First time : Lunch 24 Jan 2015
Second time : Dinner 3 August 2015
(First time experience)
ร้าน Lenzi Tuscan Kitchen เป็นร้านน้องใหม่มากๆของกรุงเทพ อยู่ในซอยร่วมฤดี ตรงสถานีเพลินจิต แต่ว่าต้องเข้าไปในซอยลึกเหมือนกัน คือว่าขับผ่านไม่มีทางเห็น ช่วงที่เบนไปลองทานนั้นเป็นตอนเที่ยง คือมีแค่สามโต๊ะ คือโต๊ะเบน มีฝรั่งอีกหนึ่งโต๊ะ แล้วก็อีกโต๊ะเป็น Magazine มาทำคอลั้ม แต่เค้าว่าตอนเย็นเต็มเกือบทุกวัน ต้องโทรจองก่อน
ร้านนี้เจ้าของเป็นชาวอิตาเลียนมาจากแคว้น Tuscany เมือง Pisa แล้วที่เค้าเน้นเป็นพิเศษคือ Cold Cut ทั้งหลายตรงหน้านี้ (Salumi) เพราะว่า import ของทุกอย่างมาจาก farm เล็กๆ ของบ้านเค้าเป็นคนทำเอง ทำด้วยวิธีแบบดั้งเดิม ส่งตรงมาจาก Tuscany เลย
ตอนแรกเบนจะไม่สั่ง เพราะถ้าเอาจริงๆ ตัวเองไม่ได้เป็นแฟน Salumi ขนาดนั้น แต่ว่ารู้ว่าอันไหนของดี อันนั้นห่วย เพราะว่าลองมาเยอะ เนื่องจากเรียนมาด้วย และคนที่บ้านชอบทาน พอเค้าสั่งก็ต้องชิม พอเจ้าของร้านเข้ามาคุยด้วย บอกว่าไม่สั่งได้ไง you ต้องลองสิ เราก็ไม่คัดค่ะ ทานก็ได้
คือขนาดไม่ชอบยังทานจนหมดถาด ของเค้าดีจริงๆ จานนี้ 420 บาท จานกลาง 790 บาท จานใหญ่คือใหญ่มาก 1,400 บาท กินได้ประมาณ 10 คน
เรากลับมาดูรูปนี้กันอีกครั้ง เจาะกันไปเลยมีอะไรบ้าง
ทุกตัวนั้นเป็นของจากฟาร์มเค้าเองใน Tuscany ซึ่งจริงๆแล้วส่วนใหญ่ Salumi ที่ดังๆทั้งหลายจะมาจากแคว้น Emilia-Romagna มากกว่า อย่างเช่น Prosciutto di Parma and Culatello di Zibello แต่ต้องบอกว่าแถบทุกตัวเป็นของคุณภาพดีมากหมด
เร่ิมกันด้วย ตัวแรก (จากภาพ ซ้ายสุดไปขวาสุด) ถ้าอยากเข้าใจมากขึ้น ก่อนที่จะอ่านต่อ ขอให้เข้าไปอ่าน เรื่องว่า Salumi ทั้งหลายคืออะไรก่อนนะคะ click เลย
– Culatello della Garfragnana ตัวนี้ถือเป็นหนึ่งใน Salumi ที่แพงสุด เพราะใช้เนื้อหมูส่วนที่ดีที่สุด รสชาติเค็มกำลังดี ติดมันมาได้พอสมควร หอม (Culatello คืออะไร)
– Mortadella col Tartufo ตัวนี้เด็ดมาก ถือเป็นหนึ่งใน Mortadella ที่อร่อยที่สุดที่เบนเคยทานเลย เพราะว่าใส่ทรัฟเฟิลบนอยู่ในเนื้อด้วย กลิ่นนี่ออกมาเตะจมูกเลยตอนกิน ถึงจะเป็น Black truffle ก็ตาม
– Pancetta Toscana ตัวนี้ก็ดีค่ะ สัดส่วนของมันกับเนื้อกำลังดี มีกลิ่นหอมเครื่องเทศ
– Biroldo (Blood Pudding Ham) ตัวนี้หลายคนอาจจะไม่กล้าทานถ้าบอกว่าเป็นอะไร มันคือเนื้อหมูส่วนหัวแล้วก็ลิ้น ผสมกับเลือกเอาเข้ามาอักด้วยกัน กลิ่นเครื่องเทศจะแรง แต่รสชาติมันๆดี
– Lonza Dolce คือตัวเดียวกับ Coppa แต่ว่าแถบ Tuscany เค้าจะเรียกว่า Lonza
– Salame Casereccio ตัวนี้ชอบน้อยสุด เพราะค่อนข้างเค็มมาก เมื่อเทียบกับตัวอื่น
– Spooressata ตัวนี้เอาส่วนหัวหมูมายำรวมกันเหมือน Biorldo แต่ว่าไม่ใส่เลือก
– Lardo คือมันล้วนๆที่เค้าเอาไปหมักกับเกลือและเครื่องเทศ
แนะนำลำดับการทาน เร่ิมต้นด้วย Lardo –> Mortadella –> Culatello –> Pancetta –> Lonza –> Salame –> Soppressata –> Biroldo
หลังจากจบ Salumi ที่ไม่ได้ตั้งใจจะสั่ง แต่เอามาเขียนได้อย่างยาว ก็ถึงคราวของอาหารที่ตั้งใจสั่งกันบ้าง เบนไปทานกับเพื่อนแค่สองคน เลยสั่งได้ไม่เยอะเท่าไหร แต่เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนและมิตรสหายทุกท่านว่า ถ้ามาทานกับเธอคนอื่น หน้าที่การสั่งจะตกที่เธอ เพราะถ้าคุณไม่อยากสั่งสิ่งที่เธออยากจะทาน และจะสั่งอย่างอื่น ยังไงเธอก็จะสั่งสิ่งที่เธอจะทานอยู่ดี และอาหารจะมาเต็มโต๊ะมาก
เมนูแรกที่แตะตามากใน section Antipasti คือ Sushi del Chianti, Burrata e perle di Balsamico = Beef tartar from chianti Burrata & Balsamic pearls = เนื้อดิบจากทัสคานีพร้อมด้วย ชีส Burrata และน้ำส้มชายชูบัสซามิก (หรือมันต้องเรียกว่าน้ำองุ่นสายชู?) ราคา 620 บาท
อืยๆๆๆ ชอบอีกแล้ว ทำออกมาได้ดีมาก เนื้อก็รสชาติดี ปรุงได้ออกมากำลังดี น้ำมันมะกอกก็ใช้ได้เลย ชีส Burrata เจ้าน้ Import มาจากอิตาลี อร่อยๆ แต่สำหรับเบน คิดว่าทุกอย่างทานแยกกันอร่อยกว่าที่จะทานรวมกัน เน้นมาทุกอย่าง พอทานรวมกันแล้วสำหรับเบน รสชาติมันไม่ส่งเสริมกัน (ตัวเจ้าของร้านเองก็บอกว่าให้ลองทานแยกกันก่อน แล้วค่อยลองทานแบบรวมกัน เพราะแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน)
ตั้งแต่ว่าจะลองให้ครบทุก ต่อไปเลยต้องเป็น Primo ซึ่งอ่านเมนูแล้วน่าทานหลายอย่างมาก แต่ว่าตัดใจเลือกแค่อย่างเดียว นั้นก็คือ
Ravioli Pipieni di Poie Gras in Salsa di Tartufo = Stuffed homemade Ravioli with french foie gras & ricotta cheese in Truffle emulsion = ราวิโอลี่(พาสต้าเกี้ยว)สอดไส้ตับห่านกับครีมซอสทรัฟเฟิล = 520 บาท
อร่อยไม่อร่อยไม่รู้ แต่ทานเรียบไม่เหลือซอส เด็กเสิร์ฟ จะมายกจานไปสามรอบเพราะเห็นว่าหมดแล้ว แต่ห้ามไว้ บอกยังค่ะ ต้องเกลี้ยงกว่านี้ จะเอาขนมปังปาดซอสให้สะอาด จะได้ไม่ต้องล้างจาน ถึงแป้งจะหนาไปนิดดดดด แต่ไส้กับซอสนี่เข้ากันสุดยอด มันๆหอมๆ ส่วนตรงขอบสีแดงนั้นคือซอส Strawberry เอามาลองทานด้วยกันได้ แต่เบนชอบแบบไม่รวมกันมากกว่า เพราะซอสมันออกหวาน
หลังจากจบมาสามจานก็ชั่งใจอยู่ว่าจะสั่งต่อดีไหม เชฟก็เลยขั้นเวลาด้วยการพาเดินเข้าไปชมห้องครัว
Homemade pasta
Tuscan wood oven style สำหรับอบและตุ๋นต่างๆ
Hello Black truffle from Alba
เดินนิดนึงทานได้ต่อละ ก็เลยกลับมาสั่ง Secondo ซึ่ง Tuscany เวลาเบนพาลูกทัวร์ไปก็ต้องพาไปทานเนื้อย่าง เพราะเค้ามีชื่อเสียงด้านนี้ วันนี้ก็ไม่พลาดต้องสั่งเนื้อสิ
Filetto alla Rossini = Pan-Fried 150 days Australian Angus beef tenderloin topped with Pan fried french foie gras & clack truffle from Saint Moniato in Tuscany = เนื้อย่างกับซอสไวน์แดง ตับห่านกับทริฟเฟิล ราคา 1,290 บาท
คือเนื้อนุ่มซอสอร่อยเข้ากันได้ดี แต่อีกนั้นแหละ ทุกอย่างอร่อยของมันเอง และเบนชอบที่จะทานแยกกันมากกว่า แต่ถ้าสั่งแล้วก็ต้องลองทานด้วยกันหมด แต่ถ้าทานด้วยกันหมด Truffle หายตัวไปเลย ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส ช่วยตับห่านนั้นก็กลิ่นและรสชาิตไม่ค่อยแรงเท่าไหร โดยรวมแล้วถือว่าทำออกมาได้ดี ถามว่าสั่งอีกไหม ก็คงจะสั่งถ้ามีเงิน 555
สุดท้าย ของหวาน คิดอยู่นานอีกเหมือนกันว่าจะสั่งอะไรดีหรือว่าสั่งดีไหม เพราะอิ่มเหลือเกิน แต่ในทีสุดก็สั่ง
Pera Cotta del Forno a Legna, Gelato & Zabaione = Pear cooked in wooden oven Vanilla ice-cream & sabayon sauce 280 baht
ใช้ได้ เบาๆ ไม่หวานจนเกินไป ถือเป็นการจบมื้อที่ดี
โดยรวมแล้วคือ อยากกลับไปกินอีกเร็วๆ 5555 อยากกลับไปลองเมนูอื่น พนักงานและบริการดีมาก เจ้าของร้านน่ารักเป็นกันเอง
ราคาอาหารไม่รวมไวน์ ตามเมนูที่เบนทาน อยู่ที่ประมาณคนละ 1,500-2,000 บาท
อออ ลืมไป ถ้าใครมารถไฟฟ้าให้โทรไปที่ร้านนะคะ เค้ามีรถออกไปรับที่สถานี 02-001-0116
http://www.lenzibangkok.com
ปล่าวกินฟรี แต่ถ้าเจอร้านที่ชอบ จะเขียนให้เหมือนได้กินฟรีสามรอบ
จบ(ตอน 1)
——————————————————————————————————————————————–
(เริ่มตอน 2)
ในที่สุดก็ได้กลับมาทานอีกครั้ง ถึงจะผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ครั้งนี้มาเชฟหนวดเฟิ้มเลย
และแน่นอนว่าต้องสั่ง Cold cut อีกรอบ
ครั้งนี้ก็อีกแล้ว ดูเมนูมันก็น่ากินไปหมดทุกอย่าง เลยต้องขอพึ่งเชฟให้แนะนำจานที่เด็ดที่สุด แล้วก็ได้จานนี้มา
Spaghetti with prawns & sea urchin in organic cherry tomato sauce 720 B
คือมันดีงามมากกกก รสชาติกลมกล่อม เส้นทำออกมาได้สุกกำลังดี ได้รสชาติของหอยเม้น ซอสก็ได้ทั้งความสดของมะเขือเทศรสชาติเข้มข้น มีแค่นิดเดียวเท่านั้นคือกุ้งสุกไปนิดนึงมันเลยแข็ง แต่อร่อยขนาดนี้เลยให้อภัย ปล. เบนสั่งจานเดียวแล้วให้เค้าช่วยแบ่งเป็นสองที่ potion ปกติจะเยอะกว่านี้ค่ะ
คือมื้อนี้เชื่อเชฟทั้งรายการ บอกว่าเอาอะไรก็ได้ค่ะเชฟ เชฟก็เลยจัดจานพิเศษที่ไม่มีในเมนูมาให้
จานพิเศษจากเชฟ แกะสามสหาย(แปลอย่างเชย)
1. ซี่โครงแกะย่าง Grilled Australian Lamb rack & steam beetroot (มีในเมนู ราคา 990)
2. แกะซอสไวน์แดง และตับห่านกับเห็ดทรัฟเฟิล Pan Fried Lamb loin topped with panfried French Foie Gras & black truffle from San Miniato in Tuscany (มีในเมนู ราคา 1290)
3. แกะชุปแป้งทอด กับผักหรรษา Lamb Cotoletta (ไม่มีในเมนู)
ทำได้ดีทุกตัว ปรุงได้รสชาติกลมกล่อม ความสุข perfect เรียงสามลำดับ Medium rare – Medium – Well done แกะยังมีกลิ่นอยู่นิดๆแต่ไม่เกินพอดี(มีกลิ่นคือดี เบนชอบกลิ่นเยอะๆสาบๆ)
จานนี้ 1,100 บาท (ไม่มีในเมนู) ปกติเค้าจะทำแยกกัน คิดว่านน่าจะได้สามชิ้นต่อจานแต่เป็นแบบเดียวกันหมด
มาถึงจุดนี้อยากกินของหวานมาก แต่อาหารที่กินเข้าไปอยู่เกือบถึงๆคอหอย แทบจะพูดไม่ออกมาว่า There’s always room for dessert. แต่ถึงจะอิ่มขนาดไหน ก็ขอทานขนมสักคำเหอะ
Piedmont style cooked cream & passion fruit 220B
คือเบนไปเรียนอยู่ที่ Piedmont มา แล้วที่นี้เป็นเป็นที่ๆ Pana cotta อร่อยที่สุดในอิตาลีแล้วจริงๆ เมื่อก่อนเคยมั่นใจว่าที่เมืองไทยไม่มีทางทำสู้ได้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว ตอนที่ว่าจะทานขนมแค่คำเดียว ทานเกลี้ยงเลย ไม่อยากบรรยาย ให้ไปลองกันเอง
จบแล้วก็ถึงเวลาจ่ายค่าเสียหาย นี่คือหน้าตาก่อนเปิดบิล
ยังไงก็เหอะ คือ มาครั้งที่สองก็ยังประทับใจมาก ตอนนี้คิดว่า Lenzi อยู่ในอันดับต้นๆของร้านแนะนำในกรุงเทพสำหรับอาหารอิตาเลียน (คำพูดนี้มีวันหมดอายุ แค่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร แต่สามารถ extend วันหมดอายุได้)
[CR] รีวิว ร้านอาหารอิตาเลียน Lenzi Tuscan Kitchen
Second time : Dinner 3 August 2015
(First time experience)
ร้าน Lenzi Tuscan Kitchen เป็นร้านน้องใหม่มากๆของกรุงเทพ อยู่ในซอยร่วมฤดี ตรงสถานีเพลินจิต แต่ว่าต้องเข้าไปในซอยลึกเหมือนกัน คือว่าขับผ่านไม่มีทางเห็น ช่วงที่เบนไปลองทานนั้นเป็นตอนเที่ยง คือมีแค่สามโต๊ะ คือโต๊ะเบน มีฝรั่งอีกหนึ่งโต๊ะ แล้วก็อีกโต๊ะเป็น Magazine มาทำคอลั้ม แต่เค้าว่าตอนเย็นเต็มเกือบทุกวัน ต้องโทรจองก่อน
ร้านนี้เจ้าของเป็นชาวอิตาเลียนมาจากแคว้น Tuscany เมือง Pisa แล้วที่เค้าเน้นเป็นพิเศษคือ Cold Cut ทั้งหลายตรงหน้านี้ (Salumi) เพราะว่า import ของทุกอย่างมาจาก farm เล็กๆ ของบ้านเค้าเป็นคนทำเอง ทำด้วยวิธีแบบดั้งเดิม ส่งตรงมาจาก Tuscany เลย
ตอนแรกเบนจะไม่สั่ง เพราะถ้าเอาจริงๆ ตัวเองไม่ได้เป็นแฟน Salumi ขนาดนั้น แต่ว่ารู้ว่าอันไหนของดี อันนั้นห่วย เพราะว่าลองมาเยอะ เนื่องจากเรียนมาด้วย และคนที่บ้านชอบทาน พอเค้าสั่งก็ต้องชิม พอเจ้าของร้านเข้ามาคุยด้วย บอกว่าไม่สั่งได้ไง you ต้องลองสิ เราก็ไม่คัดค่ะ ทานก็ได้
คือขนาดไม่ชอบยังทานจนหมดถาด ของเค้าดีจริงๆ จานนี้ 420 บาท จานกลาง 790 บาท จานใหญ่คือใหญ่มาก 1,400 บาท กินได้ประมาณ 10 คน
เรากลับมาดูรูปนี้กันอีกครั้ง เจาะกันไปเลยมีอะไรบ้าง
ทุกตัวนั้นเป็นของจากฟาร์มเค้าเองใน Tuscany ซึ่งจริงๆแล้วส่วนใหญ่ Salumi ที่ดังๆทั้งหลายจะมาจากแคว้น Emilia-Romagna มากกว่า อย่างเช่น Prosciutto di Parma and Culatello di Zibello แต่ต้องบอกว่าแถบทุกตัวเป็นของคุณภาพดีมากหมด
เร่ิมกันด้วย ตัวแรก (จากภาพ ซ้ายสุดไปขวาสุด) ถ้าอยากเข้าใจมากขึ้น ก่อนที่จะอ่านต่อ ขอให้เข้าไปอ่าน เรื่องว่า Salumi ทั้งหลายคืออะไรก่อนนะคะ click เลย
– Culatello della Garfragnana ตัวนี้ถือเป็นหนึ่งใน Salumi ที่แพงสุด เพราะใช้เนื้อหมูส่วนที่ดีที่สุด รสชาติเค็มกำลังดี ติดมันมาได้พอสมควร หอม (Culatello คืออะไร)
– Mortadella col Tartufo ตัวนี้เด็ดมาก ถือเป็นหนึ่งใน Mortadella ที่อร่อยที่สุดที่เบนเคยทานเลย เพราะว่าใส่ทรัฟเฟิลบนอยู่ในเนื้อด้วย กลิ่นนี่ออกมาเตะจมูกเลยตอนกิน ถึงจะเป็น Black truffle ก็ตาม
– Pancetta Toscana ตัวนี้ก็ดีค่ะ สัดส่วนของมันกับเนื้อกำลังดี มีกลิ่นหอมเครื่องเทศ
– Biroldo (Blood Pudding Ham) ตัวนี้หลายคนอาจจะไม่กล้าทานถ้าบอกว่าเป็นอะไร มันคือเนื้อหมูส่วนหัวแล้วก็ลิ้น ผสมกับเลือกเอาเข้ามาอักด้วยกัน กลิ่นเครื่องเทศจะแรง แต่รสชาติมันๆดี
– Lonza Dolce คือตัวเดียวกับ Coppa แต่ว่าแถบ Tuscany เค้าจะเรียกว่า Lonza
– Salame Casereccio ตัวนี้ชอบน้อยสุด เพราะค่อนข้างเค็มมาก เมื่อเทียบกับตัวอื่น
– Spooressata ตัวนี้เอาส่วนหัวหมูมายำรวมกันเหมือน Biorldo แต่ว่าไม่ใส่เลือก
– Lardo คือมันล้วนๆที่เค้าเอาไปหมักกับเกลือและเครื่องเทศ
แนะนำลำดับการทาน เร่ิมต้นด้วย Lardo –> Mortadella –> Culatello –> Pancetta –> Lonza –> Salame –> Soppressata –> Biroldo
หลังจากจบ Salumi ที่ไม่ได้ตั้งใจจะสั่ง แต่เอามาเขียนได้อย่างยาว ก็ถึงคราวของอาหารที่ตั้งใจสั่งกันบ้าง เบนไปทานกับเพื่อนแค่สองคน เลยสั่งได้ไม่เยอะเท่าไหร แต่เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนและมิตรสหายทุกท่านว่า ถ้ามาทานกับเธอคนอื่น หน้าที่การสั่งจะตกที่เธอ เพราะถ้าคุณไม่อยากสั่งสิ่งที่เธออยากจะทาน และจะสั่งอย่างอื่น ยังไงเธอก็จะสั่งสิ่งที่เธอจะทานอยู่ดี และอาหารจะมาเต็มโต๊ะมาก
เมนูแรกที่แตะตามากใน section Antipasti คือ Sushi del Chianti, Burrata e perle di Balsamico = Beef tartar from chianti Burrata & Balsamic pearls = เนื้อดิบจากทัสคานีพร้อมด้วย ชีส Burrata และน้ำส้มชายชูบัสซามิก (หรือมันต้องเรียกว่าน้ำองุ่นสายชู?) ราคา 620 บาท
อืยๆๆๆ ชอบอีกแล้ว ทำออกมาได้ดีมาก เนื้อก็รสชาติดี ปรุงได้ออกมากำลังดี น้ำมันมะกอกก็ใช้ได้เลย ชีส Burrata เจ้าน้ Import มาจากอิตาลี อร่อยๆ แต่สำหรับเบน คิดว่าทุกอย่างทานแยกกันอร่อยกว่าที่จะทานรวมกัน เน้นมาทุกอย่าง พอทานรวมกันแล้วสำหรับเบน รสชาติมันไม่ส่งเสริมกัน (ตัวเจ้าของร้านเองก็บอกว่าให้ลองทานแยกกันก่อน แล้วค่อยลองทานแบบรวมกัน เพราะแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน)
ตั้งแต่ว่าจะลองให้ครบทุก ต่อไปเลยต้องเป็น Primo ซึ่งอ่านเมนูแล้วน่าทานหลายอย่างมาก แต่ว่าตัดใจเลือกแค่อย่างเดียว นั้นก็คือ
Ravioli Pipieni di Poie Gras in Salsa di Tartufo = Stuffed homemade Ravioli with french foie gras & ricotta cheese in Truffle emulsion = ราวิโอลี่(พาสต้าเกี้ยว)สอดไส้ตับห่านกับครีมซอสทรัฟเฟิล = 520 บาท
อร่อยไม่อร่อยไม่รู้ แต่ทานเรียบไม่เหลือซอส เด็กเสิร์ฟ จะมายกจานไปสามรอบเพราะเห็นว่าหมดแล้ว แต่ห้ามไว้ บอกยังค่ะ ต้องเกลี้ยงกว่านี้ จะเอาขนมปังปาดซอสให้สะอาด จะได้ไม่ต้องล้างจาน ถึงแป้งจะหนาไปนิดดดดด แต่ไส้กับซอสนี่เข้ากันสุดยอด มันๆหอมๆ ส่วนตรงขอบสีแดงนั้นคือซอส Strawberry เอามาลองทานด้วยกันได้ แต่เบนชอบแบบไม่รวมกันมากกว่า เพราะซอสมันออกหวาน
หลังจากจบมาสามจานก็ชั่งใจอยู่ว่าจะสั่งต่อดีไหม เชฟก็เลยขั้นเวลาด้วยการพาเดินเข้าไปชมห้องครัว
Homemade pasta
Tuscan wood oven style สำหรับอบและตุ๋นต่างๆ
Hello Black truffle from Alba
เดินนิดนึงทานได้ต่อละ ก็เลยกลับมาสั่ง Secondo ซึ่ง Tuscany เวลาเบนพาลูกทัวร์ไปก็ต้องพาไปทานเนื้อย่าง เพราะเค้ามีชื่อเสียงด้านนี้ วันนี้ก็ไม่พลาดต้องสั่งเนื้อสิ
Filetto alla Rossini = Pan-Fried 150 days Australian Angus beef tenderloin topped with Pan fried french foie gras & clack truffle from Saint Moniato in Tuscany = เนื้อย่างกับซอสไวน์แดง ตับห่านกับทริฟเฟิล ราคา 1,290 บาท
คือเนื้อนุ่มซอสอร่อยเข้ากันได้ดี แต่อีกนั้นแหละ ทุกอย่างอร่อยของมันเอง และเบนชอบที่จะทานแยกกันมากกว่า แต่ถ้าสั่งแล้วก็ต้องลองทานด้วยกันหมด แต่ถ้าทานด้วยกันหมด Truffle หายตัวไปเลย ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส ช่วยตับห่านนั้นก็กลิ่นและรสชาิตไม่ค่อยแรงเท่าไหร โดยรวมแล้วถือว่าทำออกมาได้ดี ถามว่าสั่งอีกไหม ก็คงจะสั่งถ้ามีเงิน 555
สุดท้าย ของหวาน คิดอยู่นานอีกเหมือนกันว่าจะสั่งอะไรดีหรือว่าสั่งดีไหม เพราะอิ่มเหลือเกิน แต่ในทีสุดก็สั่ง
Pera Cotta del Forno a Legna, Gelato & Zabaione = Pear cooked in wooden oven Vanilla ice-cream & sabayon sauce 280 baht
ใช้ได้ เบาๆ ไม่หวานจนเกินไป ถือเป็นการจบมื้อที่ดี
โดยรวมแล้วคือ อยากกลับไปกินอีกเร็วๆ 5555 อยากกลับไปลองเมนูอื่น พนักงานและบริการดีมาก เจ้าของร้านน่ารักเป็นกันเอง
ราคาอาหารไม่รวมไวน์ ตามเมนูที่เบนทาน อยู่ที่ประมาณคนละ 1,500-2,000 บาท
อออ ลืมไป ถ้าใครมารถไฟฟ้าให้โทรไปที่ร้านนะคะ เค้ามีรถออกไปรับที่สถานี 02-001-0116
http://www.lenzibangkok.com
ปล่าวกินฟรี แต่ถ้าเจอร้านที่ชอบ จะเขียนให้เหมือนได้กินฟรีสามรอบ
จบ(ตอน 1)
——————————————————————————————————————————————–
(เริ่มตอน 2)
ในที่สุดก็ได้กลับมาทานอีกครั้ง ถึงจะผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ครั้งนี้มาเชฟหนวดเฟิ้มเลย
และแน่นอนว่าต้องสั่ง Cold cut อีกรอบ
ครั้งนี้ก็อีกแล้ว ดูเมนูมันก็น่ากินไปหมดทุกอย่าง เลยต้องขอพึ่งเชฟให้แนะนำจานที่เด็ดที่สุด แล้วก็ได้จานนี้มา
Spaghetti with prawns & sea urchin in organic cherry tomato sauce 720 B
คือมันดีงามมากกกก รสชาติกลมกล่อม เส้นทำออกมาได้สุกกำลังดี ได้รสชาติของหอยเม้น ซอสก็ได้ทั้งความสดของมะเขือเทศรสชาติเข้มข้น มีแค่นิดเดียวเท่านั้นคือกุ้งสุกไปนิดนึงมันเลยแข็ง แต่อร่อยขนาดนี้เลยให้อภัย ปล. เบนสั่งจานเดียวแล้วให้เค้าช่วยแบ่งเป็นสองที่ potion ปกติจะเยอะกว่านี้ค่ะ
คือมื้อนี้เชื่อเชฟทั้งรายการ บอกว่าเอาอะไรก็ได้ค่ะเชฟ เชฟก็เลยจัดจานพิเศษที่ไม่มีในเมนูมาให้
จานพิเศษจากเชฟ แกะสามสหาย(แปลอย่างเชย)
1. ซี่โครงแกะย่าง Grilled Australian Lamb rack & steam beetroot (มีในเมนู ราคา 990)
2. แกะซอสไวน์แดง และตับห่านกับเห็ดทรัฟเฟิล Pan Fried Lamb loin topped with panfried French Foie Gras & black truffle from San Miniato in Tuscany (มีในเมนู ราคา 1290)
3. แกะชุปแป้งทอด กับผักหรรษา Lamb Cotoletta (ไม่มีในเมนู)
ทำได้ดีทุกตัว ปรุงได้รสชาติกลมกล่อม ความสุข perfect เรียงสามลำดับ Medium rare – Medium – Well done แกะยังมีกลิ่นอยู่นิดๆแต่ไม่เกินพอดี(มีกลิ่นคือดี เบนชอบกลิ่นเยอะๆสาบๆ)
จานนี้ 1,100 บาท (ไม่มีในเมนู) ปกติเค้าจะทำแยกกัน คิดว่านน่าจะได้สามชิ้นต่อจานแต่เป็นแบบเดียวกันหมด
มาถึงจุดนี้อยากกินของหวานมาก แต่อาหารที่กินเข้าไปอยู่เกือบถึงๆคอหอย แทบจะพูดไม่ออกมาว่า There’s always room for dessert. แต่ถึงจะอิ่มขนาดไหน ก็ขอทานขนมสักคำเหอะ
Piedmont style cooked cream & passion fruit 220B
คือเบนไปเรียนอยู่ที่ Piedmont มา แล้วที่นี้เป็นเป็นที่ๆ Pana cotta อร่อยที่สุดในอิตาลีแล้วจริงๆ เมื่อก่อนเคยมั่นใจว่าที่เมืองไทยไม่มีทางทำสู้ได้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว ตอนที่ว่าจะทานขนมแค่คำเดียว ทานเกลี้ยงเลย ไม่อยากบรรยาย ให้ไปลองกันเอง
จบแล้วก็ถึงเวลาจ่ายค่าเสียหาย นี่คือหน้าตาก่อนเปิดบิล
ยังไงก็เหอะ คือ มาครั้งที่สองก็ยังประทับใจมาก ตอนนี้คิดว่า Lenzi อยู่ในอันดับต้นๆของร้านแนะนำในกรุงเทพสำหรับอาหารอิตาเลียน (คำพูดนี้มีวันหมดอายุ แค่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร แต่สามารถ extend วันหมดอายุได้)