ปัสสาวะเป็นกระบวนการสำคัญของร่างกายที่ช่วยขจัดของเสียและสารพิษที่ไตกรองออกจากเลือด
ความผิดปกติของระบบปัสสาวะอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่
ซึ่งอาจมีตั้งแต่ภาวะที่ไม่รุนแรงไปจนถึงโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการและสาเหตุของปัสสาวะผิดปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องได้อย่างเหมาะสม
วันนี้พี่หมอฝั่งธน..จะมาให้ความรู้
ปัสสาวะผิดปกติ อย่ามองข้าม
ลักษณะของปัสสาวะผิดปกติ
การเปลี่ยนแปลงของปัสสาวะอาจแสดงออกในหลายรูปแบบ ได้แก่
สีของปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะสีเข้ม (อาจเกิดจากภาวะขาดน้ำหรือโรคตับ)
หรือปัสสาวะมีเลือดปน (อาจเกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นิ่ว หรือมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ)
ความถี่ในการปัสสาวะเปลี่ยนแปลง เช่น ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ หรือปัสสาวะลำบาก
ปริมาณปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะมากกว่าปกติ (Polyuria) หรือปัสสาวะน้อยผิดปกติ (Oliguria)
กลิ่นปัสสาวะผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อหรืออาหารที่รับประทาน
อาการปวดขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะแสบขัด
สาเหตุของปัสสาวะผิดปกติ
1. การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection - UTI)
เป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะ อาการที่พบบ่อย
ได้แก่ ปัสสาวะแสบขัด ปวดท้องน้อย ปัสสาวะบ่อยแต่มีปริมาณน้อย และบางครั้งอาจมีเลือดปนในปัสสาวะ
2. นิ่วในทางเดินปัสสาวะ
นิ่วเกิดจากการตกผลึกของแร่ธาตุในปัสสาวะ ทำให้เกิดการอุดตันและการระคายเคือง
อาการสำคัญคือปัสสาวะเป็นเลือด ปวดหลังหรือท้องน้อยอย่างรุนแรง และปัสสาวะแสบขัด
3. โรคไตเรื้อรัง
ภาวะนี้เกิดจากการทำงานของไตลดลง ซึ่งอาจทำให้มีปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะเป็นฟอง (โปรตีนรั่ว) หรือปัสสาวะลดลง
4. เบาหวาน
ผู้ป่วยเบาหวานมักมีอาการปัสสาวะบ่อยและปริมาณมาก เนื่องจากร่างกายพยายามขับน้ำตาลส่วนเกินออกจากเลือด
5. ต่อมลูกหมากโต
ในผู้ชายที่มีอายุมากขึ้น ต่อมลูกหมากอาจโตขึ้นและกดทับทางเดินปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะขัดหรือรู้สึกปัสสาวะไม่สุด
6. โรคมะเร็งระบบทางเดินปัสสาวะ
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะและมะเร็งไตอาจทำให้เกิดเลือดในปัสสาวะโดยไม่มีอาการปวด
การวินิจฉัย
การตรวจวินิจฉัยภาวะปัสสาวะผิดปกติประกอบด้วย
การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis) เพื่อตรวจหาการติดเชื้อ โปรตีน และเลือดในปัสสาวะ
การเพาะเชื้อปัสสาวะ (Urine Culture) เพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย
อัลตราซาวด์หรือเอกซเรย์ระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อตรวจหานิ่วหรือก้อนเนื้องอก
การส่องกล้องตรวจทางเดินปัสสาวะ (Cystoscopy) เพื่อตรวจหาความผิดปกติภายในกระเพาะปัสสาวะ
แนวทางการรักษา
การรักษาปัสสาวะผิดปกติขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ใช้ยาปฏิชีวนะตามคำสั่งแพทย์
นิ่วในทางเดินปัสสาวะ อาจต้องใช้ยา เครื่องมือสลายนิ่ว หรือการผ่าตัด
โรคไต อาจต้องควบคุมอาหารและรักษาความดันโลหิต
เบาหวาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดด้วยยาและการปรับพฤติกรรมการกิน
ภาวะต่อมลูกหมากโต ใช้ยาลดขนาดต่อมลูกหมากหรือผ่าตัดในกรณีรุนแรง
การป้องกันปัสสาวะผิดปกติ
ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 1.5-2 ลิตร หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน
รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูงและลดการบริโภคเกลือ
รักษาสุขอนามัยทางเดินปัสสาวะ เช่น ล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศอย่างเหมาะสม
ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงของโรคไตและเบาหวาน
*** ปัสสาวะผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่สำคัญ ไม่ควรมองข้ามอาการเหล่านี้
และควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเมื่อมีอาการผิดปกติ
การดูแลสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์อย่างถูกต้องจะช่วยให้ระบบทางเดินปัสสาวะทำงาน
ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงต่อโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=FHCIR8nVp3I
https://www.youtube.com/watch?v=Ymgt0y5gD7A
https://www.thonburihospital.com/package/pk_cystoscope_opd/
https://www.thonburihospital.com/package/pkscreening-for-prostate-cancer-and-urinary-tract-diseases/?fbclid=IwY2xjawI7Q2ZleHRuA2FlbQIxMAABHewkUWugiAt0HiVuux7e-Hh8swDLUA0gia5hvV5c2dATZGLeGndGEw19NA_aem_k4hFffzO4S--wTNl3-J5WA


ปัสสาวะผิดปกติ อย่ามองข้าม
ความผิดปกติของระบบปัสสาวะอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่
ซึ่งอาจมีตั้งแต่ภาวะที่ไม่รุนแรงไปจนถึงโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการและสาเหตุของปัสสาวะผิดปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องได้อย่างเหมาะสม
วันนี้พี่หมอฝั่งธน..จะมาให้ความรู้
ลักษณะของปัสสาวะผิดปกติ
การเปลี่ยนแปลงของปัสสาวะอาจแสดงออกในหลายรูปแบบ ได้แก่
สีของปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะสีเข้ม (อาจเกิดจากภาวะขาดน้ำหรือโรคตับ)
หรือปัสสาวะมีเลือดปน (อาจเกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นิ่ว หรือมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ)
ความถี่ในการปัสสาวะเปลี่ยนแปลง เช่น ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ หรือปัสสาวะลำบาก
ปริมาณปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะมากกว่าปกติ (Polyuria) หรือปัสสาวะน้อยผิดปกติ (Oliguria)
กลิ่นปัสสาวะผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อหรืออาหารที่รับประทาน
อาการปวดขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะแสบขัด
1. การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection - UTI)
เป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะ อาการที่พบบ่อย
ได้แก่ ปัสสาวะแสบขัด ปวดท้องน้อย ปัสสาวะบ่อยแต่มีปริมาณน้อย และบางครั้งอาจมีเลือดปนในปัสสาวะ
2. นิ่วในทางเดินปัสสาวะ
นิ่วเกิดจากการตกผลึกของแร่ธาตุในปัสสาวะ ทำให้เกิดการอุดตันและการระคายเคือง
อาการสำคัญคือปัสสาวะเป็นเลือด ปวดหลังหรือท้องน้อยอย่างรุนแรง และปัสสาวะแสบขัด
3. โรคไตเรื้อรัง
ภาวะนี้เกิดจากการทำงานของไตลดลง ซึ่งอาจทำให้มีปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะเป็นฟอง (โปรตีนรั่ว) หรือปัสสาวะลดลง
4. เบาหวาน
ผู้ป่วยเบาหวานมักมีอาการปัสสาวะบ่อยและปริมาณมาก เนื่องจากร่างกายพยายามขับน้ำตาลส่วนเกินออกจากเลือด
5. ต่อมลูกหมากโต
ในผู้ชายที่มีอายุมากขึ้น ต่อมลูกหมากอาจโตขึ้นและกดทับทางเดินปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะขัดหรือรู้สึกปัสสาวะไม่สุด
6. โรคมะเร็งระบบทางเดินปัสสาวะ
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะและมะเร็งไตอาจทำให้เกิดเลือดในปัสสาวะโดยไม่มีอาการปวด
การตรวจวินิจฉัยภาวะปัสสาวะผิดปกติประกอบด้วย
การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis) เพื่อตรวจหาการติดเชื้อ โปรตีน และเลือดในปัสสาวะ
การเพาะเชื้อปัสสาวะ (Urine Culture) เพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย
อัลตราซาวด์หรือเอกซเรย์ระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อตรวจหานิ่วหรือก้อนเนื้องอก
การส่องกล้องตรวจทางเดินปัสสาวะ (Cystoscopy) เพื่อตรวจหาความผิดปกติภายในกระเพาะปัสสาวะ
การรักษาปัสสาวะผิดปกติขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ใช้ยาปฏิชีวนะตามคำสั่งแพทย์
นิ่วในทางเดินปัสสาวะ อาจต้องใช้ยา เครื่องมือสลายนิ่ว หรือการผ่าตัด
โรคไต อาจต้องควบคุมอาหารและรักษาความดันโลหิต
เบาหวาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดด้วยยาและการปรับพฤติกรรมการกิน
ภาวะต่อมลูกหมากโต ใช้ยาลดขนาดต่อมลูกหมากหรือผ่าตัดในกรณีรุนแรง
ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 1.5-2 ลิตร หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน
รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูงและลดการบริโภคเกลือ
รักษาสุขอนามัยทางเดินปัสสาวะ เช่น ล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศอย่างเหมาะสม
ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงของโรคไตและเบาหวาน
*** ปัสสาวะผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่สำคัญ ไม่ควรมองข้ามอาการเหล่านี้
และควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเมื่อมีอาการผิดปกติ
การดูแลสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์อย่างถูกต้องจะช่วยให้ระบบทางเดินปัสสาวะทำงาน
ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงต่อโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=FHCIR8nVp3I
https://www.youtube.com/watch?v=Ymgt0y5gD7A
https://www.thonburihospital.com/package/pk_cystoscope_opd/
https://www.thonburihospital.com/package/pkscreening-for-prostate-cancer-and-urinary-tract-diseases/?fbclid=IwY2xjawI7Q2ZleHRuA2FlbQIxMAABHewkUWugiAt0HiVuux7e-Hh8swDLUA0gia5hvV5c2dATZGLeGndGEw19NA_aem_k4hFffzO4S--wTNl3-J5WA