" ..
คำที่ว่า "ปลง" นั้นก็คือวางลง อย่าไปหอบไว้
อย่าไปหิ้วมันไว้ อย่าไปแบกมันไว้ "สังขารคือร่างกายนี้"
ให้โยมยอมรับเสียว่า สังขารร่างกายนี้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นยังไง ๆ ก็ตามมันเถอะ
เราก็ได้อาศัยสกลร่างกายนี้มาตั้งแต่กำเนิดเกิดขึ้นมาก็พอแล้ว
จนถึงเฒ่าชแรแก่ชราบัดนี้ เหมือนเปรียบประหนึ่งว่า
เครื่องใช้ไม้สอยของเราต่าง ๆ ที่อยู่ในบ้าน ซึ่งเราเก็บกำไว้นมนานมาแล้ว
เช่น ถ้วยโถโอจาน บ้านช่องของเรานี้
เบื้องแรกมันก็สดใสใหม่สะอาดดี เมื่อเราใช้มันมาตลอดกาลนาน
บัดนี้สิ่งทั้งหลายนั้นมันก็ทรุดไปโทรมไป บางวัตถุก็แตกไปบ้าง หายไปบ้าง
ชิ้นที่มันเหลืออยู่นี้ก็แปรไปเปลี่ยนไป ไม่คงที่ มันก็เป็นอย่างนั้น
ฉะนั้น ถึงแม้ว่าอวัยวะร่างกายของเรานี้ก็เหมือนกัน ฉันนั้น
ตั้งแต่เริ่มเกิดมาเป็นเด็ก เป็นหนุ่ม มันก็แปรมา
เปลี่ยนมาเรื่อยมาอย่างนี้ถึงบัดนี้ก็เรียกว่า "แก่"
นี่ก็คือให้เรายอมรับเสียพระพุทธองค์ท่านตรัสว่า
"สังขารนี้ไม่ใช่ตัวของเราและไมใช่ของของเรา"
ทั้งในตัวเรานี้ก็ดี กายเรานี้ก็ดี นอกกายเรานี้ก็ดี
มันก็เปลี่ยนไปอยู่อย่างนั้น ให้โยมพินิจพิจารณาดูให้มันชัดเจน
อันนี้แหละ ทั้งก่อนที่เรานั่งอยู่นี้ ที่เรานอนอยู่นี้ กำลังมันทรุดโทรมอยู่นี้
นี้แหละ "คือสัจธรรม สัจธรรมคือความจริง ความจริงอันนี้เป็นสัจธรรม"
เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่แน่นอนอย่างนั้นท่านจึงให้มอง
ให้พิจารณาดู ยอมรับมันเสีย ก็เป็นสิ่งที่ควรจะยอมรับ
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอะไรอย่างไร ก็ตามทีเถอะ
พระพุทธองค์ท่านสอนว่า เมื่อเราถูกคุมขังในตะรางก็ดี
ก็ให้ถูกคุมขังเฉพาะกายอวัยวะ อันจิตใจอย่าให้ถูกคุมขัง อันนี้ก็เหมือนกันฉันนั้น .. "
หลวงพ่อชา สุภัทโท
สัจธรรม คือความจริง (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
" .. คำที่ว่า "ปลง" นั้นก็คือวางลง อย่าไปหอบไว้
อย่าไปหิ้วมันไว้ อย่าไปแบกมันไว้ "สังขารคือร่างกายนี้"
ให้โยมยอมรับเสียว่า สังขารร่างกายนี้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นยังไง ๆ ก็ตามมันเถอะ
เราก็ได้อาศัยสกลร่างกายนี้มาตั้งแต่กำเนิดเกิดขึ้นมาก็พอแล้ว
จนถึงเฒ่าชแรแก่ชราบัดนี้ เหมือนเปรียบประหนึ่งว่า
เครื่องใช้ไม้สอยของเราต่าง ๆ ที่อยู่ในบ้าน ซึ่งเราเก็บกำไว้นมนานมาแล้ว
เช่น ถ้วยโถโอจาน บ้านช่องของเรานี้
เบื้องแรกมันก็สดใสใหม่สะอาดดี เมื่อเราใช้มันมาตลอดกาลนาน
บัดนี้สิ่งทั้งหลายนั้นมันก็ทรุดไปโทรมไป บางวัตถุก็แตกไปบ้าง หายไปบ้าง
ชิ้นที่มันเหลืออยู่นี้ก็แปรไปเปลี่ยนไป ไม่คงที่ มันก็เป็นอย่างนั้น
ฉะนั้น ถึงแม้ว่าอวัยวะร่างกายของเรานี้ก็เหมือนกัน ฉันนั้น
ตั้งแต่เริ่มเกิดมาเป็นเด็ก เป็นหนุ่ม มันก็แปรมา
เปลี่ยนมาเรื่อยมาอย่างนี้ถึงบัดนี้ก็เรียกว่า "แก่"
นี่ก็คือให้เรายอมรับเสียพระพุทธองค์ท่านตรัสว่า
"สังขารนี้ไม่ใช่ตัวของเราและไมใช่ของของเรา"
ทั้งในตัวเรานี้ก็ดี กายเรานี้ก็ดี นอกกายเรานี้ก็ดี
มันก็เปลี่ยนไปอยู่อย่างนั้น ให้โยมพินิจพิจารณาดูให้มันชัดเจน
อันนี้แหละ ทั้งก่อนที่เรานั่งอยู่นี้ ที่เรานอนอยู่นี้ กำลังมันทรุดโทรมอยู่นี้
นี้แหละ "คือสัจธรรม สัจธรรมคือความจริง ความจริงอันนี้เป็นสัจธรรม"
เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่แน่นอนอย่างนั้นท่านจึงให้มอง
ให้พิจารณาดู ยอมรับมันเสีย ก็เป็นสิ่งที่ควรจะยอมรับ
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอะไรอย่างไร ก็ตามทีเถอะ
พระพุทธองค์ท่านสอนว่า เมื่อเราถูกคุมขังในตะรางก็ดี
ก็ให้ถูกคุมขังเฉพาะกายอวัยวะ อันจิตใจอย่าให้ถูกคุมขัง อันนี้ก็เหมือนกันฉันนั้น .. "
หลวงพ่อชา สุภัทโท