Basic Information
ได้ความรู้ในการปฏิบัติจาก - ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานธรรมสีมันตะ จ. ลำพูน
แนวทาง - เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ระยะเวลาในการปฏิบัติ: 8 เดือน ทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง
หลังออกมาจากคอรส์ที่ลำพูน ผมได้ทดลองวิธีการทำสมาธิในรูปแบบต่างๆด้วยตนเองเพราะจิตหน่ายกับการไล่ตามดูเวทนาทั่วร่างกายตามแบบที่อบรมมา ก็ไปใช้อานาปาน, ไปกำหนดเอาที่อุเบกขา, และกลับมาที่เวทนาแต่ดูเวทนาตัวที่ชัดไปเลย
นี่คือสิ่งที่ผมเขียนสรุป experience จากการเจริญสติของผมตลอดระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมานี้ รบกวนท่านที่ชำนาญโปรดเมตตาให้คำชี้แนะด้วยครับ
เมื่อฝึกฝนจิตจนสามารถตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียวได้โดยที่ไม่วอกแวกไปที่อื่น แม้จะเดิน/นั่ง อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย เสียงต่างๆ ลืมตาหรือหลับตาก็แล้วแต่ แต่จิตนั้นก็ยังคงตั้งอยู่ในอารมณ์เดียวนั้นได้ เมื่อนำจิตที่ตั้งมั่นนั้นมาพิจารณา/เห็น การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ของเวทนาชนิดต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็จะทำให้เห็นสภาพที่แท้จริงของเวทนานั้นๆได้โดยปราศจากอคติหรือความคิดปรุงแต่ง
ความพอใจอยู่กับการตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว ก็จะไม่เห็นถึง ความไม่คงทน/ความไม่แน่นอนของเวทนา หากไปติด อุเบกขา (ความเป็นกลางจากจิตที่ตั้งมั่น), ปิติ, สุข ก็มีแนวโน้มว่าจะหยุดและพอใจแล้วกับอารมณ์นั้นๆ ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่านี่คือจุดหมายปลายทางแล้ว เมื่อทำจนชินจนคล่อง หมายจำอารมณ์นั้นได้ เช่น นึกอยากจะปิติก็กำหนดปิติได้เลยทันที บ่อยครั้งเข้าก็ติดเสพอารมณ์นั้นไปโดยไม่รู้ตัว พอครั้นจะละอารมณ์นั้น จิตก็ไม่อยากไปเจอทุกข์ อยากกลับไปอยู่ในอารมณ์ที่จิตนั้นพอใจ เป็นเหตุทำให้ไปไม่ถึงวิปัสสนา (การมองดูสิ่ง ต่างๆ ตามความเป็นจริง) ต้องมาปรับทัศนคติใหม่ ตั้งต้นใหม่ เอาใหม่ ต้องทิ้งให้ได้
เมื่อนำจิตที่ตั้งมั่นนั้นไปใช้ในการวิปัสสนา ก็จะทำให้เห็นถึงสภาพที่แท้จริงของเวทนาที่กำลังเกิดขึ้น หากแต่ต้องมีสติรู้ให้ชัดตลอดทาง ไม่ประมาทหรือเพลอปล่อยให้จิตไปคว้าทุกขเวทนาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ จับเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา แบบนี้ทุกข์เกิดขึ้นทันที ต้องใช้ปัญญาประคองจิตไว้ มันเกิดขึ้นของมันตามธรรมชาติ เวทนาไม่ใช่ของเราและก็ไม่ใช่เรา ทุกข์ที่กายแต่ไม่ทุกข์ใจ เกิด ดับ สลับไปมาอยู่อย่างนั้นนั่นเอง
นี่คือความรู้ทั้งหมดจากการทดลองและปฏิบัติด้วยตนเองตั้งแต่วันแรกมาจนถึงวันนี้
ผลจากการปฏิบัติที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
ชีวิตเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าสู่สมาธิในระหว่างวันได้เลย เดินในห้าง ใช้รถใต้ดิน ในร้านอาหาร ก็เข้าสู่ความสงบได้ในทันที เข้าสู่อุเบกขาหรือปิติเลยก็ได้ รู้ถึงการก่อตัว การคงอยู่ และการเจือจางดับไปของอารมณ์ต่างๆที่มาทาง ตา หู จมูก รส และสัมผัส ได้อย่างชัดเจน แต่ก่อนเป็นคนใจร้อน ตอนนี้เห็นคนแรงใส่ ตัวเองกลับเกิดความเมตตา สงสาร เพราะเค้าไม่รู้จึงเป็นแบบนั้น อีโก้ ทิฐิ ที่เคยมีก้าวข้ามเลย ชีวิตไม่ทุกข์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ขอคำชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณจากใจ ขอบคุณจริงๆครับ
ขออนุญาติ post ความรู้ความเข้าใจของผมที่ได้จากการปฏิบัติ - ท่านผู้ปฏิบัติ/ผู้รู้ โปรดแนะนำ ชี้แนะ ด้วยครับ
ได้ความรู้ในการปฏิบัติจาก - ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานธรรมสีมันตะ จ. ลำพูน
แนวทาง - เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ระยะเวลาในการปฏิบัติ: 8 เดือน ทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง
หลังออกมาจากคอรส์ที่ลำพูน ผมได้ทดลองวิธีการทำสมาธิในรูปแบบต่างๆด้วยตนเองเพราะจิตหน่ายกับการไล่ตามดูเวทนาทั่วร่างกายตามแบบที่อบรมมา ก็ไปใช้อานาปาน, ไปกำหนดเอาที่อุเบกขา, และกลับมาที่เวทนาแต่ดูเวทนาตัวที่ชัดไปเลย
นี่คือสิ่งที่ผมเขียนสรุป experience จากการเจริญสติของผมตลอดระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมานี้ รบกวนท่านที่ชำนาญโปรดเมตตาให้คำชี้แนะด้วยครับ
เมื่อฝึกฝนจิตจนสามารถตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียวได้โดยที่ไม่วอกแวกไปที่อื่น แม้จะเดิน/นั่ง อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย เสียงต่างๆ ลืมตาหรือหลับตาก็แล้วแต่ แต่จิตนั้นก็ยังคงตั้งอยู่ในอารมณ์เดียวนั้นได้ เมื่อนำจิตที่ตั้งมั่นนั้นมาพิจารณา/เห็น การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ของเวทนาชนิดต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็จะทำให้เห็นสภาพที่แท้จริงของเวทนานั้นๆได้โดยปราศจากอคติหรือความคิดปรุงแต่ง
ความพอใจอยู่กับการตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว ก็จะไม่เห็นถึง ความไม่คงทน/ความไม่แน่นอนของเวทนา หากไปติด อุเบกขา (ความเป็นกลางจากจิตที่ตั้งมั่น), ปิติ, สุข ก็มีแนวโน้มว่าจะหยุดและพอใจแล้วกับอารมณ์นั้นๆ ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่านี่คือจุดหมายปลายทางแล้ว เมื่อทำจนชินจนคล่อง หมายจำอารมณ์นั้นได้ เช่น นึกอยากจะปิติก็กำหนดปิติได้เลยทันที บ่อยครั้งเข้าก็ติดเสพอารมณ์นั้นไปโดยไม่รู้ตัว พอครั้นจะละอารมณ์นั้น จิตก็ไม่อยากไปเจอทุกข์ อยากกลับไปอยู่ในอารมณ์ที่จิตนั้นพอใจ เป็นเหตุทำให้ไปไม่ถึงวิปัสสนา (การมองดูสิ่ง ต่างๆ ตามความเป็นจริง) ต้องมาปรับทัศนคติใหม่ ตั้งต้นใหม่ เอาใหม่ ต้องทิ้งให้ได้
เมื่อนำจิตที่ตั้งมั่นนั้นไปใช้ในการวิปัสสนา ก็จะทำให้เห็นถึงสภาพที่แท้จริงของเวทนาที่กำลังเกิดขึ้น หากแต่ต้องมีสติรู้ให้ชัดตลอดทาง ไม่ประมาทหรือเพลอปล่อยให้จิตไปคว้าทุกขเวทนาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ จับเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา แบบนี้ทุกข์เกิดขึ้นทันที ต้องใช้ปัญญาประคองจิตไว้ มันเกิดขึ้นของมันตามธรรมชาติ เวทนาไม่ใช่ของเราและก็ไม่ใช่เรา ทุกข์ที่กายแต่ไม่ทุกข์ใจ เกิด ดับ สลับไปมาอยู่อย่างนั้นนั่นเอง
นี่คือความรู้ทั้งหมดจากการทดลองและปฏิบัติด้วยตนเองตั้งแต่วันแรกมาจนถึงวันนี้
ผลจากการปฏิบัติที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
ชีวิตเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าสู่สมาธิในระหว่างวันได้เลย เดินในห้าง ใช้รถใต้ดิน ในร้านอาหาร ก็เข้าสู่ความสงบได้ในทันที เข้าสู่อุเบกขาหรือปิติเลยก็ได้ รู้ถึงการก่อตัว การคงอยู่ และการเจือจางดับไปของอารมณ์ต่างๆที่มาทาง ตา หู จมูก รส และสัมผัส ได้อย่างชัดเจน แต่ก่อนเป็นคนใจร้อน ตอนนี้เห็นคนแรงใส่ ตัวเองกลับเกิดความเมตตา สงสาร เพราะเค้าไม่รู้จึงเป็นแบบนั้น อีโก้ ทิฐิ ที่เคยมีก้าวข้ามเลย ชีวิตไม่ทุกข์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ขอคำชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณจากใจ ขอบคุณจริงๆครับ