The Vampire Powers. [บทที่ 19] 100%

เสียงโซ่ตรวนดังกระทบบนพื้นเสียงก้อง ร่างที่ถูกพันธนาการมีสภาพสะบักสะบอมเต็มไปด้วยเลือด เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเป็นรอยถาก ถึงแม้ภายนอกจะหนักหนาสาหัส หากลองสังเกตดูดีๆแล้วเขาคนนั้นแทบจะไม่มีรอยบาดแผลปรากฏ เขามีผมสีตาลแซมทองเป็นประกาย

รูปร่างเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ชวนหลงไหล สีผิวขาวซีค ใบหน้าคมเข้มโน้มลงต่ำมองพื้น แขนทั้งสองข้างที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่กางออกมีรอยช้ำตรงข้อมือเป็นรอยดำแดง โซ่ดังกล่าวถูกชโลมไปด้วยสมุนไพรที่ไม่ถูกชโลกกับแวมไพร์ ทันทีที่ขยับมันจะนำพาความเจ็บแสบราวกับถูกเหล็กร้อนมาจี้บริเวณนั้น

“มีพวกบุกรุก” การ์ดที่คอยเฝ้าพูดกับอีกคนเมื่อได้รับรายงานมาจากบลูทูธเครื่องจิ๋วที่ติดตัวไว้

“เหอะ” เสียงหัวเราะของผู้ที่อยู่ในสถานะนักโทษดังขึ้นพลางเงยหน้าขึ้น เค้าโครงถูกทอดแบบมาจากคริสติน่ามีแต่สายตาที่ยังคงส่องประกายเจ้าเล่ห์คล้ายพ่อของตน เรียกความสนใจจากการ์ดที่กำลังหวั่นวิตกกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น

“หัวเราะอะไรไม่ทราบ ไอ้ลูกหมา” หนึ่งของพวกมันในนั้นเอ่ยขึ้นพลางเท้าสะเอวเดินเข้ามาดึงผมเขาเงยหน้าขึ้น

“ฉันว่าเป็นพวกแกมากกว่านะ ไอ้คำว่า ลูกหมาน่ะ น่าสมเพชที่มาทำงานให้กับแวมไพร์ทั้งๆที่แกก็เป็นศัตรูกับเผ่าพันธุ์นี้” คำพูดที่ดูเหมือนเสียดแทงเข้าไปในใจของผู้ฟังทำให้เขาถูกการ์ดอีกคนเทน้ำสมุนไพรลงบนศีรษะเขา เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดใบหน้าของเขาถลอกออกเห็นถึงกระดูกพร้อมกับมีควันกรุ่นออกมาซึ่งมันดูไม่ต่างจากการถูกน้ำกรดราดใส่

ยิ่งเขาส่งเสียงยิ่งเป็นเหมือนสิ่งที่นำทางไรอันมาเพื่อช่วยเขา ใช่ เขารู้ดี ว่ามีความรู้สึกจากแวมไพร์ที่ผ่านการทำเครื่องหมายเลือดพิเศษหรือเปลี่ยนด้วยเลือดพิเศษ เลือดแบบนี้มีแค่เขากับน้องสาวเท่านั้นแต่นี่มันแปลกแสดงว่าพ่อของเขาคงสร้างลูกสมุนสายเลือดผู้วิเศษขึ้นมาตามหาเขากับน้องสาวเป็นแน่

“หุบปาก ไม่งั้นฉันจะราดเจ้านี่ใส่แก” มันพูดข่มขู่ ก่อนจะยิ้มน้ำลายใส่ตัวเขาแล้วหัวเราะกับพวกมันเมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาตอบโต้จากเขาอีก

กึกกึก ภายในห้องนี้ประกอบไปด้วยดินหินเป็นส่วนใหญ่ ไม่ต่างจากคุกในสมัยก่อนที่ทำไว้เพื่อคุมขังนักโทษ ข้างผนังมีเหล็กไว้สำหรับตรึงร่างนักโทษซึ่งไม่ต่างจากที่คุมขังแสนป่าเถื่อน จู่ๆก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากข้างนอกเรียกความสนใจการ์ดสองคนที่กำลังสะใจกับการได้เห็นเขาเจ็บปวดทรมาน

พวกมันตกลงกันให้คนหนึ่งอยู่แล้วมันอีกคนก็เดินออกไปสำรวจข้างนอกห้องขัง มือถืออาวุธไม้ปลายแหลมไว้ใช้สำหรับฆ่าแวมไพร์ พวกมันไม่รู้เลยว่ากำลังเจอกับอะไร ใบหน้าของเขาที่กำลังฟื้นฟูสภาพกลับมาเหมือนดังเดิม ปรากฏรอยยิ้มเลศนัยเพราะในที่สุดเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ซะที

การ์ดหลายคนได้รับคำสั่งจากผู้บงการให้ออกตามล่าพลางกระจายตัวออกตามหาผู้บุกรุก พลังพิเศษจากการเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ได้มอบพรสวรรค์ให้กับไรอัน ที่สามารถสัมผัสพิเศษที่เหนือกว่ามนุษย์รวมถึงอมนุษย์ด้วยเช่นกัน

มีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่สามารถควบคุมมันได้ก็คือ เขาไม่รู้เลยว่าพลังจะมาในลักษณะไหนเลยด้วยซ้ำ แต่กลิ่นสาบจากพวกต่างสายพันธุ์คละคลุ้งไปทั่วทุกบริเวณแบบนี้คงเป็นสัญญาณเตือน

เพียงเพราะกลิ่นที่พิเศษกว่าใครทำให้สามารถนำทางเขามาถึงนี่ แวมไพร์พวกนี้ค่อนข้างถือตัว หยิ่งยโส และเป็นแวมไพร์ที่ป่าเถื่อน เป็นข้อกังขาอีกอย่างหนึ่งที่ควรกังวล

ร่างสูงของหนุ่มแวมไพร์สำรวจดูประตูเหล็กชั้นดีที่ดูสะดุดตา แตกต่างกับบริเวณที่มีแต่หินปูนที่กร่อนลงตามเวลา มือหนาสัมผัสมันเบาๆ สภาพมันช่างดูขัดกัน หวังว่าคงไม่เจอแจ็คพอร์ตนะ แวมไพร์หนุ่มคิดพลางครูดเล็บของตนที่งอกออกมานิดกับประตูเสริมหนาราวๆ 1 เมตร
ใบหน้าคมเข้มปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากขณะพยายามจะเปิดประตูดังกล่าว มันถูกทำไว้ให้ใช้สำหรับผู้ที่ทำงานอยู่ภายในคฤหาสน์นี้เท่านั้นโดยการสะแกนม่านตา เพราะฉะนั้นเขาควรเรียกความสนใจซะแล้ว

ปึง เท้าข้างหนึ่งอัดเต็มแรงใสเข้าที่ประตูหลายครั้ง ปรากฏว่ามันไม่มีร่องรอยจากแรงที่เหนือกว่าสิ่งใด เป็นอย่างที่เขาคิดไว้มันถูกสร้างเพื่อกันไว้กับบางอย่าง มีเป้าหมายของเขาอยู่ในนี้ เมื่อคิดระหว่างรอพละกำลังกลับมาไรอันจึงออกแรงทำมันอีกครั้ง คราวนี้มันเริ่มมีรอยบุบเข้าไป

“เสียงอะไร” เอ็ดเอ่ยทักขึ้น ขณะรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน

ย้ากกก มีพวกมันหลายคนกรู่กันเข้ามาโจมตีพวกเขาหลายทิศทาง แอลหลบฉากให้มันเสียหลักเต่พวกมันว่องไวมากแถมเขายังโดนอาวุธสังหารแวมไพร์เฉียดสีข้างเขาไปเป็นทางยาว
หนุ่มแวมไพร์ดังกล่าวผงะไปชั่วครู่ก่อนจะกัดฟันจ้องหน้ามันที่ยืนตั้งท่าพร้อมกับรอยยิ้มสุดแสนจะน่าเกลียดที่มีฟันบิ่นๆที่ดูเหมือนจะตั้งใจทำให้มันดูแหลมคล้ายสัตว์ทุกซี่ แอลตีลังกาใช้มือหักคอฝ่ายตรงข้ามเมื่อลอยข้ามหัววกมันก่อนจะพยายามปลุกพลังในกายตนให้เริ่มฟื้นฟูกับเหตุการณ์ฉุกละหุกเพราะเมื่อไหร่ที่เขาเกิดฉุนกึกขึ้นมาพวกมันคงแหลกละเอียดราวกับฝุ่นผงธุลีแน่ๆ

เอ็ดใช้ขาเตะเข้าที่หน้าของมันคนหนึ่งออกไปก่อนจะฉวยแท่งไม้แหลมที่เหน็บไว้ข้างๆเอวมันมาปักลงกลางหัวใจของมันอีกคน ร่างของพวกมันแตกออกเป็นเสี่ยงราวกับมีใครยัดระเบิดลงในตัวพวกมัน กระเซ็นเข้าใส่ตัวพวกเขาเต็มไปหมด ฝ่ามือของเอ็ดยกขึ้นเหนืออกขณะพยายามเรียกใช้ธาตุลม

พลั่ก ผิดคาดเพราะเขาถูกโจมตีจากข้างหลังพลาดท่าให้มันเสียบไม้ทะลุกลางอกเขา อีกนิดเดียวก็จะโดนหัวใจเขาแล้ว เขาใช้แรงที่เหลือดึงหัวมันตีลังกาตัวลงต่อหน้าพลางควักหัวใจมันออกมาภายในเวลาไม่กี่วินาที

“เอ็ด” แอลเรียกชื่อเพื่อนรักที่เกือบจะล้มลงกระแทกพื้นเพราะยังมีฝ่ามือที่ยังคอยดันตัวเองไว้

พวกมันหลั่งไหลกันเข้ามาเรื่อยๆ ฟากแอลยังสู้ต่อด้วยมือเปล่าพลางควักหัวใจพวกมันออกมาได้หนึ่งคน ก่อนจะโผเข้าหาเพื่อนรักพลางดึงไม้ที่เสียบคาอกออกอย่างไม่ลังเลถึงแม้เสียงร้องของเอ็ดจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม

“นี่นายจะฆ่าฉันหรือยังไง” เอ็ดเอ่ยอย่างประชดพลางยื่นจับมือแอลที่ส่งมาก่อนจะดันตัวเองลุกขึ้น

เมื่อรอยแผลสมานตัวเข้าหากัน ทั้งสองจึงหันหลังประกบกันสู้อย่างนี้คงไปไม่ถึงไรอันนอกซะจากต้องใช้พลัง เอ็ดยกมือขึ้นเหนืออกอีกครั้งพร้อมกับบังเกิดลมกลุ่มใหญ่พัดกระแทกพวกมันออกไปพร้อมกับสลับเรียกใช้ไฟเผาพวกมันซึ่งมันดูง่ายกว่าเยอะถ้าหากต้องสู้ตัวต่อตัว
แอลเห็นอีกฝ่ายใช้พลังของตัวเองแล้วเขาจึงกางแขนออกทั้งสองข้างนัยน์ตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำพลางคำรามพร้อมเขี้ยวที่งอกออกมากลุ่มหมอกควันสีดำไร้รูปแบบลอยออกมาจากตัวของแอลมหาศาล

ซึ่งมันส่งผลให้เขาดูเหมือนกับปีศาจที่ไร้เทียมทานมือข้างหนึ่งของเขาสะบัดพลังดังกล่าวถาโถมเข้าใส่ตัวพวกมันผ่านทวารทั้งเก้าทะลุทะลวงจนพวกมันกลายเป็นฝุ่นควันยิ่งเขาฆ่าพวกมันมากเท่าไหร่พลังของเขาก็จะแกร่งมากขึ้นเท่านั้นเพราะมันเท่ากับว่าเขากลืนกินพลังชีวิตเพื่อมาเติมเต็มให้แก่ตน

การต่อสู้ในระยะเวลา สามนาทีกินเวลาไปเยอะสำหรับพวกเขาทั้งสองต่างเรียกพลังตัวเองกับเข้าสู่ตัวเองเมื่อพวกมันราวๆสามสิบคนตายเกลี้ยง

แอลกระพริบตาถี่ยิบ สลับกับเอ็ดที่ก้มลงมองฝ่ามือตนเองเพราะเขาสามารถควบคุมพลังตนเองได้ดีขึ้นแล้ว

“ไปกันเถอะ” หนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มนัยน์ตาสีเดียวกันรีบตามแอลไป พร้อมรองเท้าที่มีชิ้นส่วนของร่างแวมไพร์ที่แหลกละเอียดติดเท้าไปด้วย

ประตูเหล็กหนาถูกเปิดออกอย่างช้าๆ การ์ดคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับเครื่องยิงแท่งไม้ที่ไม่แตกต่างจากเครื่องยิ่งธนูเท่าไหร่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการเล็งยิงที่ต้องฝึกฝนเท่าไหร่ เพียงแค่ปลายนิ้วกดลงบนปุ่มแท่งไม้เหล่านั้นก็พุ่งออกมาหลายอันในเวลาไม่ถึงวิ

ภายนอกห้องขังว่างเปล่า ร่องรอยของคนที่มาทำกับประตูเหล็กพิเศษยังคงอยู่แต่ตัวหายไป การ์ดขึ้นนั้นยกเครื่องยิงขึ้นเล็งสายตาสอดส่ายหาตัวปัญหาพร้อมกับประตูที่ปิดตัวลง

ไรอันใช้จังหวะที่ประตูปิดลงกระโดดลงมาจากเพดายที่ใช้เล็บเกาะไว้กระแทกคอหักและรีบรุดเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

ร่างที่ถูกพันธนาการเงยขึ้น สายตาที่มีเพียงสายเลือดเท่านั้นที่จะคล้ายคลึงกัน แววตามุ่งมั่งเข้มแข็งของเขาทำให้ไรอันคิดว่านี่คือโลแกน บุตรชายคนโตของลูคัส ในหัวเขาคิดว่าทำไมโลแกนถึงถูกจับมาขังไว้อย่างนี้

“แก ยกมือขึ้นเดี๋ยวนี้” ไรอันสัมผัสได้ถึงไม้แหลมที่จ่ออยู่บริเวณหัวใจผ่านจากข้างหลัง เขายกมือขึ้นตามคำสั่งของมันสายตายังคงจดจ้องที่โลแกนๆไม่ละสายตาไปไหน

“ผมจะพาคุณไปจากที่นี่” เสียงห้าวทุ้มของเขาบอกกับชายหนุ่มนักโทษก่อนจะเอี้ยววิ่งหายไป เร็วเหนือแสงการ์ดคนนั้นถืออาวุธเครื่องยิงสังหารแวมไพร์เล็งไปมาเพื่อหาตัว

ก่อนใบหน้าของมันจะบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดแต่น้ำเสียงไม่ได้ร้องซักแอะ เพราะรูระหว่างได้เห็นเป็นวงใหญ่ทะลุถึงอีกด้านเพราะหัวใจของมันอยู่บนมือของไรอันแล้ว

หนุ่มแวมไพร์ทิ้งสิ่งบนมือลงก่อนจะไปปรากฏตัวที่โลแกนพลางพยายามจะทำลายโซ่ตรวนที่เมื่อสัมผัสทีไรเป็นอันแสบร้อนทุกที

“ให้ตายสิ นี่มันอะไร” ไรอันสบถพึมพำ มองมือที่ลอกเป็นแผ่นๆเป็นรอยไหม้

“สมุนไพรที่ไม่ถูกชโลกกับพวกเรา” โลแกนบอกเขาพลางกัดฟันเมื่อมันเสียดสีข้อมือเขา

ไรอันกลั้นใจเพียงไม่นานพลางกระชากมันออกมาทั้งสองด้าน ร่างโลแกนฟุบลงกระแทกพื้นเหมือนมีสมอเรือดึงรั้งเขาไว้ตลอดเวลา

ไรอันกระชากมันจากข้อมือโลแกน ก่อนจะพยุงเขาลุกขึ้น
“ท่านต้องไปพบท่านลูคัส”

ร่างแกร่งของอีกคนที่อ่อนปวกเปียกทำให้ไรอันใช้แขนข้างหนึ่งพาดบ่าพลางพาเดินออกไป เมื่อพ้นจากห้องขังแล้วพวกเขารีบตรงดิ่งไปทั้งที่ไม่รู้ทางโดยไรอันใช้พลังของตนมองทะลุกำแพงต่างๆไปก่อนจะรีบพยุงโลแกนออกไปจากที่นี่

ถัดจากห้องต่างๆไปไม่นานทั้งสองก็ต้องรีบหลบพวกมันที่วิ่งผ่านไปอย่างเฉียดฉิว หลังจากพวกนั้นต่างไปกันหมดแล้วพวกเขาก็ต้องรีบไปต่อ แต่พวกมันมีมากเกินไปทำให้ไรอันรีบพยุงร่างหนุ่มแวมไพร์อีกคนพิงไว้กับผนังแล้วมากำจัดพวกมันสี่ห้าคนที่ยืนเฝ้ากันภายในเวาไม่กี่นาทีเพราะอาศัยความเร็วที่เหนือมนุษย์กำจัดพวกมันอย่างง่ายดาย

ร่างสูงทั้งสองต่างมาถึงทางออกที่มีต้นไม้รกครึ้มขึ้นเต็มไปหมดเมื่อผ่านพ้นกำแพงนั้นไป แต่จู่ๆโลแกนก็ต้องเสียหลักล้มลงกับพื้นทำให้ไรอันแทบหัวเสียเพราะอีกไม่กี่เมตรก็จะพ้นอาณาเขตพวกมันแล้ว

“ท่านโอเคหรือเปล่า”

“ฟังฉัน…นายต้องลืมทุกอย่างที่เราเจอกันวันนี้ ความจำจะกลับมาเมื่อถึงเวลา” โลแกนใช้พลังจิตสะกดเมื่อไรอันหันมาสบตาแนบนิ่ง เพียงไรอันกระพริบตาเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

หนุ่มแวมไพร์ที่ยังค้างกับท่านั่งที่หัวเขายันพื้นไว้ข้างหนึ่ง ก่อนจะสับสนว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

เสียงฝีเท้าที่วิ่งกรูตามจากข้างหลังดังใกล้เข้ามาปรากฏร่างสองหนุ่มแวมไพร์ที่ในที่สุดก็เจอกันเสียที

“ไรอัน ไรอัน” เอ็ดตบใบหน้าไรอันเบาๆเพราะดูเหมือนไรอันกลายสภาพเหมือนกับคนเมายา

“เราต้องรีบไปจากที่นี่” แอลพูดก่อนจะพยักหน้าให้กับเอ็ดมาช่วยพยุงไรอันลุกขึ้น พวกมันมีเยอะเกินไป พวกเขาต้องรีบหนีไปให้เร็วที่สุด ณ ตอนนี้

สามหนุ่มแวมไพร์หายไปจากพื้นที่ตรงนั้น ขณะที่ซูซานที่แอบหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งได้มองตามเพราะเธอได้รู้อีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดา สาวสวยปรายตามองพวกเขาที่หายตัวไปก่อนจะเดินเข้าคฤหาสน์ของตน เธอได้รู้ว่าพวกนั้นมีพลังวิเศษที่ยากจะต้านทาน ไฟแค้นดวงเล็กๆปะทุขึ้นในใจเมื่อพวกมันมาเล่นผิดคนซะแล้ว!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่