รวมสาเหตุที่ผู้หญิงเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์


การมีเพศสัมพันธ์ถือเป็นการแสดงออกถึงความรักและความใกล้ชิดที่ดีต่อคู่รัก แต่หากการมีเพศสัมพันธ์มาพร้อมกับ อาการเลือดออก ทั้งในทันทีหรือหลังจากนั้น 1-2 วัน ย่อมสร้างความกังวลใจไม่น้อย อาการนี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น การทำความเข้าใจสาเหตุและวิธีรับมือกับปัญหานี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ
สถิติการมีเลือดออกหลังเพศสัมพันธ์
ผู้หญิงประมาณ 10% เคยมีประสบการณ์เลือดออกหลังเพศสัมพันธ์
ในจำนวนนี้ 50% ไม่พบปัญหาสุขภาพร้ายแรงและอาการหายไปเอง
ความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับอาการนี้เพิ่มขึ้นตามอายุ โดยพบมากในช่วงอายุ 45-54 ปี

สาเหตุของเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
1. เยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาด
พบได้บ่อยในกรณีที่เพศสัมพันธ์ครั้งแรก เยื่อพรหมจรรย์อาจฉีกขาดและมีเลือดออกเล็กน้อย แต่ถ้าปริมาณเลือดออกมากเกินไปหรือเจ็บมาก ควรรีบพบแพทย์
2. ผนังช่องคลอดฉีกขาด
เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงหรือช่องคลอดแห้ง น้ำหล่อลื่นไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดการถลอกหรือแผลเล็กๆ
3. ช่องคลอดอักเสบหรือติดเชื้อ
มักมาพร้อมกับอาการตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น อาการคัน หรือปวดท้องน้อย การติดเชื้ออาจเกิดจากแบคทีเรีย รา หรือสิ่งแปลกปลอม เช่น ห่วงอนามัย
4. เนื้องอกหรือติ่งเนื้อที่มดลูก
ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก หรือเนื้องอกในโพรงมดลูกอาจถูกเสียดสีหรือกระแทกระหว่างมีเพศสัมพันธ์จนเลือดออก
5. โรคมะเร็งปากมดลูก
เนื้อเยื่อที่เป็นมะเร็งมักเปราะบาง การกระทบกระเทือนระหว่างเพศสัมพันธ์จึงอาจทำให้เลือดออกได้
6. ช่องคลอดแห้ง
พบได้ในผู้หญิงวัยทองหรือผู้ที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ เช่น ผู้ที่ได้รับเคมีบำบัด
7. ผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดบางชนิดอาจทำให้เกิดเลือดออกกะปริบกะปรอยได้
8. ประจำเดือนค้าง
หากเพศสัมพันธ์เกิดหลังประจำเดือนหมดไม่นาน อาจทำให้เลือดที่ตกค้างไหลออกมา
เลือดออกหลังเพศสัมพันธ์: ควรทำอย่างไร?
-พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ชั่วคราวเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว
-หากเลือดออกมาก รีบพบแพทย์ทันที เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างเหมาะสม
-ตรวจภายใน ตามคำแนะนำของแพทย์ โดยเฉพาะหากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องน้อย ตกขาวมีกลิ่น หรือเลือดออกบ่อย

วิธีการรักษาเลือดออกหลังเพศสัมพันธ์
-พักผ่อนและรับประทานยาบำรุงเลือด: กรณีเสียเลือดมากเพื่อป้องกันภาวะโลหิตจาง
-ยาปฏิชีวนะ: ใช้ในกรณีที่เกิดการติดเชื้อ
-ยาฮอร์โมน: ช่วยรักษาผู้ที่มีปัญหาช่องคลอดแห้งหรือฮอร์โมนผิดปกติ
-การผ่าตัด: สำหรับผู้ที่มีเนื้องอกหรือมะเร็ง

เมื่อไรควรพบแพทย์?
1.มีเลือดออกทุกครั้งหลังเพศสัมพันธ์
2.ปริมาณเลือดออกมากหรือหยุดไหลยาก
3.มีอาการร่วม เช่น ปวดท้องน้อย ตกขาวผิดปกติ หรือไข้

เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์อาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณของโรคที่ซ่อนอยู่ เช่น การติดเชื้อ เนื้องอก หรือมะเร็ง หากอาการไม่หายไปเอง หรือเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ควรรีบพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

อ่านเพิ่มเติม ที่  HDcare Blog
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่