รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์
ทั้งสิ้น อันน่าปรารถนา น่าใคร่และน่าพอใจ ที่กล่าวกันว่ามีอยู่
ประมาณเท่าใด รูปารมณ์เป็นต้นเหล่านั้นนั่นแล เป็นสิ่งอัน
ชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก สมมติว่าเป็นสุข ถ้าว่ารูปารมณ์เป็น
ต้นเหล่านั้นดับไปในที่ใด ที่นั้น เทวดา และมนุษย์เหล่านั้น
สมมติว่าเป็นทุกข์ ส่วนว่าพระอริยะเจ้าทั้งหลาย เห็นการดับสนิทแห่ง
สักกายะทั้งหลาย (รูปารมณ์เป็นต้นที่บุคคลถือว่าเป็นของตน) ว่าเป็น
สุข การเห็นของพระอริยะเจ้าทั้งหลายผู้เห็นอยู่นี้ แต่สิ่งนี้กลับปรากฏเป็น
ข้าศึกตัวร้ายกาจกับชาวโลกทั้งปวง บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นสุข
พระอริยะเจ้าทั้งหลายกล่าวสิ่งนั้นว่าเป็นทุกข์ บุคคลเหล่าอื่น
กล่าวสิ่งใดว่าเป็นทุกข์ พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้แจ้งสิ่งนั้นว่า
เป็นสุข เธอจงเห็นธรรมที่รู้ได้ยาก คนพาลผู้หลง ไม่รู้แจ้ง
ในนิพพานนี้ ความมืดย่อมมีแก่บุคคลผู้ถูกนิวรณ์หุ้มห่อ เหมือน
ความมัวมนย่อมมีแก่บุคคลผู้ไม่เห็น นิพพานย่อมมีแก่
สัตบุรุษ เหมือนแสงสว่างย่อมมีแก่บุคคลผู้เห็น ชนทั้งหลาย
แสวงหา ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมไม่รู้แจ้งนิพพานอันมีในที่
ใกล้ ธรรมนี้อันบุคคลผู้ถูกความกำหนัดในภพครอบงำ ผู้
แล่นไปตามกระแสตัณหาในภพ ผู้อันบ่วงแห่งมารท่วมทับ
ไม่ตรัสรู้ได้ง่าย ใครหนอ เว้นจากพระอริยะเจ้าทั้งหลายแล้ว
ย่อมควรเพื่อจะตรัสรู้นิพพานบท ที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้โดย
ชอบ เป็นผู้ไม่มีอาสวะปรินิพพาน ฯ
- สฬา. สํ. ๑๘/๒๑๗/๑๕๙
ชีวิตคือ มายา ลีลา อนัตตา ของธรรมชาติ
ทรงต่างจากมนุษย์ธรรมดา........
ทั้งสิ้น อันน่าปรารถนา น่าใคร่และน่าพอใจ ที่กล่าวกันว่ามีอยู่
ประมาณเท่าใด รูปารมณ์เป็นต้นเหล่านั้นนั่นแล เป็นสิ่งอัน
ชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก สมมติว่าเป็นสุข ถ้าว่ารูปารมณ์เป็น
ต้นเหล่านั้นดับไปในที่ใด ที่นั้น เทวดา และมนุษย์เหล่านั้น
สมมติว่าเป็นทุกข์ ส่วนว่าพระอริยะเจ้าทั้งหลาย เห็นการดับสนิทแห่ง
สักกายะทั้งหลาย (รูปารมณ์เป็นต้นที่บุคคลถือว่าเป็นของตน) ว่าเป็น
สุข การเห็นของพระอริยะเจ้าทั้งหลายผู้เห็นอยู่นี้ แต่สิ่งนี้กลับปรากฏเป็น
ข้าศึกตัวร้ายกาจกับชาวโลกทั้งปวง บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นสุข
พระอริยะเจ้าทั้งหลายกล่าวสิ่งนั้นว่าเป็นทุกข์ บุคคลเหล่าอื่น
กล่าวสิ่งใดว่าเป็นทุกข์ พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้แจ้งสิ่งนั้นว่า
เป็นสุข เธอจงเห็นธรรมที่รู้ได้ยาก คนพาลผู้หลง ไม่รู้แจ้ง
ในนิพพานนี้ ความมืดย่อมมีแก่บุคคลผู้ถูกนิวรณ์หุ้มห่อ เหมือน
ความมัวมนย่อมมีแก่บุคคลผู้ไม่เห็น นิพพานย่อมมีแก่
สัตบุรุษ เหมือนแสงสว่างย่อมมีแก่บุคคลผู้เห็น ชนทั้งหลาย
แสวงหา ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมไม่รู้แจ้งนิพพานอันมีในที่
ใกล้ ธรรมนี้อันบุคคลผู้ถูกความกำหนัดในภพครอบงำ ผู้
แล่นไปตามกระแสตัณหาในภพ ผู้อันบ่วงแห่งมารท่วมทับ
ไม่ตรัสรู้ได้ง่าย ใครหนอ เว้นจากพระอริยะเจ้าทั้งหลายแล้ว
ย่อมควรเพื่อจะตรัสรู้นิพพานบท ที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้โดย
ชอบ เป็นผู้ไม่มีอาสวะปรินิพพาน ฯ
- สฬา. สํ. ๑๘/๒๑๗/๑๕๙
ชีวิตคือ มายา ลีลา อนัตตา ของธรรมชาติ