เนื่องมาจากปัจจุบัน มักมีคนทำตัวเก่งเกินตำรา คิดค้นคำสอนตามอำเภอใจ
คิดว่าตนเองถูกเสมอ ไม่มีบกพร่อง ไม่มีแก้ใข คนอื่นต่างหากที่ต้องแก้
ทิฐิตนเองไม่ตรงกับพระไตรปิฏก ก็กล่าวหาพระไตรปิฏกมันซะเลย ง่ายดี ไม่ต้องพิสูจน์
แน่นอน
พระสังฆาจารย์ผู้ร่วมสังคายนาก็ไม่อยู่แล้ว ต่อให้ท่านเหล่านั้นใช้ความอุตสาหะในการรวบรวมมามากแค่ไหน
ก็ช่าง ทิฐิตนมันเหนือกว่านั้น มันผิดไม่ได้ มันดิ้นพล่าน ใครจะว่าอย่างไรไม่สน คนตายมาให้การไม่ได้
นึกอะไรไม่ออกก็กล่าวหาพระไตรปิฏกว่ามีการปลอมปนโดยพราหมณ์บ้าง มีการแก้ใขบ้าง
บุคคลเหล่านี้กล่าวหาอย่างไม่ละอายใจ ทั้งที่จะมีสักกี่คนที่ศึกษาพระไตรปิฏกแล้วอย่างถ่องแท้
ก็การศึกษา ไม่ใช่ "อ่านแล้วตีความ" อย่างเดียว แต่คือการน้อมมาปฏิบัติด้วย
จะมีสักกี่คนที่จาบจ้วงพระไตรปิฏก แต่เคยศึกษาพระไตรปิฏกแล้วอย่างถ่องแท้
มีมั้ยหละ มันจะมีได้อย่างไร
เอาแค่ในบอร์ดนี้ก่อน ผมสังเกตพฤติกรรมกลุ่มคนเหล่านี้มาสักพัก
สามารถสรุปได้ดังนี้คือ
1. ตรรกะวิบัติ บางคนก็ทำตัวเหมือนจะมีความรู้มาก แต่เมื่อโดนต้อนมาก กลับแถออกนอกเรื่อง
แต่นั่นยังดี บางคนแทบไม่มีความรู้อะไรเลย ก็ทำตัวเก่งกว่าตำรา เมื่อโดนต้อนมากๆ ตอบไม่ได้
สุดท้ายเลยพาล แล้วก็แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา
2. ที่ฮากว่านั้นคือ ทั้งที่ตนก้าวร้าว ยังมาทำเก่ง ยกตนข่มท่าน กล่าวหาผู้อื่นว่าระงับความโกรธไม่ได้เหมือนตน
3. โดยมากพวกนี้ถ้าล้วงลึกแล้วจะรู้ว่าทิฐิในส่วนย่อยๆมักไม่ตรงกัน เพราะมาจากตรรกะวิบัติ+ทิฐิตรู กันทั้งนั้น
มันจึงไปคนละทาง
4. หลักฐานไม่มี ถึงมีก็ดูไม่สมกับความพยายามที่กล่าวไว้ เสมือนเอาเรือเล็กมาชนเพื่อหวังจมเรื่อใหญ่
5. พระไตรปิฏก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะเป็นอย่างไรก็ช่าง ตรูเอาทิฐิของตรูกับอาจารญ์ตรูถูกไว้ก่อน
ถึงขั้นตรูจะต้องกล่าวหาว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนป่า หรือเป็นนั่นนี่ ก็ยอม เพราะอาจารย์ตรูต้องถูก
6. กาลามสูตรหนะหรือมีไว้เพื่อเอาตัวรอดอย่างสวยหรู แต่ก็นั่นแหละ ถึงยังไง ตรูก็เอาทิฐิของตรู
กับอาจารย์ตรูถูกไว้ก่อนอยู่แล้ว ตรรกะมันถึงวิบัติไง
นี่แหละครับ พฤติกรรมของคนที่บอกว่า พระไตรปิฏกไม่สมบูรณ์ เก่งมั้ยหละครับ
แน่นอน ในขณะที่หลายคนพยายามตำหนิ พยายามปกป้อง กลับถูกกลุ่มผู้เก่งกว่าตำราตามรังควาญ
บางท่านนำหลักฐานมาแปะ หาว่าเขาป่วนบอร์ดบ้าง ก็น่าเห็นใจทุกท่านที่พยายามปกป้องพระศาสนา
คนเหล่านี้อาจจะมั่นใจ นึกว่าตนเองเก่งมาก กล้าคิดกล้าทำ แต่อย่าเลย การกระทำของพวกนี้
มองออกมาได้เพียง 2 นัยเท่านั้น คือ ไม่ "ชั่ว" ก็ "โง่" มันมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้
"ชั่ว" >> หากการกระทำดังกล่าวมาจากความตั้งใจจริงของท่านในการบิดเบือนพระธรรม ถือเป็นความชั่ว
เพราะทำลายประโยชน์ผู้อื่น
"โง่" >> หากการกระทำดังกล่าวมาจากความรู้เท่าไม่ถึงการ ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่คือการบิดเบือนพระธรรม
แต่ก็ยังขยัน ขวนขวายที่จะทำ
การกระทำของคนเหล่านี้ไม่มีประโยน์ มีแต่โทษ อย่าได้ถามหาพระไตรปิฏกฉบับสมบูรณ์จากคนเหล่านี้เด็ดขาด
เพราะขนาดความคิดลึกๆแล้วยังไปคนละทาง แต่ที่มารวมตัวกันเพราะมาปกป้องทิฐิตรูและอาจารย์เจ้าของทิฐิตรู
แน่นอน ถ้าให้คนเก่งเหล่านี้มาเขียนพระไตรปิฏกหรือคัดเอง ย่อมได้ไม่ตรงกัน มันจะยิ่งผิดเพี้ยนกันไปใหญ่
ลองจินตนาการหากมีคนพวกนี้สักร้อยคน ต่างคนต่างคิดไปคนละทาง มันจะมีปัญหาตามมาอีกแค่ไหน
จะเกิดอะไรขึ้น มันมีประโยชน์มั้ย ผมไม่เห็นประโยชน์อื่นใด นอกจากการทะเลาะวิวาทผู้อื่นไปวันๆ
ดังนั้น พระไตรปิฏกเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การศึกษา ขอร้องว่าหากยังไม่ได้ศึกษา ก็อย่ามาจาบจ้วงเลย
มันไม่มีประโยชน์
ผมไม่ได้อคติกับใคร ผมกล่าวตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ขอบคุณครับ
พระไตรปิฏก ควรแก่การศึกษา ไม่ใช่ยังไม่ศึกษาแล้วมาวิจารณ์ตามใจชอบ
คิดว่าตนเองถูกเสมอ ไม่มีบกพร่อง ไม่มีแก้ใข คนอื่นต่างหากที่ต้องแก้
ทิฐิตนเองไม่ตรงกับพระไตรปิฏก ก็กล่าวหาพระไตรปิฏกมันซะเลย ง่ายดี ไม่ต้องพิสูจน์
แน่นอน
พระสังฆาจารย์ผู้ร่วมสังคายนาก็ไม่อยู่แล้ว ต่อให้ท่านเหล่านั้นใช้ความอุตสาหะในการรวบรวมมามากแค่ไหน
ก็ช่าง ทิฐิตนมันเหนือกว่านั้น มันผิดไม่ได้ มันดิ้นพล่าน ใครจะว่าอย่างไรไม่สน คนตายมาให้การไม่ได้
นึกอะไรไม่ออกก็กล่าวหาพระไตรปิฏกว่ามีการปลอมปนโดยพราหมณ์บ้าง มีการแก้ใขบ้าง
บุคคลเหล่านี้กล่าวหาอย่างไม่ละอายใจ ทั้งที่จะมีสักกี่คนที่ศึกษาพระไตรปิฏกแล้วอย่างถ่องแท้
ก็การศึกษา ไม่ใช่ "อ่านแล้วตีความ" อย่างเดียว แต่คือการน้อมมาปฏิบัติด้วย
จะมีสักกี่คนที่จาบจ้วงพระไตรปิฏก แต่เคยศึกษาพระไตรปิฏกแล้วอย่างถ่องแท้
มีมั้ยหละ มันจะมีได้อย่างไร
เอาแค่ในบอร์ดนี้ก่อน ผมสังเกตพฤติกรรมกลุ่มคนเหล่านี้มาสักพัก
สามารถสรุปได้ดังนี้คือ
1. ตรรกะวิบัติ บางคนก็ทำตัวเหมือนจะมีความรู้มาก แต่เมื่อโดนต้อนมาก กลับแถออกนอกเรื่อง
แต่นั่นยังดี บางคนแทบไม่มีความรู้อะไรเลย ก็ทำตัวเก่งกว่าตำรา เมื่อโดนต้อนมากๆ ตอบไม่ได้
สุดท้ายเลยพาล แล้วก็แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา
2. ที่ฮากว่านั้นคือ ทั้งที่ตนก้าวร้าว ยังมาทำเก่ง ยกตนข่มท่าน กล่าวหาผู้อื่นว่าระงับความโกรธไม่ได้เหมือนตน
3. โดยมากพวกนี้ถ้าล้วงลึกแล้วจะรู้ว่าทิฐิในส่วนย่อยๆมักไม่ตรงกัน เพราะมาจากตรรกะวิบัติ+ทิฐิตรู กันทั้งนั้น
มันจึงไปคนละทาง
4. หลักฐานไม่มี ถึงมีก็ดูไม่สมกับความพยายามที่กล่าวไว้ เสมือนเอาเรือเล็กมาชนเพื่อหวังจมเรื่อใหญ่
5. พระไตรปิฏก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะเป็นอย่างไรก็ช่าง ตรูเอาทิฐิของตรูกับอาจารญ์ตรูถูกไว้ก่อน
ถึงขั้นตรูจะต้องกล่าวหาว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนป่า หรือเป็นนั่นนี่ ก็ยอม เพราะอาจารย์ตรูต้องถูก
6. กาลามสูตรหนะหรือมีไว้เพื่อเอาตัวรอดอย่างสวยหรู แต่ก็นั่นแหละ ถึงยังไง ตรูก็เอาทิฐิของตรู
กับอาจารย์ตรูถูกไว้ก่อนอยู่แล้ว ตรรกะมันถึงวิบัติไง
นี่แหละครับ พฤติกรรมของคนที่บอกว่า พระไตรปิฏกไม่สมบูรณ์ เก่งมั้ยหละครับ
แน่นอน ในขณะที่หลายคนพยายามตำหนิ พยายามปกป้อง กลับถูกกลุ่มผู้เก่งกว่าตำราตามรังควาญ
บางท่านนำหลักฐานมาแปะ หาว่าเขาป่วนบอร์ดบ้าง ก็น่าเห็นใจทุกท่านที่พยายามปกป้องพระศาสนา
คนเหล่านี้อาจจะมั่นใจ นึกว่าตนเองเก่งมาก กล้าคิดกล้าทำ แต่อย่าเลย การกระทำของพวกนี้
มองออกมาได้เพียง 2 นัยเท่านั้น คือ ไม่ "ชั่ว" ก็ "โง่" มันมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้
"ชั่ว" >> หากการกระทำดังกล่าวมาจากความตั้งใจจริงของท่านในการบิดเบือนพระธรรม ถือเป็นความชั่ว
เพราะทำลายประโยชน์ผู้อื่น
"โง่" >> หากการกระทำดังกล่าวมาจากความรู้เท่าไม่ถึงการ ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่คือการบิดเบือนพระธรรม
แต่ก็ยังขยัน ขวนขวายที่จะทำ
การกระทำของคนเหล่านี้ไม่มีประโยน์ มีแต่โทษ อย่าได้ถามหาพระไตรปิฏกฉบับสมบูรณ์จากคนเหล่านี้เด็ดขาด
เพราะขนาดความคิดลึกๆแล้วยังไปคนละทาง แต่ที่มารวมตัวกันเพราะมาปกป้องทิฐิตรูและอาจารย์เจ้าของทิฐิตรู
แน่นอน ถ้าให้คนเก่งเหล่านี้มาเขียนพระไตรปิฏกหรือคัดเอง ย่อมได้ไม่ตรงกัน มันจะยิ่งผิดเพี้ยนกันไปใหญ่
ลองจินตนาการหากมีคนพวกนี้สักร้อยคน ต่างคนต่างคิดไปคนละทาง มันจะมีปัญหาตามมาอีกแค่ไหน
จะเกิดอะไรขึ้น มันมีประโยชน์มั้ย ผมไม่เห็นประโยชน์อื่นใด นอกจากการทะเลาะวิวาทผู้อื่นไปวันๆ
ดังนั้น พระไตรปิฏกเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การศึกษา ขอร้องว่าหากยังไม่ได้ศึกษา ก็อย่ามาจาบจ้วงเลย
มันไม่มีประโยชน์
ผมไม่ได้อคติกับใคร ผมกล่าวตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ขอบคุณครับ