Dark Tales of London: เหตุอื้อฉาวที่ถนนคลีฟแลนด์ (ตอนที่ 1)

บทนำ : http://ppantip.com/topic/33249224

------------------------------------------------------------------------------


(1)

ไวท์ฮอลล์, ลอนดอน, ปลายเดือนกรกฎาคม 1889



จากการที่ตำรวจเรียกเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาเพื่อสอบถามเรื่องเงินสิบแปดชิลลิงที่เขาพกติดตัวระหว่างส่งโทรเลข เนื่องจากเป็นเงินจำนวนมากและการพกเงินติดตัวเป็นข้อห้ามระหว่างการทำงานของคนส่งโทรเลข บัดนี้ถูกขยายผล กลายเป็นเรื่องใหญ่โตและทำให้ทุกชนชั้นในสังคมของมหานครลอนดอนตกตะลึงกับความจริงที่ถูกเปิดเผย แม้จะยังตามจับฆาตกรฆ่าหญิงโสเภณีที่โหดร้ายอย่าง ‘แจ็ค เดอะ ริปเปอร์’ ไม่ได้ แต่สารวัตรเฟรเดอริค แอบเบอร์ไลน์ (1) ซึ่งเป็นตำรวจมือดีที่สุดคนหนึ่งของสก็อตแลนด์ยาร์ดก็ยังคงได้รับความไว้วางใจจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้เป็นผู้รับผิดชอบคดี


หลังจากการสืบสวนหาข้อเท็จจริงมาพอสมควรแล้ว เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา สารวัตรแอบเบอร์ไลน์ได้นำตำรวจจากสก็อตแลนด์ยาร์ดไปยังหมายเลข 19 ถนนคลีฟแลนด์ พร้อมหมายจับที่ระบุว่า ชาร์ลส์ แฮมมอนด์ อายุสามสิบห้าปีเจ้าของสถานที่ดังกล่าว และเฮนรี นิวเลิฟ อายุสิบแปดปีผู้ช่วยในการทำกิจการ ‘ได้ร่วมกันกระทำสิ่งมิชอบ ผิดกฎหมาย และชั่วร้าย ด้วยการชี้ชวน ชักจูง และรวบรวมเด็กหนุ่มให้มาเป็นผู้ขายบริการแก่บุรุษด้วยกันซึ่งเป็นการประพฤติทางเพศอันวิตถารน่ารังเกียจ’ … ทั้งหมดนี้ เป็นข้อความตามหมายจับ หาใช่คำพูดของข้าพเจ้าเองไม่


ในการปฏิบัติการครั้งนี้ แฮมมอนด์หนีไปได้ ส่วนนิวเลิฟหนีไปหลบซ่อนที่บ้านของมารดา แต่ก็ถูกจับได้ในภายในช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้นเอง  


เดิมที ข้าพเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ในการสืบสวนสวบสวนกรณีอื้อฉาวที่ถนนคลีฟแลนด์นี้ เนื่องด้วยพื้นที่ความรับผิดชอบหลักของข้าพเจ้า คือ เขตอีสต์เอนด์ของลอนดอน หากเมื่อมีบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อทางเจ้าของคดีพิจารณาแล้วว่า ควรปราบปรามการค้าประเวณีระหว่างชายกับชายครั้งนี้ให้เด็ดขาดราบคาบด้วยการเอาโทษกับผู้ซื้อบริการทางเพศจากเด็กหนุ่มที่แฮมมอนด์และนิวเลิฟจัดหามาหลับนอนกับพวกเขาเหล่านั้นด้วย ข้าพเจ้าและนักสืบคนอื่น ๆ ในแผนกสืบสวนอาชญากรรมของสก็อตแลนด์ยาร์ดจึงถูกดึงตัวมาทำหน้าที่ในการสอบปากคำพวก ‘แมรี่แอนน์’ หรือ โสเภณีชายเหล่านี้ด้วยเพื่อให้คดีคืบหน้าโดยเร็ว และเพื่อป้องกันมิให้การสืบจับตัวผู้ซื้อบริการมาลงโทษในความผิดอันเกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมล่าช้า จนกระทั่งผู้ต้องสงสัยหลุดรอดจากเงื้อมมือของกฎหมายไปได้


การปราบปรามซ่องโสเภณีชายที่ถนนคลีฟแลนด์กลายเป็นข่าวครึกโครมชั่วข้ามคืน ผู้คนซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่าน จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตื่นตระหนก วิตกกังวล ไปจนถึงรังเกียจขยะแขยง แต่นั่นก็เป็นเพียงปฏิกิริยาเมื่อแรกเริ่มเท่านั้น


หลังจากทางสก็อตแลนด์ยาร์ดเกลี้ยกล่อมให้นิวเลิฟ และเด็กหนุ่มที่ทำงานในสำนักงานโทรเลขกลางซึ่งถูกชักชวนให้มาขายบริการให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลว่าผู้ซื้อบริการเป็นผู้ใดบ้าง เพื่อดำเนินคดีต่อไปในข้อหาประพฤติผิดทางเพศต่อไป เนื่องด้วยการร่วมประเวณีระหว่างผู้ชายกับผู้ชายถือเป็นความผิดอาญา และรายชื่อเหล่านั้นถูกเปิดเผยโดยมีบางส่วนที่เล็ดรอดไปถึงหูนักข่าวได้ ความแตกตื่นระลอกใหม่ก็ก่อตัวขึ้น ด้วยผู้ซื้อบริการจากเด็กหนุ่มที่ถูกเอ่ยถึงเหล่านั้นล้วนแต่เป็นบุคคลผู้มีหน้าตาและชื่อเสียงในแวดวงสังคมทั้งสิ้น โดยเฉพาะเจ้าชายอัลเบิร์ต วิคเตอร์ พระนัดดาในสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย รัชทายาทอันดับสองรองจากเจ้าชายแห่งเวลส์ และลอร์ดอาเธอร์ ซอมเมอร์เซ็ตแห่งหน่วยทหารม้ารักษาพระองค์


"เงินสี่ชิลลิ่งต่อครั้ง เป็นเงินที่มากโข เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กหนุ่มเหล่านี้ทิ้งศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของตัวเองอย่างไม่มีทางเลือกเพื่อนำเงินที่ได้จากบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษในสังคมชั้นสูงที่มีคนนับหน้าถือตาไปเลี้ยงปากท้องของคนในครอบครัวให้อยู่ดีกินดี และเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงการข่มเหงชนชั้นแรงงานและชนชั้นกลางอย่างไม่น่าให้อภัย"


ข้าพเจ้าอ่านบทความที่เดวิด เบอร์วิคนักหนังสือพิมพ์จากเดอะลอนดอนเดลี่เจอร์นัลที่เกาะติดข่าวนี้มาโดยตลอดและเขียนวิจารณ์กรณีที่เกิดขึ้นที่ถนนคลีฟแลนด์แล้วอดตั้งข้อสังเกตอยู่ในใจไม่ได้


น้ำเสียงของเขาเหมือนกำลังพยายามจะบอกว่า พวก ‘แมรีแอนน์’ ดูเหมือนจะได้รับความเห็นใจ และถูกมองเป็นเหยื่อที่ถูกผู้ชายด้วยกันแต่มีสถานะทางเศรษฐกิจหรือสังคมเหนือกว่ากระทำย่ำยี แต่พวกหญิงโสเภณีกลับถูกมองว่าเป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้ายและแหล่งกำเนิดโรค เป็นตัวอย่างที่เลวเพราะไม่อาจทำตามมาตรฐานของกุลสตรีดีงาม ทั้งที่พวกหล่อนหลายคนก็ต้องการเงินไปเลี้ยงปากท้องคนในครอบครัวด้วยความจำเป็นเหมือน ๆ กัน


ในคราวที่เกิดเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องหญิงโสเภณีในอีสต์เอนด์ด้วยฝีมือของฆาตกรที่ยังไม่อาจระบุได้ว่าเป็นใครเมื่อปีที่ผ่านมา เสียงวิพากษ์ของเบอร์วิคดูจะไม่เผ็ดร้อนและรุนแรงเท่านี้ และมิได้แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อชะตาของพวกหล่อนเท่าใดนัก ถ้าข้าพเจ้าจำไม่ผิด เขาเคยเขียนบทความแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนหญิงโสเภณีในลอนดอนที่มีอยู่มากมายว่า เป็นผู้ชักนำภัยมาสู่ตนเอง และการฆาตกรรมนั้นเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลไม่สามารถควบคุมปราบปรามการค้าประเวณีที่มีอยู่ทั่วไปให้ลดจำนวนลง จนทำให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยเกิดความไม่พอใจกระทั่งนำไปสู่คดีสะเทือนขวัญในไวท์ชาเพลในที่สุดด้วยซ้ำไป  


โสเภณี เป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย แต่ไม่ได้รับการยอมรับทางสังคมและศีลธรรม พวกหล่อนถูกมองว่าเป็นแหล่งแสวงหาความสุขและตัวการที่ทำให้ศีลธรรมเสื่อมทราม เป็นนางฟ้าในห้องนอนและหญิงสามานย์กลางถนน ข้าพเจ้าไม่ปฏิเสธว่าตนเองเป็นคนหนึ่งที่อาศัยพวกหล่อนเพื่อสนองความต้องการเบื้องลึกในบางคราว และบางที ก็เพื่อที่จะได้ข่าวบางอย่างจากพวกหล่อน ซึ่งข้อมูลที่ว่านั้นมีค่าอย่างยิ่งต่อการทำคดีและไม่อาจหาได้จากที่อื่นใดได้ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะร่วมวงวิพากษ์ความดีงามหรือเหมาะสมด้านศีลธรรมกับใครในเรื่องนี้ได้อย่างเต็มปาก


อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์การเป็นตำรวจในลอนดอนตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา หญิงเหล่านี้ได้ตกเป็นเหยื่อของความเกลียดชัง กลายเป็นผู้ถูกกระทำอย่างโหดร้ายมาอย่างต่อเนื่อง และมักถูกละเลยในฐานะผู้เสียหาย ซึ่งสำหรับข้าพเจ้าแล้ว พวกหล่อนเป็นกระจกสะท้อนความลักลั่นและด้านมืดของมหานครลอนดอนออกมาอย่างกระจ่างแจ้งที่สุดประการหนึ่ง และนั่นก็ทำให้ข้าพเจ้าอดกังวลไม่ได้ว่า ความรังเกียจเดียดฉันท์ต่อชายหนุ่มที่ละทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นชายของตนเองมาเป็นเครื่องรองรับความใคร่ของผู้ชายที่มีสถานะและกำลังเงินที่เหนือกว่าอาจก่อตัวขึ้นและนำไปสู่ความรุนแรงต่อคนเหล่านั้นเช่นเดียวกัน หรือมิเช่นนั้น การณ์อาจเป็นไปในทางตรงกันข้าม คือ สุภาพบุรุษที่อยู่ในสถานะสูงแต่กลับใช้อำนาจเงินล่อให้ผู้ชายด้วยกันยอมพลีกายให้ไม่ต่างจากหญิงโสเภณีอย่างไม่ละอายอาจตกเป็นเป้าของการโจมตีที่นอกเหนือไปจากการดำเนินคดีทางอาญาตามกฎหมายได้


ลางสังหรณ์บางอย่างบอกข้าพเจ้าว่า พยานคนหนึ่งในเหตุอื้อฉาวที่ถนนคลีฟแลนด์อาจได้รับอันตรายอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อจ่าวิลเลียม มัสเกรฟแจ้งแก่ข้าพเจ้าว่า จิมมี่ ซัลลิแวน พนักงานส่งโทรเลข และเป็นหนึ่งในบรรดาชายหนุ่มที่ถูกชักนำให้มาเป็นผู้ค้าบริการทางเพศในกิจการของแฮมมอนด์หายตัวจากบ้านไปเป็นเวลาสองวันแล้วหลังเข้าให้การเกี่ยวกับสุภาพบุรุษที่มาซื้อบริการได้เพียงวันเดียว ไม่มีเพื่อนร่วมห้องเช่าที่แออัดของเขานึกออกว่า เขาจะไปที่ใด เพราะตั้งแต่มีงานประจำที่สำนักงานโทรเลขกลางของลอนดอน ซัลลิแวนไม่เคยขาดงานสักหนเดียว แม้กระทั่งวันที่ป่วย เนื่องด้วยเขามีแม่และน้อง ๆ อีกหลายปากที่ต้องเลี้ยงดูอยู่ในย่านไวท์ชาเพล


ระหว่างที่ข้าพเจ้ากำลังคิดอ่านเกี่ยวกับเรื่องที่ได้รับทราบมานั้น ก็มีตำรวจใต้บังคับบัญชาเข้ามาแจ้งว่า มีคนต้องการพบ แม้จะนึกแปลกใจ แต่ข้าพเจ้าก็บอกให้เชิญบุคคลดังกล่าวเข้ามา และเมื่อได้พบหน้า ข้าพเจ้าก็ต้องฉงนเป็นคำรบสอง


”สารวัตรเฟย์… ผมชื่อ แอนโธนี เกรเซียน ขออภัยครับ ที่ไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า”


แน่นอนว่า ข้าพเจ้าไม่มีข้อสงสัยในเรื่องที่จะมีคนแอบอ้างว่าเป็นเขา เนื่องด้วยข้าพเจ้าจดจำใบหน้าและเสียงของเขาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ชมอุปรากรเรื่องทริสตานและอิโซลด์เมื่อเดือนก่อน


“ไม่เป็นไร มีอะไรให้ผมช่วยหรือ มร. เกรเซียน” ข้าพเจ้าว่า และเชิญให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ “หากช่วยได้ ผมก็ยินดี”


แอนโธนี เกรเซียนอาจเป็นนักแสดงที่โดดเด่นและมีเสน่ห์บนเวที แต่แอนโธนี เกรเซียนที่อยู่นอกเวทีเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและชวนมองยิ่งกว่ายามสวมบทบาทเป็นคนอื่นเสียอีก ความเยาว์วัยและสง่างามของเขาทำให้ข้าพเจ้านึกถึงรูปสลักของอพอลโล เทพแห่งดวงอาทิตย์ในปกรณัมกรีกและโรมันซึ่งสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ มือของเขาที่ยื่นออกมาสัมผัสกับมือของข้าพเจ้าแห้งสะอาดและอ่อนนุ่มอย่างมือของศิลปิน กิริยามารยาทของเขาบ่งบอกว่า เป็นผู้ที่ได้รับการศึกษาและอบรมขัดเกลามาเป็นอย่างดี  หากสิ่งที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากข้าพเจ้านั้น กลับเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อย


“ขอบคุณมากจริง ๆ ครับ… ผมเคยได้ยินชื่อสารวัตรมาจากเซอร์เอ็ดเวิร์ด เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ผมจึงนึกถึงสารวัตรเป็นท่านแรก” คำพูดของข้าพเจ้าดูจะทำให้ความกังวลของเขาคลี่คลายลง “คุณแม่ของเพื่อนเก่าผมมาพบผมเมื่อเช้านี้ และบอกว่า ลูกชายของหล่อนหายตัวไปสองวันแล้วโดยไม่มีใครพบเห็น หล่อนจึงขอให้ผมช่วยแจ้งหรือหาทางปรึกษากับตำรวจให้”


น้ำเสียง สายตา และสีหน้าของเขาบอกว่า เรื่องที่กำลังพูดนั้นมิใช่ความเท็จ แต่กระนั้นก็ฟังดูน่าสงสัยอยู่นั่นเอง “เรื่องคนหายเป็นเรื่องหนักหนาอยู่ ทำไมหล่อนจึงไม่มาแจ้งความเองเล่า”


แอนโธนี เกรเซียนถอนใจเบา ๆ “มิสซิสซัลลิแวนป่วยอยู่ครับ สารวัตร หล่อนผัดที่จะเข้าโรงพยาบาลมาหลายรอบแล้ว จนกระทั่งวันนี้หล่อนจึงได้ยอมเมื่อผมรับปากว่าจะช่วย อีกอย่างหนึ่ง หล่อนเป็นคนยากจนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดที่ไวท์ชาเพล ซึ่งการที่จะมีใครหายตัวไปไม่กลับบ้านคราวละหลายวันเป็นเรื่องธรรมดา หล่อนจึงเกรงว่า ทางตำรวจจะไม่สนใจและไม่ช่วยติดตามตัวเขากลับมา แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรับรองคำพูดของหล่อนได้ คือ เพื่อนของผมคนนี้ ไม่ใช่คนเหลวไหล มิหนำซ้ำยังประหยัด มัธยัสถ์ ไม่ชอบเที่ยวเตร่ เลิกงานแล้ว ก็กลับบ้านทุกครั้ง การหายตัวไปนานขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องปกติ”


ข้อมูลที่เขาให้แก่ข้าพเจ้าฟังดูคุ้นหูอย่างประหลาด และจ่ามัสเกรฟซึ่งยืนฟังอยู่ด้วยก็หันมามองอย่างรู้ทันความคิดกัน


------------------------------------------------------------------------

1. Frederick Abberline (1843 – 1929) หัวหน้าตำรวจสืบสวนในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องหญิงโสเภณีโดยฆาตกรที่เรียกว่า Jack the Ripper ที่เกิดในย่าน Whitechapel ของลอนดอน ในช่วงปี 1888


(มีต่อนะคะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่