สวัสดีค่ะ
จากกระทู้ก่อนหน้านี้ทิ้งท้ายไว้ว่าจะพาไปกิน Sushi Saito
วันนี้มาตามนัดแล้วค่ะ แต่ขอพ่วงอีกร้านนึงมาด้วยชื่อร้าน Sushi Ya ซึ่งเราไปกินก่อนจะไปร้าน Sushi Saito ค่ะ
สำหรับใครที่ยังไม่เห็นกระทู้ก่อนหน้านี้ก็คลิกดูได้ข้างล่างค่ะ
http://ppantip.com/topic/33614497
ร้าน Sushi Ya เป็นร้านที่กำลังพ๊อพพิวลาร์สุดๆ ณ บัดนาว
ด้วยความที่ว่าเชฟเจ้าของร้านที่ชื่อ Takao Ishiyama ได้รับคำชมว่าเป็น Young Chef ที่มาแรงแซงโค้งมากๆ
แล้วทำไมอยู่ๆเค้าถึงมามีชื่อเสียงได้หล่ะ???
Ishiyama-san เคยทำงานที่ร้าน Sushi Saito มาก่อนที่จะออกมาเปิดร้านของตัวเอง เรียกว่าเป็นศิษย์เก่าของ Saito นั่นหล่ะ
สไตล์ของอาหารที่เสิร์ฟในร้านนี้ก็จะคล้ายๆร้าน Saito เลยล่ะค่ะ ด้วยความที่คล้าย Sushi Saito มากๆนี้ละมั้ง
ที่ทำให้ทั้งคนญี่ปุ่นเอง และชาวต่างชาตินิยมมากินร้านนี้กัน เพราะ Sushi Saito นั้นจองยากแสนยาก
มาลองร้านลูกศิษย์ก็อาจจะพอคล้ายๆกันอยู่ Foodie บางคนนี่ถึงกับบอกว่าเชฟคนนี้จะเป็น Second Saito เลยนะ
มาดูกันว่าจะอร่อยแค่ไหนค่ะ สำหรับคนที่สนใจร้านนี้เราสรุปรายละเอียดสั้นๆมาให้นะคะ
ชื่อร้าน : Sushi Ya (すし家)
เวลาทำการ : 12:00 - 14:00
17:00 - 24:00
วันหยุด : วันจันทร์
ราคา : 10000 - 15000 เยน สำหรับมื้อกลางวัน
20000 - 30000 เยน สำหรับมื้อเย็น
เบอร์โทร : 03-3571-7900
การจอง : ให้โรงแรมโทรจองให้ค่ะ จองไม่ยากนะ
Tabelog Link :
http://tabelog.com/en/tokyo/A1301/A130101/13147846/ (Tabelog ภาคภาษาปะกิดด้วยนะ คลิกดูจิๆ)
แผนที่ร้านค่ะ อยู่กลาง Ginza เลย แต่ร้านอยู่ในซอกหลืบ หน้าหลืบมีร้านดอกไม้อยู่
เดินงงอยู่พักนึงกว่าจะเจอค่ะ ใครจะไปอย่าลืมหารูปหน้าร้านเผื่อไปด้วยนะจ๊ะ เราไม่ได้ถ่ายมาค่ะ
เข้ามาในร้านแล้ว บรรยากาศตรงที่นั่งค่ะ เห็นเชฟจากด้านข้าง ร้านนี้แสงสวยมาก ถ่ายยังไงก็ไม่พลาด อิอิ
เชฟทักทายเรา ถามว่ามาจากไหนคับ พอบอกเมืองไทยเค้าก็พูดสวัสดีครับเลยค่ะ
น่ารักดี บรรยากาศที่นี่ผ่อนคลายมากค่ะ เราไปคนเดียวแต่ก็ชิวๆนะ ไม่เขิน เชฟดูแลดีมากค่ะ
มาเริ่มกินกันเลยนะ เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อย (Otsumami) ก่อนนะคะ
จานแรกเป็นเบบี้กุ้งขาว (Shiro Ebi) โปะมาด้วยไส้ปลาหมัก (Shiokara)
เนื้อกุ้งขาวเบบี้จะมาแบบเย็น นุ่มและหนึบนิดๆ มีความหวานอ่อนๆ และเพิ่มความเข้มข้นอุมามิด้วยไส้ปลาหมัก
แหน่ะ แหน่ะ!! ...อย่าเพิ่งยี้มันนะ!! ไส้ปลาหมักมันกู๊ดมากจริงๆค่ะ จริงๆแล้วเจ้าไส้ปลาหมักเนี่ย จะเรียกว่าไส้ซะทีเดียวก็คงไม่ถูก
มันเหมือนเป็นทั้งไส้ พุง และอื่นๆที่อยู่ในพุงปลานั้นหล่ะ รสชาติจะเค็มนำ มีหวานนิดหน่อย และอุมามิมากค่ะ เสริมรสกุ้งขาวได้ดีเลย
กินรวมกันแล้วอร่อยมาก ถ้าใครเป็นคอเบียร์คงชอบเจ้าไส้ปลาหมักนี่แน่ๆ ฮี่ฮี่
จานที่ 2 เป็นของดีประจำฤดูใบไม้ผลิ เรียกว่าปลาหมึกหิ่งห้อย หรือ Hotaru Ika
เสิร์ฟมากับซอสมิโสะขาวที่ออกรสหวานมัน รสสัมผัสเนื้อหมึกด้านนอกจะบาง กรอบ ชุ่มฉ่ำค่ะ
กัดเนื้อหมึกแล้ว juice จากตัวหมึกนี่ไหลลงคอเลย ในตัวหมึกก็จะมีความมันอยู่ด้วย
กินเปล่าๆก็อร่อย กินกับซอสก็ยิ่งมันเลยค่ะ จานนี้ก็ชอบใจเช่นกัน
ต่อมาจานที่ 3 เป็นปลาตาเดียว (Karei) เสิร์ฟแบบซาชิมิ ให้จิ้มกับพอนสึต้นหอม หรือกับโชยุป้ายวาซาบิ
หรือเกลือทะเลป้ายวาซาบิก็ได้ค่ะ เนื้อปลาหนึบและกรึบเบาๆ รสชาติจืดๆอ่อนๆ เราชอบกินแบบจิ้มพอนสึที่สุดค่ะ
แต่ก็ไม่ได้ปิ๊งอะไรกับจานนี้นะ
จานที่ 4 ปลาโอรมควัน (Smoked Bonito / Smoked Katsuo) จานนี้เป็นอะไรที่เราชอบมาก
ปลาโอที่ญี่ปุ่นเนี่ยอร่อย สะอาด กลิ่นดี เป็นจานที่เราดีใจทุกครั้งที่ได้กินค่ะ
ของที่นี่เนื้อปลานุ่มมาก เหมือน age ปลาก่อนจะนำไปรมควันเลย กลิ่นรมควันหอมค่ะ แต่ยังสู้ของร้าน Sawada ไม่ได้
รสชาติเค็มบางๆ ชิ้นหนาจมเขี้ยว อร่อยดีเลยค่ะ
จานที่ 5 กั้งนึ่ง (Shako) มีความมัน แต่รสไม่ได้หวานมากนัก overcooked ไปหน่อยค่ะชิ้นนี้
เนื้อกั้งเลยแข็งและไม่ชุ่มน้ำชุ่มเนื้อแบบที่หวังไว้ อันนี้ไม่ถูกใจน้องเรย //บัดบ๊อบใส่
จานที่ 6 เชฟกำลังเตรียมให้อยู่ บีบมะนาวบนอะไรซักอย่าง
แต่นแตนแต๊นนนนน.....สิ่งนี้คือของโปรดตลอดกาลของเรา ถุงสเปิร์มของปลา (Shirako)
ทำให้สุกโดยการนึ่งค่ะ กรี๊ดดดดดดดดด ชอบที่สุดเลย มันอร่อยมากจริงๆนะ
ครั้งนี้พิเศษหน่อยตรงที่เป็นถุงเปิมของ Sea Bream (หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า Tai ซึ่งถือเป็น King of Fish เลยค่ะ)
ซึ่งเชฟบอกว่าจะเสิร์ฟแค่ช่วงฤดูสปริงนี่หล่ะ ประมาณ 2 เดือน หลังจากนั้นไม่เสิร์ฟละ ตื่นเต้ลๆๆว่ารสมันจะเป็นยังไงนะ
จิ้มโชยุนิดหน่อยแล้วเอาเข้าปากเลยค่ะ อ้ามมมมม
อร่อยม๊ากกกกกก สัมผัสนุ่ม รสมัน ครีมมี่ มีกลิ่นหอมบางๆ
เรากินแล้วลืมถุงเปิมของปลาค้อดไปเลยค่ะ ถุงเปิมของ Sea Bream นี่รสชาติน้องๆถุงเปิมปลาปักเป้าเลย
ซึ่งถุงเปิมปักเป้าเนี่ย อร่อยกว่าและราคาแพงโหดกว่าของปลาค้อดเยอะ มาวันนี้ได้ลองของ Sea Bream แล้วเราติดใจมาก
จานนี้กดว้าวให้เลยค่ะ
จานที่ 7 เป็น Signature Dish ของ Ishiyama-san เลยค่ะ
เป็นปลา Nodoguro ย่างแล้วพันต้นหอมต้นเล็ก (Menegi) เสิร์ฟในซอสรสเปรี้ยวอ่อนๆ
Nodoguro เป็นปลาที่มีเนื้อนุ่มและรสมันค่ะ เราว่าเป็นปลาเนื้อขาวที่ oily มากถึงมากที่สุดเลยล่ะ
ของที่นี่จะย่างแค่ให้ผิวด้านนอกสุกนิดเดียว แต่ด้านในที่ใช้พันกับต้นหอมยังดิบๆอยู่
เอาเข้าปากทั้งคำแล้วฟินมากค่ะ ร้องว้าว ๆ ๆ อยู่ในใจเลย เนื้อปลาแทบละลายในปากแหน่ะ
ตอนกินหมดนี่แทบลืมว่านี่เรากลืนไปแล้วหรอ อยากกินอีกจุง แง้
จานที่ 8 ของโปรดของหลายๆคนมาแย้ว ปูขน (Kegani Crab) นึ่ง
โดยในเนื้อปูนี่จะผสมทั้งไข่ปูและมันปู คลุกๆให้เข้ากันแล้วยัดกลับลงกระดองก่อนนึ่งค่ะ
ตักกินคำเดียวก็ได้รสปูทั้งตัวเลย
จานนี้กลิ่นทะเลมาเต็มๆ แต่ว่ารสชาติไม่ได้เด็ดนักค่ะ เราว่าปูขนนี่มีดีที่มันปู (Crab Miso) นะ
แต่สำหรับเนื้อปูเราว่าสู้ปูหิมะหรือปูทาราบะไม่ได้แฮะ
และเราว่าเค้านึ่งมาแห้งไปนิดนึง เสียจัยนะ //คุณไม่ได้ไปต่อนะคะ
จานที่ 9 โรลซาบะ (Saba Battera) เจ้าชิ้นนี้ตอนเราไป Sushi Saito เมื่อปลายปีนี่ ทำออกมาได้ประทับใจไม่รู้ลืม
วันนี้ได้ลองของคุณลูกศิษย์แล้วต้องบอกว่ายังห่างชั้นจากของคุณครูอยู่ค่ะ ของที่นี่สังเกตดูแล้วข้าวอัดมาแน่นกว่าของ Saito
รสข้าวออกเปรี้ยวและเค็ม เชฟใส่ขิงดองชิ้นบางๆคั่นไว้ระหว่างข้าวและชิ้นปลาด้วยค่ะ และบนปลาก็แปะแผ่นสาหร่ายไว้
รสเนื้อปลายังไม่สุด หมัก Vinegar มานั่นแหละ แต่ของ Saito เป็นเปรี้ยวน้อยๆที่ค่อยๆกลายเป็นกลมกล่อม
ส่วนของ Ishiyama-san เราว่ามันเปรี้ยวนำแต่ไม่ค่อยนัวเท่า Saito ค่ะ แต่ถึงยังไงก็ถือว่าใช้ได้อยู่นะ
จานที่ 10 ตับปลาอังโกะ (Ankimo) ของโปรดมากๆของเราอีกจาน ซึ่งที่นี่ไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ
ดีที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลย กลิ่นผิวส้ม Yuzu ที่ใช้โรยมาเพิ่มมิติของรสชาติให้การกินได้ดีมากเลย
ตับปลารสมันหวาน กินแล้วสัมผัสเหมือนเผือกที่เนียนมากๆ แตกต่างจากของที่กินในไทยที่
Ankimo จะมาเป็นชิ้นกลมๆเหมือนอัดกระบอกมา เวลากินจะแตกเป็นชิ้นๆในปาก
ซึ่งของที่กินในญี่ปุ่นจะเนียนเกาะกันเป็นแผ่น คุณภาพต่างกันลิบลับเลยค่ะ ชิ้นนี้กดไลค์รัวๆให้เลย
จานที่ 11 หอยเชลล์ (Hotate) ย่างแล้วห่อด้วยสาหร่ายค่ะ บนหอยเชลล์เชฟจะโรยพริกป่นแบบญี่ปุ่น (Shichimi) มาด้วย
หอยชิ้นนี้ไม่ได้หวานมากนักค่ะ แต่เนื้อหนึบดี
ไชเท้าดองมาล้างปากค่ะ สารภาพว่าถึงตอนนี้เราเริ่มอิ่มกับ Otsumami ของที่นี่แล้วนะ เค้าจัดมาเยอะจริงๆค่ะ
จานที่ 12 มาแล้วคร๊าบบบบบ ปลาหนังเงิน (Tachiuo) ย่างเกลือค่ะ
เนื้อปลาหนา กลิ่นหอมมาก ก่อนเสิร์ฟเชฟจะราดซีอิ๊วกับบีบมะนาวลงบนปลา ซึ่งเราไม่เคยเห็นที่ไหนทำแบบนี้มาก่อน
แปลกดีเหมือนกันค่ะ รสชาติของจานนี้ต้องชมเลยว่าเนื้อปลาดีมากถึงมากที่สุด เทียบกับที่เคยกินที่ Sushi Saito
เราว่าคุณภาพของเนื้อปลาจานนี้ดีกว่าด้วยซ้ำ เนื้อปลาหนาและมันดีมากๆ เอาตะเกียบจิ้มแล้วน้ำมันปลาไหลออกมาเยอะเลย
แต่เสียดายว่าการย่างยังสู้ที่ Saito ไม่ได้ค่ะ ของ Saito หนังปลาจะกรอบทั้งชิ้น แต่ที่นี่จะยังไม่ได้กรอบแบบนั้น
ยังไงก็ตาม เราว่าจานนี้ก็ยังถือว่าดีมากๆเลยค่ะ ชอบนะ
และ Otsumami จานสุดท้าย หมายเลข 13 คุณหอยนางรม (Kaki) แช่มาในซอสพอนสึโปะไชเท้ารสเผ็ดและโรยต้มหอมนิดส์นึง
พูดตรงๆว่าตอนเห็นหอยนางรมเรานี่แบบ...ข้าอิ่มมากแล้ว ข้าไม่อยากกินแล้ว ยังจะเอามาเสิร์ฟอีก
แต่พอกินแล้วอยากจิตะโกนร้องให้ก้องร้านว่า อาหร่อยม๊ากกกกกกกกกก อร่อยกว่าของ Saito ที่กินคราวก่อนอีกนะตัวเทอว์
หอยตัวใหญ่ เต่ง ชุ่มน้ำชุ่มเนื้อ อุมามิที่ฝุดเรย กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด จานนี้กระทืบว้าวให้เลยค่ะ ชั้นรักเธอ
ชั้นไม่อิ่มแล้วตอนนี้ ชั้นอยากกินเธออีก 1 โหล //งดงามมาก //ที่สุดของเจ้
[CR] กินเช้าจรดเย็น ณ โตเกียว...พาไปร้านซุชิเบอร์ 1 ของญี่ปุ่นเจ้าของมิชลิน 3 ดาว Sushi Saito + ร้านลูกศิษย์มาแรง Sushi Ya
จากกระทู้ก่อนหน้านี้ทิ้งท้ายไว้ว่าจะพาไปกิน Sushi Saito
วันนี้มาตามนัดแล้วค่ะ แต่ขอพ่วงอีกร้านนึงมาด้วยชื่อร้าน Sushi Ya ซึ่งเราไปกินก่อนจะไปร้าน Sushi Saito ค่ะ
สำหรับใครที่ยังไม่เห็นกระทู้ก่อนหน้านี้ก็คลิกดูได้ข้างล่างค่ะ
http://ppantip.com/topic/33614497
ร้าน Sushi Ya เป็นร้านที่กำลังพ๊อพพิวลาร์สุดๆ ณ บัดนาว
ด้วยความที่ว่าเชฟเจ้าของร้านที่ชื่อ Takao Ishiyama ได้รับคำชมว่าเป็น Young Chef ที่มาแรงแซงโค้งมากๆ
แล้วทำไมอยู่ๆเค้าถึงมามีชื่อเสียงได้หล่ะ???
Ishiyama-san เคยทำงานที่ร้าน Sushi Saito มาก่อนที่จะออกมาเปิดร้านของตัวเอง เรียกว่าเป็นศิษย์เก่าของ Saito นั่นหล่ะ
สไตล์ของอาหารที่เสิร์ฟในร้านนี้ก็จะคล้ายๆร้าน Saito เลยล่ะค่ะ ด้วยความที่คล้าย Sushi Saito มากๆนี้ละมั้ง
ที่ทำให้ทั้งคนญี่ปุ่นเอง และชาวต่างชาตินิยมมากินร้านนี้กัน เพราะ Sushi Saito นั้นจองยากแสนยาก
มาลองร้านลูกศิษย์ก็อาจจะพอคล้ายๆกันอยู่ Foodie บางคนนี่ถึงกับบอกว่าเชฟคนนี้จะเป็น Second Saito เลยนะ
มาดูกันว่าจะอร่อยแค่ไหนค่ะ สำหรับคนที่สนใจร้านนี้เราสรุปรายละเอียดสั้นๆมาให้นะคะ
ชื่อร้าน : Sushi Ya (すし家)
เวลาทำการ : 12:00 - 14:00
17:00 - 24:00
วันหยุด : วันจันทร์
ราคา : 10000 - 15000 เยน สำหรับมื้อกลางวัน
20000 - 30000 เยน สำหรับมื้อเย็น
เบอร์โทร : 03-3571-7900
การจอง : ให้โรงแรมโทรจองให้ค่ะ จองไม่ยากนะ
Tabelog Link : http://tabelog.com/en/tokyo/A1301/A130101/13147846/ (Tabelog ภาคภาษาปะกิดด้วยนะ คลิกดูจิๆ)
แผนที่ร้านค่ะ อยู่กลาง Ginza เลย แต่ร้านอยู่ในซอกหลืบ หน้าหลืบมีร้านดอกไม้อยู่
เดินงงอยู่พักนึงกว่าจะเจอค่ะ ใครจะไปอย่าลืมหารูปหน้าร้านเผื่อไปด้วยนะจ๊ะ เราไม่ได้ถ่ายมาค่ะ
เข้ามาในร้านแล้ว บรรยากาศตรงที่นั่งค่ะ เห็นเชฟจากด้านข้าง ร้านนี้แสงสวยมาก ถ่ายยังไงก็ไม่พลาด อิอิ
เชฟทักทายเรา ถามว่ามาจากไหนคับ พอบอกเมืองไทยเค้าก็พูดสวัสดีครับเลยค่ะ
น่ารักดี บรรยากาศที่นี่ผ่อนคลายมากค่ะ เราไปคนเดียวแต่ก็ชิวๆนะ ไม่เขิน เชฟดูแลดีมากค่ะ
มาเริ่มกินกันเลยนะ เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อย (Otsumami) ก่อนนะคะ
จานแรกเป็นเบบี้กุ้งขาว (Shiro Ebi) โปะมาด้วยไส้ปลาหมัก (Shiokara)
เนื้อกุ้งขาวเบบี้จะมาแบบเย็น นุ่มและหนึบนิดๆ มีความหวานอ่อนๆ และเพิ่มความเข้มข้นอุมามิด้วยไส้ปลาหมัก
แหน่ะ แหน่ะ!! ...อย่าเพิ่งยี้มันนะ!! ไส้ปลาหมักมันกู๊ดมากจริงๆค่ะ จริงๆแล้วเจ้าไส้ปลาหมักเนี่ย จะเรียกว่าไส้ซะทีเดียวก็คงไม่ถูก
มันเหมือนเป็นทั้งไส้ พุง และอื่นๆที่อยู่ในพุงปลานั้นหล่ะ รสชาติจะเค็มนำ มีหวานนิดหน่อย และอุมามิมากค่ะ เสริมรสกุ้งขาวได้ดีเลย
กินรวมกันแล้วอร่อยมาก ถ้าใครเป็นคอเบียร์คงชอบเจ้าไส้ปลาหมักนี่แน่ๆ ฮี่ฮี่
จานที่ 2 เป็นของดีประจำฤดูใบไม้ผลิ เรียกว่าปลาหมึกหิ่งห้อย หรือ Hotaru Ika
เสิร์ฟมากับซอสมิโสะขาวที่ออกรสหวานมัน รสสัมผัสเนื้อหมึกด้านนอกจะบาง กรอบ ชุ่มฉ่ำค่ะ
กัดเนื้อหมึกแล้ว juice จากตัวหมึกนี่ไหลลงคอเลย ในตัวหมึกก็จะมีความมันอยู่ด้วย
กินเปล่าๆก็อร่อย กินกับซอสก็ยิ่งมันเลยค่ะ จานนี้ก็ชอบใจเช่นกัน
ต่อมาจานที่ 3 เป็นปลาตาเดียว (Karei) เสิร์ฟแบบซาชิมิ ให้จิ้มกับพอนสึต้นหอม หรือกับโชยุป้ายวาซาบิ
หรือเกลือทะเลป้ายวาซาบิก็ได้ค่ะ เนื้อปลาหนึบและกรึบเบาๆ รสชาติจืดๆอ่อนๆ เราชอบกินแบบจิ้มพอนสึที่สุดค่ะ
แต่ก็ไม่ได้ปิ๊งอะไรกับจานนี้นะ
จานที่ 4 ปลาโอรมควัน (Smoked Bonito / Smoked Katsuo) จานนี้เป็นอะไรที่เราชอบมาก
ปลาโอที่ญี่ปุ่นเนี่ยอร่อย สะอาด กลิ่นดี เป็นจานที่เราดีใจทุกครั้งที่ได้กินค่ะ
ของที่นี่เนื้อปลานุ่มมาก เหมือน age ปลาก่อนจะนำไปรมควันเลย กลิ่นรมควันหอมค่ะ แต่ยังสู้ของร้าน Sawada ไม่ได้
รสชาติเค็มบางๆ ชิ้นหนาจมเขี้ยว อร่อยดีเลยค่ะ
จานที่ 5 กั้งนึ่ง (Shako) มีความมัน แต่รสไม่ได้หวานมากนัก overcooked ไปหน่อยค่ะชิ้นนี้
เนื้อกั้งเลยแข็งและไม่ชุ่มน้ำชุ่มเนื้อแบบที่หวังไว้ อันนี้ไม่ถูกใจน้องเรย //บัดบ๊อบใส่
จานที่ 6 เชฟกำลังเตรียมให้อยู่ บีบมะนาวบนอะไรซักอย่าง
แต่นแตนแต๊นนนนน.....สิ่งนี้คือของโปรดตลอดกาลของเรา ถุงสเปิร์มของปลา (Shirako)
ทำให้สุกโดยการนึ่งค่ะ กรี๊ดดดดดดดดด ชอบที่สุดเลย มันอร่อยมากจริงๆนะ
ครั้งนี้พิเศษหน่อยตรงที่เป็นถุงเปิมของ Sea Bream (หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า Tai ซึ่งถือเป็น King of Fish เลยค่ะ)
ซึ่งเชฟบอกว่าจะเสิร์ฟแค่ช่วงฤดูสปริงนี่หล่ะ ประมาณ 2 เดือน หลังจากนั้นไม่เสิร์ฟละ ตื่นเต้ลๆๆว่ารสมันจะเป็นยังไงนะ
จิ้มโชยุนิดหน่อยแล้วเอาเข้าปากเลยค่ะ อ้ามมมมม อร่อยม๊ากกกกกก สัมผัสนุ่ม รสมัน ครีมมี่ มีกลิ่นหอมบางๆ
เรากินแล้วลืมถุงเปิมของปลาค้อดไปเลยค่ะ ถุงเปิมของ Sea Bream นี่รสชาติน้องๆถุงเปิมปลาปักเป้าเลย
ซึ่งถุงเปิมปักเป้าเนี่ย อร่อยกว่าและราคาแพงโหดกว่าของปลาค้อดเยอะ มาวันนี้ได้ลองของ Sea Bream แล้วเราติดใจมาก
จานนี้กดว้าวให้เลยค่ะ
จานที่ 7 เป็น Signature Dish ของ Ishiyama-san เลยค่ะ
เป็นปลา Nodoguro ย่างแล้วพันต้นหอมต้นเล็ก (Menegi) เสิร์ฟในซอสรสเปรี้ยวอ่อนๆ
Nodoguro เป็นปลาที่มีเนื้อนุ่มและรสมันค่ะ เราว่าเป็นปลาเนื้อขาวที่ oily มากถึงมากที่สุดเลยล่ะ
ของที่นี่จะย่างแค่ให้ผิวด้านนอกสุกนิดเดียว แต่ด้านในที่ใช้พันกับต้นหอมยังดิบๆอยู่
เอาเข้าปากทั้งคำแล้วฟินมากค่ะ ร้องว้าว ๆ ๆ อยู่ในใจเลย เนื้อปลาแทบละลายในปากแหน่ะ
ตอนกินหมดนี่แทบลืมว่านี่เรากลืนไปแล้วหรอ อยากกินอีกจุง แง้
จานที่ 8 ของโปรดของหลายๆคนมาแย้ว ปูขน (Kegani Crab) นึ่ง
โดยในเนื้อปูนี่จะผสมทั้งไข่ปูและมันปู คลุกๆให้เข้ากันแล้วยัดกลับลงกระดองก่อนนึ่งค่ะ
ตักกินคำเดียวก็ได้รสปูทั้งตัวเลย
จานนี้กลิ่นทะเลมาเต็มๆ แต่ว่ารสชาติไม่ได้เด็ดนักค่ะ เราว่าปูขนนี่มีดีที่มันปู (Crab Miso) นะ
แต่สำหรับเนื้อปูเราว่าสู้ปูหิมะหรือปูทาราบะไม่ได้แฮะ
และเราว่าเค้านึ่งมาแห้งไปนิดนึง เสียจัยนะ //คุณไม่ได้ไปต่อนะคะ
จานที่ 9 โรลซาบะ (Saba Battera) เจ้าชิ้นนี้ตอนเราไป Sushi Saito เมื่อปลายปีนี่ ทำออกมาได้ประทับใจไม่รู้ลืม
วันนี้ได้ลองของคุณลูกศิษย์แล้วต้องบอกว่ายังห่างชั้นจากของคุณครูอยู่ค่ะ ของที่นี่สังเกตดูแล้วข้าวอัดมาแน่นกว่าของ Saito
รสข้าวออกเปรี้ยวและเค็ม เชฟใส่ขิงดองชิ้นบางๆคั่นไว้ระหว่างข้าวและชิ้นปลาด้วยค่ะ และบนปลาก็แปะแผ่นสาหร่ายไว้
รสเนื้อปลายังไม่สุด หมัก Vinegar มานั่นแหละ แต่ของ Saito เป็นเปรี้ยวน้อยๆที่ค่อยๆกลายเป็นกลมกล่อม
ส่วนของ Ishiyama-san เราว่ามันเปรี้ยวนำแต่ไม่ค่อยนัวเท่า Saito ค่ะ แต่ถึงยังไงก็ถือว่าใช้ได้อยู่นะ
จานที่ 10 ตับปลาอังโกะ (Ankimo) ของโปรดมากๆของเราอีกจาน ซึ่งที่นี่ไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ
ดีที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลย กลิ่นผิวส้ม Yuzu ที่ใช้โรยมาเพิ่มมิติของรสชาติให้การกินได้ดีมากเลย
ตับปลารสมันหวาน กินแล้วสัมผัสเหมือนเผือกที่เนียนมากๆ แตกต่างจากของที่กินในไทยที่
Ankimo จะมาเป็นชิ้นกลมๆเหมือนอัดกระบอกมา เวลากินจะแตกเป็นชิ้นๆในปาก
ซึ่งของที่กินในญี่ปุ่นจะเนียนเกาะกันเป็นแผ่น คุณภาพต่างกันลิบลับเลยค่ะ ชิ้นนี้กดไลค์รัวๆให้เลย
จานที่ 11 หอยเชลล์ (Hotate) ย่างแล้วห่อด้วยสาหร่ายค่ะ บนหอยเชลล์เชฟจะโรยพริกป่นแบบญี่ปุ่น (Shichimi) มาด้วย
หอยชิ้นนี้ไม่ได้หวานมากนักค่ะ แต่เนื้อหนึบดี
ไชเท้าดองมาล้างปากค่ะ สารภาพว่าถึงตอนนี้เราเริ่มอิ่มกับ Otsumami ของที่นี่แล้วนะ เค้าจัดมาเยอะจริงๆค่ะ
จานที่ 12 มาแล้วคร๊าบบบบบ ปลาหนังเงิน (Tachiuo) ย่างเกลือค่ะ
เนื้อปลาหนา กลิ่นหอมมาก ก่อนเสิร์ฟเชฟจะราดซีอิ๊วกับบีบมะนาวลงบนปลา ซึ่งเราไม่เคยเห็นที่ไหนทำแบบนี้มาก่อน
แปลกดีเหมือนกันค่ะ รสชาติของจานนี้ต้องชมเลยว่าเนื้อปลาดีมากถึงมากที่สุด เทียบกับที่เคยกินที่ Sushi Saito
เราว่าคุณภาพของเนื้อปลาจานนี้ดีกว่าด้วยซ้ำ เนื้อปลาหนาและมันดีมากๆ เอาตะเกียบจิ้มแล้วน้ำมันปลาไหลออกมาเยอะเลย
แต่เสียดายว่าการย่างยังสู้ที่ Saito ไม่ได้ค่ะ ของ Saito หนังปลาจะกรอบทั้งชิ้น แต่ที่นี่จะยังไม่ได้กรอบแบบนั้น
ยังไงก็ตาม เราว่าจานนี้ก็ยังถือว่าดีมากๆเลยค่ะ ชอบนะ
และ Otsumami จานสุดท้าย หมายเลข 13 คุณหอยนางรม (Kaki) แช่มาในซอสพอนสึโปะไชเท้ารสเผ็ดและโรยต้มหอมนิดส์นึง
พูดตรงๆว่าตอนเห็นหอยนางรมเรานี่แบบ...ข้าอิ่มมากแล้ว ข้าไม่อยากกินแล้ว ยังจะเอามาเสิร์ฟอีก
แต่พอกินแล้วอยากจิตะโกนร้องให้ก้องร้านว่า อาหร่อยม๊ากกกกกกกกกก อร่อยกว่าของ Saito ที่กินคราวก่อนอีกนะตัวเทอว์
หอยตัวใหญ่ เต่ง ชุ่มน้ำชุ่มเนื้อ อุมามิที่ฝุดเรย กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด จานนี้กระทืบว้าวให้เลยค่ะ ชั้นรักเธอ
ชั้นไม่อิ่มแล้วตอนนี้ ชั้นอยากกินเธออีก 1 โหล //งดงามมาก //ที่สุดของเจ้