คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 35
คนที่สามารถบรรลุธรรมโดยไม่ได้ เชี่ยวชาญ ในพระไตรปิฏก เป็นไปได้มั้ย?
เป็นไปได้ครับ เพราะจริง ๆ พระไตรปิฎก เป็นสิ่งที่เพิ่งมีหลังสมัยพุทธกาลด้วยซ้ำไปครับ สมัยพุทธกาลไม่มี "พระไตรปิฎก" มีแต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า "ธรรมวินัย" แต่ก็ยังมีผู้บรรลุธรรมมากมาย ส่วนใหญ่ฟังแค่พระสูตรบทเดียว ก็ได้บรรลุธรรมกัน ความเชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก จึงไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อการบรรลุธรรมครับ
การถกธรรมในหลายกระทู้ ด้วยการยกพระสูตรต่างๆมาตีความ เพื่อเอาชนะกัน เป็นการยึดติดมั้ย?
การตีความพระสูตรต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ครับ เพราะไม่มีใครมาผูกขาดการตีความ เหมือนอย่างในอดีตอีกแล้ว ทุกคนจึงสามารถตีความพระสูตรต่าง ๆ ได้อย่างอิสระั
แต่การตีความพระสูตรต่าง ๆ เพื่อเอาชนะคะคานซึ่งกันและกัน โดยมีความคิดที่ว่าการตีความ "ของกู" ถูกที่สุด นอกจากไม่ได้ทำให้เกิดปัญญารู้แจ้งในพระธรรมแล้ว ยังยิ่งเป็นการเสริม "ความยึดมั่นถือมั่น" ใน "ตัวกู" และ "ของกู" ให้มากขึ้นไปอัก ซึ่งสวนทางกับ concept ของพุทธศาสนา ที่ต้องการให้ละความยึดมั่นถือมั่นเหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง
ถามผู้เชียวชาญในพระไตรปิฏก ท่านมั่นใจ 100% มั้ยว่าข้อความในพระไตร เป็นสิ่งที่พุทธองค์ ตรัสจากพระโอษฐ์จริงๆ?
ถ้าว่ากันตาม concept ผมมั่นใจว่าข้อความในพระไตรปิฎกนั้น ตรงตาม concept ที่พระพุทธเจ้าต้องการสื่อจริง ๆ 100% แต่ถามว่า พระพุทธเจ้าตรัสตามคำบาลีที่มีบันทึกในพระไตรปิฎกนั้นเป๊ะ ๆ 100% หรือไม่ ผมไม่ทราบจริง ๆ ครับ แต่ผมว่าคงไม่มีใครบ้าจี้ ถึงขนาดนั่ง time machine ย้อนเวลาไปสมัยพุทธกาล แล้วเอาหนังสือพระไตรปิฎกไปนั่งเปิด นั่งเทียบกับการเทศนาสด ๆ ของพระพุทธเจ้าแบบพยางค์ต่พยางค์หรอกนะครับ
โดยความเห็นส่วนตัวของผม รายละเอียดไม่สำคัญเท่า concept ครับ
เป็นไปได้มั้ยที่ท่านจะประมวล พระสูตร เป็นภาษาที่ทุกคนอ่านเเล้วเข้าใจได้ เพื่อตอบคำถามกระทู้นี้?
ผมบอกตามตรง ผมตอบ จขกท กระทู้นี้ ไม่ได้มีอะไรให้ต้องใช้พระสูตรเลยนะครับ แต่ถ้าจะให้ประมวลจริง ๆ ผมเอามาแค่ concept ก็พอ ว่าพระสูตรนี้ พระพุทธเจ้าต้องการจะพูดถึงอะัไร อย่างไร ส่วนตัวผมก็ถือเอาแนวทางอย่างนี้แหละครับ
สุดท้าย กิเลส ของท่านทั้งหลาย บางเบารึยัง?
มันบอกยากครับ ว่ากิเลสของผมบางเบาแค่ไหน อย่างไร แต่ถ้าให้เปรียบเทียบในระยะเวลาที่ผ่านมา ผมยังพอพูดได้ว่าเบาบางกว่าเมื่อก่อนเยอะครับ หลังจากที่ผมเลิกเข้าร่วมสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่นี่
เมื่อก่อนก็เคยมีครับ มี "ตัวกู" "ของกู" เยอะครับ comment ของกู กระทู้ของกู พุทธศาสนาของกู ตัวกูต้องปกป้อง แต่ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ แต่ก็เบาลงกว่าเมื่อก่อน เหลือแค่จุดยืนของกู ผมก็มาแค่แสดงจุดยืนส่วนตัว ใครคิดต่าง เราก็รับฟัง ไม่ได้คิดว่าเขามาโจมตีจุดยืนของกู ผมมองว่าเขาก็แสดงจุดยืนของเขา ก็รับฟังกัน
สุดท้ายนี้ ผมก็อยากจะฝากถึงทุกคนในห้องนี้ ให้รับฟังซึ่งกันและกันสักหน่อยนะครับ แล้วพวก hate speech ทั้งหลาย ช่วยลด ๆ ลงหน่อยก็ดีครับ เมื่อก่อนผมก็เคยใช้ครับ ผมยอมรับครับ แต่เดี๋ยวนี้ผมเลิกใช้แล้ว เพราะมันไม่ได้สร้างสรรค์อะไร มีแต่จะทำลาย lose-lose-lose ทั้งผู้พูด ผู้ฟัง และผู้ถูกกล่าวถึงครับ
เป็นไปได้ครับ เพราะจริง ๆ พระไตรปิฎก เป็นสิ่งที่เพิ่งมีหลังสมัยพุทธกาลด้วยซ้ำไปครับ สมัยพุทธกาลไม่มี "พระไตรปิฎก" มีแต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า "ธรรมวินัย" แต่ก็ยังมีผู้บรรลุธรรมมากมาย ส่วนใหญ่ฟังแค่พระสูตรบทเดียว ก็ได้บรรลุธรรมกัน ความเชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก จึงไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อการบรรลุธรรมครับ
การถกธรรมในหลายกระทู้ ด้วยการยกพระสูตรต่างๆมาตีความ เพื่อเอาชนะกัน เป็นการยึดติดมั้ย?
การตีความพระสูตรต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ครับ เพราะไม่มีใครมาผูกขาดการตีความ เหมือนอย่างในอดีตอีกแล้ว ทุกคนจึงสามารถตีความพระสูตรต่าง ๆ ได้อย่างอิสระั
แต่การตีความพระสูตรต่าง ๆ เพื่อเอาชนะคะคานซึ่งกันและกัน โดยมีความคิดที่ว่าการตีความ "ของกู" ถูกที่สุด นอกจากไม่ได้ทำให้เกิดปัญญารู้แจ้งในพระธรรมแล้ว ยังยิ่งเป็นการเสริม "ความยึดมั่นถือมั่น" ใน "ตัวกู" และ "ของกู" ให้มากขึ้นไปอัก ซึ่งสวนทางกับ concept ของพุทธศาสนา ที่ต้องการให้ละความยึดมั่นถือมั่นเหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง
ถามผู้เชียวชาญในพระไตรปิฏก ท่านมั่นใจ 100% มั้ยว่าข้อความในพระไตร เป็นสิ่งที่พุทธองค์ ตรัสจากพระโอษฐ์จริงๆ?
ถ้าว่ากันตาม concept ผมมั่นใจว่าข้อความในพระไตรปิฎกนั้น ตรงตาม concept ที่พระพุทธเจ้าต้องการสื่อจริง ๆ 100% แต่ถามว่า พระพุทธเจ้าตรัสตามคำบาลีที่มีบันทึกในพระไตรปิฎกนั้นเป๊ะ ๆ 100% หรือไม่ ผมไม่ทราบจริง ๆ ครับ แต่ผมว่าคงไม่มีใครบ้าจี้ ถึงขนาดนั่ง time machine ย้อนเวลาไปสมัยพุทธกาล แล้วเอาหนังสือพระไตรปิฎกไปนั่งเปิด นั่งเทียบกับการเทศนาสด ๆ ของพระพุทธเจ้าแบบพยางค์ต่พยางค์หรอกนะครับ
โดยความเห็นส่วนตัวของผม รายละเอียดไม่สำคัญเท่า concept ครับ
เป็นไปได้มั้ยที่ท่านจะประมวล พระสูตร เป็นภาษาที่ทุกคนอ่านเเล้วเข้าใจได้ เพื่อตอบคำถามกระทู้นี้?
ผมบอกตามตรง ผมตอบ จขกท กระทู้นี้ ไม่ได้มีอะไรให้ต้องใช้พระสูตรเลยนะครับ แต่ถ้าจะให้ประมวลจริง ๆ ผมเอามาแค่ concept ก็พอ ว่าพระสูตรนี้ พระพุทธเจ้าต้องการจะพูดถึงอะัไร อย่างไร ส่วนตัวผมก็ถือเอาแนวทางอย่างนี้แหละครับ
สุดท้าย กิเลส ของท่านทั้งหลาย บางเบารึยัง?
มันบอกยากครับ ว่ากิเลสของผมบางเบาแค่ไหน อย่างไร แต่ถ้าให้เปรียบเทียบในระยะเวลาที่ผ่านมา ผมยังพอพูดได้ว่าเบาบางกว่าเมื่อก่อนเยอะครับ หลังจากที่ผมเลิกเข้าร่วมสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่นี่
เมื่อก่อนก็เคยมีครับ มี "ตัวกู" "ของกู" เยอะครับ comment ของกู กระทู้ของกู พุทธศาสนาของกู ตัวกูต้องปกป้อง แต่ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ แต่ก็เบาลงกว่าเมื่อก่อน เหลือแค่จุดยืนของกู ผมก็มาแค่แสดงจุดยืนส่วนตัว ใครคิดต่าง เราก็รับฟัง ไม่ได้คิดว่าเขามาโจมตีจุดยืนของกู ผมมองว่าเขาก็แสดงจุดยืนของเขา ก็รับฟังกัน
สุดท้ายนี้ ผมก็อยากจะฝากถึงทุกคนในห้องนี้ ให้รับฟังซึ่งกันและกันสักหน่อยนะครับ แล้วพวก hate speech ทั้งหลาย ช่วยลด ๆ ลงหน่อยก็ดีครับ เมื่อก่อนผมก็เคยใช้ครับ ผมยอมรับครับ แต่เดี๋ยวนี้ผมเลิกใช้แล้ว เพราะมันไม่ได้สร้างสรรค์อะไร มีแต่จะทำลาย lose-lose-lose ทั้งผู้พูด ผู้ฟัง และผู้ถูกกล่าวถึงครับ
แสดงความคิดเห็น
จำเป็นมั้ยครับ ผู้บรรลุธรรม ต้องเเตกฉานในพระไตรปิฏก
การถกธรรมในหลายกระทู้ ด้วยการยกพระสูตรต่างๆมาตีความ เพื่อเอาชนะกัน เป็นการยึดติดมั้ย?
ถามผู้เชียวชาญในพระไตรปิฏก ท่านมั่นใจ 100% มั้ยว่าข้อความในพระไตร เป็นสิ่งที่พุทธองค์ ตรัสจากพระโอษฐ์จริงๆ?
เป็นไปได้มั้ยที่ท่านจะประมวล พระสูตร เป็นภาษาที่ทุกคนอ่านเเล้วเข้าใจได้ เพื่อตอบคำถามกระทู้นี้?
สุดท้าย กิเลส ของท่านทั้งหลาย บางเบารึยัง?
ปล.หวังว่าจะเห็นคำตอบจาก อาจารย์ ที่เก่งๆนะครับ