ธารทิพย์
โดย อัศวรักษ์
ธารทิพย์ บทที่ 43
http://ppantip.com/topic/33404836
โจขยับตัวบังหญิงสาวไว้แล้วกวาดตามองไปรอบป่าทันทีด้วยสัญชาตญาณ
“รีบใส่เสื้อผ้า” เขาพูดอย่างเร็วยกปืนขึ้นมองส่ายไปมาพร้อมต่อสู้
หญิงสาวสะบัดผ้าขนหนูออกจากร่างกายจนเปลือยเปล่าเพื่อจะรีบใส่ชั้นในและชุดเดินป่าให้เร็วที่สุด เธอก้มหยิบผ้าขนหนูโยนไปพาดไว้บนกิ่งไม้ที่สุมไว้ผึ่งผ้าแล้วคว้าไรเฟิลติดกล้องเล็งยืนขึ้นเคียงข้างคนรักพร้อมที่จะร่วมสู้แล้วเช่นกัน
“เรายิงเป็นสัญญาณอีกนัดแล้วหาที่กำบัง เผื่อไม่ใช่พวกเรา” โจพูดแล้วยกปืนขึ้นฟ้าลั่นไกทันที
“ปัง”
เสียงไรเฟิลสงครามลั่นออกไปแล้วเพื่อส่งสัญญาณ จากนั้นทั้งสองจึงหลบหลังต้นไม้ใกล้กันมองไปทางที่มาของเสียงปืนพรานที่ดังแว่วมา สองคนละล้าละลัง ใจหนึ่งก็อยากวิ่งไปตามเสียงเพื่อค้นหาอีกใจหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นคนในครอบครัวหรือไม่
“เหมียวคุ้มกันไว้นะ” โจบอกเธอแล้วรีบกลับมานั่งลงบรรจุกระสุนลงแม็กกาซีนสำรองเสียบไว้ที่เข็มขัดสนาม
“ปัง” เสียงปืนแก๊ปพรานดังขึ้นอีก
โจเงยหน้าหันไปมองตามเสียง เวลานี้เขาค่อนข้างแน่ใจว่าจะต้องยิงจากปืนของพรานโละหรือสร้อยแก้วคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะเป็นลักษณะของการส่งสัญญาณตอบ
“ปัง” โจระเบิดกระสุนขึ้นฟ้าอีกนัดหนึ่งทันที
“ใช่แล้วล่ะค่ะโจ ไปเถอะ” เหมียวพูดแล้วถลันออกวิ่งไปตามเสียงปืนที่ดังมาทันที
“เหมียว อย่าวิ่งเร็วนักระวังตัวด้วย” โจตะโกนบอกเมื่อวิ่งตามออกไป
“สร้อยแก้ว พี่โละ คุณลุง” หญิงสาววิ่งไปตะโกนเรียกไปพลางสุดเสียง
“ไอ้พี ลุงครับ สร้อยแก้ว” โจตะโกนเรียกสุดเสียงไปด้วยขณะวิ่งอยู่
“ปัง” เสียงปืนดังชัดมากขึ้นอีกหนึ่งนัดเพื่อบอกตำแหน่ง
“ใกล้แล้ว” เหมียวตะโกนวิ่งต่อไป
“สร้อยแก้ว พี่โละ” หญิงสาวตะโกนเรียกไปสุดเสียง
“พี่เหมียว” เสียงเรียกชื่อเธอดังแว่วสวนมา
“สร้อยแก้ว” โจตะโกนเรียกสุดเสียง
“สร้อยแก้วพี่มาแล้ว” เหมียวตะโกนบอกไปด้วย
ร่างของสร้อยแก้วปรากฏเมื่อพ้นจากเนินมา เธอวิ่งขากะเผลกลากล้มลุกคลุกคลานอยู่ เหมียวตะโกนเรียกสุดเสียงอีกครั้งร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นสภาพของเธอ
“สร้อยแก้วสร้อยแก้ว” เหมียวตะโกน
“พี่เหมียว” สร้อยแก้วร้องไห้โฮตะโกนเรียกชื่อกลับมาอย่างสุดแสนดีใจเมื่อพบหน้า
เหมียวโผเข้ากอดน้องสาวที่ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นป่า สองสาวต่างกอดกันร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ โจยืนถือปืนหมุนตัวมองไปรอบๆเพื่อคุ้มกันทั้งสอง
“พี่เหมียว” สร้อยแก้วร้องไห้หน้าตื่นตระหนก
“สร้อยแก้ว เป็นยังไงบ้างสร้อยแก้ว” เหมียวร้องไห้ไปด้วยลูบหน้าลูบผมให้น้องสาวไปด้วยเพื่อปลอบใจ
“สร้อยแก้ว ขาเจ็บหรือเปล่า” โจถามเพราะเห็นเธอวิ่งกะเผลกมา
“จ้ะพี่โจ” สร้อยแก้วเงยหน้าตอบ
“มา ขี่หลังพี่ เรารีบไปเถอะครับเหมียว คุณคุ้มกันไว้นะ” โจพูดแล้วนั่งคุกเข่าข้างเดียวลง
โจให้สร้อยแก้วขี่หลังแล้วออกเดินจ้ำเท้ากลับอย่างรีบเร่งมีเหมียวคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ ไม่นานทั้งสามก็กลับมาถึงยังกองไฟริมลำธาร โจค่อยๆย่อตัวให้สร้อยแก้วลงนั่งโดยที่เหมียวคอยประคองช่วยอยู่
“ให้พี่เหมียวดูซิ” พี่สาวพูด
“เจ็บตรงไหน” เหมียวถาม
“นี่จ้ะ” สร้อยแก้วชี้ที่น่องข้างขวาขมวดคิ้วสีหน้าเจ็บ
เหมียวค่อยๆถลกขากางเกงเดินป่าขึ้นดู มีบาดแผลเหมือนถูกของมีคมเจาะลึกเข้าไป หญิงสาวรู้สึกแปลกใจเมื่อจำได้ว่าไม่เห็นมีรอยขาดที่ขากางเกง เธอล่นขากางเกงกลับลงมามองอีกครั้ง
“สร้อยแก้วไปโดนอะไรมาจ๊ะ ทำไมขากางเกงไม่ขาด” เหมียวขมวดคิ้วถาม
“สร้อยแก้วไม่รู้จ๊ะ” น้องสาวตอบ
เหมียวหันมองหน้ากันกับโจ
“หายารักษาก่อนดีกว่า เรื่องอื่นค่อยคุยกันทีหลัง” โจพูด
เขาเดินไปหยิบกล่องพลาสติกกันน้ำที่ใช้บรรจุยากับอุปกรณ์ทำแผลจำเป็นออกมาจากเป้หลังมาส่งให้เหมียว เธอค่อยๆบรรจงพับขากางเกงเดินป่าของสร้อยแก้วขึ้นอีกครั้งเพื่อทำแผลให้
“สร้อยแก้วไม่รู้เลยเหรอว่าไปโดนอะไรมา” เหมียวก้มหน้าถามมือยังคงทำแผลให้อยู่
“ไม่รู้เลยจ้ะ สร้อยแก้วรู้ตัวตื่นก็เจ็บแล้วจ้ะ” สร้อยแก้วตอบ
“สร้อยแก้วรู้สึกตัวที่ไหน” โจถาม
“ไม่รู้จ้ะ ริมน้ำ สร้อยแก้วเร่งเดินมาไม่รู้ทางไปจนยินเสียงปืนจ้ะ” สร้อยแก้วตอบ
“ลืมไป สร้อยแก้วคงหิวนะ เอ้ากินปลานี่ก่อน” โจพูดแล้วหยิบปลาย่างส่งให้
พรานสาวก้มหน้าก้มตากินด้วยความหิวไปได้ไม่กี่คำ เธอหยุดนิ่งแล้วเงยหน้าที่มีน้ำตาไหลออกมามองโจกับเหมียวเมื่อนึกถึงอีกสามคนขึ้นได้
“ท่านพี่ล่ะจ๊ะ ท่านพ่อสองคน” สร้อยแก้วเอ่ยถามเสียงสั่นเครือน้ำตานองหน้า
เหมียวกับโจเหลือบมองหน้ากันอีกครั้ง
“ยังไม่รู้จ้ะ พี่สองคนตื่นที่ริมน้ำนี้ล่ะจ้ะ” เหมียวบอกน้องสาวด้วยน้ำตาคลอแล้วดึงเธอเข้ามากอดไว้
“อย่ากลัว เดี๋ยวก็ได้พบ เชื่อพี่เหมียวนะสร้อยแก้ว” พี่สาวปลอบพลางลูบหลังให้เบาๆ
“สร้อยแก้วกินให้อิ่มซะก่อน จะได้มีแรงออกหากัน” เธอบอกน้องสาว
“นี่เย็นมากแล้ว ผมจะไปลากไม้มาเป็นฟืนก่อนนะ คุณดูแลสร้อยแก้วด้วย” โจพูดแล้วเดินออกไป
ค่ำคืนแรก บนดินแดนที่ยังไม่มีใครรู้ว่าอยู่ส่วนไหนของจักรวาล สามคนโจ เหมียวและสร้อยแก้วนั่งกอดเข่าอยู่หน้ากองไฟริมลำธาร มีสิ่งก่อสร้างโบราณน่าพรั่นพรึงตั้งอยู่ไม่ห่างมากนักแสงของเปลวที่สะบัดอยู่เหนือกองไฟ ส่งความสว่างวับแวมไปปะทะให้วิหารโบราณนั้นดูเหมือนเคลื่อนไหวมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
ความเงียบงันที่ต่างคนต่างนั่งคิดกลายเป็นความรู้สึกวังเวงเหมือนอยู่คนเดียว สร้อยแก้วก็ได้แต่ทอดสายตาออกไปในความมืดด้วยความห่วงหากังวล โจชายหนุ่มก็สาละวนอยู่กับการตรวจข้าวของและอาวุธเพื่อฆ่าเวลา
“สร้อยแก้ว ข้าวของเป็นยังไงบ้าง” เหมียวพูดทำลายความเงียบแล้วขยับเข้ามาหา
สร้อยแก้วหันมามองยิ้มเจื่อนๆให้ เธอเริ่มนึกขึ้นได้ถึงห่อกระดูกแม่ลอยาที่ยังคงอยู่ในย่ามจึงยกถุงย่ามมารื้อข้าวของกับห่อกระดูกออกมา เหมียวช่วยนำทุกอย่างมาตรวจเช็ดทำความสะอาด โจลุกขึ้นไปผลักก้อนหินใกล้ๆมาข้างกองไฟเพื่อให้สร้อยแก้ววางห่อกระดูกไว้บนนั้น
“ขาเป็นยังไงบ้างจ๊ะสร้อยแก้ว” เหมียวเอ่ยถาม
“ยังเจ็บจ้ะพี่เหมียว” พรานสาวตอบ
“พี่เหมียวว่าสร้อยแก้วอาบน้ำซะหน่อยดีกว่า จะได้สบายตัวสบายใจขึ้นนะ” เธอพูดแล้วหยิบฉายเดินไปส่องอยู่ริมลำธารที่ห่างไม่กี่ก้าว
เหมียวเดินกลับมาหยิบปืนเพื่อจะช่วยคุ้มกันในน้ำให้แล้วพูดชวนอีกครั้ง
“มาสร้อยแก้ว พี่อยู่ด้วย พี่โจก็หันไปคุ้มกันทางโน้นแล้วกัน” เหมียวพูด
สร้อยแก้วลุกขึ้นเดินมาอย่างว่าง่าย
“พี่อยู่เป็นเพื่อน พี่โจเค้าหันไปทางอื่นแล้ว ล้างตัวซักผ้าไปด้วยเลยนะ” พี่สาวยิ้มพูดให้สบายใจ
สร้อยแก้วนั่งลงแช่น้ำแล้วถอดเสื้อผ้าออกหมดแบบเดียวกับที่เหมียวทำ ความเย็นสบายของน้ำในลำธารช่วยผ่อนคลายให้ไม่น้อย เธอล้างหน้าล้างตัวทำความสะอาดเสื้อผ้าอยู่ครู่ใหญ่ โดยมีพี่เหมียวสาดแสงของไฟฉายอยู่บนผิวน้ำรอบตัวระวังอันตรายให้อยู่
“สร้อยแก้วล้างตัวแล้วจ้ะ” เธอหันมาบอกพี่เหมียว
“โจคะ ขอผ้าขนหนูให้หน่อยสิคะ” เหมียวหันไปบอกเพราะยังต้องอยู่คุ้มกัน
โจลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูที่ผึ่งไว้บนกิ่งไม้เดินก้มหน้ามาส่งให้เหมียวแล้วเดินกลับไปนั่งอยู่ที่เดิม สร้อยแก้วรับผ้ามาจากมือเหมียวห่มตัวเก้ๆกังๆ
“นุ่งอย่างนี้จ้ะ” พี่เหมียวช่วยขมวดปมรัดที่เนินอกให้
พี่สาวช่วยพยุงแขนน้องสร้อยแก้วเดินกะเผลกกลับมานั่งหน้ากองไฟ
“เดี๋ยวตัวแห้งแล้วพี่เหมียวจะล้างแผลให้ใหม่นะ” พี่สาวพูด
ทั้งสามคนมองบาดแผลที่น่องขาขวาของสร้อยแก้วแล้วมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“เล่าให้พี่ฟังซิว่าตั้งแต่โดดลงแอ่งน้ำในถ้ำทิพย์แล้วรู้สึกหรือเห็นอะไรบ้าง” โจพูด
สร้อยแก้วขมวดคิ้วพยายามจะทบทวนความทรงจำถึงช่วงเวลาที่รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตายในแอ่งน้ำทิพย์จนเมื่อรู้สึกตัวขึ้นริมบ่อน้ำอีกครั้ง เพื่อจะเล่าให้ทั้งสองฟัง
“สร้อยแก้วมิพบเห็นอันใดเลยจ้ะ หายใจมิได้แล้วตื่นที่ริมบ่อ” สร้อยแก้วพูด
“รอยแผลอย่างนี้เหมือนโดนอะไรคะโจ นึกออกมั้ยคะ” เหมียวหันไปถาม
ทั้งสามพยายามคิดว่ารอยแผลเจาะเป็นรูแล้วบาดออกเป็นรอยคมยาวเกือบนิ้วสองด้านตรงข้ามกันที่เห็นนั้น ควรจะถูกเจาะด้วยของแข็งที่มีลักษณะอย่างไรกันแน่
“อืม กางเกงก็ไม่ขาด ตอนที่รู้สึกตัว ขากางเกงน้องสร้อยถลกขึ้นหรือเปล่า” เหมียวถาม
“ไม่จ้ะ สร้อยแก้วนอนในน้ำอยู่จ้ะ” สร้อยแก้วตอบ
“เพลาที่รู้ตัวสร้อยแก้วกลัวมากที่มิเห็นผู้ใด สร้อยแก้วจะวิ่งจึ่งรู้ว่าขาเจ็บจ้ะ”
“ไกลมากมั้ยจากตรงนี้ที่สร้อยแก้วตื่น” เหมียวถาม
“ไกลจ้ะ” สร้อยแก้วตอบ
“สร้อยแก้วยินเสียงปืนแว่วมา สร้อยแก้วจึ่งเดินมาหาจ้ะ”
“โถ เจ็บมากเลยสินะ” เหมียวพูดเสียงเวทนา
“สร้อยแก้วกัดฟันลากแข้งขามาจ้ะ” สร้อยแก้วพูด
“ทำไมไม่ยิงปืนล่ะพี่เหมียวจะได้ไปหา” เหมียวถาม
“ปืนเปียกน้ำจ้ะ ยิงไม่ออก สร้อยแก้วรอจนปืนแห้งจ้ะ” น้องสาวตอบ
“อืม เรายิงปืนสัญญาณได้ผล” โจพูด
ทั้งโจและเหมียวเอื้อมมือไปลูบหัวลูบไหล่สร้อยแก้วด้วยความสงสาร
“สรุปว่าพอข้ามภพมาก็เกิดบาดแผลขึ้นเลย” โจพูด
“แผลที่เกิดในชาติภพก่อน อย่างนั้นเหรอคะ” เหมียวพูด
“ครับ ผมนึกออกแล้วแผลแบบนี้” โจพูด
หญิงสาวทั้งสองมองหน้าโจเพื่อคอยฟังเขาบอก
“หัวธนู” โจพูดแล้วหันไปมองหน้าทั้งสอง
“จริงด้วยซิ” เหมียวเห็นด้วย
โจเงยหน้ามองไปรอบๆด้วยสีหน้าและความรู้สึกที่ลึกลับชวนให้ขนลุก
“นี่พวกเรามาโผล่ที่ไหนกันแน่นะ” ชายหนุ่มรำพึง
“น้องสร้อยกินยาแก้อักเสบแก้ปวดนี่ก่อน” เหมียววางเม็ดยาบนฝ่ามือน้องสาวแล้วส่งกระบอกน้ำให้
“เราคงยังไปไหนไม่ได้จนกว่าแผลนี่จะดีขึ้น” เหมียวพูด
“เราไม่รู้จะไปทางไหนด้วยซ้ำ ว่ามั้ยครับ” โจพูด
“คงต้องอยู่ตรงนี้ไปก่อน จนกว่าลิขิตชะตาจะบอกว่าต้องทำอะไรกันต่อ”
“อย่างน้อยก็ยังมีน้ำมีอาหาร พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปในวิหารนั่น” โจพูด
“จะดีเหรอคะโจ” เหมียวท้วง
“ที่นั่นน่าจะมีคำตอบแนวทางหรือข้อมูลอะไรสักอย่างให้เรา” โจบอก
“สร้อยแก้วรู้สึกเหมือนเคยพบเคยเห็นจ้ะ” สร้อยแก้วพูดขณะจ้องมองวิหารโบราณ
“อย่างนั้นเหรอ น้องสร้อยลองมองไปเรื่อยๆนะ เผื่อจะสัมผัสอะไรได้บ้าง” โจบอก
“มา ทำแผลเสร็จแล้วตัวแห้งแล้วใส่เสื้อผ้าก่อนนะสร้อยแก้ว พี่เหมียวช่วย” พี่สาวยิ้มพูด
“จ้ะพี่เหมียว สร้อยแก้วรู้คุณพี่เหมียวจ้ะ” พรานสาวผู้เป็นน้องยิ้มพูดตอบ
“ไม่เป็นไรจ้ะ” เหมียวพูดยิ้มๆ
ธารทิพย์ บทที่ 44
ธารทิพย์ บทที่ 43 http://ppantip.com/topic/33404836
โจขยับตัวบังหญิงสาวไว้แล้วกวาดตามองไปรอบป่าทันทีด้วยสัญชาตญาณ
“รีบใส่เสื้อผ้า” เขาพูดอย่างเร็วยกปืนขึ้นมองส่ายไปมาพร้อมต่อสู้
หญิงสาวสะบัดผ้าขนหนูออกจากร่างกายจนเปลือยเปล่าเพื่อจะรีบใส่ชั้นในและชุดเดินป่าให้เร็วที่สุด เธอก้มหยิบผ้าขนหนูโยนไปพาดไว้บนกิ่งไม้ที่สุมไว้ผึ่งผ้าแล้วคว้าไรเฟิลติดกล้องเล็งยืนขึ้นเคียงข้างคนรักพร้อมที่จะร่วมสู้แล้วเช่นกัน
“เรายิงเป็นสัญญาณอีกนัดแล้วหาที่กำบัง เผื่อไม่ใช่พวกเรา” โจพูดแล้วยกปืนขึ้นฟ้าลั่นไกทันที
“ปัง”
เสียงไรเฟิลสงครามลั่นออกไปแล้วเพื่อส่งสัญญาณ จากนั้นทั้งสองจึงหลบหลังต้นไม้ใกล้กันมองไปทางที่มาของเสียงปืนพรานที่ดังแว่วมา สองคนละล้าละลัง ใจหนึ่งก็อยากวิ่งไปตามเสียงเพื่อค้นหาอีกใจหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นคนในครอบครัวหรือไม่
“เหมียวคุ้มกันไว้นะ” โจบอกเธอแล้วรีบกลับมานั่งลงบรรจุกระสุนลงแม็กกาซีนสำรองเสียบไว้ที่เข็มขัดสนาม
“ปัง” เสียงปืนแก๊ปพรานดังขึ้นอีก
โจเงยหน้าหันไปมองตามเสียง เวลานี้เขาค่อนข้างแน่ใจว่าจะต้องยิงจากปืนของพรานโละหรือสร้อยแก้วคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะเป็นลักษณะของการส่งสัญญาณตอบ
“ปัง” โจระเบิดกระสุนขึ้นฟ้าอีกนัดหนึ่งทันที
“ใช่แล้วล่ะค่ะโจ ไปเถอะ” เหมียวพูดแล้วถลันออกวิ่งไปตามเสียงปืนที่ดังมาทันที
“เหมียว อย่าวิ่งเร็วนักระวังตัวด้วย” โจตะโกนบอกเมื่อวิ่งตามออกไป
“สร้อยแก้ว พี่โละ คุณลุง” หญิงสาววิ่งไปตะโกนเรียกไปพลางสุดเสียง
“ไอ้พี ลุงครับ สร้อยแก้ว” โจตะโกนเรียกสุดเสียงไปด้วยขณะวิ่งอยู่
“ปัง” เสียงปืนดังชัดมากขึ้นอีกหนึ่งนัดเพื่อบอกตำแหน่ง
“ใกล้แล้ว” เหมียวตะโกนวิ่งต่อไป
“สร้อยแก้ว พี่โละ” หญิงสาวตะโกนเรียกไปสุดเสียง
“พี่เหมียว” เสียงเรียกชื่อเธอดังแว่วสวนมา
“สร้อยแก้ว” โจตะโกนเรียกสุดเสียง
“สร้อยแก้วพี่มาแล้ว” เหมียวตะโกนบอกไปด้วย
ร่างของสร้อยแก้วปรากฏเมื่อพ้นจากเนินมา เธอวิ่งขากะเผลกลากล้มลุกคลุกคลานอยู่ เหมียวตะโกนเรียกสุดเสียงอีกครั้งร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นสภาพของเธอ
“สร้อยแก้วสร้อยแก้ว” เหมียวตะโกน
“พี่เหมียว” สร้อยแก้วร้องไห้โฮตะโกนเรียกชื่อกลับมาอย่างสุดแสนดีใจเมื่อพบหน้า
เหมียวโผเข้ากอดน้องสาวที่ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นป่า สองสาวต่างกอดกันร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ โจยืนถือปืนหมุนตัวมองไปรอบๆเพื่อคุ้มกันทั้งสอง
“พี่เหมียว” สร้อยแก้วร้องไห้หน้าตื่นตระหนก
“สร้อยแก้ว เป็นยังไงบ้างสร้อยแก้ว” เหมียวร้องไห้ไปด้วยลูบหน้าลูบผมให้น้องสาวไปด้วยเพื่อปลอบใจ
“สร้อยแก้ว ขาเจ็บหรือเปล่า” โจถามเพราะเห็นเธอวิ่งกะเผลกมา
“จ้ะพี่โจ” สร้อยแก้วเงยหน้าตอบ
“มา ขี่หลังพี่ เรารีบไปเถอะครับเหมียว คุณคุ้มกันไว้นะ” โจพูดแล้วนั่งคุกเข่าข้างเดียวลง
โจให้สร้อยแก้วขี่หลังแล้วออกเดินจ้ำเท้ากลับอย่างรีบเร่งมีเหมียวคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ ไม่นานทั้งสามก็กลับมาถึงยังกองไฟริมลำธาร โจค่อยๆย่อตัวให้สร้อยแก้วลงนั่งโดยที่เหมียวคอยประคองช่วยอยู่
“ให้พี่เหมียวดูซิ” พี่สาวพูด
“เจ็บตรงไหน” เหมียวถาม
“นี่จ้ะ” สร้อยแก้วชี้ที่น่องข้างขวาขมวดคิ้วสีหน้าเจ็บ
เหมียวค่อยๆถลกขากางเกงเดินป่าขึ้นดู มีบาดแผลเหมือนถูกของมีคมเจาะลึกเข้าไป หญิงสาวรู้สึกแปลกใจเมื่อจำได้ว่าไม่เห็นมีรอยขาดที่ขากางเกง เธอล่นขากางเกงกลับลงมามองอีกครั้ง
“สร้อยแก้วไปโดนอะไรมาจ๊ะ ทำไมขากางเกงไม่ขาด” เหมียวขมวดคิ้วถาม
“สร้อยแก้วไม่รู้จ๊ะ” น้องสาวตอบ
เหมียวหันมองหน้ากันกับโจ
“หายารักษาก่อนดีกว่า เรื่องอื่นค่อยคุยกันทีหลัง” โจพูด
เขาเดินไปหยิบกล่องพลาสติกกันน้ำที่ใช้บรรจุยากับอุปกรณ์ทำแผลจำเป็นออกมาจากเป้หลังมาส่งให้เหมียว เธอค่อยๆบรรจงพับขากางเกงเดินป่าของสร้อยแก้วขึ้นอีกครั้งเพื่อทำแผลให้
“สร้อยแก้วไม่รู้เลยเหรอว่าไปโดนอะไรมา” เหมียวก้มหน้าถามมือยังคงทำแผลให้อยู่
“ไม่รู้เลยจ้ะ สร้อยแก้วรู้ตัวตื่นก็เจ็บแล้วจ้ะ” สร้อยแก้วตอบ
“สร้อยแก้วรู้สึกตัวที่ไหน” โจถาม
“ไม่รู้จ้ะ ริมน้ำ สร้อยแก้วเร่งเดินมาไม่รู้ทางไปจนยินเสียงปืนจ้ะ” สร้อยแก้วตอบ
“ลืมไป สร้อยแก้วคงหิวนะ เอ้ากินปลานี่ก่อน” โจพูดแล้วหยิบปลาย่างส่งให้
พรานสาวก้มหน้าก้มตากินด้วยความหิวไปได้ไม่กี่คำ เธอหยุดนิ่งแล้วเงยหน้าที่มีน้ำตาไหลออกมามองโจกับเหมียวเมื่อนึกถึงอีกสามคนขึ้นได้
“ท่านพี่ล่ะจ๊ะ ท่านพ่อสองคน” สร้อยแก้วเอ่ยถามเสียงสั่นเครือน้ำตานองหน้า
เหมียวกับโจเหลือบมองหน้ากันอีกครั้ง
“ยังไม่รู้จ้ะ พี่สองคนตื่นที่ริมน้ำนี้ล่ะจ้ะ” เหมียวบอกน้องสาวด้วยน้ำตาคลอแล้วดึงเธอเข้ามากอดไว้
“อย่ากลัว เดี๋ยวก็ได้พบ เชื่อพี่เหมียวนะสร้อยแก้ว” พี่สาวปลอบพลางลูบหลังให้เบาๆ
“สร้อยแก้วกินให้อิ่มซะก่อน จะได้มีแรงออกหากัน” เธอบอกน้องสาว
“นี่เย็นมากแล้ว ผมจะไปลากไม้มาเป็นฟืนก่อนนะ คุณดูแลสร้อยแก้วด้วย” โจพูดแล้วเดินออกไป
ค่ำคืนแรก บนดินแดนที่ยังไม่มีใครรู้ว่าอยู่ส่วนไหนของจักรวาล สามคนโจ เหมียวและสร้อยแก้วนั่งกอดเข่าอยู่หน้ากองไฟริมลำธาร มีสิ่งก่อสร้างโบราณน่าพรั่นพรึงตั้งอยู่ไม่ห่างมากนักแสงของเปลวที่สะบัดอยู่เหนือกองไฟ ส่งความสว่างวับแวมไปปะทะให้วิหารโบราณนั้นดูเหมือนเคลื่อนไหวมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
ความเงียบงันที่ต่างคนต่างนั่งคิดกลายเป็นความรู้สึกวังเวงเหมือนอยู่คนเดียว สร้อยแก้วก็ได้แต่ทอดสายตาออกไปในความมืดด้วยความห่วงหากังวล โจชายหนุ่มก็สาละวนอยู่กับการตรวจข้าวของและอาวุธเพื่อฆ่าเวลา
“สร้อยแก้ว ข้าวของเป็นยังไงบ้าง” เหมียวพูดทำลายความเงียบแล้วขยับเข้ามาหา
สร้อยแก้วหันมามองยิ้มเจื่อนๆให้ เธอเริ่มนึกขึ้นได้ถึงห่อกระดูกแม่ลอยาที่ยังคงอยู่ในย่ามจึงยกถุงย่ามมารื้อข้าวของกับห่อกระดูกออกมา เหมียวช่วยนำทุกอย่างมาตรวจเช็ดทำความสะอาด โจลุกขึ้นไปผลักก้อนหินใกล้ๆมาข้างกองไฟเพื่อให้สร้อยแก้ววางห่อกระดูกไว้บนนั้น
“ขาเป็นยังไงบ้างจ๊ะสร้อยแก้ว” เหมียวเอ่ยถาม
“ยังเจ็บจ้ะพี่เหมียว” พรานสาวตอบ
“พี่เหมียวว่าสร้อยแก้วอาบน้ำซะหน่อยดีกว่า จะได้สบายตัวสบายใจขึ้นนะ” เธอพูดแล้วหยิบฉายเดินไปส่องอยู่ริมลำธารที่ห่างไม่กี่ก้าว
เหมียวเดินกลับมาหยิบปืนเพื่อจะช่วยคุ้มกันในน้ำให้แล้วพูดชวนอีกครั้ง
“มาสร้อยแก้ว พี่อยู่ด้วย พี่โจก็หันไปคุ้มกันทางโน้นแล้วกัน” เหมียวพูด
สร้อยแก้วลุกขึ้นเดินมาอย่างว่าง่าย
“พี่อยู่เป็นเพื่อน พี่โจเค้าหันไปทางอื่นแล้ว ล้างตัวซักผ้าไปด้วยเลยนะ” พี่สาวยิ้มพูดให้สบายใจ
สร้อยแก้วนั่งลงแช่น้ำแล้วถอดเสื้อผ้าออกหมดแบบเดียวกับที่เหมียวทำ ความเย็นสบายของน้ำในลำธารช่วยผ่อนคลายให้ไม่น้อย เธอล้างหน้าล้างตัวทำความสะอาดเสื้อผ้าอยู่ครู่ใหญ่ โดยมีพี่เหมียวสาดแสงของไฟฉายอยู่บนผิวน้ำรอบตัวระวังอันตรายให้อยู่
“สร้อยแก้วล้างตัวแล้วจ้ะ” เธอหันมาบอกพี่เหมียว
“โจคะ ขอผ้าขนหนูให้หน่อยสิคะ” เหมียวหันไปบอกเพราะยังต้องอยู่คุ้มกัน
โจลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูที่ผึ่งไว้บนกิ่งไม้เดินก้มหน้ามาส่งให้เหมียวแล้วเดินกลับไปนั่งอยู่ที่เดิม สร้อยแก้วรับผ้ามาจากมือเหมียวห่มตัวเก้ๆกังๆ
“นุ่งอย่างนี้จ้ะ” พี่เหมียวช่วยขมวดปมรัดที่เนินอกให้
พี่สาวช่วยพยุงแขนน้องสร้อยแก้วเดินกะเผลกกลับมานั่งหน้ากองไฟ
“เดี๋ยวตัวแห้งแล้วพี่เหมียวจะล้างแผลให้ใหม่นะ” พี่สาวพูด
ทั้งสามคนมองบาดแผลที่น่องขาขวาของสร้อยแก้วแล้วมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“เล่าให้พี่ฟังซิว่าตั้งแต่โดดลงแอ่งน้ำในถ้ำทิพย์แล้วรู้สึกหรือเห็นอะไรบ้าง” โจพูด
สร้อยแก้วขมวดคิ้วพยายามจะทบทวนความทรงจำถึงช่วงเวลาที่รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตายในแอ่งน้ำทิพย์จนเมื่อรู้สึกตัวขึ้นริมบ่อน้ำอีกครั้ง เพื่อจะเล่าให้ทั้งสองฟัง
“สร้อยแก้วมิพบเห็นอันใดเลยจ้ะ หายใจมิได้แล้วตื่นที่ริมบ่อ” สร้อยแก้วพูด
“รอยแผลอย่างนี้เหมือนโดนอะไรคะโจ นึกออกมั้ยคะ” เหมียวหันไปถาม
ทั้งสามพยายามคิดว่ารอยแผลเจาะเป็นรูแล้วบาดออกเป็นรอยคมยาวเกือบนิ้วสองด้านตรงข้ามกันที่เห็นนั้น ควรจะถูกเจาะด้วยของแข็งที่มีลักษณะอย่างไรกันแน่
“อืม กางเกงก็ไม่ขาด ตอนที่รู้สึกตัว ขากางเกงน้องสร้อยถลกขึ้นหรือเปล่า” เหมียวถาม
“ไม่จ้ะ สร้อยแก้วนอนในน้ำอยู่จ้ะ” สร้อยแก้วตอบ
“เพลาที่รู้ตัวสร้อยแก้วกลัวมากที่มิเห็นผู้ใด สร้อยแก้วจะวิ่งจึ่งรู้ว่าขาเจ็บจ้ะ”
“ไกลมากมั้ยจากตรงนี้ที่สร้อยแก้วตื่น” เหมียวถาม
“ไกลจ้ะ” สร้อยแก้วตอบ
“สร้อยแก้วยินเสียงปืนแว่วมา สร้อยแก้วจึ่งเดินมาหาจ้ะ”
“โถ เจ็บมากเลยสินะ” เหมียวพูดเสียงเวทนา
“สร้อยแก้วกัดฟันลากแข้งขามาจ้ะ” สร้อยแก้วพูด
“ทำไมไม่ยิงปืนล่ะพี่เหมียวจะได้ไปหา” เหมียวถาม
“ปืนเปียกน้ำจ้ะ ยิงไม่ออก สร้อยแก้วรอจนปืนแห้งจ้ะ” น้องสาวตอบ
“อืม เรายิงปืนสัญญาณได้ผล” โจพูด
ทั้งโจและเหมียวเอื้อมมือไปลูบหัวลูบไหล่สร้อยแก้วด้วยความสงสาร
“สรุปว่าพอข้ามภพมาก็เกิดบาดแผลขึ้นเลย” โจพูด
“แผลที่เกิดในชาติภพก่อน อย่างนั้นเหรอคะ” เหมียวพูด
“ครับ ผมนึกออกแล้วแผลแบบนี้” โจพูด
หญิงสาวทั้งสองมองหน้าโจเพื่อคอยฟังเขาบอก
“หัวธนู” โจพูดแล้วหันไปมองหน้าทั้งสอง
“จริงด้วยซิ” เหมียวเห็นด้วย
โจเงยหน้ามองไปรอบๆด้วยสีหน้าและความรู้สึกที่ลึกลับชวนให้ขนลุก
“นี่พวกเรามาโผล่ที่ไหนกันแน่นะ” ชายหนุ่มรำพึง
“น้องสร้อยกินยาแก้อักเสบแก้ปวดนี่ก่อน” เหมียววางเม็ดยาบนฝ่ามือน้องสาวแล้วส่งกระบอกน้ำให้
“เราคงยังไปไหนไม่ได้จนกว่าแผลนี่จะดีขึ้น” เหมียวพูด
“เราไม่รู้จะไปทางไหนด้วยซ้ำ ว่ามั้ยครับ” โจพูด
“คงต้องอยู่ตรงนี้ไปก่อน จนกว่าลิขิตชะตาจะบอกว่าต้องทำอะไรกันต่อ”
“อย่างน้อยก็ยังมีน้ำมีอาหาร พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปในวิหารนั่น” โจพูด
“จะดีเหรอคะโจ” เหมียวท้วง
“ที่นั่นน่าจะมีคำตอบแนวทางหรือข้อมูลอะไรสักอย่างให้เรา” โจบอก
“สร้อยแก้วรู้สึกเหมือนเคยพบเคยเห็นจ้ะ” สร้อยแก้วพูดขณะจ้องมองวิหารโบราณ
“อย่างนั้นเหรอ น้องสร้อยลองมองไปเรื่อยๆนะ เผื่อจะสัมผัสอะไรได้บ้าง” โจบอก
“มา ทำแผลเสร็จแล้วตัวแห้งแล้วใส่เสื้อผ้าก่อนนะสร้อยแก้ว พี่เหมียวช่วย” พี่สาวยิ้มพูด
“จ้ะพี่เหมียว สร้อยแก้วรู้คุณพี่เหมียวจ้ะ” พรานสาวผู้เป็นน้องยิ้มพูดตอบ
“ไม่เป็นไรจ้ะ” เหมียวพูดยิ้มๆ