ด้วยกระแสข่าวเรื่องการป่วยของคุณปอ ทฤษฎี ซึ่งป่วยเป็นไข้เลือดออกและมีอาการรุนแรงมากคงทำให้คนส่วนใหญ่ตื่นตัวเรื่องไข้เลือดออกกันมากขึ้นซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีค่ะที่เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับโรคนี้ให้มากขึ้น
อันนี้ขอบอกก่อนว่าจะไม่ได้มาตั้งกระทู้วิชาการเยิ่นเย้อนะคะ แต่จะมาพูดถึงข้อมูลหลายๆอย่างที่หลายคนอาจยังไม่ทราบ ซึ่งก็คือ---"แนวทางป้องกันและดูแลตัวเองเบื้องต้น"---
ตอนนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าไข้เลือดออกแม้จะได้รับการักษาดีแค่ไหนแต่ก็ยังมีโอกาสเสียชีวิตได้เนื่องด้วยความรุนแรงของตัวโรคเอง ขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยรายนั้นๆมีอาการรุนแรงแค่ไหน
ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือ"ป้องกัน"ค่ะ
ควรกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์พาหะของโรคซึ่งก็คือยุงลายโดยการกำจัดแหล่งน้ำขัง หรือใช้ทรายอะเบทโรยในภาชนะ/บริเวณที่ไม่สามารถกำจัดน้ำได้ เช่น บ่อปลา แจกัน ที่รองขาตู้กับข้าว
ควรป้องกันยุงกัดโดยการติดมุ้งลวด หรือนอนกางมุ้ง
ที่สำคัญมากคือ--หากพบมีผู้ติดเชื้อในชุมชนควรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง--- เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น เพราะ---"ไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อ"---เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการป้องกันต่อไป เช่น พ่นกำจัดลูกน้ำยุงลาย แจกทรายอะเบท แม้ว่าหน่วยงานภาครัฐจะรณรงค์ให้สอดส่องเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ยังไงในชุมชนก็ควรช่วยกันเป็นหูเป็นตาค่ะ
ต่อไปคือเรื่องการดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อมีไข้ค่ะ
เพราะเมื่อเป็นกระแสคนส่วนใหญ่ก็กังวลว่า "นี่ชั้นเป็นไข้เลือดออกรึเปล่า??" " ชั้นจะตายมั๊ย??" "ต้องรีบไปรพ.รึเปล่านะ??"
ปัญหาต่อมาคือมีผู้ป่วยล้นรพ.เพราะมาตรวจด้วยเรื่องมีไข้ค่ะ!!!
ที่ควรทราบไว้คือ "มีไข้ไม่จำเป็นต้องเป็นไข้เลือดออกเสมอไป"ค่ะ เราอาจจะเป็นหวัดธรรมดา ไข้จากปฏิกิริยาของร่างกายหลังฉีดวัคซีน หวัดใหญ่ ท้องเสียจากการติดเชื้อ ปอดบวม หรือแม้แต่ลมแดด ก็มีไข้ได้ค่ะ ดังนั้นที่เราควรทำเมื่อเป็นไข้คือ...
1.ลดไข้ด้วยตัวเองค่ะ เช่น เช็ดตัวเป็นระยะ ทานยาลดไข้ โดยควรรับประทานพาราเซตามมอล(ควรอ่านปริมาณยาที่ควรรับประทานตรงฉลากนะคะ โดยเฉพาะผู้ป่วยเด็ก)
และ---ห้ามทานชนิดแอสไพรินเด็ดขาด---เพราะหากคุณเป็นไข้เลือดออกจริงๆจะทำให้มีโอกาสเลือดออกผิดปกติอย่างรุนแรงได้ค่ะ
2.สังเกตอาการตัวเอง เช่น เช็ดตัวและทานยาลดไข้มา 2-3 วันแล้วแต่ไข้ยังไม่ลด หรือมีอาการผิดปกติ อย่างพวกมีอาการปวดท้อง มีเลือดออกผิดปกติ (เช่น เลือดออกตามไรฟัน จุดเลือดออกตามตัว จ้ำเลือดที่ผิดหนัง ถ่ายเป็นเลือด ถ่ายดำ อาเจียนเป็นเลือด เป็นต้น) อย่างนี้จึงควรจะไปพบแพทย์ค่ะ
ถ้าคุณไม่ได้ดูแลตัวเองเบื้องต้นดังที่บอกไป เมื่อไปรพ.จะเจออะไร??
ยกตัวอย่าง---คุณมีไข้สูงมา 2 วัน ปวดเมื่อยเนื้อตัวเล็กน้อย อ่อนเพลียนิดหน่อย ไม่มีอาการอื่น ---หลายคนคงเริ่มกังวลและคิดว่าไปหาหมอซักหน่อยแล้วกันเนอะ แต่เมื่อไปรพ....
คุณหมอจะแจกพาราแล้วบอกให้คุณกลับไปเช็ดตัวและสังเกตุอาการที่บ้านค่ะ!!
เพราะอะไรรู้มั๊ยค่ะ? เพราะอย่างที่บอกไป มีไข้อย่างเดียวคุณเป็นได้สิบล้านโรคเลยค่ะ ที่คุณหมอทำได้คือให้ยาลดไข้และสังเกตุอาการค่ะ อย่างนั้นเราจะไปเสียเวลารอตรวจทำไมตั้งครึ่งค่อนวันเนอะ นอนพักอยู่บ้านสบายกว่ากันเยอะเลย
อีกซักตัวอย่าง---คุณหมอบอกว่าสงสัยจะเป็นไข้เลือดออกแต่ให้กลับไปสังเกตอาการที่บ้านก่อน----เจออย่างนี้หลายคนคงเริ่มเดือด เอ๊ะ นี่รอตั้งนาน อาการก็น่าสงสัยว่าจะเป็นแต่ทำไมยังจะให้กลับบ้านยะ!!!
ใจเย็นๆค่ะ อย่าเพิ่งไปปรี๊ดใส่คุณหมอนะคะถ้าเค้าไม่ให้นอนโรงพยาบาล เพราะโรคไข้เลือดออกมีความรุนแรงหลายระดับ---"ไม่จำเป็นต้องนอนรพ.ทุกราย"---ค่ะ ส่วนใหญ่หมอเค้าจะนัดมาตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอกเป็นระยะๆ เมื่อพิจารณาแล้วว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนจึงจะให้นอนรพ.ค่ะ
ถ้าคุณไม่มีความเสี่ยงแต่ดื้อจะนอนรพ.admitไปก็ไปนอนทานพาราและให้คุณพยาบาลวัดไข้วัดความดัน อาจมีเจาะเลือดเพื่อประเมินความเข้มข้นเลือดและปริมาณเกร็ดเลือดแค่นั้นเองค่ะ ไม่ต่างอะไรจากมาตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอกเลย อย่างนั้นนอนอยู่บ้านสบายๆดีกว่าเนอะ ^^
สุดท้ายนี้
- อยากให้คนไทยรู้จักวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นที่ถูกต้องค่ะ
เนื่องด้วยระบบสาธารณสุขของบ้านเรายังต้องพัฒนาอีกมาก คนไข้เยอะ หมอตรวจช้า เตียงเต็ม ก็หงุดหงิดทั้งหมอทั้งคนไข้เนอะ ดังนั้นอะไรที่ช่วยตัวเองได้ก็ควรทำค่ะ
อันนี้เป็นLinkข้อมูลภาษาไทยเกี่ยวกับไข้เลือดออกของสำนักโรคติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขค่ะ ใครอยากอ่านเพิ่มเติมก็เข้าไปดูได้เลยค่ะ มีประโยชน์มากๆ
http://www.thaivbd.org/n/docs/view/18
และที่สำคัญที่สุด
ขอให้คุณปอ ทฤษฎี ปลอดภัยและหายจากอาการป่วยโดยไวค่ะ ^^
คุณ ปอ ทฤษฎี ป่วยหนักเป็นไข้เลือดออก เราควรเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้??
อันนี้ขอบอกก่อนว่าจะไม่ได้มาตั้งกระทู้วิชาการเยิ่นเย้อนะคะ แต่จะมาพูดถึงข้อมูลหลายๆอย่างที่หลายคนอาจยังไม่ทราบ ซึ่งก็คือ---"แนวทางป้องกันและดูแลตัวเองเบื้องต้น"---
ตอนนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าไข้เลือดออกแม้จะได้รับการักษาดีแค่ไหนแต่ก็ยังมีโอกาสเสียชีวิตได้เนื่องด้วยความรุนแรงของตัวโรคเอง ขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยรายนั้นๆมีอาการรุนแรงแค่ไหน
ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือ"ป้องกัน"ค่ะ
ควรกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์พาหะของโรคซึ่งก็คือยุงลายโดยการกำจัดแหล่งน้ำขัง หรือใช้ทรายอะเบทโรยในภาชนะ/บริเวณที่ไม่สามารถกำจัดน้ำได้ เช่น บ่อปลา แจกัน ที่รองขาตู้กับข้าว
ควรป้องกันยุงกัดโดยการติดมุ้งลวด หรือนอนกางมุ้ง
ที่สำคัญมากคือ--หากพบมีผู้ติดเชื้อในชุมชนควรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง--- เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น เพราะ---"ไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อ"---เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการป้องกันต่อไป เช่น พ่นกำจัดลูกน้ำยุงลาย แจกทรายอะเบท แม้ว่าหน่วยงานภาครัฐจะรณรงค์ให้สอดส่องเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ยังไงในชุมชนก็ควรช่วยกันเป็นหูเป็นตาค่ะ
ต่อไปคือเรื่องการดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อมีไข้ค่ะ
เพราะเมื่อเป็นกระแสคนส่วนใหญ่ก็กังวลว่า "นี่ชั้นเป็นไข้เลือดออกรึเปล่า??" " ชั้นจะตายมั๊ย??" "ต้องรีบไปรพ.รึเปล่านะ??"
ปัญหาต่อมาคือมีผู้ป่วยล้นรพ.เพราะมาตรวจด้วยเรื่องมีไข้ค่ะ!!!
ที่ควรทราบไว้คือ "มีไข้ไม่จำเป็นต้องเป็นไข้เลือดออกเสมอไป"ค่ะ เราอาจจะเป็นหวัดธรรมดา ไข้จากปฏิกิริยาของร่างกายหลังฉีดวัคซีน หวัดใหญ่ ท้องเสียจากการติดเชื้อ ปอดบวม หรือแม้แต่ลมแดด ก็มีไข้ได้ค่ะ ดังนั้นที่เราควรทำเมื่อเป็นไข้คือ...
1.ลดไข้ด้วยตัวเองค่ะ เช่น เช็ดตัวเป็นระยะ ทานยาลดไข้ โดยควรรับประทานพาราเซตามมอล(ควรอ่านปริมาณยาที่ควรรับประทานตรงฉลากนะคะ โดยเฉพาะผู้ป่วยเด็ก)
และ---ห้ามทานชนิดแอสไพรินเด็ดขาด---เพราะหากคุณเป็นไข้เลือดออกจริงๆจะทำให้มีโอกาสเลือดออกผิดปกติอย่างรุนแรงได้ค่ะ
2.สังเกตอาการตัวเอง เช่น เช็ดตัวและทานยาลดไข้มา 2-3 วันแล้วแต่ไข้ยังไม่ลด หรือมีอาการผิดปกติ อย่างพวกมีอาการปวดท้อง มีเลือดออกผิดปกติ (เช่น เลือดออกตามไรฟัน จุดเลือดออกตามตัว จ้ำเลือดที่ผิดหนัง ถ่ายเป็นเลือด ถ่ายดำ อาเจียนเป็นเลือด เป็นต้น) อย่างนี้จึงควรจะไปพบแพทย์ค่ะ
ถ้าคุณไม่ได้ดูแลตัวเองเบื้องต้นดังที่บอกไป เมื่อไปรพ.จะเจออะไร??
ยกตัวอย่าง---คุณมีไข้สูงมา 2 วัน ปวดเมื่อยเนื้อตัวเล็กน้อย อ่อนเพลียนิดหน่อย ไม่มีอาการอื่น ---หลายคนคงเริ่มกังวลและคิดว่าไปหาหมอซักหน่อยแล้วกันเนอะ แต่เมื่อไปรพ....
คุณหมอจะแจกพาราแล้วบอกให้คุณกลับไปเช็ดตัวและสังเกตุอาการที่บ้านค่ะ!!
เพราะอะไรรู้มั๊ยค่ะ? เพราะอย่างที่บอกไป มีไข้อย่างเดียวคุณเป็นได้สิบล้านโรคเลยค่ะ ที่คุณหมอทำได้คือให้ยาลดไข้และสังเกตุอาการค่ะ อย่างนั้นเราจะไปเสียเวลารอตรวจทำไมตั้งครึ่งค่อนวันเนอะ นอนพักอยู่บ้านสบายกว่ากันเยอะเลย
อีกซักตัวอย่าง---คุณหมอบอกว่าสงสัยจะเป็นไข้เลือดออกแต่ให้กลับไปสังเกตอาการที่บ้านก่อน----เจออย่างนี้หลายคนคงเริ่มเดือด เอ๊ะ นี่รอตั้งนาน อาการก็น่าสงสัยว่าจะเป็นแต่ทำไมยังจะให้กลับบ้านยะ!!!
ใจเย็นๆค่ะ อย่าเพิ่งไปปรี๊ดใส่คุณหมอนะคะถ้าเค้าไม่ให้นอนโรงพยาบาล เพราะโรคไข้เลือดออกมีความรุนแรงหลายระดับ---"ไม่จำเป็นต้องนอนรพ.ทุกราย"---ค่ะ ส่วนใหญ่หมอเค้าจะนัดมาตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอกเป็นระยะๆ เมื่อพิจารณาแล้วว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนจึงจะให้นอนรพ.ค่ะ
ถ้าคุณไม่มีความเสี่ยงแต่ดื้อจะนอนรพ.admitไปก็ไปนอนทานพาราและให้คุณพยาบาลวัดไข้วัดความดัน อาจมีเจาะเลือดเพื่อประเมินความเข้มข้นเลือดและปริมาณเกร็ดเลือดแค่นั้นเองค่ะ ไม่ต่างอะไรจากมาตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอกเลย อย่างนั้นนอนอยู่บ้านสบายๆดีกว่าเนอะ ^^
สุดท้ายนี้
- อยากให้คนไทยรู้จักวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นที่ถูกต้องค่ะ
เนื่องด้วยระบบสาธารณสุขของบ้านเรายังต้องพัฒนาอีกมาก คนไข้เยอะ หมอตรวจช้า เตียงเต็ม ก็หงุดหงิดทั้งหมอทั้งคนไข้เนอะ ดังนั้นอะไรที่ช่วยตัวเองได้ก็ควรทำค่ะ
อันนี้เป็นLinkข้อมูลภาษาไทยเกี่ยวกับไข้เลือดออกของสำนักโรคติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขค่ะ ใครอยากอ่านเพิ่มเติมก็เข้าไปดูได้เลยค่ะ มีประโยชน์มากๆ
http://www.thaivbd.org/n/docs/view/18
และที่สำคัญที่สุด
ขอให้คุณปอ ทฤษฎี ปลอดภัยและหายจากอาการป่วยโดยไวค่ะ ^^