พระพุทธเจ้าทรงปรินิพพาน ระหว่าง รูปฌาน และอรูปฌาน (รูปฌาน 4 และ อรูปฌาน 1)

พระอนุรุทธเถร ตามดูจิตพระพุทธเจ้าก่อนดับขันธปรินิพพาน ทรงปรินิพพาน ระหว่าง รูปฌาน และอรูปฌาน (รูปฌาน 4 และ อรูปฌาน 1)
รูปฌาน 4 จิตยังมีรูป อรูปฌาน 4 จิตไม่มีรูป
พระนิพพาน คือ การน้อมจิตลงในอมตธาตุ คือ ความว่างไร้สมมุติบัญญัติ ไร้จิตสังขารทั้งปวง ดังนี้
ปัจฉิมพุทธพจน์
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนเธอทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อม
ไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวง ให้สำเร็จด้วยความไม่ประมาทเถิด"
ครั้นทรงตรัสอย่างนี้ ก็ทรงไม่ตรัสอีกต่อไป แต่ทรงกระทำปรินิพพานบริกรรมดังนี้
-ทรงเสด็จเข้าปฐมฌาน -ทุติยฌาน -ตติยฌาน -จตุตถฌาน -อากาสานัญจายตนฌาน
-วิญญาณัญจายตนฌาน -อากิญจัญญยตนฌาน -เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
-สัญญาเวทยิตนิโรธ
กาลนั้น พระอานนท์เถระมีวาจาถามพระอนุรุทธเถร ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพาน
แล้วหรือ พระอนุรุทธเถระผู้ซึ่งได้เข้าฌานสมาบัติ ตามไปพร้อมสมเด็จองค์พระศาสดา
ทราบว่า เวลานี้สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากำลังเสด็จเข้านิโรธสมาบัติ การปรินิพพาน
ย่อมไม่มีภายในนิโรธสมาบัติอย่างแน่นอน จึงตอบว่า สมเด็จพระบรมครูยังไม่เสด็จ
เข้าปรินิพพาน ยังเสด็จอยู่ในสัญญาเวทยิตนิโรธ
ลำดับนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงเสด็จออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธ เสด็จเข้า
-เนวสัญญานาสัญญายตนฌาณ -อากิญจัญญายตนฌาณ -อากาสานัญจายตนฌาน
-จตุตถฌาน -ตติยฌาน -ทุติยฌาน -ปฐมฌาน -ทุติยฌาน -ตติยฌาน -จตุตถฌาน
ครั้นทรงเสด็จออกจากจตุตถฌานแล้ว ทรงเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานในกาลนั้น ซึ่ง
ทรงเป็นวิธีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ ในธรรมวินัยนี้ บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ เธอย่อมพิจารณา เห็นธรรมทั้งหลาย คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีอยู่ในขณะ แห่งจตุตถฌานนั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ... ว่างเปล่า เป็น อนัตตา เธอย่อมยังจิตให้ตั้งอยู่ด้วยธรรมเหล่านั้น ครั้นแล้ว ย่อมน้อมจิตไปเพื่ออมตธาตุว่า นั่นสงบ นั่นประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง ...นิพพาน เธอตั้งอยู่ในจตุตถฌานนั้น ย่อมถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่