อีกวันวายุไปรอรับน้ำค้างที่หน้าคณะเช่นเคย เขายิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นสาวน้อยเดินลงมา เธอวิ่งไปหาเขาอย่างร่าเริงจนวายุอดขำไม่ได้ เขานึกถึงภาพครั้งแรกที่พบกับเธอจนกระทั่งวันนี้เธอดูเป็นกุลสตรีขึ้นมาก เขาคิดในใจว่าเธอก็น่ารักเหมือนกัน
“คุณยิ้มอะไรเหรอคะ”
“อ่ะ เปล่าครับ เปล่า” น้ำค้างทำหน้าสงสัย แล้วสาวน้อยบอกกับเขาว่ากำลังจะไปทำงานพิเศษที่ร้านกาแฟ เขาก็รับอาสาจะพาเธอไปส่ง
“จะไปยังไงคะ น้ำค้างมีจักรยานคันเดียว”
“คันเดียวนี่แหละ ผมจะเป็นสารถีให้คุณเอง” สาวน้อยทำหน้าแปลกใจ แต่แล้วเขาก็พาเธอไปได้จริง ๆชายหนุ่มให้สาวน้อยมานั่งข้างหน้าเขา แต่เธอไม่ยอม ทำยังไงก็ไม่ยอม วายุอมยิ้มคิดว่าเธออาจจะยังไม่ไว้วางใจเขา
“งั้นคุณจับไหล่ผมเอาไว้ก็ได้ แต่ต้องเกาะแน่น ๆ นะ ไม่อย่างนั้นผมทำคุณตกแน่” สาวน้อยทำตามแต่โดยดีเธอไปยืนบนล้อแล้วเกาะไหล่ของเขาเอาไว้ แล้วทั้งสองก็โจนทะยานออกไปราวกับโบยบินอยู่กลางท้องฟ้า น้ำค้างหัวเราะร่า วายุเองก็เหมือนกับตกอยู่ในโลกแห่งความสุข จนทำให้เขาลืมไปเลยว่านี่เป็นแค่เกมส์
……………………………………………………….
เมื่อพาสาวน้อยมาถึงร้าน สาว ๆ ต่างพากันกรีดร้องที่เห็นผู้ชายมาส่งน้ำค้าง สาวน้อยได้แต่ยิ้มแล้วสั่งให้ทุกคนไปทำงานต่อ
“แต่ฉันว่าเธอต้องไปรับออเดอร์จากโต๊ะนั้นก่อนนะ” เพื่อนสาวเสริฟ์ชี้นิ้วไปทางวายุที่กำลังนั่งลงบนโต๊ะอย่างลูกค้า น้ำค้างหันมองเขาแล้วตกใจ เธอรีบเดินไปถามเขาว่าจะทำอะไร
“ผมคอแห้ง อยากดื่มกาแฟสักถ้วยน่ะครับ”
“อ๋อ...ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอามาให้”
“ขอบคุณครับ” วายุยิ้มหน้าใส ก่อนจะมองน้ำคางเดินผ่านเพื่อนสาว ๆที่เอาแต่จ้องมองเขาราวกับตกหลุมรัก และไม่นานนักเธอก็เอากาแฟไปเสริฟ์ที่โต๊ะ แล้วบอกว่าเธอคงไม่มีเวลาว่างพอจะดูแลเขา
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากนั่งมองดูคุณอยู่ตรงนี้” น้ำค้างมองสายตาชายหนุ่มแล้วหัวใจเต้นแรง เธอรีบเดินไปทำงานกลบเกลื่อนความเขินอาย แต่กลับเดินไปชนโต๊ะเข้าอย่างจังวายุขำออกมา สาวน้อยหันมายิ้มเจื่อนก่อนจะรีบเดินหนีความอัปยศของตัวเอง วายุได้แต่มองตามอย่างเอ็นดู
“เฮ้อ...ยัยซุ่มซ่ามเอ๊ย”
และเมื่อเห็นน้ำค้างกำลังจะออกไปซื้อของ เขาจึงรีบลุกขึ้นเดินตามเธอไป
“น้ำค้าง”
“อ้าว คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอคะ”
“คุณจะไปไหนเหรอ”
“ฉันจะไปเอาของที่ซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆ นี่น่ะค่ะ”
“งั้นให้ผมไปส่งนะครับ” น้ำค้างมองดูวายุที่เสนอตัวช่วยเหลือเธออย่างเต็มใจสาวน้อยจึงพยักหน้ารับ ชายหนุ่มรีบวิ่งไปคว้าจักรยานคันโปรดของเธอแล้วตีไปที่เหล็กด้านหน้า น้ำค้างมองดูอย่างไม่เข้าใจ จนวายุต้องดึงตัวเธอมาแล้วบังคับให้เธอนั่งข้างหน้าจักรยาน น้ำค้างจะขัดขืนลุกขึ้น แต่ก็ถูกแขนของชายหนุ่มล็อคเอาไว้
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมไม่ชอบฉวยโอกาส ผมแค่กลัวว่าคุณจะหล่นลงไป นั่งแบบนี้ปลอดภัยกว่า เอาล่ะจับแน่น ๆ นะ ผมจะซิ่งแล้ว” ไม่ทันที่น้ำค้างจะพูดอะไร วายุก็ยืนกระต่ายขาเดียวปั่นจักรยานออกไปเสียแล้ว แต่ในใจของสาวน้อยก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเขาเลย เธอกลับปลื้มใจมากกว่า ที่ได้อยู่ในวงแขนของผู้ชายที่เธอรัก และเมื่อซื้อของเสร็จฟ้าฝนเริ่มตั้งเค้า วายุรีบปั่นจักรยานออกไปโดยเร็วเพราะกลัวว่าพวกเขาจะเปียกฝน แต่แรงปั่นจักรยานหรือจะสู้สายลม แล้วสายฝนก็โหมกระหน่ำลงมาทำให้เปียกปอนไปทั้งคู่ วายุเริ่มรู้สึกไม่ดีเพราะทรงผมของเขาอาจจะทำให้เธอจับผิดได้ว่าเขาคือธนู ชายหนุ่มจึงพยายามหันหน้าไปทางอื่นทุกครั้งที่สาวน้อยหันมามอง และเมื่อถึงร้านเขาก็รีบเอารถจักรยานไปจอดแล้วบอกลาเธอโดยที่ไม่หันมามองหน้าสาวน้อยเลยแม้แต่นิด
“เอ่อ...คุณจะไม่เข้าไปหลบฝนข้างในก่อนเหรอคะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไหน ๆผมก็เปียกแล้ว อยากกลับไปอาบน้ำที่บ้านมากกว่า ผมไปก่อนนะครับ” ชายหนุ่มไม่พูดพล่ามทำเพลง เขารีบวิ่งเปียกปอนท่ามกลางสายฝนออกไป ปล่อยให้สาวน้อยมองตามอย่างเป็นห่วง เมื่อวิ่งมาได้สักพักเขาก็ถอดแว่นออก เวลานี้เขากลับกลายเป็นธนูอย่างไม่ต้องสงสัย ในใจเขาได้แต่คิดว่าน้ำค้างจะสังเกตเห็นหรือไม่
“ไม่หรอก ฝนตกแรงอย่างนั้นจะเห็นอะไรชัด อีกอย่างเราก็ไม่ได้ถอดแว่นออก เธอต้องจำไม่ได้แน่ ๆ” ธนูให้กำลังใจตัวเองแล้วรีบวิ่งต่อไปยังหอพักของตน
……………………………………………………….
เมื่อหมอรู้เรื่องถึงกับตกใจ เขาถามว่าน้ำค้างรู้เรื่องนี้หรือไม่
“คงไม่หรอก เห็นเธอยังเป็นปกติดีอยู่”
“เฮ้อ โชคดีไป ต่อไปแกต้องระวังให้มาก ๆ นะ ฟ้าฝนยิ่งคาดการณ์ไม่ได้อยู่ด้วย แค่ใส่แว่นอาจจะเอาไม่อยู่”
“ฉันรู้แล้วน่า ต่อไปจะระวังให้ดี” หมอได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกธนูเองก็โล่งอกที่รอดตัวไปเหมือนกันและหลังจากนั้นเขาก็เป็นวายุไปช่วยอุดหนุนน้ำค้างที่ร้านเค๊ก สาวน้อยต้อนรับเป็นอย่างดีสิ่งนี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจได้ว่า แผนการของเขายังดำเนินต่อไปได้
……………………………………………………….
เมื่อแผนการเป็นไปได้ด้วยดีธนูไม่รอช้ารีบโทรศัพท์ไปหาธนาบอกว่าเขาชนะเกมส์นี้เรียบร้อยแล้วธนาได้ยินแล้วดีใจใหญ่ เขาชมธนูครั้งแล้วครั้งเล่า จนธนูเบื่อที่จะฟัง
“คราวนี้ผมก็กลับไปรับสมบัติจากพ่อได้แล้วสินะครับ”
“แน่นอนไอ้ลูกชายแล้วพาหนูน้ำค้างมาด้วยนะ”
“ทำไมผมต้องพาเธอไปด้วยล่ะครับ เมื่อเกมส์จบแล้วผมก็ไม่ต้องเกี่ยวข้องอะไรกับเธออีก”
“เฮ้ย...นี่ฉันยังไม่เห็นหน้าหนูน้ำค้างเลย แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอชอบแกจริง” ธนูนิ่งคิด มันก็จริงอย่างที่ธนาพูด แต่หากเขาพาเธอไปกรุงเทพฯ เธอก็รู้ที่อยู่ของเขา แล้วเขาคงจะจากลาเธอไม่ได้จริง ๆยังไงเขาก็พาเธอไปหาธนาไม่ได้ ชายหนุ่มยืนยันอย่างหนักแน่น
“เออ..ก็ได้ แกไม่ต้องพาเธอมาก็ได้ เดี๋ยวฉันจะไปหาเอง ฮ่า ฮ่า” นั่นยิ่งเป็นข่าวร้ายสำหรับธนู แต่ทำไงได้ ในเมื่อไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว ธนูบอกให้ธนามาในงานวันลอยกระทงเขาจะทำให้พ่อได้เห็นว่าน้ำค้างรักเขามากแค่ไหน แล้วเขาก็จะจบเกมส์ของเขาในวันนั้นไปด้วยเลย ธนาตอบตกลง
“เฮ้อ... ฉันจะทำได้ไหมนะ ถ้าพ่อมา บางทีอาจจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้” ธนูคิดหนักแต่เขาก็พร้อมจะรอรับมือเมื่อถึงวันนั้น
……………………………………………………….
และแล้วก็ถึงวันลอยกระทง พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ ต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันนี้ แต่ก่อนจะถึงค่ำคืนอันหวานฉ่ำ บรรดาหนุ่ม ๆ ของหอพักชายก็ต้องมาแข่งขันเรือยาวยี่สิบฝีพายกันก่อน แต่ละหอล้วนคัดสรรนักกีฬามาอย่างดีเยี่ยม และหนึ่งในตัวแทนขอพักนนทรีก็คือชาย หัวหน้าหอพักและหัวหน้าทีมผู้ไม่เคยแพ้ใคร แน่นอนที่ศัตรูคู่อาฆาตของเขาจะต้องรับคำท้าชิงถ้วยรางวัลการแข่งขันในครั้งนี้ เขาก็คือธนูแห่งพอพักการเวก สองหนุ่มต่างฟาดฝีปากกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ไง...หายเป๋แล้วเหรอ”
“หึ ฉันรอวันที่จะเอาคืนนายเสมอ”
“ฉันก็รอวันที่จะให้นายสัมผัสกับคำว่าแพ้อีกครั้ง” แต่ทว่าสองหนุ่มนี้ยังไม่ถึงคิวประชันกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างต้องผ่านด่านแข่งขันกับทีมอื่นก่อน สาว ๆต่างพามายืนเชียร์ข้างลำน้ำอย่างคึกคัก ธนูนั่งอยู่บนเรือเขาส่งยิ้มให้กับประกายดาว สาวน้อยโบกมืออย่างเป็นกำลังใจ และเมื่อชายหนุ่มหันมองน้ำค้างที่ยืนอยู่ข้าง ๆเขาก็ยิ้มให้กับเธอเช่นเดียวกัน เล่นเอาน้ำค้างหน้าเหวอ
“อีตาบ้า มายิ้มให้ฉันทำไม” น้ำค้างหันหน้าหนีไปทางอื่น ซึ่งเธอหันมองผู้คนรอบด้านอยู่หลายครั้งแล้ว เธอหวังว่าเขาคนนั้นจะมา แต่ก็ไม่พบ
“น้ำค้างมองหาวายุเหรอ” ตุ่นถามอย่างสงสัย สาวน้อยพยักหน้ารับ
“ไม่ต้องห่วงหรอก วายุไม่เคยผิดสัญญากับเธอนี่ บางทีเขาอาจจะกำลังติดธุระอยู่ก็ได้” ประกายดาวก็ช่วยให้กำลังใจน้ำค้าง สาวน้อยหารู้ไม่ว่าวายุในตอนนี้กำลังมุ่งมั่นในการแข่งขันชิงถ้วยเรือยาวอย่างขะมักเขม้น แล้วเขาก็ไม่ทำให้สาว ๆ ผิดหวัง ชายหนุ่มและผองเพื่อนนำดิ่งเข้าเส้นชัย ธนูกับหมอชูมือดีใจอย่างผู้ได้รับชัยชนะ เขามองชายอย่างเยาะเย้ย
“ฉันขอไปรอนายในรอบชิงนะ ตามมาเร็ว ๆ อย่าด่วนตกรอบไปซะก่อนล่ะ”
“ตามมาเร็ว ๆ นะตัวเอง” หมอสำทับธนู พูดให้ชายหมั่นไส้ ทันทีที่ชายลงเรือเขามองหากำลังใจนั่นก็คือน้ำค้าง สาวน้อยโบกมือยิ้มให้อย่างพี่ชาย แค่นั้นก็เพียงพอที่ทำให้เขามีแรงที่จะจับไม้พายแล้ว
“เอาล่ะ สู้โว้ย” แล้วชายก็ใส่แรงพายอย่างไม่ยั้ง เสียงเชียร์ในสนามดังอื้ออึง จนในที่สุดเขาก็คว้าชัยชนะมาได้ เขาเดินเฉียดมามองธนูอย่างได้ทีบ้าง
“แชมป์เก่าอย่างฉัน ไม่มีวันแพ้ใคร เดี๋ยวนายก็จะได้ลิ้มรสกับความพ่ายแพ้”
“ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพูดคำนั้น” ธนูฟาดฟันสายตากับชายราวกับต่อสู้กันอยู่ จนหมอต้องแยกให้ต่างฝ่ายต่างไปเตรียมตัวแข่งขันในรอบชิง พวกเขาพอมีเวลาพักเพราะต้องให้ทีมรองชิงอันดับสามเสียก่อน ชายหนุ่มทั้งสองจึงไม่วายวิ่งมาหากำลังใจของตน หมออ้อนให้ตุ่นช่วยซับเหงื่อให้ ตุ่นปากก็บอกว่าไม่ แต่ใจอยาก มือมันเลยไปเอง เช็ดหน้าให้ชายหนุ่มจนเพื่อน ๆพากันอิจฉา
“ถ้าคุณดาวอิจฉาเขา งั้นเรามาทำกันบ้างดีไหมครับ”
“บ้า...” ดาวปัดหน้าธนูที่ยื่นมาใกล้ออกไป เมื่อเห็นเพื่อนกำลังจีจ๋ากับแฟน น้ำค้างจึงเดินเลี่ยงหลบไปอีกทาง ธนูรู้ทันจึงรีบพูดดักคอเธอ
“เป็นอะไรไป ทนดูไม่ได้จนถึงขนาดต้องเดินหนีเชียวเหรอ”
“ฉันไม่ยักกะรู้ ว่านายชอบเรียกความสนใจให้คนมาดูตัวเองพลอดรักกับผู้หญิง” โดนดอกนี้ธนูถึงกับหน้าหงาย แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้
“นี่ยัยท่อนไม้ แล้วทำไมเธอไม่หาสักคนล่ะ จะได้จู๋จี๋ดู๋ดี๋กับเขาบ้าง”
“ฉันไม่ชอบทำทุเรศแบบนายหรอกนะ” ธนูเริ่มจุดไฟก่อสงครามขึ้นอีกแล้ว หมอกับตุ่นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ตุ่นนึกขึ้นได้รีบเข้ามาขวาง
“นี่ธนู ความจริงแล้วยัยน้ำค้างก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเหมือนกันนะ ผู้ชายคนนั้นเขาชื่อว่า วายุ” ธนูมองหน้าน้ำค้างทั้งที่รู้ดีอยู่เต็มอกแต่เขาก็ยังอยากจะถาม
“จริงเหรอเนี่ย นี่ผู้หญิงที่แข็งเหมือนกับท่อนไม้อย่างเธอ มีผู้ชายมาชอบด้วยเหรอ เป็นไปได้ยังไง” ประกายดาวรีบกระตุกเสื้อธนู เธอบอกว่าเรื่องที่ตุ่นพูดเป็นความจริง หมอมองธนูราวกับห้ามไม่ให้เขาแกล้งน้ำค้างมากเกินไปกว่านี้
“พอได้แล้ว” หมอพูดเบา ๆ แต่ธนูก็ยังไม่สมใจ เขาทำเป็นจ้องมองดูน้ำค้างหัวจรดเท้า
“ฉันไม่รู้เลยนะ ว่าไอ้หมอนั่นมันสนใจเธอที่ตรงไหนกันแน่ หน้าตารึก็ไม่ใช่ นิสัย หึ...ยิ่งไม่ต้องคิด เอ๊ะ... หรือว่า...” สายตาที่มองอย่างดูถูกนั้นทำให้น้ำค้างสุดทน เธอตบหน้าธนูสุดแรง ตาแดงอย่างโกรธจัด
“คนนิสัยอย่างนาย ไม่มีวันเข้าใจจิตใจของคนอื่นหรอก วายุเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะชอบฉันที่ตรงไหน ฉันก็ไม่สนใจ สิ่งที่สำคัญคือฉันชอบเขาก็พอ” น้ำค้างระเบิดอารมณ์ใส่ธนู ก่อนจะวิ่งหนีไปด้วยดวงตาที่แดงฉาน ตุ่นมองธนูอย่างไม่พอใจ ประกายดาวก็ต่อว่าธนูว่าเขาพูดแรงเกินไป ธนูเพิ่งจะรู้ตัวถึงคำพูดที่เสียดแทงหัวใจของน้ำค้าง
เกมส์รักเดิมพันหัวใจ ตอนที่ 6
อีกวันวายุไปรอรับน้ำค้างที่หน้าคณะเช่นเคย เขายิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นสาวน้อยเดินลงมา เธอวิ่งไปหาเขาอย่างร่าเริงจนวายุอดขำไม่ได้ เขานึกถึงภาพครั้งแรกที่พบกับเธอจนกระทั่งวันนี้เธอดูเป็นกุลสตรีขึ้นมาก เขาคิดในใจว่าเธอก็น่ารักเหมือนกัน
“คุณยิ้มอะไรเหรอคะ”
“อ่ะ เปล่าครับ เปล่า” น้ำค้างทำหน้าสงสัย แล้วสาวน้อยบอกกับเขาว่ากำลังจะไปทำงานพิเศษที่ร้านกาแฟ เขาก็รับอาสาจะพาเธอไปส่ง
“จะไปยังไงคะ น้ำค้างมีจักรยานคันเดียว”
“คันเดียวนี่แหละ ผมจะเป็นสารถีให้คุณเอง” สาวน้อยทำหน้าแปลกใจ แต่แล้วเขาก็พาเธอไปได้จริง ๆชายหนุ่มให้สาวน้อยมานั่งข้างหน้าเขา แต่เธอไม่ยอม ทำยังไงก็ไม่ยอม วายุอมยิ้มคิดว่าเธออาจจะยังไม่ไว้วางใจเขา
“งั้นคุณจับไหล่ผมเอาไว้ก็ได้ แต่ต้องเกาะแน่น ๆ นะ ไม่อย่างนั้นผมทำคุณตกแน่” สาวน้อยทำตามแต่โดยดีเธอไปยืนบนล้อแล้วเกาะไหล่ของเขาเอาไว้ แล้วทั้งสองก็โจนทะยานออกไปราวกับโบยบินอยู่กลางท้องฟ้า น้ำค้างหัวเราะร่า วายุเองก็เหมือนกับตกอยู่ในโลกแห่งความสุข จนทำให้เขาลืมไปเลยว่านี่เป็นแค่เกมส์
……………………………………………………….
เมื่อพาสาวน้อยมาถึงร้าน สาว ๆ ต่างพากันกรีดร้องที่เห็นผู้ชายมาส่งน้ำค้าง สาวน้อยได้แต่ยิ้มแล้วสั่งให้ทุกคนไปทำงานต่อ
“แต่ฉันว่าเธอต้องไปรับออเดอร์จากโต๊ะนั้นก่อนนะ” เพื่อนสาวเสริฟ์ชี้นิ้วไปทางวายุที่กำลังนั่งลงบนโต๊ะอย่างลูกค้า น้ำค้างหันมองเขาแล้วตกใจ เธอรีบเดินไปถามเขาว่าจะทำอะไร
“ผมคอแห้ง อยากดื่มกาแฟสักถ้วยน่ะครับ”
“อ๋อ...ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอามาให้”
“ขอบคุณครับ” วายุยิ้มหน้าใส ก่อนจะมองน้ำคางเดินผ่านเพื่อนสาว ๆที่เอาแต่จ้องมองเขาราวกับตกหลุมรัก และไม่นานนักเธอก็เอากาแฟไปเสริฟ์ที่โต๊ะ แล้วบอกว่าเธอคงไม่มีเวลาว่างพอจะดูแลเขา
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากนั่งมองดูคุณอยู่ตรงนี้” น้ำค้างมองสายตาชายหนุ่มแล้วหัวใจเต้นแรง เธอรีบเดินไปทำงานกลบเกลื่อนความเขินอาย แต่กลับเดินไปชนโต๊ะเข้าอย่างจังวายุขำออกมา สาวน้อยหันมายิ้มเจื่อนก่อนจะรีบเดินหนีความอัปยศของตัวเอง วายุได้แต่มองตามอย่างเอ็นดู
“เฮ้อ...ยัยซุ่มซ่ามเอ๊ย”
และเมื่อเห็นน้ำค้างกำลังจะออกไปซื้อของ เขาจึงรีบลุกขึ้นเดินตามเธอไป
“น้ำค้าง”
“อ้าว คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอคะ”
“คุณจะไปไหนเหรอ”
“ฉันจะไปเอาของที่ซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆ นี่น่ะค่ะ”
“งั้นให้ผมไปส่งนะครับ” น้ำค้างมองดูวายุที่เสนอตัวช่วยเหลือเธออย่างเต็มใจสาวน้อยจึงพยักหน้ารับ ชายหนุ่มรีบวิ่งไปคว้าจักรยานคันโปรดของเธอแล้วตีไปที่เหล็กด้านหน้า น้ำค้างมองดูอย่างไม่เข้าใจ จนวายุต้องดึงตัวเธอมาแล้วบังคับให้เธอนั่งข้างหน้าจักรยาน น้ำค้างจะขัดขืนลุกขึ้น แต่ก็ถูกแขนของชายหนุ่มล็อคเอาไว้
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมไม่ชอบฉวยโอกาส ผมแค่กลัวว่าคุณจะหล่นลงไป นั่งแบบนี้ปลอดภัยกว่า เอาล่ะจับแน่น ๆ นะ ผมจะซิ่งแล้ว” ไม่ทันที่น้ำค้างจะพูดอะไร วายุก็ยืนกระต่ายขาเดียวปั่นจักรยานออกไปเสียแล้ว แต่ในใจของสาวน้อยก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเขาเลย เธอกลับปลื้มใจมากกว่า ที่ได้อยู่ในวงแขนของผู้ชายที่เธอรัก และเมื่อซื้อของเสร็จฟ้าฝนเริ่มตั้งเค้า วายุรีบปั่นจักรยานออกไปโดยเร็วเพราะกลัวว่าพวกเขาจะเปียกฝน แต่แรงปั่นจักรยานหรือจะสู้สายลม แล้วสายฝนก็โหมกระหน่ำลงมาทำให้เปียกปอนไปทั้งคู่ วายุเริ่มรู้สึกไม่ดีเพราะทรงผมของเขาอาจจะทำให้เธอจับผิดได้ว่าเขาคือธนู ชายหนุ่มจึงพยายามหันหน้าไปทางอื่นทุกครั้งที่สาวน้อยหันมามอง และเมื่อถึงร้านเขาก็รีบเอารถจักรยานไปจอดแล้วบอกลาเธอโดยที่ไม่หันมามองหน้าสาวน้อยเลยแม้แต่นิด
“เอ่อ...คุณจะไม่เข้าไปหลบฝนข้างในก่อนเหรอคะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไหน ๆผมก็เปียกแล้ว อยากกลับไปอาบน้ำที่บ้านมากกว่า ผมไปก่อนนะครับ” ชายหนุ่มไม่พูดพล่ามทำเพลง เขารีบวิ่งเปียกปอนท่ามกลางสายฝนออกไป ปล่อยให้สาวน้อยมองตามอย่างเป็นห่วง เมื่อวิ่งมาได้สักพักเขาก็ถอดแว่นออก เวลานี้เขากลับกลายเป็นธนูอย่างไม่ต้องสงสัย ในใจเขาได้แต่คิดว่าน้ำค้างจะสังเกตเห็นหรือไม่
“ไม่หรอก ฝนตกแรงอย่างนั้นจะเห็นอะไรชัด อีกอย่างเราก็ไม่ได้ถอดแว่นออก เธอต้องจำไม่ได้แน่ ๆ” ธนูให้กำลังใจตัวเองแล้วรีบวิ่งต่อไปยังหอพักของตน
……………………………………………………….
เมื่อหมอรู้เรื่องถึงกับตกใจ เขาถามว่าน้ำค้างรู้เรื่องนี้หรือไม่
“คงไม่หรอก เห็นเธอยังเป็นปกติดีอยู่”
“เฮ้อ โชคดีไป ต่อไปแกต้องระวังให้มาก ๆ นะ ฟ้าฝนยิ่งคาดการณ์ไม่ได้อยู่ด้วย แค่ใส่แว่นอาจจะเอาไม่อยู่”
“ฉันรู้แล้วน่า ต่อไปจะระวังให้ดี” หมอได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกธนูเองก็โล่งอกที่รอดตัวไปเหมือนกันและหลังจากนั้นเขาก็เป็นวายุไปช่วยอุดหนุนน้ำค้างที่ร้านเค๊ก สาวน้อยต้อนรับเป็นอย่างดีสิ่งนี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจได้ว่า แผนการของเขายังดำเนินต่อไปได้
……………………………………………………….
เมื่อแผนการเป็นไปได้ด้วยดีธนูไม่รอช้ารีบโทรศัพท์ไปหาธนาบอกว่าเขาชนะเกมส์นี้เรียบร้อยแล้วธนาได้ยินแล้วดีใจใหญ่ เขาชมธนูครั้งแล้วครั้งเล่า จนธนูเบื่อที่จะฟัง
“คราวนี้ผมก็กลับไปรับสมบัติจากพ่อได้แล้วสินะครับ”
“แน่นอนไอ้ลูกชายแล้วพาหนูน้ำค้างมาด้วยนะ”
“ทำไมผมต้องพาเธอไปด้วยล่ะครับ เมื่อเกมส์จบแล้วผมก็ไม่ต้องเกี่ยวข้องอะไรกับเธออีก”
“เฮ้ย...นี่ฉันยังไม่เห็นหน้าหนูน้ำค้างเลย แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอชอบแกจริง” ธนูนิ่งคิด มันก็จริงอย่างที่ธนาพูด แต่หากเขาพาเธอไปกรุงเทพฯ เธอก็รู้ที่อยู่ของเขา แล้วเขาคงจะจากลาเธอไม่ได้จริง ๆยังไงเขาก็พาเธอไปหาธนาไม่ได้ ชายหนุ่มยืนยันอย่างหนักแน่น
“เออ..ก็ได้ แกไม่ต้องพาเธอมาก็ได้ เดี๋ยวฉันจะไปหาเอง ฮ่า ฮ่า” นั่นยิ่งเป็นข่าวร้ายสำหรับธนู แต่ทำไงได้ ในเมื่อไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว ธนูบอกให้ธนามาในงานวันลอยกระทงเขาจะทำให้พ่อได้เห็นว่าน้ำค้างรักเขามากแค่ไหน แล้วเขาก็จะจบเกมส์ของเขาในวันนั้นไปด้วยเลย ธนาตอบตกลง
“เฮ้อ... ฉันจะทำได้ไหมนะ ถ้าพ่อมา บางทีอาจจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้” ธนูคิดหนักแต่เขาก็พร้อมจะรอรับมือเมื่อถึงวันนั้น
……………………………………………………….
และแล้วก็ถึงวันลอยกระทง พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ ต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันนี้ แต่ก่อนจะถึงค่ำคืนอันหวานฉ่ำ บรรดาหนุ่ม ๆ ของหอพักชายก็ต้องมาแข่งขันเรือยาวยี่สิบฝีพายกันก่อน แต่ละหอล้วนคัดสรรนักกีฬามาอย่างดีเยี่ยม และหนึ่งในตัวแทนขอพักนนทรีก็คือชาย หัวหน้าหอพักและหัวหน้าทีมผู้ไม่เคยแพ้ใคร แน่นอนที่ศัตรูคู่อาฆาตของเขาจะต้องรับคำท้าชิงถ้วยรางวัลการแข่งขันในครั้งนี้ เขาก็คือธนูแห่งพอพักการเวก สองหนุ่มต่างฟาดฝีปากกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ไง...หายเป๋แล้วเหรอ”
“หึ ฉันรอวันที่จะเอาคืนนายเสมอ”
“ฉันก็รอวันที่จะให้นายสัมผัสกับคำว่าแพ้อีกครั้ง” แต่ทว่าสองหนุ่มนี้ยังไม่ถึงคิวประชันกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างต้องผ่านด่านแข่งขันกับทีมอื่นก่อน สาว ๆต่างพามายืนเชียร์ข้างลำน้ำอย่างคึกคัก ธนูนั่งอยู่บนเรือเขาส่งยิ้มให้กับประกายดาว สาวน้อยโบกมืออย่างเป็นกำลังใจ และเมื่อชายหนุ่มหันมองน้ำค้างที่ยืนอยู่ข้าง ๆเขาก็ยิ้มให้กับเธอเช่นเดียวกัน เล่นเอาน้ำค้างหน้าเหวอ
“อีตาบ้า มายิ้มให้ฉันทำไม” น้ำค้างหันหน้าหนีไปทางอื่น ซึ่งเธอหันมองผู้คนรอบด้านอยู่หลายครั้งแล้ว เธอหวังว่าเขาคนนั้นจะมา แต่ก็ไม่พบ
“น้ำค้างมองหาวายุเหรอ” ตุ่นถามอย่างสงสัย สาวน้อยพยักหน้ารับ
“ไม่ต้องห่วงหรอก วายุไม่เคยผิดสัญญากับเธอนี่ บางทีเขาอาจจะกำลังติดธุระอยู่ก็ได้” ประกายดาวก็ช่วยให้กำลังใจน้ำค้าง สาวน้อยหารู้ไม่ว่าวายุในตอนนี้กำลังมุ่งมั่นในการแข่งขันชิงถ้วยเรือยาวอย่างขะมักเขม้น แล้วเขาก็ไม่ทำให้สาว ๆ ผิดหวัง ชายหนุ่มและผองเพื่อนนำดิ่งเข้าเส้นชัย ธนูกับหมอชูมือดีใจอย่างผู้ได้รับชัยชนะ เขามองชายอย่างเยาะเย้ย
“ฉันขอไปรอนายในรอบชิงนะ ตามมาเร็ว ๆ อย่าด่วนตกรอบไปซะก่อนล่ะ”
“ตามมาเร็ว ๆ นะตัวเอง” หมอสำทับธนู พูดให้ชายหมั่นไส้ ทันทีที่ชายลงเรือเขามองหากำลังใจนั่นก็คือน้ำค้าง สาวน้อยโบกมือยิ้มให้อย่างพี่ชาย แค่นั้นก็เพียงพอที่ทำให้เขามีแรงที่จะจับไม้พายแล้ว
“เอาล่ะ สู้โว้ย” แล้วชายก็ใส่แรงพายอย่างไม่ยั้ง เสียงเชียร์ในสนามดังอื้ออึง จนในที่สุดเขาก็คว้าชัยชนะมาได้ เขาเดินเฉียดมามองธนูอย่างได้ทีบ้าง
“แชมป์เก่าอย่างฉัน ไม่มีวันแพ้ใคร เดี๋ยวนายก็จะได้ลิ้มรสกับความพ่ายแพ้”
“ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพูดคำนั้น” ธนูฟาดฟันสายตากับชายราวกับต่อสู้กันอยู่ จนหมอต้องแยกให้ต่างฝ่ายต่างไปเตรียมตัวแข่งขันในรอบชิง พวกเขาพอมีเวลาพักเพราะต้องให้ทีมรองชิงอันดับสามเสียก่อน ชายหนุ่มทั้งสองจึงไม่วายวิ่งมาหากำลังใจของตน หมออ้อนให้ตุ่นช่วยซับเหงื่อให้ ตุ่นปากก็บอกว่าไม่ แต่ใจอยาก มือมันเลยไปเอง เช็ดหน้าให้ชายหนุ่มจนเพื่อน ๆพากันอิจฉา
“ถ้าคุณดาวอิจฉาเขา งั้นเรามาทำกันบ้างดีไหมครับ”
“บ้า...” ดาวปัดหน้าธนูที่ยื่นมาใกล้ออกไป เมื่อเห็นเพื่อนกำลังจีจ๋ากับแฟน น้ำค้างจึงเดินเลี่ยงหลบไปอีกทาง ธนูรู้ทันจึงรีบพูดดักคอเธอ
“เป็นอะไรไป ทนดูไม่ได้จนถึงขนาดต้องเดินหนีเชียวเหรอ”
“ฉันไม่ยักกะรู้ ว่านายชอบเรียกความสนใจให้คนมาดูตัวเองพลอดรักกับผู้หญิง” โดนดอกนี้ธนูถึงกับหน้าหงาย แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้
“นี่ยัยท่อนไม้ แล้วทำไมเธอไม่หาสักคนล่ะ จะได้จู๋จี๋ดู๋ดี๋กับเขาบ้าง”
“ฉันไม่ชอบทำทุเรศแบบนายหรอกนะ” ธนูเริ่มจุดไฟก่อสงครามขึ้นอีกแล้ว หมอกับตุ่นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ตุ่นนึกขึ้นได้รีบเข้ามาขวาง
“นี่ธนู ความจริงแล้วยัยน้ำค้างก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเหมือนกันนะ ผู้ชายคนนั้นเขาชื่อว่า วายุ” ธนูมองหน้าน้ำค้างทั้งที่รู้ดีอยู่เต็มอกแต่เขาก็ยังอยากจะถาม
“จริงเหรอเนี่ย นี่ผู้หญิงที่แข็งเหมือนกับท่อนไม้อย่างเธอ มีผู้ชายมาชอบด้วยเหรอ เป็นไปได้ยังไง” ประกายดาวรีบกระตุกเสื้อธนู เธอบอกว่าเรื่องที่ตุ่นพูดเป็นความจริง หมอมองธนูราวกับห้ามไม่ให้เขาแกล้งน้ำค้างมากเกินไปกว่านี้
“พอได้แล้ว” หมอพูดเบา ๆ แต่ธนูก็ยังไม่สมใจ เขาทำเป็นจ้องมองดูน้ำค้างหัวจรดเท้า
“ฉันไม่รู้เลยนะ ว่าไอ้หมอนั่นมันสนใจเธอที่ตรงไหนกันแน่ หน้าตารึก็ไม่ใช่ นิสัย หึ...ยิ่งไม่ต้องคิด เอ๊ะ... หรือว่า...” สายตาที่มองอย่างดูถูกนั้นทำให้น้ำค้างสุดทน เธอตบหน้าธนูสุดแรง ตาแดงอย่างโกรธจัด
“คนนิสัยอย่างนาย ไม่มีวันเข้าใจจิตใจของคนอื่นหรอก วายุเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะชอบฉันที่ตรงไหน ฉันก็ไม่สนใจ สิ่งที่สำคัญคือฉันชอบเขาก็พอ” น้ำค้างระเบิดอารมณ์ใส่ธนู ก่อนจะวิ่งหนีไปด้วยดวงตาที่แดงฉาน ตุ่นมองธนูอย่างไม่พอใจ ประกายดาวก็ต่อว่าธนูว่าเขาพูดแรงเกินไป ธนูเพิ่งจะรู้ตัวถึงคำพูดที่เสียดแทงหัวใจของน้ำค้าง