบ้านเขาอยู่แล้วเห็นไหม” น้ำค้างเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่ยืนตะหวาดเธอไม่ขาดปาก
“ธนู...”
“ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ได้มาหาเรื่องเธอ เสร็จธุระของฉันแล้ว กลับก่อนล่ะ”
“นายมาหาใคร ประกายดาวไม่ได้อยู่ที่หอนี้นะ”
“ฉันรู้ ว่าแต่ เธออยากรู้ด้วยเหรอว่าฉันจะมาหาใครหรือมาทำอะไรที่นี่” ธนูทำสายตาเจ้าชู้ใส่น้ำค้าง แต่สาวน้อยกลับไม่มีท่าทีจะอ่อนแรงตามสายตานั้นเลย
“ถ้านายไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับหอของฉัน ฉันก็จะไม่ถามนายเลยสักนิด”
“นี่เธอ...เธอคิดว่าฉันจะมาสร้างความเดือดร้อนในหอเธออีกเหรอฮะ”
“ก็ท่าทางนายมันน่าไว้ใจได้ที่ไหนกัน”
“ยัยท่อนไม้ ในสายตาเธอ ฉันมันเลวถึงขนาดนั้นเชียวเหรอฮะ”
“ไม่รู้สิ แต่ฉันก็คิดอย่างนั้น” ธนูหงุดหงิดมาก เขาหัวเสียอย่างหนัก
“ฉันไม่อยากพูดกับเธอแล้ว ยัยทึ่ม”
ธนูเดินกระเผลกจากไปทำให้น้ำค้างอดสงสัยไม่ได้
“ขานายเป็นอะไรน่ะ”
“ขา...” ธนูนึกขึ้นได้ว่า วายุก็บาดเจ็บที่ขาเหมือนกับเขา เขาจึงรีบกลบเกลื่อน
“เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร ฉันแค่เดินเหยียบอึหมาแถวนี้ ฮึ้ย... ขยะแขยงเป็นบ้า” ธนูทำเป็นเขี่ยเท้าที่หญ้าแถวนั้น แล้วรีบเดินหนีไป
น้ำค้างมองตามอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก
“พูดแทงใจดำทำเป็นโมโห เนี่ยนะขวัญใจสาว ๆ” น้ำค้างส่ายหน้าแล้วจูงจักรยานเดินเข้าหอไป
……………………………………………………….
และเมื่อถึงวันงานนิทรรศการผลงานศิลปะของนิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ ริบบิ้นหลากสีสนผูกระโยงระยางประดับทั้งด้านหน้าด้านในคณะรูปปั้นประติมากรรมวางประดับเรียงราย ราวกับมีชีวิตทุกสิ่งที่เป็นศิลปะถูกนำมาประดับตกแต่งได้อย่างลงตัวไม่มีที่ติ หมอกับธนูก็เดินเข้ามาทักตุ่นที่คอยเรียกลูกค้าอยู่หน้าคณะ ตุ่นดีใจมากที่ทั้งสองคนมาตามคำเชิญของเธอ ตุ่นรีบบอกธนูว่าประกายดาวใส่ชุดนางฟ้ารอเขาอยู่ด้านใน ว่าแล้วธนูก็รีบพุ่งเข้าไปในงานด้วยหัวใจเกินร้อย ตุ่นได้แต่หัวเราะในความกระตือรือร้นของเขา หมอเห็นสบโอกาสรีบเดินไปกระซิบข้างหูของตุ่น
“วันนี้เธอเองก็สวยเหมือนกันนะ”
“หือ...นายว่าไงนะ ฉันไม่ได้ยิน”
"วันนี้เธอสวยเหมือนกันนะ"
"ว่าไงนะ.."
“ฉันบอกว่าวันนี้เธอน่ารักที่สุดในโลกเลย...” หมอตะโกนจนเสียงดังลั่นเรียกสายตาคนให้หันมามองตุ่น ตุ่นทำหน้าเหรอหราแล้วมองชุดสาวกระต่ายของตัวเอง ด้วยความเขินอายจึงทุบอกเขาเข้าไปหนึ่งที หมอถึงกับกระอัก
“แหม ...นายเนี่ยปากหวานก็เป็นนะ ฉันน่ะสวยทุกวันอยู่แล้วล่ะ” แล้วตุ่นก็ยืนบิดไปบิดมาอยู่อย่างนั้นด้วยความเขินอาย โดยมีหมอยืนสำลักอยู่ข้าง ๆ
ในขณะเดียวกันที่ธนูวิ่งเข้ามาในงานตามหาประกายดาว และเมื่อเขาได้ยินเสียงอันเจื้อยแจ้วของเธอ เขาก็จำได้แม่น เสียงของหญิงสาวที่กำลังอธิบายภาพวาดอยู่ตรงนั้นคงเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจากเธอ ธนูยืนยิ้มเมื่อได้เห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ประกายดาวเป็นนางฟ้าในดวงใจของเขาอยู่แล้ว ยิ่งใส่ชุดนางฟ้าเธอยิ่งตกเป็นเป้าสายตาไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ต่างพากันยืนฟังนางฟ้าราวกับถูกสะกดจิตเอาไว้ ธนูก็เป็นหนึ่งในนั้นและเมื่อประกายดาวหันมามองเห็นเขาเธอก็ยิ้ม แล้วอธิบายภาพต่อไปจนกระทั่งมีเวลาว่าง เธอรีบปลีกตัวออกมาหาเขา
“ผมไม่คิดเลยนะครับ ว่านางฟ้าที่ยืนอยู่ตรงโน้น จะกระโดดมาหาผมตรงนี้”
“แหม ดาวไม่อยากเป็นนางฟ้าของใคร นอกจากคุณนะ” สาวน้อยยิ้มหวานซึ้ง ธนูดีใจเหลือเกิน ประกายดาวบอกว่างานยุ่งมากขาดคนช่วย เธอจึงขอร้องให้เขาช่วยงานเธอหน่อย ธนูตอบรับด้วยความยินดี แต่ทว่าเขาต้องเปลี่ยนชุดกลายเป็นเทวดาไปซะนี่ แต่เทวดาที่ใส่ชุดสีขาวติดปีกอย่างเขา ช่างดึงดูดสายตาของหญิงสาวยิ่งนัก ประกายดาวมองคนรักอย่างภาคภูมิใจ
“ผมหล่อมากใช่ไหมครับ คุณถึงมองผมตาเป็นประกายอย่างนี้” ประกายดาวอมยิ้มแล้วรีบพยักหน้า
“ค่ะ หล่อที่สุดเลย ดาวกำลังคิดว่า ถ้าคุณถูกมนุษย์สาว ๆ มารุมทึ้ง จะทำยังไงดีนะ”
“คุณก็ต้องแย่งผมกลับคืนมาให้ได้สิครับ ไม่เห็นจะยากเลย” ธนูส่งยิ้มหวานจนหนุ่มข้าง ๆ อิจฉา
แล้วทั้งสองก็เดินไปช่วยกันเรียกลูกค้าเข้างาน แน่นอนเมื่อนางฟ้าดาวเด่นของมหาวิทยาลัยมายืนขนาบกับสุดหล่อราวกับเจ้าชาย ยิ่งทำให้ผู้คนต่างพากันหลากไหลเข้ามาในงาน ทุกคนทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อยหมอเองก็ช่วยเสริฟ์น้ำให้กับเพื่อน ๆ จนตุ่นต้องช่วยซับเหงื่อที่ไหลย้อยบนหน้าผากของเขา เล่นเอาหมอปลื้มยิ้มไม่ยอมหุบ แล้วตุ่นก็เดินถือน้ำไปให้ประกายดาว
“เฮ้อ...ดาวฉันยังมองไม่เห็นพ่อเทพบุตรของยัยน้ำค้างเลยนะ สงสัยยัยนั่นเงียบเป็นเป่าสากอีกแน่”
“น้ำค้างก็เป็นอย่างนี้แหละ ในเมื่อมันเป็นการตัดสินใจของเขาเราก็ควรจะยอมรับ แล้วปล่อยให้เป็นเรื่องระหว่างคนสองคนจะดีกว่านะ” ดาวจับไหล่ตุ่นอย่างปลอบใจ ตุ่นก็พยักหน้ายอมรับกับหน้าที่ของตนที่คงสิ้นสุดลงแล้ว
“เทพบุตรคนนั้นคือใครเหรอ” หมอสงสัยในคำพูดของพวกเธอ
“ก็วายุดาวรุ่งดวงใหม่ของหอพักนายยังไงล่ะ พ่อหนุ่มแว่นนั่นคงไม่ได้รับเชิญจากยัยน้ำค้างแน่ ๆ ป่านนี้ถึงยังไม่เห็นแม้แต่เงา” หมอนิ่งคิด แล้วมองหน้าธนู ธนูทำเฉยเขาพูดเบา ๆ กับหมอว่าไม่รู้ และในขณะนั้นเองที่เด็ก ๆ จากบ้านสีรุ้งเดินเข้ามาหาประกายดาว สาวน้อยยิ้มรับพวกเขาอย่างดีใจ น้ำเต้ารีบถามหาน้ำค้างกับพวกเขา
“จริงด้วยสิ วันนี้พวกเรายังไม่เห็นหน้าเธอเลย” หมอร้องทักอีกคน แล้วมองหางตาไปที่ธนู ธนูทำหน้าเบือนหนีอย่างไม่สนใจ
“งั้นพวกเราไปหาพี่น้ำค้างกันเลยดีไหมจ๊ะ”
“ดีครับ” น้ำเต้าและพวกเด็ก ๆ รีบเกาะแขนประกายดาวแล้วเดินตามเธอเข้าไปด้านใน ทันทีที่เห็นผลงานศิลปะนับร้อยชิ้นพวกเด็ก ๆ ก็ตื่นตาตื่นใจกันมาก ทุกคนต่างช่วยดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดีถึงแม้ว่าจะทำให้หมอและธนูแทบจะสิ้นชีวิตเลยก็ตาม น้ำเต้าร้องหาน้ำค้างเสียแล้ว จึงทำให้ประกายดาวต้องพาพวกเขาไปหาน้ำค้างพวกเขาเดินกันไปจนสุดทางห้องเรียนที่เรียงราย แล้วประกายดาวก็บอกกับทุกคนว่ามาถึงห้องนั้นแล้ว และขอร้องให้ทุกคนเงียบ ๆ ห้ามส่งเสียงรบกวนน้ำค้างโดยเด็ดขาดมิฉะนั้นอาจโดนน้ำค้างไล่ออกมาข้างนอกก็ได้ น้ำเต้าและเด็กคนอื่นรีบพยักหน้าแต่โดยดี
“เอาล่ะ พร้อมนะ” ประกายดาวค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไป แล้วภาพที่ทุกคนเห็นก็คือภาพของชายกำลังช่วยน้ำค้างวาดรูปอย่างสนุกสนาน น้ำค้างเองก็ขำกับใบหน้าที่เปื้อนเปรอะสีของเขา ภาพนั้นทำให้ทุกคนถึงกับตะลึง โดยเฉพาะธนู
“พี่น้ำค้าง” น้ำเต้าส่งเสียงเรียกพี่สาวสุดที่รัก น้ำค้างหันมาเห็นทุกคนเธอก็ยิ้มแล้วรีบเรียกเด็ก ๆ ให้เข้ามาดูรูปวาดของเธอกับชาย เด็ก ๆ ถามโน่นถามนี่จนชายตอบแทบไม่ทัน จนน้ำค้างต้องช่วยตอบคำถามเหล่านั้นแทน ตุ่นกับประกายดาวมองตากันแล้วยิ้ม
“สงสัยพี่ชายอาจจะเป็นคนที่น้ำค้างของเรายอมรับ มากกว่าพ่อหนุ่มแว่นนั่นก็ได้นะ”
“ถ้าพี่ชายรักเพื่อนเราจริงก็คงจะดีเหมือนกัน” ประกายดาวพูดจบก็ยิ้มให้กับตุ่นสองสาวมองน้ำค้างและชายที่กำลังมีความสุขอยู่กับเด็ก ๆ รอยยิ้มนั้นแม้แต่วายุก็คงทำไม่ได้ ธนูมองแล้วรู้สึกเจ็บแปลบข้างในหัวใจ หมอมองหน้าเพื่อนอย่างเข้าใจความรู้สึกของเขา
“หมอนั่นก้าวนำหน้านายไปอีกหนึ่งก้าวแล้วนะ นายจะยอมแพ้หรือเปล่า”
“ไม่...ฉันเชื่อว่าคนที่ยัยท่อนไม้ชอบไม่ใช่ไอ้ชาย แต่เป็นวายุ” หมอหันมองแววตาที่จริงจังของเพื่อน แล้วเชื่อมั่นในคำพูดนั้น
“ฉันจะคอยดู ว่านายจะทำยังไงต่อไป”
……………………………………………………….
เกมส์รักเดิมพันหัวใจ ตอนที่ 5
ความเดิมจากตอนที่แล้ว ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/32167813/comment5
“คราวนี้เราก็รู้จักกันแล้ว ต่อไปคุณก็เรียกผมว่าวายุเถอะนะครับ” น้ำค้างไม่ตอบ เธอได้แต่พยักหน้าแล้วรีบปั่นจักรยานออกไป วายุยิ้มอย่างผู้ได้รับชัยชนะ เขาเดินกลับเข้าหอไปท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของชาย ชายมองวายุด้วยสายตาที่อิจฉา เขารู้สึกเหมือนมีศัตรูหัวใจเพิ่มขึ้นมาอีกคน จะทนมองดูอย่างนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
……………………………………………………….
ณ คณะศิลปกรรมศาสตร์ น้ำค้าง ตุ่นและประกายดาวต่างปรึกษาหารือกันเรื่องการจัดแสดงผลงานของคณะ ประกายดาวยกหน้าที่ผลิตผลงานให้กับน้ำค้าง
“หรือเธออยากจะลองออกมาข้างนอกบ้างล่ะน้ำค้าง” น้ำค้างส่ายหน้าเป็นคำตอบสุดท้าย ยินยอมให้เพื่อนจัดหน้าที่กันตามใจชอบ ประกายดาวยิ้ม แล้วสั่งให้ตุ่นช่วยเป็นคนเรียกลูกค้าส่วนเธอจะรับหน้าที่ประชาสัมพันธ์ผลงานด้านใน ตุ่นยิ้มรับบอกให้วางใจในฝีมือของเธอได้
“นอกเหนือจากแขกที่ไม่ได้รับเชิญแล้ว อย่างน้อยเราก็ควรจะเชิญคนที่เราอยากให้มานะ” ประกายดาวส่งสายตาไปที่น้ำค้าง
“เธอก็ต้องชวนเขามานะ”
“อ๋อ...พวกเด็ก ๆ เหรอมาอยู่แล้ว งานนี้บ้านสีรุ้งไม่มีพลาด” ประกายดาวหันหน้ามองตุ่นอย่างระอาใจ
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงว่าที่คุณหมอรูปหล่อคนนั้นต่างหาก” น้ำค้างนิ่งอึ้งไปทันที ตุ่นรีบออกคำสั่งไม่ว่ายังไงน้ำค้างก็ต้องเชิญเขามาให้ได้ เพราะเธออยากพบกับเขา น้ำค้างเอาแต่เงียบปล่อยให้สองสาวหัวเราะต่อกระซิกไปสองคน
……………………………………………………….
น้ำค้างเดินเข็นจักรยานเข้าหอพักอย่างเซื่องซึม
“เดิมเหม่ออะไรยัยทึ่มเธอเกือบจะชนชาวบ้านเขาอยู่แล้วเห็นไหม” น้ำค้างเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่ยืนตะหวาดเธอไม่ขาดปาก
“ธนู...”
“ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ได้มาหาเรื่องเธอ เสร็จธุระของฉันแล้ว กลับก่อนล่ะ”
“นายมาหาใคร ประกายดาวไม่ได้อยู่ที่หอนี้นะ”
“ฉันรู้ ว่าแต่ เธออยากรู้ด้วยเหรอว่าฉันจะมาหาใครหรือมาทำอะไรที่นี่” ธนูทำสายตาเจ้าชู้ใส่น้ำค้าง แต่สาวน้อยกลับไม่มีท่าทีจะอ่อนแรงตามสายตานั้นเลย
“ถ้านายไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับหอของฉัน ฉันก็จะไม่ถามนายเลยสักนิด”
“นี่เธอ...เธอคิดว่าฉันจะมาสร้างความเดือดร้อนในหอเธออีกเหรอฮะ”
“ก็ท่าทางนายมันน่าไว้ใจได้ที่ไหนกัน”
“ยัยท่อนไม้ ในสายตาเธอ ฉันมันเลวถึงขนาดนั้นเชียวเหรอฮะ”
“ไม่รู้สิ แต่ฉันก็คิดอย่างนั้น” ธนูหงุดหงิดมาก เขาหัวเสียอย่างหนัก
“ฉันไม่อยากพูดกับเธอแล้ว ยัยทึ่ม”
ธนูเดินกระเผลกจากไปทำให้น้ำค้างอดสงสัยไม่ได้
“ขานายเป็นอะไรน่ะ”
“ขา...” ธนูนึกขึ้นได้ว่า วายุก็บาดเจ็บที่ขาเหมือนกับเขา เขาจึงรีบกลบเกลื่อน
“เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร ฉันแค่เดินเหยียบอึหมาแถวนี้ ฮึ้ย... ขยะแขยงเป็นบ้า” ธนูทำเป็นเขี่ยเท้าที่หญ้าแถวนั้น แล้วรีบเดินหนีไป
น้ำค้างมองตามอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก
“พูดแทงใจดำทำเป็นโมโห เนี่ยนะขวัญใจสาว ๆ” น้ำค้างส่ายหน้าแล้วจูงจักรยานเดินเข้าหอไป
……………………………………………………….
และเมื่อถึงวันงานนิทรรศการผลงานศิลปะของนิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ ริบบิ้นหลากสีสนผูกระโยงระยางประดับทั้งด้านหน้าด้านในคณะรูปปั้นประติมากรรมวางประดับเรียงราย ราวกับมีชีวิตทุกสิ่งที่เป็นศิลปะถูกนำมาประดับตกแต่งได้อย่างลงตัวไม่มีที่ติ หมอกับธนูก็เดินเข้ามาทักตุ่นที่คอยเรียกลูกค้าอยู่หน้าคณะ ตุ่นดีใจมากที่ทั้งสองคนมาตามคำเชิญของเธอ ตุ่นรีบบอกธนูว่าประกายดาวใส่ชุดนางฟ้ารอเขาอยู่ด้านใน ว่าแล้วธนูก็รีบพุ่งเข้าไปในงานด้วยหัวใจเกินร้อย ตุ่นได้แต่หัวเราะในความกระตือรือร้นของเขา หมอเห็นสบโอกาสรีบเดินไปกระซิบข้างหูของตุ่น
“วันนี้เธอเองก็สวยเหมือนกันนะ”
“หือ...นายว่าไงนะ ฉันไม่ได้ยิน”
"วันนี้เธอสวยเหมือนกันนะ"
"ว่าไงนะ.."
“ฉันบอกว่าวันนี้เธอน่ารักที่สุดในโลกเลย...” หมอตะโกนจนเสียงดังลั่นเรียกสายตาคนให้หันมามองตุ่น ตุ่นทำหน้าเหรอหราแล้วมองชุดสาวกระต่ายของตัวเอง ด้วยความเขินอายจึงทุบอกเขาเข้าไปหนึ่งที หมอถึงกับกระอัก
“แหม ...นายเนี่ยปากหวานก็เป็นนะ ฉันน่ะสวยทุกวันอยู่แล้วล่ะ” แล้วตุ่นก็ยืนบิดไปบิดมาอยู่อย่างนั้นด้วยความเขินอาย โดยมีหมอยืนสำลักอยู่ข้าง ๆ
ในขณะเดียวกันที่ธนูวิ่งเข้ามาในงานตามหาประกายดาว และเมื่อเขาได้ยินเสียงอันเจื้อยแจ้วของเธอ เขาก็จำได้แม่น เสียงของหญิงสาวที่กำลังอธิบายภาพวาดอยู่ตรงนั้นคงเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจากเธอ ธนูยืนยิ้มเมื่อได้เห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ประกายดาวเป็นนางฟ้าในดวงใจของเขาอยู่แล้ว ยิ่งใส่ชุดนางฟ้าเธอยิ่งตกเป็นเป้าสายตาไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ต่างพากันยืนฟังนางฟ้าราวกับถูกสะกดจิตเอาไว้ ธนูก็เป็นหนึ่งในนั้นและเมื่อประกายดาวหันมามองเห็นเขาเธอก็ยิ้ม แล้วอธิบายภาพต่อไปจนกระทั่งมีเวลาว่าง เธอรีบปลีกตัวออกมาหาเขา
“ผมไม่คิดเลยนะครับ ว่านางฟ้าที่ยืนอยู่ตรงโน้น จะกระโดดมาหาผมตรงนี้”
“แหม ดาวไม่อยากเป็นนางฟ้าของใคร นอกจากคุณนะ” สาวน้อยยิ้มหวานซึ้ง ธนูดีใจเหลือเกิน ประกายดาวบอกว่างานยุ่งมากขาดคนช่วย เธอจึงขอร้องให้เขาช่วยงานเธอหน่อย ธนูตอบรับด้วยความยินดี แต่ทว่าเขาต้องเปลี่ยนชุดกลายเป็นเทวดาไปซะนี่ แต่เทวดาที่ใส่ชุดสีขาวติดปีกอย่างเขา ช่างดึงดูดสายตาของหญิงสาวยิ่งนัก ประกายดาวมองคนรักอย่างภาคภูมิใจ
“ผมหล่อมากใช่ไหมครับ คุณถึงมองผมตาเป็นประกายอย่างนี้” ประกายดาวอมยิ้มแล้วรีบพยักหน้า
“ค่ะ หล่อที่สุดเลย ดาวกำลังคิดว่า ถ้าคุณถูกมนุษย์สาว ๆ มารุมทึ้ง จะทำยังไงดีนะ”
“คุณก็ต้องแย่งผมกลับคืนมาให้ได้สิครับ ไม่เห็นจะยากเลย” ธนูส่งยิ้มหวานจนหนุ่มข้าง ๆ อิจฉา
แล้วทั้งสองก็เดินไปช่วยกันเรียกลูกค้าเข้างาน แน่นอนเมื่อนางฟ้าดาวเด่นของมหาวิทยาลัยมายืนขนาบกับสุดหล่อราวกับเจ้าชาย ยิ่งทำให้ผู้คนต่างพากันหลากไหลเข้ามาในงาน ทุกคนทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อยหมอเองก็ช่วยเสริฟ์น้ำให้กับเพื่อน ๆ จนตุ่นต้องช่วยซับเหงื่อที่ไหลย้อยบนหน้าผากของเขา เล่นเอาหมอปลื้มยิ้มไม่ยอมหุบ แล้วตุ่นก็เดินถือน้ำไปให้ประกายดาว
“เฮ้อ...ดาวฉันยังมองไม่เห็นพ่อเทพบุตรของยัยน้ำค้างเลยนะ สงสัยยัยนั่นเงียบเป็นเป่าสากอีกแน่”
“น้ำค้างก็เป็นอย่างนี้แหละ ในเมื่อมันเป็นการตัดสินใจของเขาเราก็ควรจะยอมรับ แล้วปล่อยให้เป็นเรื่องระหว่างคนสองคนจะดีกว่านะ” ดาวจับไหล่ตุ่นอย่างปลอบใจ ตุ่นก็พยักหน้ายอมรับกับหน้าที่ของตนที่คงสิ้นสุดลงแล้ว
“เทพบุตรคนนั้นคือใครเหรอ” หมอสงสัยในคำพูดของพวกเธอ
“ก็วายุดาวรุ่งดวงใหม่ของหอพักนายยังไงล่ะ พ่อหนุ่มแว่นนั่นคงไม่ได้รับเชิญจากยัยน้ำค้างแน่ ๆ ป่านนี้ถึงยังไม่เห็นแม้แต่เงา” หมอนิ่งคิด แล้วมองหน้าธนู ธนูทำเฉยเขาพูดเบา ๆ กับหมอว่าไม่รู้ และในขณะนั้นเองที่เด็ก ๆ จากบ้านสีรุ้งเดินเข้ามาหาประกายดาว สาวน้อยยิ้มรับพวกเขาอย่างดีใจ น้ำเต้ารีบถามหาน้ำค้างกับพวกเขา
“จริงด้วยสิ วันนี้พวกเรายังไม่เห็นหน้าเธอเลย” หมอร้องทักอีกคน แล้วมองหางตาไปที่ธนู ธนูทำหน้าเบือนหนีอย่างไม่สนใจ
“งั้นพวกเราไปหาพี่น้ำค้างกันเลยดีไหมจ๊ะ”
“ดีครับ” น้ำเต้าและพวกเด็ก ๆ รีบเกาะแขนประกายดาวแล้วเดินตามเธอเข้าไปด้านใน ทันทีที่เห็นผลงานศิลปะนับร้อยชิ้นพวกเด็ก ๆ ก็ตื่นตาตื่นใจกันมาก ทุกคนต่างช่วยดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดีถึงแม้ว่าจะทำให้หมอและธนูแทบจะสิ้นชีวิตเลยก็ตาม น้ำเต้าร้องหาน้ำค้างเสียแล้ว จึงทำให้ประกายดาวต้องพาพวกเขาไปหาน้ำค้างพวกเขาเดินกันไปจนสุดทางห้องเรียนที่เรียงราย แล้วประกายดาวก็บอกกับทุกคนว่ามาถึงห้องนั้นแล้ว และขอร้องให้ทุกคนเงียบ ๆ ห้ามส่งเสียงรบกวนน้ำค้างโดยเด็ดขาดมิฉะนั้นอาจโดนน้ำค้างไล่ออกมาข้างนอกก็ได้ น้ำเต้าและเด็กคนอื่นรีบพยักหน้าแต่โดยดี
“เอาล่ะ พร้อมนะ” ประกายดาวค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไป แล้วภาพที่ทุกคนเห็นก็คือภาพของชายกำลังช่วยน้ำค้างวาดรูปอย่างสนุกสนาน น้ำค้างเองก็ขำกับใบหน้าที่เปื้อนเปรอะสีของเขา ภาพนั้นทำให้ทุกคนถึงกับตะลึง โดยเฉพาะธนู
“พี่น้ำค้าง” น้ำเต้าส่งเสียงเรียกพี่สาวสุดที่รัก น้ำค้างหันมาเห็นทุกคนเธอก็ยิ้มแล้วรีบเรียกเด็ก ๆ ให้เข้ามาดูรูปวาดของเธอกับชาย เด็ก ๆ ถามโน่นถามนี่จนชายตอบแทบไม่ทัน จนน้ำค้างต้องช่วยตอบคำถามเหล่านั้นแทน ตุ่นกับประกายดาวมองตากันแล้วยิ้ม
“สงสัยพี่ชายอาจจะเป็นคนที่น้ำค้างของเรายอมรับ มากกว่าพ่อหนุ่มแว่นนั่นก็ได้นะ”
“ถ้าพี่ชายรักเพื่อนเราจริงก็คงจะดีเหมือนกัน” ประกายดาวพูดจบก็ยิ้มให้กับตุ่นสองสาวมองน้ำค้างและชายที่กำลังมีความสุขอยู่กับเด็ก ๆ รอยยิ้มนั้นแม้แต่วายุก็คงทำไม่ได้ ธนูมองแล้วรู้สึกเจ็บแปลบข้างในหัวใจ หมอมองหน้าเพื่อนอย่างเข้าใจความรู้สึกของเขา
“หมอนั่นก้าวนำหน้านายไปอีกหนึ่งก้าวแล้วนะ นายจะยอมแพ้หรือเปล่า”
“ไม่...ฉันเชื่อว่าคนที่ยัยท่อนไม้ชอบไม่ใช่ไอ้ชาย แต่เป็นวายุ” หมอหันมองแววตาที่จริงจังของเพื่อน แล้วเชื่อมั่นในคำพูดนั้น
“ฉันจะคอยดู ว่านายจะทำยังไงต่อไป”
……………………………………………………….