คุยกันเบาๆในวันเสาร์ ความด้วยเรื่อง ความเชื่อ ความรู้ ความจริง... และอื่นๆ

สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อนๆสมาชิกคงได้สนุกสนานหรรษากับท่านภิกษุเพื่อนสมาชิกของเรา
ที่ขยันขันแข็งในการมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประสบการณ์กันพอสมควร

มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่มักจะวนเวียนพูดคุยกัน ก็คือ การเห็นได้ด้วยตนเอง
ซึ่ง... ในทางพระพุทธศาสนาก็จะใช้มาก แต่มันหมายถึงอะไรกันแน่

การเห็นกับความจริง บางทีก็ไม่เหมือนกัน
เพราะการเห็นนั้น อาจจะเป็นเพียงข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่ใช่ความจริง
เช่น เราซื้อคุ้กกี้ยี่ห้อหนึ่งมานั่งกิน แล้วก็มีคนมานั่งข้างๆเรา
สักพักเราก็เห็นเขากินคุ้กกี้ของเรา
แต่ความจริงแล้ว เขาก็ซื้อของเขามาเหมือนกัน.. ที่เขากินนั้นเป็นของเขาไม่ใช่ของเรา

ความเชื่อต่างๆมักจะมีมาจากเหตุ... เหตุอย่างใดอย่างหนึ่งที่โน้มน้าวให้เราเชื่อ
เช่น ศาลพิจารณาหลักฐานต่างๆ แล้วก็ตัดสินว่าใครมีความผิดหรือไม่มีความผิดตามนั้น
ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริง ไม่ได้รู้ความจริงด้วยตนเอง...

มีการพูดคุยเรื่อง นรกสวรรค์ หรือผีสางเทวดา หรือแม้แต่ฌานสมาบัติกันมาก
ครั้งหนึ่ง ผมเคยเชื่อว่าไม่มีจริง ก็เหมือนกับคนทั่วไปที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ก็... ไม่เคยเห็นนี่
แต่อีกครั้งหนึ่ง ผมได้กลับมาพิจารณาดูอีกที ผมก็เชื่อว่ามีจริง
และอีกครั้งหนึ่ง ผมได้รู้ได้เห็นเรื่องนี้ ผมก็รู้ว่ามีจริง
ต่อมาผมได้ปฏิบัติตามตำรา เพื่อที่จะได้รู้เห็นเรื่องพวกนี้ ผมก็ยิ่งรู้รายละเอียดมากขึ้น
และเมื่อกลับไปตรวจสอบกับตำราก็พบว่าเป็นไปตามนั้น

และยังพบอีกว่า ถ้าเราไม่รู้ไม่เห็นเองในเรื่องบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เริ่มตั้งแต่ฌานสมาบัตินั้น
เราอ่านหนังสือแล้วคิดเอาเองก็อาจจะผิดพลาดได้ ไม่ต้องอะไรมากครับ
สีเขียวอ่อน... ให้คนสิบคนคิดถึงสีนี้ ก็อาจจะไม่เหมือนกันเลยก็ได้
เพราะสีเขียวอ่อนนั้น มันอ่อนได้หลายระดับ และมันอ่อนได้ด้วยสีขาวก็ได้ สีเหลืองก็ได้
บางทีอาจจะมีสีฟ้ามาปนอีกต่างหาก
แต่เมื่อเราได้เห็นสีอ่อนที่ผมชี้ให้ดูจริงๆ คุณก็จะเข้าใจว่ามันเป็นแบบนี้

ผมไม่แปลกใจหรอกครับ ที่มอมแมมมึน หรือพระรูปไหนจะบอกว่าเชื่อว่าผีไม่มีจริง สวรรค์นรกไม่มีจริง
ก็เขาไม่เคยเห็น ไม่ได้สัมผัส ไม่ได้รับรู้ ไม่ได้หาหนทางที่จะรู้ เขาก็ต้องคิดอย่างนั้น เชื่ออย่างนั้น
ก็เหมือนที่เพื่อนๆสมาชิกหลายคนสรุปจากกระทู้ต่างๆนั่นแหละครับว่า คิดเอาเอง จิ้นเอาเอง
คนแบบนี้มีเยอะมั้ยครับในสังคมรอบตัวเรา
เยอะมาก ไม่ใช่ของแปลกประหลาดอะไรเลย จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ปกติเสียด้วยซ้ำ
(คงเข้าใจนะครับว่า เยอะ ปกติ ไม่ประหลาด ไม่ได้แปลว่า จริงหรือแปลว่า ดี)

จริงๆแล้วเขาอาจจะเหมือนเราในจุดหนึ่งก็ได้ คือ อาศัยความเชื่อ เป็นตัวนำ
เขาอ่านตำรา พิจารณา แล้วก็เชื่อว่าไม่มีจริง
เราอ่านตำรา พิจารณา แล้วก็เชื่อว่ามีจริง เขากับเราต่างกันตรงไหน...?
ต่างกันที่วิธีคิดพิจารณาหรือเปล่า...?
ต่างกันที่เรามีวิธีพิสูจน์ตามตำรา แต่เขาไม่มีหรือเปล่า...?
แต่ทั้งเราทั้งเขา ก็ยังไม่ได้พิสูจน์หรือเปล่า...?
แล้วเราต้องพิสูจน์ทุกๆเรื่องที่เชื่อหรือเปล่า...?
คุยกันประเด็นนี้แล้วกันนะครับ

ความรู้ที่มากขึ้น ทำให้ความเชื่อนั้นมั่นคงยิ่งขึ้น
เสมือนเดินตามแผนที่ เมื่อเริ่มเดิน แล้วตรวจสอบ ก็พบว่าตรงกับที่แผนที่บอกทุกระยะ
เราก็ยิ่งมั่นใจในแผนที่ เชื่อมั่นในแผนที่
ทวีปอเมริกาก็ถูกค้นพบได้ด้วยความเชื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่