คือว่า ผมก็ยังไม่ได้ได้เรียนหมอ แม้จะจบด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพมาหลายปี แต่ก็ไปเรียนต่อด้านอื่น เรื่องความรู้อะไรแบบนี้ก็เลือนๆไปบ้างแล้ว พอดีมีประเด็นเรื่องคุณปอทฤษฏีเลยอยากให้ความรู้ เรื่องไข้เลือดออก แบบงูๆปลาๆเผื่อคนใกล้ตัวจะเป็นจะได้ดูแลกันทัน
ไข้เลือดออก เป็นชื่อไทยตรงกับ คำว่า hemorrhagic fever แปลตรงๆตัวก็คือ อาการไข้แล้วมีเลือดออก ซึ่ง ปกติไข้เลือดออกนี้มาจากหลายสาเหตุ บางคน ไม่ต้องโดนยุงลายกัดก็เป็นไข้เลือดออกได้ โดยมาก อาการจะไม่รุนแรง เท่ากับ ไข้เลือดออกจากไวรัส
ในไทยไข้เลือดออกชนิดรุนแรง หลักๆเลยก็คือ dengue hemorrhagic fever หรือไข้เลือดออกชนิดเดงกี้ และอีกชนิดหนึ่งที่เคยเป็นข่าวดังเมื่อหลายปีนั่นคือ ไข้เลือดออก ชิกุงกันยา
แต่ที่พบมากในไทยก็คือ แดงกี้ ซึ่งไข้เลือดออกเดงกี้ตัวนี้แหละเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมประเทศไทยถึงนิยมใช้ยาพาราเป็นยาลดไข้ แทนที่จะเป็นแอสไพริน
วกกลับมาที่เดงกี้ ไวรัสเดงกี้ ที่ทำให้เกิดไข้เลือดออกนั้น มีอยู่4สเตรน หรือง่ายๆคือ มี4 สายพันธ์ คือ1 2 3 4 ปกติแล้วคนที่เป็นสายพันธ์ใดๆแล้วจะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่มีใครรู้ว่าแต่ละคน โดนสายพันธ์ไหน นอกจากเป็นแล้วถึงตรวจ และก็ไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่นั้น โดนกี่สายพันธ์
และที่สำคัญยังไม่มีข้อสรุปว่า การโดนซ้ำในต่างสายพันธ์มีส่วนทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้นหรือไม่ (ซึ่งในกรณีนี้ตอนเรียนอาจารย์บอกว่าเกี่ยว แต่เพราะอะไรนั้นลืมไปแล้ว) ซึ่งระดับความรุนแรงนั้นหากจะพูดแบบบ้านๆคือแล้วแต่ความซวยของแต่ละคน อย่างเช่นคุณ ปอ ทฤษฏี เกิดภาวะช็อค และไตวายเฉียบพลัน อันเนื่องมาจาก ความเข้มข้น ของของเหลวในร่างกาย ระดับเมตาบอไลต์ ซึ่งกรณี หากไม่มีการฟอกไต (อันที่จริงคือการฟอกเลือด) จะทำให้เกิดการตับวายตามมาด้วย หรือบางกรณี เช่นกรณีคนรู้จักผม เสียชีวิตด้วยอาการเลือดออกในสมอง
การรักษานั้นบอกได้เลยว่ารักษาตามอาการ ซึ่งขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน คือ ต้องให้เกล็ดเลือดเพื่อ เพิ่มระดับของเกล็ดเลือด ซึ่งจะทำให้ เลือดนั้นออกในร่างกายน้อยลง และรักษาระดับความเข้มข้นของของเหลวในร่างกาย ลดไข้ และให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกำจัดเชื้อออกไปเอง
ส่วนที่บอกว่าอยู่ในภาวะวิกฤตนั้น ที่บอกว่าวิกฤต ก็เพราะไม่อยู่ในระยะปลอดภัยคือ ระบบต่างๆที่ควบคุมไว้ อาจล่มไปได้ทุกเมื่อ คือ เลือดออาจออกเพิ่มได้ หรือยังมีอาการช็อค เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ พูดง่ายๆก็คือ หากไม่มีอะไรปุบปับขึ้นมา ก็ยังปลอดภัยจนอาการหายดี แต่ถ้า มีอะไรปุบปับ ก็พร้อมที่จะไปได้ทุกเมื่อ
สรุปง่ายๆก็คือ ไข้เลือดออกนั้นไม่น่ากลัวหากรู้เท่าทัน และน่ากลัว เพราะหากเป็นโรคนี้อาจจะไปได้ทุกเมื่อ หรือมีอาการไม่รุนแรงเลยก็ได้
กรณี คุณปอ ทฤษฏี ความรู้ไข้เลือดออกแบบงูๆปลาๆ
ไข้เลือดออก เป็นชื่อไทยตรงกับ คำว่า hemorrhagic fever แปลตรงๆตัวก็คือ อาการไข้แล้วมีเลือดออก ซึ่ง ปกติไข้เลือดออกนี้มาจากหลายสาเหตุ บางคน ไม่ต้องโดนยุงลายกัดก็เป็นไข้เลือดออกได้ โดยมาก อาการจะไม่รุนแรง เท่ากับ ไข้เลือดออกจากไวรัส
ในไทยไข้เลือดออกชนิดรุนแรง หลักๆเลยก็คือ dengue hemorrhagic fever หรือไข้เลือดออกชนิดเดงกี้ และอีกชนิดหนึ่งที่เคยเป็นข่าวดังเมื่อหลายปีนั่นคือ ไข้เลือดออก ชิกุงกันยา
แต่ที่พบมากในไทยก็คือ แดงกี้ ซึ่งไข้เลือดออกเดงกี้ตัวนี้แหละเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมประเทศไทยถึงนิยมใช้ยาพาราเป็นยาลดไข้ แทนที่จะเป็นแอสไพริน
วกกลับมาที่เดงกี้ ไวรัสเดงกี้ ที่ทำให้เกิดไข้เลือดออกนั้น มีอยู่4สเตรน หรือง่ายๆคือ มี4 สายพันธ์ คือ1 2 3 4 ปกติแล้วคนที่เป็นสายพันธ์ใดๆแล้วจะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่มีใครรู้ว่าแต่ละคน โดนสายพันธ์ไหน นอกจากเป็นแล้วถึงตรวจ และก็ไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่นั้น โดนกี่สายพันธ์
และที่สำคัญยังไม่มีข้อสรุปว่า การโดนซ้ำในต่างสายพันธ์มีส่วนทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้นหรือไม่ (ซึ่งในกรณีนี้ตอนเรียนอาจารย์บอกว่าเกี่ยว แต่เพราะอะไรนั้นลืมไปแล้ว) ซึ่งระดับความรุนแรงนั้นหากจะพูดแบบบ้านๆคือแล้วแต่ความซวยของแต่ละคน อย่างเช่นคุณ ปอ ทฤษฏี เกิดภาวะช็อค และไตวายเฉียบพลัน อันเนื่องมาจาก ความเข้มข้น ของของเหลวในร่างกาย ระดับเมตาบอไลต์ ซึ่งกรณี หากไม่มีการฟอกไต (อันที่จริงคือการฟอกเลือด) จะทำให้เกิดการตับวายตามมาด้วย หรือบางกรณี เช่นกรณีคนรู้จักผม เสียชีวิตด้วยอาการเลือดออกในสมอง
การรักษานั้นบอกได้เลยว่ารักษาตามอาการ ซึ่งขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน คือ ต้องให้เกล็ดเลือดเพื่อ เพิ่มระดับของเกล็ดเลือด ซึ่งจะทำให้ เลือดนั้นออกในร่างกายน้อยลง และรักษาระดับความเข้มข้นของของเหลวในร่างกาย ลดไข้ และให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกำจัดเชื้อออกไปเอง
ส่วนที่บอกว่าอยู่ในภาวะวิกฤตนั้น ที่บอกว่าวิกฤต ก็เพราะไม่อยู่ในระยะปลอดภัยคือ ระบบต่างๆที่ควบคุมไว้ อาจล่มไปได้ทุกเมื่อ คือ เลือดออาจออกเพิ่มได้ หรือยังมีอาการช็อค เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ พูดง่ายๆก็คือ หากไม่มีอะไรปุบปับขึ้นมา ก็ยังปลอดภัยจนอาการหายดี แต่ถ้า มีอะไรปุบปับ ก็พร้อมที่จะไปได้ทุกเมื่อ
สรุปง่ายๆก็คือ ไข้เลือดออกนั้นไม่น่ากลัวหากรู้เท่าทัน และน่ากลัว เพราะหากเป็นโรคนี้อาจจะไปได้ทุกเมื่อ หรือมีอาการไม่รุนแรงเลยก็ได้