ความเดิมจากตอนที่แล้ว ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/32042063
“ใช่...ต้องใช่แน่ ๆ ยัยนั่นต้องไม่ใช่ผู้หญิง เธอต้องเป็นทอมแน่ ๆ ไม่อย่างนั้น ฉันก็คงไม่ ...”
“ไม่หนีหางจุกตูดมาอย่างนี้ใช่ไหมล่ะฮ่า ฮ่า สะใจจริง ๆ โว้ย... ในที่สุดเสือผู้หญิงก็กินทอมไม่ได้ ฮ่า ฮ่า”
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะไอ้หมอ ไม่งั้นคนที่จะตายก็คือแก ย๊า” ธนูแค้นใจในคำพูดของเพื่อนรัก เขาระบายมันออกมาด้วยการวิ่งไล่เตะหมอ ทั้งที่รู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงแค่การแก้ไขภาวะจิตใจของตัวเองในเบื้องต้น แค่ระงับความเครียดของตนเพียงชั่วคราวเท่านั้น
……………………………………………………….
รุ่งเช้า ตะวันดวงใหม่โผล่พ้นเหนือทิวเขา น้ำค้างปั่นจักรยานเข้ามาในมหาวิทยาลัยเหมือนเช่นทุกที เพียงแต่วันนี้ ผู้หญิงทุกคนต่างจับจ้องไปที่เธอ ไม่ว่าจะผ่านตรงจุดไหน ก็ล้วนแต่มีคนจับกลุ่มซุบซิบนินทา แต่น้ำค้างก็ไม่หวั่นไหวใด ๆ ทั้งสิ้น เธอเดินปรี่เข้าไปทักทายเพื่อนรักทั้งสองคือตุ่น และประกายดาว สองสาวร่าเริงรับรอยยิ้มของน้ำค้าง ในขณะที่เพื่อนทั้งห้องต่างส่งสายตามองมาที่เธอ น้ำค้างหันมองรอบด้าน แล้วเดินไปหน้าชั้นเรียนเธอวาดรูปลงบนกระดานดำ ภาพนั้นคือภาพของคนห้อยหัว เชือกที่ถูกผูกติดปลายเท้าทั้งสองข้างเธอทำลูกศรเน้นย้ำไปที่มันและกระแทกมือแรง ก่อนจะหันหน้ามาหาเพื่อนทุกคน
“ฉันพูดไม่เก่งหรอก แต่ฉันก็ไม่อยากเป็นเหมือนคนในภาพนี้ และฉันก็คิดว่าพวกเธอคงไม่อยากเป็นด้วยเหมือนกัน” น้ำค้างพูดจบก็กลับมานั่งที่ เพื่อน ๆในห้องทุกคนต่างหลบสายตาและไม่หันไปมองเธออีก ตุ่นและประกายดาวต่างส่งยิ้มให้กับความเด็ดเดี่ยวของเพื่อนรัก
เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน น้ำค้างจึงได้รู้ว่าทำไมคนทั้งมหาวิทยาลัยถึงมองเธอด้วยท่าทางแปลก ๆ
“มีคนมาตามหาฉันอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่...เขาน่ะวิ่งตามหาเธอซะทั่วมหา’ลัยเลย ปากก็ร้อง น้ำค้าง น้ำค้างอยู่ที่ไหน คุณครับคุณครับเห็นน้ำค้างบ้างไหมครับ โอ๊ย...วิ่งไปทางไหน สาว ๆ หัวใจพองโต นี่นะตาถลนอย่างนี้อกเด้งออกมาอย่างนี้” พูดไปตุ่นก็ทำท่าไปจนประกายดาวต้องทัก
“ตุ่น...พูดเกินไปหรือเปล่า”
“แหมดาว...ใส่ไข่นิด ๆ หน่อย ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติน่ะ ไม่อย่างนั้นยัยน้ำค้างจะเห็นภาพได้ยังไงกันเนอะ” น้ำค้างยิ้มแบบฝืน ๆ แล้วปล่อยให้เพื่อนพูดต่อ
“หมอนั่นทั้งหล่อทั้งรวย หุ่นก็ดี เท่ห์ระเบิด เที่ยวมาตามหาเธอต่อให้ใครได้ยินก็ต้องคิดว่าเขาเป็นแฟนเธอแน่ พวกนั้นถึงได้มองเธอไม่วางตาไง แต่สุดท้ายกลับมาจีบยัยดาวซะนี่” น้ำค้างหันมองประกายดาวอย่างสงสัย
“เอ่อ ...ไม่มีอะไรหรอกน้ำค้าง เขาแค่เข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นเธอน่ะ”
“เข้าใจผิดเหรอ ฉันเห็นนะหมอนั่นน่ะมองเธอตาลุกวาวเป็นประกายแบบนี้เลย จะให้คิดว่าเข้าใจผิดได้ไง ยิ่งพอบอกว่าเธอไม่ใช่น้ำค้างนะ หมอนั่นก็หุบยิ้มลงทันทีเลย ดูก็รู้แล้ว ว่ามีแผนมาจีบยัยดาวของเรา” น้ำค้างพยักหน้า
“อ๋อ...ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นฉันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหมอนั่น ดีล่ะหมดเรื่องแล้ว ฉันไปก่อนล่ะนะ”
“ดะ เดี๋ยวสิน้ำค้าง” ประกายดาวร้องเรียกเพื่อนกลับมาอธิบายเรื่องนั้นอีกครั้ง แต่ไม่ว่าเธอหรือตุ่นจะร้องเรียกอย่างไร น้ำค้างก็ปั่นจักรยานคันโปรดหนีไปไกลเสียแล้ว ทั้งสองได้แต่ถอนหายใจพร้อมกัน
“เฮ้อ...นี่เมื่อไหร่ยัยลูกเป็ดขี้เหร่ของเราจะกลายร่างเป็นหงส์งามเสียที ฉันเห็นแล้วเหนื่อยใจแทนจริง ๆ”
“ก็คงนานเท่าที่บ้านสีรุ้งจะเพียบพร้อมทุกสิ่งล่ะมั้ง ไปเถอะเราต้องรีบทำรายงานกันต่อไม่ใช่เหรอ”
ตุ่นพยักหน้าตามคำชวนของประกายดาว แล้วทั้งสองก็มองตามเพื่อนรักไปอย่างห่วงใย
……………………………………………………….
และสถานที่ที่น้ำค้างมาในวันนี้ก็คือร้านกาแฟ เธอมาทำงานพิเศษเป็นพนักงานเสริฟ์อยู่ที่นี่ ด้วยร้านไม่ได้ห่างใกลจากมหาวิทยาลัยนัก ธนูกับหมอจึงมานั่งทานอาหารที่นี่
“จะรับอะไรดีคะ” เสียงอันแหบห้าวนั้น ทำให้สองหนุ่มรีบเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นหน้าเธอธนูก็รีบก้มหน้าลงอ่านเมนูทันที ผิดกับหมอที่ยังคงร่าเริงซักถามเธอถึงเมนูเด็ดประจำร้าน
“ทุกอย่างค่ะ”
“เอ๋ น้องนี่ ก็พี่ไม่รู้ว่าจะกินอะไร น้องก็ควรต้องแนะนำอาหารที่อร่อยที่สุดในร้านนี้สิ”
“คุณชอบอะไรล่ะคะ”
“อืม... ชอบเหรอ กุ้ง พี่ชอบกินกุ้ง”
“ก็สั่งกุ้งสิคะ” น้ำค้างตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่คำตอบนั้นกลับยิ่งทำให้หมอหงุดหงิด
“เอ๋ น้อง ถ้าพี่รู้พี่จะถามเรอะว่าอะไรคือจานเด็ดของร้าน แบบว่าพี่อยากกินอาหารจานเด็ดของร้านน่ะ ไม่เข้าใจที่พูดเรอะ” หมอเริ่มใส่อารมณ์จนคนในร้านหันมามอง ธนูบอกให้หมอใจเย็น ๆ เพื่อนพนักงานเสริฟ์ในร้านทำท่าจะเข้ามาช่วยน้ำค้าง
“ถ้าคุณชอบกุ้ง ก็ควรจะสั่งกุ้ง สั่งในสิ่งที่ชอบ ถึงอาหารจานเด็ดจะอร่อยแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีสิ่งที่คุณชอบมันก็ไม่อร่อยหรอก” เสียงตอบอันเรียบเฉยแต่มันกลับบาดลึกลงไปในหัวใจของทุกคน แขกข้างโต๊ะถึงกับยิ้มให้กับเธอแล้วมองหน้าหมอราวกับผู้พ่ายแพ้หมอเองก็ไม่รู้จะถามอะไรเธออีก เขาจึงสั่งต้มยำกุ้งแบบไม่กล้าสู้สายตา
“ต้มยำกุ้งน้ำใสหรือน้ำข้นคะ”
“น้ำ...น้ำใส”
“รับข้าวเปล่าหนึ่งจานนะคะ” น้ำค้างบังคับขายแต่หมอก็ไม่กล้าหือ
“คะ..ครับ”
“ต้มยำกุ้งน้ำใสหนึ่งที่นะคะ แล้วคุณล่ะคะ” น้ำค้างหันมาถามธนู เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเมนูแล้วตอบแบบไม่คิดมาก
“ผมขอข้าวผัดกุ้งครับ”
“เครื่องดื่มล่ะคะ”
“น้ำโค้กครับ” น้ำค้างหันมามองหมอ หมอรีบตอบโดยอัตโนมัติว่าน้ำโค้กเหมือนกัน เล่นเอาทุกคนในร้านพากันอมยิ้ม น้ำค้างทวนเมนูอีกครั้งก่อนจะบอกให้ทั้งสองรอสักครู่แล้วเธอก็เดินไปส่งเมนูให้กับห้องครัว เพื่อน ๆ พนักงานเสริฟ์ต่างเข้ามาชื่นชมในความกล้าหาญของเธอที่ตอกหน้าลูกค้าเรื่องมากเสียหน้าหงาย
“ฉันไม่ได้กล้าหาญอะไร แล้วเขาก็ไม่ได้เรื่องมากซะหน่อย” น้ำค้างยิ้มแล้วไปทำงานต่อ เพื่อน ๆ เธอต่างยืนมองอย่างชื่นชม
“เฮ้อ... เมื่อไหร่น๊า ฉันถึงจะมีคำพูดดี ๆ แบบนั้นได้บ้าง”
“ยัยน้ำค้างน่ะ ไม่ว่าจะเจอลูกค้าแบบไหน ก็จัดการได้หมด โดยที่ไม่ทำให้ลูกค้าโวยวายได้เลยสักคน สุดยอดจริง ๆ เพื่อนเรา” สองสาวยังมองน้ำค้างด้วยความชื่นชม เช่นเดียวกับหมอและธนู ที่มองน้ำค้างเป็นผู้หญิงที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง แม้สีหน้าและคำพูดจะเรียบเฉย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลูกค้าอารมณ์ขุ่นเลย
“แกว่า เมื่อกี้นี้ ฉันเหมือนตัวตลกหรือเปล่า”
“หืม...ทำไม แกไม่เห็นสายตาของคนในร้านที่เขามองแกหรือไง น่าอายเป็นบ้า”
“นั่นสิ ทำไมฉันต้องอายด้วยวะ แล้วทำไมฉันถึงไม่กล้า”
“หึ...ทีนี้แกเข้าใจความรู้สึกของฉันหรือยัง” หมอทำหน้าสงสัย เขาถามธนูว่าความรู้สึกอะไร
“ก็ผู้หญิงที่ทำให้ฉันต้องวิ่งหนี คนที่นายชื่นชมนักหนา น้ำค้างยังไงล่ะ” หมอถึงกับอ้าปากค้าง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าธนูต้องจีบผู้หญิงคนนี้
“แย่แล้วไอ้ธนูเอ๊ย แกเจอศึกหนักแน่ ผู้หญิงที่แข็งทื่อเหมือนตอไม้ แถมยังคารมเชือดเฉือนขนาดนั้น ฉันเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าแกจะเข้าหาเขาด้วยวิธีไหน ดูเธอสิ ท่าทางเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไม่ร้องไห้ ไม่มีอารมณ์ใด ๆ ทั้งนั้น เฮ้อ...แค่คิดก็กลุ้มแล้ว”
“สมเป็นพ่อฉันจริง ๆ ช่างคิดนัก เอาผู้หญิงพรรค์นี้มาให้ฉัน หึ นึกเหรอว่าฉันจะยอมแพ้”
“เฮ้ย... แกเอาจริงเหรอ”
“มาถึงขนาดนี้แล้วจะกลับไปมือเปล่าไม่ได้ ฉันต้องทำ และต้องรีบตัดสินใจเดี๋ยวนี้เลย” ท่าทางของธนู ทำให้หมอกลัว และแล้ว แผนแรกก็เริ่มต้นขึ้น
……………………………………………………….
เกมส์รักเดิมพันหัวใจ ตอน 2
ความเดิมจากตอนที่แล้ว ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/32042063
“ใช่...ต้องใช่แน่ ๆ ยัยนั่นต้องไม่ใช่ผู้หญิง เธอต้องเป็นทอมแน่ ๆ ไม่อย่างนั้น ฉันก็คงไม่ ...”
“ไม่หนีหางจุกตูดมาอย่างนี้ใช่ไหมล่ะฮ่า ฮ่า สะใจจริง ๆ โว้ย... ในที่สุดเสือผู้หญิงก็กินทอมไม่ได้ ฮ่า ฮ่า”
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะไอ้หมอ ไม่งั้นคนที่จะตายก็คือแก ย๊า” ธนูแค้นใจในคำพูดของเพื่อนรัก เขาระบายมันออกมาด้วยการวิ่งไล่เตะหมอ ทั้งที่รู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงแค่การแก้ไขภาวะจิตใจของตัวเองในเบื้องต้น แค่ระงับความเครียดของตนเพียงชั่วคราวเท่านั้น
……………………………………………………….
รุ่งเช้า ตะวันดวงใหม่โผล่พ้นเหนือทิวเขา น้ำค้างปั่นจักรยานเข้ามาในมหาวิทยาลัยเหมือนเช่นทุกที เพียงแต่วันนี้ ผู้หญิงทุกคนต่างจับจ้องไปที่เธอ ไม่ว่าจะผ่านตรงจุดไหน ก็ล้วนแต่มีคนจับกลุ่มซุบซิบนินทา แต่น้ำค้างก็ไม่หวั่นไหวใด ๆ ทั้งสิ้น เธอเดินปรี่เข้าไปทักทายเพื่อนรักทั้งสองคือตุ่น และประกายดาว สองสาวร่าเริงรับรอยยิ้มของน้ำค้าง ในขณะที่เพื่อนทั้งห้องต่างส่งสายตามองมาที่เธอ น้ำค้างหันมองรอบด้าน แล้วเดินไปหน้าชั้นเรียนเธอวาดรูปลงบนกระดานดำ ภาพนั้นคือภาพของคนห้อยหัว เชือกที่ถูกผูกติดปลายเท้าทั้งสองข้างเธอทำลูกศรเน้นย้ำไปที่มันและกระแทกมือแรง ก่อนจะหันหน้ามาหาเพื่อนทุกคน
“ฉันพูดไม่เก่งหรอก แต่ฉันก็ไม่อยากเป็นเหมือนคนในภาพนี้ และฉันก็คิดว่าพวกเธอคงไม่อยากเป็นด้วยเหมือนกัน” น้ำค้างพูดจบก็กลับมานั่งที่ เพื่อน ๆในห้องทุกคนต่างหลบสายตาและไม่หันไปมองเธออีก ตุ่นและประกายดาวต่างส่งยิ้มให้กับความเด็ดเดี่ยวของเพื่อนรัก
เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน น้ำค้างจึงได้รู้ว่าทำไมคนทั้งมหาวิทยาลัยถึงมองเธอด้วยท่าทางแปลก ๆ
“มีคนมาตามหาฉันอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่...เขาน่ะวิ่งตามหาเธอซะทั่วมหา’ลัยเลย ปากก็ร้อง น้ำค้าง น้ำค้างอยู่ที่ไหน คุณครับคุณครับเห็นน้ำค้างบ้างไหมครับ โอ๊ย...วิ่งไปทางไหน สาว ๆ หัวใจพองโต นี่นะตาถลนอย่างนี้อกเด้งออกมาอย่างนี้” พูดไปตุ่นก็ทำท่าไปจนประกายดาวต้องทัก
“ตุ่น...พูดเกินไปหรือเปล่า”
“แหมดาว...ใส่ไข่นิด ๆ หน่อย ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติน่ะ ไม่อย่างนั้นยัยน้ำค้างจะเห็นภาพได้ยังไงกันเนอะ” น้ำค้างยิ้มแบบฝืน ๆ แล้วปล่อยให้เพื่อนพูดต่อ
“หมอนั่นทั้งหล่อทั้งรวย หุ่นก็ดี เท่ห์ระเบิด เที่ยวมาตามหาเธอต่อให้ใครได้ยินก็ต้องคิดว่าเขาเป็นแฟนเธอแน่ พวกนั้นถึงได้มองเธอไม่วางตาไง แต่สุดท้ายกลับมาจีบยัยดาวซะนี่” น้ำค้างหันมองประกายดาวอย่างสงสัย
“เอ่อ ...ไม่มีอะไรหรอกน้ำค้าง เขาแค่เข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นเธอน่ะ”
“เข้าใจผิดเหรอ ฉันเห็นนะหมอนั่นน่ะมองเธอตาลุกวาวเป็นประกายแบบนี้เลย จะให้คิดว่าเข้าใจผิดได้ไง ยิ่งพอบอกว่าเธอไม่ใช่น้ำค้างนะ หมอนั่นก็หุบยิ้มลงทันทีเลย ดูก็รู้แล้ว ว่ามีแผนมาจีบยัยดาวของเรา” น้ำค้างพยักหน้า
“อ๋อ...ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นฉันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหมอนั่น ดีล่ะหมดเรื่องแล้ว ฉันไปก่อนล่ะนะ”
“ดะ เดี๋ยวสิน้ำค้าง” ประกายดาวร้องเรียกเพื่อนกลับมาอธิบายเรื่องนั้นอีกครั้ง แต่ไม่ว่าเธอหรือตุ่นจะร้องเรียกอย่างไร น้ำค้างก็ปั่นจักรยานคันโปรดหนีไปไกลเสียแล้ว ทั้งสองได้แต่ถอนหายใจพร้อมกัน
“เฮ้อ...นี่เมื่อไหร่ยัยลูกเป็ดขี้เหร่ของเราจะกลายร่างเป็นหงส์งามเสียที ฉันเห็นแล้วเหนื่อยใจแทนจริง ๆ”
“ก็คงนานเท่าที่บ้านสีรุ้งจะเพียบพร้อมทุกสิ่งล่ะมั้ง ไปเถอะเราต้องรีบทำรายงานกันต่อไม่ใช่เหรอ”
ตุ่นพยักหน้าตามคำชวนของประกายดาว แล้วทั้งสองก็มองตามเพื่อนรักไปอย่างห่วงใย
……………………………………………………….
และสถานที่ที่น้ำค้างมาในวันนี้ก็คือร้านกาแฟ เธอมาทำงานพิเศษเป็นพนักงานเสริฟ์อยู่ที่นี่ ด้วยร้านไม่ได้ห่างใกลจากมหาวิทยาลัยนัก ธนูกับหมอจึงมานั่งทานอาหารที่นี่
“จะรับอะไรดีคะ” เสียงอันแหบห้าวนั้น ทำให้สองหนุ่มรีบเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นหน้าเธอธนูก็รีบก้มหน้าลงอ่านเมนูทันที ผิดกับหมอที่ยังคงร่าเริงซักถามเธอถึงเมนูเด็ดประจำร้าน
“ทุกอย่างค่ะ”
“เอ๋ น้องนี่ ก็พี่ไม่รู้ว่าจะกินอะไร น้องก็ควรต้องแนะนำอาหารที่อร่อยที่สุดในร้านนี้สิ”
“คุณชอบอะไรล่ะคะ”
“อืม... ชอบเหรอ กุ้ง พี่ชอบกินกุ้ง”
“ก็สั่งกุ้งสิคะ” น้ำค้างตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่คำตอบนั้นกลับยิ่งทำให้หมอหงุดหงิด
“เอ๋ น้อง ถ้าพี่รู้พี่จะถามเรอะว่าอะไรคือจานเด็ดของร้าน แบบว่าพี่อยากกินอาหารจานเด็ดของร้านน่ะ ไม่เข้าใจที่พูดเรอะ” หมอเริ่มใส่อารมณ์จนคนในร้านหันมามอง ธนูบอกให้หมอใจเย็น ๆ เพื่อนพนักงานเสริฟ์ในร้านทำท่าจะเข้ามาช่วยน้ำค้าง
“ถ้าคุณชอบกุ้ง ก็ควรจะสั่งกุ้ง สั่งในสิ่งที่ชอบ ถึงอาหารจานเด็ดจะอร่อยแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีสิ่งที่คุณชอบมันก็ไม่อร่อยหรอก” เสียงตอบอันเรียบเฉยแต่มันกลับบาดลึกลงไปในหัวใจของทุกคน แขกข้างโต๊ะถึงกับยิ้มให้กับเธอแล้วมองหน้าหมอราวกับผู้พ่ายแพ้หมอเองก็ไม่รู้จะถามอะไรเธออีก เขาจึงสั่งต้มยำกุ้งแบบไม่กล้าสู้สายตา
“ต้มยำกุ้งน้ำใสหรือน้ำข้นคะ”
“น้ำ...น้ำใส”
“รับข้าวเปล่าหนึ่งจานนะคะ” น้ำค้างบังคับขายแต่หมอก็ไม่กล้าหือ
“คะ..ครับ”
“ต้มยำกุ้งน้ำใสหนึ่งที่นะคะ แล้วคุณล่ะคะ” น้ำค้างหันมาถามธนู เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเมนูแล้วตอบแบบไม่คิดมาก
“ผมขอข้าวผัดกุ้งครับ”
“เครื่องดื่มล่ะคะ”
“น้ำโค้กครับ” น้ำค้างหันมามองหมอ หมอรีบตอบโดยอัตโนมัติว่าน้ำโค้กเหมือนกัน เล่นเอาทุกคนในร้านพากันอมยิ้ม น้ำค้างทวนเมนูอีกครั้งก่อนจะบอกให้ทั้งสองรอสักครู่แล้วเธอก็เดินไปส่งเมนูให้กับห้องครัว เพื่อน ๆ พนักงานเสริฟ์ต่างเข้ามาชื่นชมในความกล้าหาญของเธอที่ตอกหน้าลูกค้าเรื่องมากเสียหน้าหงาย
“ฉันไม่ได้กล้าหาญอะไร แล้วเขาก็ไม่ได้เรื่องมากซะหน่อย” น้ำค้างยิ้มแล้วไปทำงานต่อ เพื่อน ๆ เธอต่างยืนมองอย่างชื่นชม
“เฮ้อ... เมื่อไหร่น๊า ฉันถึงจะมีคำพูดดี ๆ แบบนั้นได้บ้าง”
“ยัยน้ำค้างน่ะ ไม่ว่าจะเจอลูกค้าแบบไหน ก็จัดการได้หมด โดยที่ไม่ทำให้ลูกค้าโวยวายได้เลยสักคน สุดยอดจริง ๆ เพื่อนเรา” สองสาวยังมองน้ำค้างด้วยความชื่นชม เช่นเดียวกับหมอและธนู ที่มองน้ำค้างเป็นผู้หญิงที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง แม้สีหน้าและคำพูดจะเรียบเฉย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลูกค้าอารมณ์ขุ่นเลย
“แกว่า เมื่อกี้นี้ ฉันเหมือนตัวตลกหรือเปล่า”
“หืม...ทำไม แกไม่เห็นสายตาของคนในร้านที่เขามองแกหรือไง น่าอายเป็นบ้า”
“นั่นสิ ทำไมฉันต้องอายด้วยวะ แล้วทำไมฉันถึงไม่กล้า”
“หึ...ทีนี้แกเข้าใจความรู้สึกของฉันหรือยัง” หมอทำหน้าสงสัย เขาถามธนูว่าความรู้สึกอะไร
“ก็ผู้หญิงที่ทำให้ฉันต้องวิ่งหนี คนที่นายชื่นชมนักหนา น้ำค้างยังไงล่ะ” หมอถึงกับอ้าปากค้าง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าธนูต้องจีบผู้หญิงคนนี้
“แย่แล้วไอ้ธนูเอ๊ย แกเจอศึกหนักแน่ ผู้หญิงที่แข็งทื่อเหมือนตอไม้ แถมยังคารมเชือดเฉือนขนาดนั้น ฉันเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าแกจะเข้าหาเขาด้วยวิธีไหน ดูเธอสิ ท่าทางเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไม่ร้องไห้ ไม่มีอารมณ์ใด ๆ ทั้งนั้น เฮ้อ...แค่คิดก็กลุ้มแล้ว”
“สมเป็นพ่อฉันจริง ๆ ช่างคิดนัก เอาผู้หญิงพรรค์นี้มาให้ฉัน หึ นึกเหรอว่าฉันจะยอมแพ้”
“เฮ้ย... แกเอาจริงเหรอ”
“มาถึงขนาดนี้แล้วจะกลับไปมือเปล่าไม่ได้ ฉันต้องทำ และต้องรีบตัดสินใจเดี๋ยวนี้เลย” ท่าทางของธนู ทำให้หมอกลัว และแล้ว แผนแรกก็เริ่มต้นขึ้น
……………………………………………………….