.
เรื่องนี้คือเรื่องเดียวกับ พลิกร้ายให้รักลงล็อก ที่ผู้เขียนเคยวางไว้เพียงไม่กี่บท ผู้เขียนได้นำเรื่องมาเกลาและเริ่มเขียนใหม่
มีนักอ่านท่านหนึ่งเคยบอกผู้เขียนว่าช่วงเวลาวัยเด็กระหว่างนางเอกกับพระเอกมันสั้นเกินไปเพราะมีเพียงสามบท บทที่สี่ผู้เขียนให้พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่เลย นักอ่านท่านนั้นจึงแนะนำว่าลองขยายบทช่วงเวลาวัยเด็กออกอีกสักนิดน่าจะดี ก็เลยลองปรับช่วงวัยเด็กมากขึ้นค่ะ และเพิ่มความแซ่บร้ายกาจทั้งพระเอกและนางเอกมากขึ้น ให้สมกับชื่อเรื่องใหม่ นายปิศาจกับยัยตัวร้าย
เรื่อง นายปิศาจกับยัยตัวร้าย
==========
บทที่ 1
รถยนต์เมอส์เซเดสเบนซ์สีดำคันหรูมีละอองฝุ่นเกาะทั่วทั้งคันอันเนื่องจากการขับรถผ่านถนนลูกรัง เศษละอองฝุ่นจากดินแดงลอยปลิวฟุ้งกระจายตามท้องถนนตลอดเส้นทางที่รถยนต์แล่นผ่าน และเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ เข้าไปในซอยเล็กๆซึ่งจะสามารถตัดผ่านไปยังโรงเรียนประจำตำบลที่ตั้งเด่นอยู่ใกล้ๆกับวัดใหญ่ของตำบล
รถเคลื่อนตัวมาจอดรถสนิทเมื่อมาถึงหน้าประตูโรงเรียน สภาพโรงเรียนมองผ่านกระจกรถคล้ายดังตึกร้างอาคารเรียนเก่าทรุดโทรมสีอาคารหลุดลอกเป็นจุดๆอันเกิดจากการกัดเซาะของฝนและแสงแดด และอาจไม่ได้รับการบำรุงดูแลรักษาเลยแม้แต่น้อย
กำแพงโรงเรียนมองดูจะไม่มั่นคงเสียเท่าไร เกือบจะพังแหล่มิพังแหล่ ป้ายชื่อโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มองเห็นไม่ชัดเจน เพราะตัวหนังสือหลุดลอกออกไปหลายจุด แต่ก็ยังพออ่านได้ว่า
‘โรงเรียนบ้านโคกมะขามหวาน’ และต่อท้ายด้วยคำขวัญโรงเรียน
‘กีฬาเด่น เน้นวินัย วิชาการเป็นเลิศ’
เด็กหญิงวัยสิบสองปี ดวงตากลมโต ผมสีดำขลับยาวสลวยนั่งอยู่เบาะหลังของรถยนต์คันหรู เด็กน้อยมองออกมาข้างนอกผ่านกระจกใสด้วยสายตาพะอืดพะอมปนรังเกียจกับสถานที่ที่ตัวเองจะต้องมาเรียน ถึงแม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆตามที่พ่อบอกก็ตาม และเธอไม่เต็มใจที่จะมาเรียนโรงเรียนบ้านนอกบ้านนาแห่งนี้ แต่ก็คงจะเลือกเรียนในโรงเรียนหรูตามที่เธอตั้งใจไว้ไม่ได้ เมื่อตอนนี้สถานะทางบ้านของเธออยู่ในภาวะล้มละลาย เงินที่ใช้จ่ายในแต่ละวันเริ่มขัดสน ค่าเทอมที่พ่อเธอต้องให้เธอเป็นจำนวนเงินหลายแสนบาทก็ไม่มีให้อีกแล้ว ความคิดอยากเรียนโรงเรียนดังๆมีชื่อเสียงได้พังทลายลง เมื่อพ่อเธอถูกศาลฟ้องล้มละลาย และนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอพบกับความทุกข์ใจเมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
ชายสูงวัยใบหน้าเหี่ยวย่นนั่งอยู่ข้างเด็กน้อยจ้องมองเธอด้วยความสงสาร มันเป็นความจำเป็นที่ต้องพาเธอมาเรียนในที่ๆห่างไกลความเจริญมากขนาดนี้แต่เพราะจำเป็นจึงต้องทำ สถานการณ์ ณ ตอนนี้ตัวเขาเองก็มีทางเลือกน้อยเหลือเกิน
“กีฬาเด่น เน้นวินัย วิชาการเป็นเลิศ” เด็กหญิงพูดขึ้นทำลายความเงียบที่ตัวเองเก็บกดไว้มานาน น้ำเสียงประชดประชัดเต็มที่เพื่อแสดงให้ผู้เป็นพ่อได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง
“ฟ้าไม่ยอมเรียนที่นี่แน่นอนค่ะคุณพ่อ คุณพ่อแน่ใจนะคะว่าที่นี่เรียกว่าโรงเรียน เก่าก็เก่า ยังกะโรงเรียนผีสิง แถมมีวัดข้างโรงเรียนอีก หยี้ ฟ้าไม่เรียนที่นี่นะคะ” เด็กหญิงชื่อฟ้างามทำหน้าไม่พอใจหันไปพูดกับผู้เป็นพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“แค่ระยะเวลาสั้นๆนะลูก ตอนนี้พ่อเจอปัญหาต่างๆมากมายเสร็จเรื่องเมื่อไหร่พ่อจะกลับมารับลูก” เกรียงไกร กิจวิทยากุลผู้เป็นพ่อหันไปพูดกับลูกสาวตัวน้อยซึ่งได้แต่ทำหน้าบึ้งตึงไม่ยอมแม้แต่จะหันมามองพ่อ และเมื่อไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบจากคนเป็นลูกสาว เกรียงไกรจึงได้พูดต่อ
“พ่อว่าก็ดีออกนะลูกจะได้เพื่อนใหม่ได้ประสบการณ์ใหม่ๆเพิ่มขึ้นไง มาอยู่บ้านนอกบ้างจะได้รู้วิถีของชาวบ้าน พ่อว่าน่าสนุกนะที่นี่เป็นที่ๆแม่ของลูกก็เคยเรียนด้วยนะ” พ่อพูดติดตลกก่อนจะยื่นมือไปหยิกแก้มลูกสาวเชิงหยอกล้อ แต่ก็โดนลูกสาวสะบัดหน้าหนีแบบสุดเคือง
“ฟ้าเป็นนักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงสุดของโรงเรียนชื่อดัง เป็นหัวหน้าห้องที่ทุกคนเกรงใจ เป็นดาวเด่นที่สุดในโรงเรียนแต่ดูตอนนี้สิคะ คุณพ่อให้ฟ้ามาทำอะไรที่นี่” ฟ้างามพูดด้วยความโมโห ขยับแขนหนีพ่อซึ่งพยายามจะเอื้อมมือมาจับแขนลูกสาว เธอซึ่งกอดอกไว้ด้วยการแข็งขึง และไม่ยอมหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่อ
ในขณะที่ผู้เป็นพ่อได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยแสดงทีท่าฉุนเฉียวและเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้
“ฟ้า ลูกอยู่แค่ ม.1 เองนะลูกอย่าเพิ่งคิดเรื่องอะไรที่มันเยอะแยะขนาดนั้นเลยนะ ลูกยังเป็นเด็กพ่ออยากให้ลูกได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กกับเพื่อนๆเล่นสนุกสนานแบบเด็กๆ และพ่อเชื่อว่าลูกสาวพ่อไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนลูกก็เด่นและเป็นที่หนึ่งได้เสมอ” เกรียงไกรได้แต่เอามือลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดูรักใคร่
“ฟ้าไม่ชอบที่นี่ฟ้าไม่ชอบโรงเรียนนี้ เกลียดป้ายโรงเรียนเกลียดอาคารเรียนที่ดูเหมือนบ้านผีสิงและเกลียดคุณพ่อที่พาลูกมาที่นี่” น้ำเสียงที่โกรธเกลียดเปล่งออกมาจากปากลูกสาวตัวน้อย เธอสะบัดศีรษะออกจากมือพ่อ
และกระแทกประตูรถเปิดออกและปิดมันลงอย่างรุนแรง และเดินดุ่มๆเข้าไปในโรงเรียนแบบหน้าบอกบุญไม่รับ
เกรียงไกรผู้เป็นพ่อได้แต่ถอนหายใจ ส่ายหน้าไปมา รับไม่ได้กับพฤติกรรมของลูกสาวที่ดูจะไม่น่ารักเอาซะเลย
“นับวัน ยายฟ้ายิ่งเอาแต่ใจและร้ายกาจขึ้นทุกวันจริงๆ ฉันสินะที่ทำให้ลูกต้องเป็นแบบนี้ฉันเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องเลยใช่ไหม วิเชียร” เกรียงไกรพูดกับคนขับรถที่นั่งมองเจ้านายผ่านกระจกมองหลังด้วยความห่วงใย
“ไม่ใช่ความผิดของท่านหรอกครับอย่าโทษตัวเองเลย คุณหนูฟ้าแกยังเด็กก็แค่เอาแต่ใจตามประสาแด็กนั่นละครับ” วิเชียรให้กำลังใจเจ้านาย
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะโตขึ้นคงเป็นเด็กดี เราไปกันเถอะวิเชียร” เกรียงไกรออกคำสั่งคนขับรถทันทีที่เห็นลูกสาวตัวน้อยกำลังโวยวายใส่เพื่อนนักเรียนที่วิ่งมาชน
หน้าโรงเรียนที่ดูเหมือนกับบ้านผีสิง เด็กนักเรียนหญิงสองคนกำลังยืนต่อว่าให้กันแบบที่ไม่มีใครยอมใครแต่จะว่าไปแล้วคงจะเป็นเด็กนักเรียนหญิงคนใหม่ซะมากกว่าที่เป็นฝ่ายด่าทอเพื่อนตัวน้อยที่ยืนหัวหดเสียจนดูไม่ออกแล้วว่าเธอมีหัวหรือเปล่า
“นี่เธอไม่มีตาหรือไงฉันยืนอยู่ดีๆยังวิ่งมาชนได้ แต่งตัวก็สกปรกมารยาทยังไม่มีอีก” ฟ้างาม นักเรียนคนใหม่ที่เพิ่งก้าวลงจากรถเบนซ์คันหรู กำลังต่อว่านักเรียนหญิงซึ่งวิ่งมาชนเธออย่างแรง จนเกือบล้มคม้ำหน้าประตูโรงเรียน
“ขอโทษจ้ะ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะวิ่งชนเธอนะ” เด็กนักเรียนหญิงผมยุ่งเหยิงเหมือนไม่ได้หวีผมมาหลายวัน เสื้อนักเรียนสีขาวซีดและกระโปรงมีรอยปะชุนสี่ห้าจุดดูแล้วไม่เหมือนกับกระโปรงนักเรียนเอาเสียเลย ก้มศีรษะขอโทษอย่างคนสำนึกผิด เธอไม่คิดอยากมีเรื่องกับใครเพิ่มขึ้นมาอีก โดยเฉพาะนักเรียนใหม่คนนี้ที่ดูดีมีภูมิฐาน และท่าทางเอาเรื่องไม่น้อย และมันไม่ดีต่อเธอแน่ที่จะสร้างศัตรู เธอควรผูกมิตรกับนักเรียนใหม่คนนี้ไว้น่าจะดีกว่าการไปต่อกรกับหล่อน
“นี่จำไว้เลยนะอย่ามาชนฉันเป็นครั้งที่สอง ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องเสียใจแน่ ยายสกปรกไปให้ไกลๆ ฉันเลยนะ” ฟ้างามพูดขู่อย่างเอาเรื่องพลางกับใช้มือปัดเสื้อตัวเองไปมาเหมือนกับว่าความสกปรกเหล่านั้นจะติดเสื้อเธอด้วย
“จ้ะ รับรองได้เลยมันจะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอนฉันรับปาก” เด็กนักเรียนหญิงก้มหน้าตอบรับอย่างกลัวๆ และพูดต่อเพื่อสานสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่
“ว่าแต่เธอเพิ่งมาใหม่เหรอ ฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย เธอสวยจังผมก็สวยผิวก็สวย ชุดนักเรียนเธอก็สวยด้วย ฉันอยากได้ชุดนักเรียนใหม่ แต่ฉันแม่ฉันไม่มีเงินซื้อให้” เด็กนักเรียนหญิงหน้ามอมแมมเปลี่ยนความรู้สึกหวาดกลัวกลายเป็นชื่นชมนักเรียนใหม่อย่างประจบประแจง และทำหน้าเศร้าลงเมื่อพูดถึงชุดนักเรียนใหม่
“อืม” ฟ้างามตอบรับอย่างรำคาญและอยากจะเดินหนีใจแทบขาด
“เธอชื่ออะไรเหรอ”
“ฟ้างาม รู้ชื่อฉันแล้วก็ช่วยหลีกทางให้หน่อย” แต่คนที่ยืนฟังไม่ได้สนใจคำขับไล่ของอีกฝ่าย
“ฉันชื่อใบบัวนะยินดีที่ได้รู้จักจ้ะฟ้างามคนสวย ชื่อเธอเพราะจริงๆเลยนะ” นักเรียนหญิงที่ชื่อใบบัวยังคงพูดประจบประแจงไม่รู้จบโดยที่ไม่สนใจ ว่าอีกฝ่ายเริ่มมีท่าทีหงุดหงิด
“เรามาเป็นเพื่อนกันไหม” ใบบัวยังคงตื้อไม่เลิก หวังเพียงจะได้เพื่อนใหม่ทีหน้าตาสสวยและคงพลอยให้ตัวเองดูดีไปด้วย
“บังเอิญฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ เธอคิดว่าเธอคู่ควรจะเป็นเพื่อนกับฉันหรือไง ฟังให้ดีนะยายใบบัวเน่าคุณหนูอย่างฉันไม่มีวันเป็นเพื่อนกับเธอหรอกเข้าใจไว้ด้วยนะ”
ฟ้างามมองใบบัวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาบ่งบอกว่าขยะแขยงกับคำขอเป็นเพื่อนของคนที่อยู่ตรงหน้า ในขณะที่ใบบัวก็ได้ก้มหน้ามองพื้นด้วยความอับอายและรู้สึกผิดหวังกับมิตรภาพที่เธอหยิบยื่นให้กับคุณหนูผู้เย่อหยิ่งคนนี้
“โอ๊ยโอ๊ย” ใบบัวร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อมีอะไรบางอย่างกระแทกเข้าที่ศีรษะเธอ เธอหันไปมองยังทิศทางของวัตถุนั้นและก็ต้องร้องขึ้นอีกครั้ง เมื่อก้อนหินอีกหลายก้อนพุ่งตรงมาที่หน้าผาก ไหล่ แขน ขาหน้าท้องและตามจุดต่างๆของร่างกาย ก้อนหินถูกขว้างมาใส่เธออย่างไม่ขาดสาย
“หยุดนะ หยุดได้แล้วฉันเจ็บนะ โอ๊ย โอ๊ย ….”
เสียงใบบัวตะโกนบอกนักเรียนชายที่ยืนขว้างก้อนหินใส่เธอโดยไม่ทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ และเริ่มจะรุนแรงขึ้น จนทำให้เธอเองทนความเจ็บไปไม่ไหว นัยน์เอ่อรื้นใกล้จะปล่อยน้ำใสๆไหลออกจากดวงตาเต็มแก่ แต่ใบบัวก็ยังพยายามสะกักกั้นเอาไว้ บอกตัวเองจะไม่ร้องไห้ไห้ฟ้างามได้เห็น
“ฮ่าฮ่า สมน้ำหน้าสะใจโว้ย” นักเรียนชายที่อยู่หน้าสุดหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจและเป็นผลให้เพื่อนที่อยู่ข้าหลังอีกสองคนก็หัวเราะตาม
“หยุดนะฉันเจ็บ” ใบบัวยังร้องบอกผู้โจมตีด้วยกระสุนก้อนหิน และไม่นานน้ำตาก็ไหลออกมาเป็นสายด้วยความเจ็บปวดที่สุดจะทน
“หยุดนะไอ้พวกอันธพาล” ฟ้างามตะโกนบอกเสียงดังฟังชัดเจน ทำให้นักเรียนชายสามคนซึ่งโจมตีด้วยกระสุนก้อนหินต้องชะงักค้างทันที เมื่อฟ้างามเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าใบบัว
“นางฟ้าชัดๆ”
เด็กนักเรียนชายที่อยู่หน้าสุดอุทานออกมาด้วยความชื่นชมในความงามของนักเรียนใหม่ ฟ้างามจ้องนักเรียนชายใบหน้ากวนๆผมสีน้ำตาลอ่อนคิ้วเข้มดกดำ จมูกโด่งเข้ากับใบคมสัน และยังมีพลาสเตอร์ยาติดอยู่ที่จมูกของเขา มองดูตลกยังไงชอบกลจนทำให้คนมองต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไรคนสวย” คนหน้ากวนถามอย่างงงๆในปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“เปล่า ไม่มีอะไร” ฟ้างามตอบเสียงราบเรียบร่องรอยการหัวเราะหายไปทันทีเปลี่ยนเป็นหน้าดุจริงจัง
“พวกนายขอโทษเธอเดี๋ยวนี้นะ ขอโทษที่พวกนายขว้างก้อนหินใส่เธอ” ฟ้างามพูดเสียงดังใส่ใบหน้ากวนๆที่ได้แต่ยืนเลิกคิ้วไปมาอย่างน่าหมั่นไส้
“ถ้าไม่ละคนสวยจะทำไมเหรอ” ใบหน้ากวนๆแลบลิ้นใส่ใบบัวแล้วหันมายิ้มให้นักเรียนใหม่
“ก็ไม่ทำไมหรอกฉันก็แค่….” พูดยังไม่ทันขาดคำนักเรียนใหม่ผมยาวสลวยดวงตากลมโตคนนี้ก็แตะขาเข้าที่หว่างขาของชายใบหน้ากวนๆคนนี้เต็มแรง
“โอ๊ยโอ๊ย ยัย ยายยย” ผู้โดนแตะกล่องดวงใจร้องอย่างเจ็บปวด มือหนึ่งกุมของรักไว้หมั่นอีกมือหนึ่งชี้หน้าคนแตะอย่างเคียดแค้น หวังจะด่าให้สาแก่ใจแต่ก็เจ็บเกินกว่าจะนึกคำด่าออก
“เชอะ นึกว่าแน่” ฟ้างามสะบัดหน้าใส่ปลายผมนุ่มสลวยของเธอปัดโดนแก้มของเขาแผ่วเบากลิ่นหอมจางๆของเส้นผมสัมผัสกับจมูกเขา ความเจ็บปวดเมื่อครู่ถูกกลบด้วยความหอมและความนุ่มของเส้นผม เขานิ่งไปช่วงขณะเหมือนเวลาหยุดเคลื่อนไหวมือที่ค้างไว้เริ่มลูบไล้กับปลายผมนุ่มนวลนั้นโดยที่เจ้าของเส้นผมไม่ทันรู้ตัว
ฟ้างามเดินห่างออกไปมุ่งสู่ตึกอาคารเรียนที่เหมือนตึกร้างโดยที่มีใบบัววิ่งตามติดๆอย่างกับทาสผู้จงรักภักดีต่อเจ้านาย
ในขณะที่เขานิ่งมองด้านหลังของเธอเส้นผมดำยาวพัดปลิวไปตามสายลม อวัยวะภายในที่เรียกว่าหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เขาได้แต่คิดว่านั้นเป็นผลมาจากกล่องดวงใจของเขาถูกกระแทกด้วยขาของเธอ เจ็บบริเวณที่เธอกระทุ้งขาใส่แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับโบกบินตามเธอไป เป็นความรู้สึกโกรธเกลียดหรือก็ไม่ใช่ อยากแก้แค้นคืนก็มีส่วน แต่ที่แน่ๆเขาจะหาทางอยู่ใกล้เด็กนักเรียนใหม่คนนี้ทุกฝีก้าว เขาหยาดยิ้มเมื่อนึกถึงแผนการตัวเอง
“แล้วได้เห็นดีกันแน่ยัยคนสวย” เขาพึมพำคนเดียว และรีบวิ่งเข้าไปในโรงเรียนโดยมีเพื่อนอีกสองคนวิ่งตามมาติดๆ
จบบทที่ 1
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ
นายปิศาจกับยัยตัวร้าย
เรื่องนี้คือเรื่องเดียวกับ พลิกร้ายให้รักลงล็อก ที่ผู้เขียนเคยวางไว้เพียงไม่กี่บท ผู้เขียนได้นำเรื่องมาเกลาและเริ่มเขียนใหม่
มีนักอ่านท่านหนึ่งเคยบอกผู้เขียนว่าช่วงเวลาวัยเด็กระหว่างนางเอกกับพระเอกมันสั้นเกินไปเพราะมีเพียงสามบท บทที่สี่ผู้เขียนให้พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่เลย นักอ่านท่านนั้นจึงแนะนำว่าลองขยายบทช่วงเวลาวัยเด็กออกอีกสักนิดน่าจะดี ก็เลยลองปรับช่วงวัยเด็กมากขึ้นค่ะ และเพิ่มความแซ่บร้ายกาจทั้งพระเอกและนางเอกมากขึ้น ให้สมกับชื่อเรื่องใหม่ นายปิศาจกับยัยตัวร้าย
เรื่อง นายปิศาจกับยัยตัวร้าย
==========
บทที่ 1
รถยนต์เมอส์เซเดสเบนซ์สีดำคันหรูมีละอองฝุ่นเกาะทั่วทั้งคันอันเนื่องจากการขับรถผ่านถนนลูกรัง เศษละอองฝุ่นจากดินแดงลอยปลิวฟุ้งกระจายตามท้องถนนตลอดเส้นทางที่รถยนต์แล่นผ่าน และเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ เข้าไปในซอยเล็กๆซึ่งจะสามารถตัดผ่านไปยังโรงเรียนประจำตำบลที่ตั้งเด่นอยู่ใกล้ๆกับวัดใหญ่ของตำบล
รถเคลื่อนตัวมาจอดรถสนิทเมื่อมาถึงหน้าประตูโรงเรียน สภาพโรงเรียนมองผ่านกระจกรถคล้ายดังตึกร้างอาคารเรียนเก่าทรุดโทรมสีอาคารหลุดลอกเป็นจุดๆอันเกิดจากการกัดเซาะของฝนและแสงแดด และอาจไม่ได้รับการบำรุงดูแลรักษาเลยแม้แต่น้อย
กำแพงโรงเรียนมองดูจะไม่มั่นคงเสียเท่าไร เกือบจะพังแหล่มิพังแหล่ ป้ายชื่อโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มองเห็นไม่ชัดเจน เพราะตัวหนังสือหลุดลอกออกไปหลายจุด แต่ก็ยังพออ่านได้ว่า ‘โรงเรียนบ้านโคกมะขามหวาน’ และต่อท้ายด้วยคำขวัญโรงเรียน ‘กีฬาเด่น เน้นวินัย วิชาการเป็นเลิศ’
เด็กหญิงวัยสิบสองปี ดวงตากลมโต ผมสีดำขลับยาวสลวยนั่งอยู่เบาะหลังของรถยนต์คันหรู เด็กน้อยมองออกมาข้างนอกผ่านกระจกใสด้วยสายตาพะอืดพะอมปนรังเกียจกับสถานที่ที่ตัวเองจะต้องมาเรียน ถึงแม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆตามที่พ่อบอกก็ตาม และเธอไม่เต็มใจที่จะมาเรียนโรงเรียนบ้านนอกบ้านนาแห่งนี้ แต่ก็คงจะเลือกเรียนในโรงเรียนหรูตามที่เธอตั้งใจไว้ไม่ได้ เมื่อตอนนี้สถานะทางบ้านของเธออยู่ในภาวะล้มละลาย เงินที่ใช้จ่ายในแต่ละวันเริ่มขัดสน ค่าเทอมที่พ่อเธอต้องให้เธอเป็นจำนวนเงินหลายแสนบาทก็ไม่มีให้อีกแล้ว ความคิดอยากเรียนโรงเรียนดังๆมีชื่อเสียงได้พังทลายลง เมื่อพ่อเธอถูกศาลฟ้องล้มละลาย และนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอพบกับความทุกข์ใจเมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
ชายสูงวัยใบหน้าเหี่ยวย่นนั่งอยู่ข้างเด็กน้อยจ้องมองเธอด้วยความสงสาร มันเป็นความจำเป็นที่ต้องพาเธอมาเรียนในที่ๆห่างไกลความเจริญมากขนาดนี้แต่เพราะจำเป็นจึงต้องทำ สถานการณ์ ณ ตอนนี้ตัวเขาเองก็มีทางเลือกน้อยเหลือเกิน
“กีฬาเด่น เน้นวินัย วิชาการเป็นเลิศ” เด็กหญิงพูดขึ้นทำลายความเงียบที่ตัวเองเก็บกดไว้มานาน น้ำเสียงประชดประชัดเต็มที่เพื่อแสดงให้ผู้เป็นพ่อได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง
“ฟ้าไม่ยอมเรียนที่นี่แน่นอนค่ะคุณพ่อ คุณพ่อแน่ใจนะคะว่าที่นี่เรียกว่าโรงเรียน เก่าก็เก่า ยังกะโรงเรียนผีสิง แถมมีวัดข้างโรงเรียนอีก หยี้ ฟ้าไม่เรียนที่นี่นะคะ” เด็กหญิงชื่อฟ้างามทำหน้าไม่พอใจหันไปพูดกับผู้เป็นพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“แค่ระยะเวลาสั้นๆนะลูก ตอนนี้พ่อเจอปัญหาต่างๆมากมายเสร็จเรื่องเมื่อไหร่พ่อจะกลับมารับลูก” เกรียงไกร กิจวิทยากุลผู้เป็นพ่อหันไปพูดกับลูกสาวตัวน้อยซึ่งได้แต่ทำหน้าบึ้งตึงไม่ยอมแม้แต่จะหันมามองพ่อ และเมื่อไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบจากคนเป็นลูกสาว เกรียงไกรจึงได้พูดต่อ
“พ่อว่าก็ดีออกนะลูกจะได้เพื่อนใหม่ได้ประสบการณ์ใหม่ๆเพิ่มขึ้นไง มาอยู่บ้านนอกบ้างจะได้รู้วิถีของชาวบ้าน พ่อว่าน่าสนุกนะที่นี่เป็นที่ๆแม่ของลูกก็เคยเรียนด้วยนะ” พ่อพูดติดตลกก่อนจะยื่นมือไปหยิกแก้มลูกสาวเชิงหยอกล้อ แต่ก็โดนลูกสาวสะบัดหน้าหนีแบบสุดเคือง
“ฟ้าเป็นนักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงสุดของโรงเรียนชื่อดัง เป็นหัวหน้าห้องที่ทุกคนเกรงใจ เป็นดาวเด่นที่สุดในโรงเรียนแต่ดูตอนนี้สิคะ คุณพ่อให้ฟ้ามาทำอะไรที่นี่” ฟ้างามพูดด้วยความโมโห ขยับแขนหนีพ่อซึ่งพยายามจะเอื้อมมือมาจับแขนลูกสาว เธอซึ่งกอดอกไว้ด้วยการแข็งขึง และไม่ยอมหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่อ
ในขณะที่ผู้เป็นพ่อได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยแสดงทีท่าฉุนเฉียวและเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้
“ฟ้า ลูกอยู่แค่ ม.1 เองนะลูกอย่าเพิ่งคิดเรื่องอะไรที่มันเยอะแยะขนาดนั้นเลยนะ ลูกยังเป็นเด็กพ่ออยากให้ลูกได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กกับเพื่อนๆเล่นสนุกสนานแบบเด็กๆ และพ่อเชื่อว่าลูกสาวพ่อไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนลูกก็เด่นและเป็นที่หนึ่งได้เสมอ” เกรียงไกรได้แต่เอามือลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดูรักใคร่
“ฟ้าไม่ชอบที่นี่ฟ้าไม่ชอบโรงเรียนนี้ เกลียดป้ายโรงเรียนเกลียดอาคารเรียนที่ดูเหมือนบ้านผีสิงและเกลียดคุณพ่อที่พาลูกมาที่นี่” น้ำเสียงที่โกรธเกลียดเปล่งออกมาจากปากลูกสาวตัวน้อย เธอสะบัดศีรษะออกจากมือพ่อ
และกระแทกประตูรถเปิดออกและปิดมันลงอย่างรุนแรง และเดินดุ่มๆเข้าไปในโรงเรียนแบบหน้าบอกบุญไม่รับ
เกรียงไกรผู้เป็นพ่อได้แต่ถอนหายใจ ส่ายหน้าไปมา รับไม่ได้กับพฤติกรรมของลูกสาวที่ดูจะไม่น่ารักเอาซะเลย
“นับวัน ยายฟ้ายิ่งเอาแต่ใจและร้ายกาจขึ้นทุกวันจริงๆ ฉันสินะที่ทำให้ลูกต้องเป็นแบบนี้ฉันเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องเลยใช่ไหม วิเชียร” เกรียงไกรพูดกับคนขับรถที่นั่งมองเจ้านายผ่านกระจกมองหลังด้วยความห่วงใย
“ไม่ใช่ความผิดของท่านหรอกครับอย่าโทษตัวเองเลย คุณหนูฟ้าแกยังเด็กก็แค่เอาแต่ใจตามประสาแด็กนั่นละครับ” วิเชียรให้กำลังใจเจ้านาย
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะโตขึ้นคงเป็นเด็กดี เราไปกันเถอะวิเชียร” เกรียงไกรออกคำสั่งคนขับรถทันทีที่เห็นลูกสาวตัวน้อยกำลังโวยวายใส่เพื่อนนักเรียนที่วิ่งมาชน
หน้าโรงเรียนที่ดูเหมือนกับบ้านผีสิง เด็กนักเรียนหญิงสองคนกำลังยืนต่อว่าให้กันแบบที่ไม่มีใครยอมใครแต่จะว่าไปแล้วคงจะเป็นเด็กนักเรียนหญิงคนใหม่ซะมากกว่าที่เป็นฝ่ายด่าทอเพื่อนตัวน้อยที่ยืนหัวหดเสียจนดูไม่ออกแล้วว่าเธอมีหัวหรือเปล่า
“นี่เธอไม่มีตาหรือไงฉันยืนอยู่ดีๆยังวิ่งมาชนได้ แต่งตัวก็สกปรกมารยาทยังไม่มีอีก” ฟ้างาม นักเรียนคนใหม่ที่เพิ่งก้าวลงจากรถเบนซ์คันหรู กำลังต่อว่านักเรียนหญิงซึ่งวิ่งมาชนเธออย่างแรง จนเกือบล้มคม้ำหน้าประตูโรงเรียน
“ขอโทษจ้ะ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะวิ่งชนเธอนะ” เด็กนักเรียนหญิงผมยุ่งเหยิงเหมือนไม่ได้หวีผมมาหลายวัน เสื้อนักเรียนสีขาวซีดและกระโปรงมีรอยปะชุนสี่ห้าจุดดูแล้วไม่เหมือนกับกระโปรงนักเรียนเอาเสียเลย ก้มศีรษะขอโทษอย่างคนสำนึกผิด เธอไม่คิดอยากมีเรื่องกับใครเพิ่มขึ้นมาอีก โดยเฉพาะนักเรียนใหม่คนนี้ที่ดูดีมีภูมิฐาน และท่าทางเอาเรื่องไม่น้อย และมันไม่ดีต่อเธอแน่ที่จะสร้างศัตรู เธอควรผูกมิตรกับนักเรียนใหม่คนนี้ไว้น่าจะดีกว่าการไปต่อกรกับหล่อน
“นี่จำไว้เลยนะอย่ามาชนฉันเป็นครั้งที่สอง ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องเสียใจแน่ ยายสกปรกไปให้ไกลๆ ฉันเลยนะ” ฟ้างามพูดขู่อย่างเอาเรื่องพลางกับใช้มือปัดเสื้อตัวเองไปมาเหมือนกับว่าความสกปรกเหล่านั้นจะติดเสื้อเธอด้วย
“จ้ะ รับรองได้เลยมันจะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอนฉันรับปาก” เด็กนักเรียนหญิงก้มหน้าตอบรับอย่างกลัวๆ และพูดต่อเพื่อสานสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่
“ว่าแต่เธอเพิ่งมาใหม่เหรอ ฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย เธอสวยจังผมก็สวยผิวก็สวย ชุดนักเรียนเธอก็สวยด้วย ฉันอยากได้ชุดนักเรียนใหม่ แต่ฉันแม่ฉันไม่มีเงินซื้อให้” เด็กนักเรียนหญิงหน้ามอมแมมเปลี่ยนความรู้สึกหวาดกลัวกลายเป็นชื่นชมนักเรียนใหม่อย่างประจบประแจง และทำหน้าเศร้าลงเมื่อพูดถึงชุดนักเรียนใหม่
“อืม” ฟ้างามตอบรับอย่างรำคาญและอยากจะเดินหนีใจแทบขาด
“เธอชื่ออะไรเหรอ”
“ฟ้างาม รู้ชื่อฉันแล้วก็ช่วยหลีกทางให้หน่อย” แต่คนที่ยืนฟังไม่ได้สนใจคำขับไล่ของอีกฝ่าย
“ฉันชื่อใบบัวนะยินดีที่ได้รู้จักจ้ะฟ้างามคนสวย ชื่อเธอเพราะจริงๆเลยนะ” นักเรียนหญิงที่ชื่อใบบัวยังคงพูดประจบประแจงไม่รู้จบโดยที่ไม่สนใจ ว่าอีกฝ่ายเริ่มมีท่าทีหงุดหงิด
“เรามาเป็นเพื่อนกันไหม” ใบบัวยังคงตื้อไม่เลิก หวังเพียงจะได้เพื่อนใหม่ทีหน้าตาสสวยและคงพลอยให้ตัวเองดูดีไปด้วย
“บังเอิญฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ เธอคิดว่าเธอคู่ควรจะเป็นเพื่อนกับฉันหรือไง ฟังให้ดีนะยายใบบัวเน่าคุณหนูอย่างฉันไม่มีวันเป็นเพื่อนกับเธอหรอกเข้าใจไว้ด้วยนะ”
ฟ้างามมองใบบัวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาบ่งบอกว่าขยะแขยงกับคำขอเป็นเพื่อนของคนที่อยู่ตรงหน้า ในขณะที่ใบบัวก็ได้ก้มหน้ามองพื้นด้วยความอับอายและรู้สึกผิดหวังกับมิตรภาพที่เธอหยิบยื่นให้กับคุณหนูผู้เย่อหยิ่งคนนี้
“โอ๊ยโอ๊ย” ใบบัวร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อมีอะไรบางอย่างกระแทกเข้าที่ศีรษะเธอ เธอหันไปมองยังทิศทางของวัตถุนั้นและก็ต้องร้องขึ้นอีกครั้ง เมื่อก้อนหินอีกหลายก้อนพุ่งตรงมาที่หน้าผาก ไหล่ แขน ขาหน้าท้องและตามจุดต่างๆของร่างกาย ก้อนหินถูกขว้างมาใส่เธออย่างไม่ขาดสาย
“หยุดนะ หยุดได้แล้วฉันเจ็บนะ โอ๊ย โอ๊ย ….”
เสียงใบบัวตะโกนบอกนักเรียนชายที่ยืนขว้างก้อนหินใส่เธอโดยไม่ทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ และเริ่มจะรุนแรงขึ้น จนทำให้เธอเองทนความเจ็บไปไม่ไหว นัยน์เอ่อรื้นใกล้จะปล่อยน้ำใสๆไหลออกจากดวงตาเต็มแก่ แต่ใบบัวก็ยังพยายามสะกักกั้นเอาไว้ บอกตัวเองจะไม่ร้องไห้ไห้ฟ้างามได้เห็น
“ฮ่าฮ่า สมน้ำหน้าสะใจโว้ย” นักเรียนชายที่อยู่หน้าสุดหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจและเป็นผลให้เพื่อนที่อยู่ข้าหลังอีกสองคนก็หัวเราะตาม
“หยุดนะฉันเจ็บ” ใบบัวยังร้องบอกผู้โจมตีด้วยกระสุนก้อนหิน และไม่นานน้ำตาก็ไหลออกมาเป็นสายด้วยความเจ็บปวดที่สุดจะทน
“หยุดนะไอ้พวกอันธพาล” ฟ้างามตะโกนบอกเสียงดังฟังชัดเจน ทำให้นักเรียนชายสามคนซึ่งโจมตีด้วยกระสุนก้อนหินต้องชะงักค้างทันที เมื่อฟ้างามเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าใบบัว
“นางฟ้าชัดๆ”
เด็กนักเรียนชายที่อยู่หน้าสุดอุทานออกมาด้วยความชื่นชมในความงามของนักเรียนใหม่ ฟ้างามจ้องนักเรียนชายใบหน้ากวนๆผมสีน้ำตาลอ่อนคิ้วเข้มดกดำ จมูกโด่งเข้ากับใบคมสัน และยังมีพลาสเตอร์ยาติดอยู่ที่จมูกของเขา มองดูตลกยังไงชอบกลจนทำให้คนมองต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไรคนสวย” คนหน้ากวนถามอย่างงงๆในปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“เปล่า ไม่มีอะไร” ฟ้างามตอบเสียงราบเรียบร่องรอยการหัวเราะหายไปทันทีเปลี่ยนเป็นหน้าดุจริงจัง
“พวกนายขอโทษเธอเดี๋ยวนี้นะ ขอโทษที่พวกนายขว้างก้อนหินใส่เธอ” ฟ้างามพูดเสียงดังใส่ใบหน้ากวนๆที่ได้แต่ยืนเลิกคิ้วไปมาอย่างน่าหมั่นไส้
“ถ้าไม่ละคนสวยจะทำไมเหรอ” ใบหน้ากวนๆแลบลิ้นใส่ใบบัวแล้วหันมายิ้มให้นักเรียนใหม่
“ก็ไม่ทำไมหรอกฉันก็แค่….” พูดยังไม่ทันขาดคำนักเรียนใหม่ผมยาวสลวยดวงตากลมโตคนนี้ก็แตะขาเข้าที่หว่างขาของชายใบหน้ากวนๆคนนี้เต็มแรง
“โอ๊ยโอ๊ย ยัย ยายยย” ผู้โดนแตะกล่องดวงใจร้องอย่างเจ็บปวด มือหนึ่งกุมของรักไว้หมั่นอีกมือหนึ่งชี้หน้าคนแตะอย่างเคียดแค้น หวังจะด่าให้สาแก่ใจแต่ก็เจ็บเกินกว่าจะนึกคำด่าออก
“เชอะ นึกว่าแน่” ฟ้างามสะบัดหน้าใส่ปลายผมนุ่มสลวยของเธอปัดโดนแก้มของเขาแผ่วเบากลิ่นหอมจางๆของเส้นผมสัมผัสกับจมูกเขา ความเจ็บปวดเมื่อครู่ถูกกลบด้วยความหอมและความนุ่มของเส้นผม เขานิ่งไปช่วงขณะเหมือนเวลาหยุดเคลื่อนไหวมือที่ค้างไว้เริ่มลูบไล้กับปลายผมนุ่มนวลนั้นโดยที่เจ้าของเส้นผมไม่ทันรู้ตัว
ฟ้างามเดินห่างออกไปมุ่งสู่ตึกอาคารเรียนที่เหมือนตึกร้างโดยที่มีใบบัววิ่งตามติดๆอย่างกับทาสผู้จงรักภักดีต่อเจ้านาย
ในขณะที่เขานิ่งมองด้านหลังของเธอเส้นผมดำยาวพัดปลิวไปตามสายลม อวัยวะภายในที่เรียกว่าหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เขาได้แต่คิดว่านั้นเป็นผลมาจากกล่องดวงใจของเขาถูกกระแทกด้วยขาของเธอ เจ็บบริเวณที่เธอกระทุ้งขาใส่แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับโบกบินตามเธอไป เป็นความรู้สึกโกรธเกลียดหรือก็ไม่ใช่ อยากแก้แค้นคืนก็มีส่วน แต่ที่แน่ๆเขาจะหาทางอยู่ใกล้เด็กนักเรียนใหม่คนนี้ทุกฝีก้าว เขาหยาดยิ้มเมื่อนึกถึงแผนการตัวเอง
“แล้วได้เห็นดีกันแน่ยัยคนสวย” เขาพึมพำคนเดียว และรีบวิ่งเข้าไปในโรงเรียนโดยมีเพื่อนอีกสองคนวิ่งตามมาติดๆ
จบบทที่ 1
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ