ธารทิพย์
โดย อัศวรักษ์
ธารทิพย์ บทที่ 26
http://ppantip.com/topic/33157098
ตะวันสายของวันรุ่งขึ้น โจเดินไปรอบๆลำตัวและปีกของคุณเป็ดน้ำเพื่อตรวจทุกซอกทุกมุมว่ายังอยู่ในสภาพปกติ เขาปีนขึ้นไปยืนอยู่บนหลังปีกมองตรวจไปจนทั่วแล้วปีนกลับลงมา ในห้องโดยสารบรรทุกสัมภาระเหมียวพาสร้อยแก้วกับน่อเซิ่งเข้าไปนั่งเล่นพร้อมกับช่วยโจตรวจโดยมองสภาพทั่วๆไปภายในไปด้วย สร้อยแก้วกับน่อเซิ่งรู้สึกตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจที่ได้ขึ้นมานั่งอยู่บนโพยมยานที่เคยเห็นแต่เพียงภายนอก สำหรับชาวบ้านป่าแล้ว นกสวรรค์นี่คือสิ่งวิเศษ พวกเขาจึงพร้อมใจกันเรียกอย่างนั้น
ท่านไกรศักดิ์ยืนอยู่บนท่ากับพรานโละ แงซาและชาวบ้านอีกหลายคนที่คอยมาช่วยเป็นแรง
“เป็นอย่างไรบ้าง” ลุงไกรศักดิ์เอ่ยถามเมื่อโจปีนลงมาจากหลังปีก
“ภายนอกปกติดีครับคุณลุง” โจตอบ
“เดี๋ยวผมทำพรีไฟล้ท์แล้วจะเอาออกไปแท็กซี่ดูสักสองสามรอบ น้ำมันพอครับ” โจบอกลุง
ท่านไกรศักดิ์พยักหน้าเข้าใจ โจปีนขึ้นไปนั่งเก้าอี้นักบินด้านซ้ายใช้มือลูบชี้ไปบนเครื่องวัดและสวิทช์ทุกตัวที่ติดตั้งอยู่เพื่อตรวจสภาพและตำแหน่งของสวิทช์
“ผมจะติดเครื่องนะครับ คุณลุงช่วยดูให้ด้วยนะครับ” โจบอกลงมา
ลุงไกรศักดิ์พยักหน้ารับทราบ
“ติดได้เลย เชือกสมอยังผูกอยู่” ลุงไกรศักดิ์บอก
น่อเซิ่งตกใจขึ้นมานั่งบนตักกอดคอสร้อยแก้วไว้ สร้อยแก้วเองก็หน้าตื่นเช่นกันเพราะทั้งสองยังนั่งอยู่ภายในคุณเป็ดน้ำ เธอนึกไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไรหากยานที่นั่งอยู่เคลื่อนตัว
เหมียวเห็นดังนั้นจึงจับมือทั้งสองเอาไว้
“ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรนะ สนุกด้วยล่ะ พี่โจเค้าเก่งจะตาย” เหมียวพูดให้หายกลัว
สร้อยแก้วกับน่อเซิ่งพยักหน้าตื่นๆรับคำ
โจ เปิดสวิทช์แบตเตอรี่หลักเพื่อจ่ายไฟเข้าเครื่อง แผงเครื่องวัดทั้งหมดขยับตัว เข็มทุกเข็มกระดิกชี้สถานะของมัน ถึงเวลานี้สร้อยแก้วกับน่อเซิ่งกอดกันแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นพวกมันขยับตัวได้เอง
“ติดเครื่องยนต์นะครับ” โจร้องบอกอีกครั้งให้ทุกคนรู้
เสียงเครื่องยนต์และใบพัดเริ่มหมุนขึ้นช้าๆเมื่อโจบิดสวิทช์ไปที่ตำแหน่งสตาร์ท แล้วเริ่มเร็วขึ้นเร็วขึ้นจนไปเดินนิ่งอยู่ที่รอบเดินเบา โจก้มหน้ามองเครื่องวัดทุกตัวตรวจสอบสถานะว่ายังทำงานปกติจากนั้นจึงทอสอบการทำงานของพื้นบังคับ เขาถีบรัดเด้อร์พีด้อลที่เท้าให้หางเสือบิดซ้ายบิดขวาไปมาอยู่สี่ห้าครั้ง โยกคอนโทรลคอลัมม์ในมือ กดไปข้างหน้าแล้วดึงกลับเข้าหาตัวให้เอลเวเต้อร์ของแพนหางระดับเคลื่อนที่ขึ้นลงทดสอบการก้มเงยหัวเครื่อง โจบิดคอลัมม์ไปทางซ้ายทางขวาทดสอบแอรร่อน พื้นบังคับเลี้ยวเอียงปีกที่ชายครึ่งหลังของปีกไปมา สุดท้ายเขาโยกคันบังคับแฟลบเพื่อดูการทำงานของอุปกรณ์ขยายพื้นที่ปีก
โจนิ่งมองรอจนกระทั่งเข็มวัดความร้อนของเครื่องยนต์สูงขึ้นจนถึงอุณหภูมิทำงาน เขายื่นหน้าออกมาร้องบอกลุงไกรศักดิ์เมื่อคุณเป็ดน้ำอยู่ในสภาพพร้อมบิน
“พร้อมแล้วครับคุณลุง” โจร้องบอกเสียงดัง
ไกรศักดิ์ดึงมือให้พรานโละกับแงซาขึ้นไปบนเครื่อง ทั้งสองชะงักเท้าขืนกล้าๆกลัวๆ
“ไปไป ไปด้วยกันไม่ต้องกลัว” ท่านไกรศักดิ์บอกเสียงดัง
พรานโละและแงซาถูกดันหลังให้ขึ้นไปนั่งบนเครื่อง เจ้าแสนรู้พรีโม่โดดแผล็วขึ้นตาม ท่านไกรศักดิ์ตามขึ้นไปปิดประตูข้างลำตัวล็อกแล้วปีนข้ามไปนั่งเก้าอี้นักบินตัวขวาข้างๆโจ
“เอาล่ะ เราไปกัน น้ำมันพอเที่ยวสองมั้ย” ไกรศักดิ์พูดถามแล้วดึงเข็มขัดนิรภัยมาล็อกไหล่และเอว
โจหันมามองหน้าลุงเข้าใจความหมายว่าลุงของเขาเปลี่ยนแผนในใจแล้ว
“พอครับ แต่คุณลุงแน่ใจนะครับ” โจมองหน้าถามอีกครั้ง
ลุงไกรศักดิ์ไม่ตอบ เขาเพียงพยักหน้ารับเพื่อยืนยัน เหมียวฟังอยู่ด้วย เธอฉลาดพอที่จะรู้แล้วว่าอาจมีการนำเรือบินขึ้นจึงหันไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้สร้อยแก้วกับน่อเซิ่ง คาดให้กับตัวเอง แล้วจึงหันไปบอกพรานโละกับแงซาที่นั่งอยู่บนพื้นด้านหลัง
“เกาะแน่นนะจ๊ะ พี่โละ แงซา” เธอพูดแล้วหันมาสบตาโจที่เหลียวกลับมามอง
โจยิ้มให้เหมียวในความฉลาดของเธอแล้วหันกลับไปคาดเข็มขัดสวมแว่นกันแดด แล้วร้องบอกคนที่อยู่บนท่าเทียบ
“ปลดเชือกด้วยครับ เดี๋ยวกลับมา” โจร้องบอก
พวกคนชาวบ้านป่าที่ยืนอยู่บนท่าแก้เชือกโยงออกปล่อยให้คุณเป็ดน้ำลอยลำเป็นอิสระ โจโบกมือให้แล้วค่อยๆดันคันเร่งเคลื่อนคุณเป็ดน้ำไปข้างหน้า
เรือบินเริ่มเคลื่อนตัวห่างท่าเทียบออกไปเรื่อยๆ โจค่อยๆปล่อยให้แล่นไปบนผิวน้ำช้าๆบังคับทิศทางเลาะลัดไปเรียบชายฝั่งต้องการให้สร้อยแก้ว น่อเซิ่ง พรานโละและแงซาหายจากการตื่นตกใจเสียก่อน ทัศนียภาพสวยงามของทะเลสาบจากมุมมองที่ไม่เคยได้เห็นทำให้ทั้งสี่คนเริ่มคลายความตื่นเต้นลง
สร้อยแก้วกับน่อเซิ่งเริ่มขยับตัวไปมองริมหน้าต่างที่เปิดแง้มอยู่เฝ้าดูทุ่นลอยตัวฉีกผิวน้ำเป็นฟองขาว พรานโละกับแงซาก็นั่งยึดหน้าต่างคนละด้านมองไปมาเริ่มเพลิดเพลินเช่นกัน
“เห็นมั้ย พี่บอกแล้วว่าสนุกดีจะตาย ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกจ้ะ” เหมียวพูดกับสร้อยแก้วและน่อเซิ่งให้หายกลัว ทั้งสองหันมายิ้มรับ เหมียวเหลียวกลับมายิ้มให้พรานโละกับแงซาด้วยเช่นกัน
โจบังคับเรือบินให้แล่นเล่นเป็นเรืออยู่สองรอบเมื่อเห็นว่าทั้งสี่คนหายกลัวและรอเวลาให้คุณเป็ดน้ำได้ขยับแข้งขยับขาเข้าที่เสียก่อน เมื่อเขาแน่ใจแล้วว่าเรือบินทำงานได้ปกติจึงเริ่มพูดขึ้น
“สร้อยแก้ว น่อเซิ่ง อยากนั่งตอนมันลอยขึ้นฟ้ามั้ย” โจเหลียวมายิ้มถาม
“อยากจ้ะ” สร้อยแก้วตอบทันที น่อเซิ่งพยักหน้าตาม
“เดี๋ยวพี่พาลอยขึ้นฟ้าเล่นเที่ยวนึงนะ เอามั้ย” โจพูดด้วยเสียงสนุกๆ
“จ้ะจ้ะ” สร้อยแก้วตอบรับ พรานโละกับแงซานึกสนุกทั้งสองจึงยิ้มพยักหน้ารับด้วย
โจเคลื่อนเรือบินตรงไปตั้งลำที่สุดทะเลสาบ เขาดันคันเร่งช้าๆไม่ให้กระชากจนน่ากลัวเป็นห่วงทั้งสี่คน คุณเป็ดน้ำเร่งความเร็วขึ้นจนเต็มที่ด้วยแรงฉุดของใบพัดสามกลีบ ช่างเครื่องบินหนุ่มจากนอร์ทรอปดึงคันบังคับเรือบินโยกเข้าหาตัวช้าๆให้พื้นบังคับเอลเวเต้อร์ที่แพนหางระดับกระดกตัวขึ้น ส่งผลทางอากาศพลศาสตร์ให้เกิดแรงกดที่พวงหางเพื่อเชิดหัวเงยขึ้น ถีบรัดเด้อร์หางเสือรักษาทิศทางให้วิ่งตรงไปจนกระทั่งถึงความเร็วที่เกิดแรงยกใต้ปีก
ชาวบ้านป่าทั้งสามและน่อเซิ่ง มองการยกตัวขึ้นจากผิวน้ำสูงขึ้นสูงขึ้นแล้วมองไกลไปยังผืนป่าและชุมชนของพวกเขาด้วยความตื่นตาตื่นใจ
เหมียวเดาทางออกว่าลุงไกรศักดิ์และโจคิดจะทำอะไรเธอจึงไม่พูดถาม หันไปชี้ชวนสร้อยแก้วกับคนอื่นๆให้ชื่นชมไปกับทัศนียภาพของมุมสูงที่พวกเขาไม่เคยเห็นเพื่อเบนความสนใจ
โจบินวนรอบทะเลสาบหนึ่งรอบก่อนเพื่อทดสอบว่าคุณเป็ดน้ำยังเล่นลมอยู่ในอากาศได้อย่างปกติ ลุงไกรศักดิ์กางแผนที่ไว้ตรงกลางระหว่างเขากับหลานแล้วชี้บอกตำแหน่งกับทิศทางที่ต้องการจะมุ่งหน้าไป
เมื่อเรือบินร่อนเป็นวงกลมมาจนถึงจุดเริ่มต้นที่ลุงไกรศักดิ์ชี้บนแผนที่ โจบังคับเครื่องให้บินตรงไปข้างหน้าสู่ภูยม
“อย่าบินข้ามนะ” ไกรศักดิ์บอกโจ
“บินวนรอบๆเพื่อสำรวจนะครับ” โจพูด
“น้ำมันพอแน่นะ” ไกรศักดิ์ถามขอการยืนยัน
“พอครับพอ” โจยืนยันกับลุง
ท่านไกรศักดิ์หันกลับมาหาคนที่อยู่ด้านหลังยิ้มให้แล้วพูด
“เราจะไปบินวนรอบภูยมเพื่อสำรวจเส้นทาง เดี๋ยวอีกไม่นานจะบอกตอนไปถึง พวกเราช่วยกันดูหน่อยนะ”ท่านไกรศักดิ์พูดกับทุกคน
“อีกนานมั้ยคะ” เหมียวถาม
“สิบห้านาทีประมาณ” ไกรศักดิ์ตอบ
สร้อยแก้ว พรานโละและแงซาขยับตัวมองซ้ายมองขวาออกไปนอกหน้าต่างพยายามมองหาภูยม
“ยังไม่ถึงหรอกจ้ะสร้อยแก้ว เดี๋ยวใกล้ถึงแล้วท่านพ่อจะบอกนะ” เหมียวพูด
ทั้งสามคนพยักหน้าเข้าใจโดยไม่ถามอะไร
คุณเป็ดน้ำบินตรงมาได้ยี่สิบกว่านาที ท่านไกรศักดิ์ชี้นิ้วมองบนแผนที่แล้วมองเฉียงด้านขวาออกไปข้างนอกอยู่สองสามครั้งจนแน่ใจว่าพิกัดถูกต้องตามแผนที่แล้วจึงพูดขึ้น
“ช่วยกันดูนะ ด้านขวาจากภูยอดแหลมนั่นเข้าไปเป็นเขตภูยม” ท่านไกรศักดิ์พูด
โจพยายามชะเง้อมองผ่านกระจกหน้า เหมียว สร้อยแก้ว พรานโละและแงซารีบขยับตัวมาด้านขวาต่างคนต่างจ้องมองลงไป
โจบังคับเครื่องให้เอียงปีกทางขวาเพื่อให้มองเห็นถนัด บินอ้อมพื้นที่กว้างอันเป็นเขตของภูยม ภายในเขตนั้นปกคลุมไปด้วยผืนป่าดิบทึบแน่นหนาดูประหนึ่งว่าต้นไม้เหล่านั้นจะรวมใจกันปกป้องมิให้แสงอาทิตย์ตกต้องลงบีฑาพื้นดินภายใต้พวกมันได้ง่ายๆ แตกต่างจากผืนป่านอกเขตซึ่งผลัดใบลงเกลื่อนกราดในฤดูหนาวเช่นนี้ ภูมิประเทศสลับซับซ้อนเต็มไปด้วยโตรกผาชันและลำธารคดเคี้ยวไปมาดูน่ากลัวเหมือนอสุรกายมหึมาทอดกายรอเหยื่ออยู่อย่างเงียบเชียบ
คนทั้งหมดแม้กระทั่งท่านไกรศักดิ์เองยังขนลุกเกลียวเมื่อนึกถึงเวลาที่จะต้องก้าวเท้าเข้าไป
ลุงไกรศักดิ์ใช้หลังมือตบไหล่ โจแล้วชี้มือให้ดูพื้นราบกว้างเพียงผืนเดียวของภูยมที่พวกเขากล่าวถึงจากการดูในแผนที่ พื้นราบที่พวกเขาวางแผนจะนำคุณเป็ดน้ำลงจอด
“ไหวมั้ย” ลุงไกรศักดิ์ถาม ตายังจ้องมองพื้นราบนั้นเพื่อประเมินขนาดเทียบกับต้นไม้ที่ขึ้นอยู่
“บอกยากครับคุณลุง” โจตอบ
“มองสภาพพื้นดินไม่ชัด ความลาดเอียงด้วย” เขาพูดต่อ
“แต่ก็ยังดีครับ ตรงตามพิกัดแผนที่บอก มีพื้นราบอยู่จริง”
“เราค่อยไปตัดสินใจกันอีกที กลับกันเถอะ” ลุงไกรศักดิ์พูด
สี่คนข้างหลังฟังทั้งสองลุงหลานพูดคุยกัน สลับกับหันไปมองพื้นราบนั้นช่วยจดจำรายละเอียดไว้ให้มากที่สุด
“ทุกคนเห็นกันแล้วนะ เรากลับไปคุยกันที่บ้าน” ไกรศักดิ์หันมาบอก
โจบินตรงกลับไปหาทะเลสาบอีกครั้งเพื่อร่อนลง ทิ้งเทือกภูยมอันน่าสะพรึงกลัวไว้เบื้องหลังก่อน
คุณเป็ดน้ำลงแตะผิวน้ำเรียบร้อยนุ่มนวล พุ่งตรงไปยังริมฝั่งที่โส่ยเคยไปนอนรออยู่ โจถีบรัดเด้อร์เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปหาท่าเทียบ
“สนุกมั้ยน่อเซิ่ง” เหมียวลูบหัวเด็กหญิงแล้วยิ้มถาม
“จ้ะ” น่อเซิ่งพยักหน้ายิ้มพูดตอบ
เหมียวพูดเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้ทุกคนปรับความรู้สึกกลับมาเป็นปกติจากสภาพป่าภูยมที่เพิ่งจะได้เห็น
“โจคะ น้ำมันพอมั้ยคะ พาวนรอบทะเลสาบอีกรอบซิคะ” เธอบอกโจให้วิ่งเล่นบนผิวน้ำ
“ได้ครับ” โจรับคำ
คุณเป็ดน้ำลอยลำบนผิวน้ำไปข้างหน้าด้วยรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ ทุกคนที่นั่งอยู่ชี้ชวนกันชมภูมิทัศน์อันสวยงามของทะเลสาบ ซอกมุมที่เดินเท้าเข้าไปลำบากโจก็คัดหางเสือเลี้ยวลัดเฉียดเข้าไปให้ได้ดูใกล้ๆ
“ชอบมั้ยครับพี่โละ แงซา” โจถาม
“จ้ะจ้ะ” พรานทั้งสองพยักหน้ายิ้มตอบรับ
“น่อเซิ่งล่ะ สร้อยแก้วสนุกดีมั้ย” โจหันมายิ้มถาม
“จ้ะ สร้อยแก้วชอบจ้ะ” สร้อยแก้วยิ้มตอบ น่อเซิ่งก็ยิ้มพยักหน้ารับไปด้วย
“เอาล่ะ ทุกคนสนุกสนานกันดีแล้วก็กลับเทียบท่ากันเถอะ เดี๋ยวน้ำมันจะไม่พอซะ” ท่านไกรศักดิ์พูด
โจบังคับเรือบินเลี้ยวกลับเตรียมมุ่งหน้าไปท่าเทียบ
“โฮ้ง โฮ้ง โฮ้งโฮ้ง” เสียงเจ้าพรีโม่เห่าดังไม่ยอมหยุด
เหมียวหันมาจับตัวมันไว้แล้วมองผ่านหน้าต่างเรือบินตามมันไป
โจเหลียวกลับมาของข้ามพนักเก้าอี้อีกครั้งเมื่อมือของเหมียวสะกิดที่ไหล่แรงๆให้เขาหันมา สายตาเธอจับจ้องมองไปยังสิ่งหนึ่งที่เคลื่อนไหวอยู่บนฝั่งห่างออกไป
ธารทิพย์ บทที่ 27
ธารทิพย์ บทที่ 26 http://ppantip.com/topic/33157098
ตะวันสายของวันรุ่งขึ้น โจเดินไปรอบๆลำตัวและปีกของคุณเป็ดน้ำเพื่อตรวจทุกซอกทุกมุมว่ายังอยู่ในสภาพปกติ เขาปีนขึ้นไปยืนอยู่บนหลังปีกมองตรวจไปจนทั่วแล้วปีนกลับลงมา ในห้องโดยสารบรรทุกสัมภาระเหมียวพาสร้อยแก้วกับน่อเซิ่งเข้าไปนั่งเล่นพร้อมกับช่วยโจตรวจโดยมองสภาพทั่วๆไปภายในไปด้วย สร้อยแก้วกับน่อเซิ่งรู้สึกตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจที่ได้ขึ้นมานั่งอยู่บนโพยมยานที่เคยเห็นแต่เพียงภายนอก สำหรับชาวบ้านป่าแล้ว นกสวรรค์นี่คือสิ่งวิเศษ พวกเขาจึงพร้อมใจกันเรียกอย่างนั้น
ท่านไกรศักดิ์ยืนอยู่บนท่ากับพรานโละ แงซาและชาวบ้านอีกหลายคนที่คอยมาช่วยเป็นแรง
“เป็นอย่างไรบ้าง” ลุงไกรศักดิ์เอ่ยถามเมื่อโจปีนลงมาจากหลังปีก
“ภายนอกปกติดีครับคุณลุง” โจตอบ
“เดี๋ยวผมทำพรีไฟล้ท์แล้วจะเอาออกไปแท็กซี่ดูสักสองสามรอบ น้ำมันพอครับ” โจบอกลุง
ท่านไกรศักดิ์พยักหน้าเข้าใจ โจปีนขึ้นไปนั่งเก้าอี้นักบินด้านซ้ายใช้มือลูบชี้ไปบนเครื่องวัดและสวิทช์ทุกตัวที่ติดตั้งอยู่เพื่อตรวจสภาพและตำแหน่งของสวิทช์
“ผมจะติดเครื่องนะครับ คุณลุงช่วยดูให้ด้วยนะครับ” โจบอกลงมา
ลุงไกรศักดิ์พยักหน้ารับทราบ
“ติดได้เลย เชือกสมอยังผูกอยู่” ลุงไกรศักดิ์บอก
น่อเซิ่งตกใจขึ้นมานั่งบนตักกอดคอสร้อยแก้วไว้ สร้อยแก้วเองก็หน้าตื่นเช่นกันเพราะทั้งสองยังนั่งอยู่ภายในคุณเป็ดน้ำ เธอนึกไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไรหากยานที่นั่งอยู่เคลื่อนตัว
เหมียวเห็นดังนั้นจึงจับมือทั้งสองเอาไว้
“ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรนะ สนุกด้วยล่ะ พี่โจเค้าเก่งจะตาย” เหมียวพูดให้หายกลัว
สร้อยแก้วกับน่อเซิ่งพยักหน้าตื่นๆรับคำ
โจ เปิดสวิทช์แบตเตอรี่หลักเพื่อจ่ายไฟเข้าเครื่อง แผงเครื่องวัดทั้งหมดขยับตัว เข็มทุกเข็มกระดิกชี้สถานะของมัน ถึงเวลานี้สร้อยแก้วกับน่อเซิ่งกอดกันแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นพวกมันขยับตัวได้เอง
“ติดเครื่องยนต์นะครับ” โจร้องบอกอีกครั้งให้ทุกคนรู้
เสียงเครื่องยนต์และใบพัดเริ่มหมุนขึ้นช้าๆเมื่อโจบิดสวิทช์ไปที่ตำแหน่งสตาร์ท แล้วเริ่มเร็วขึ้นเร็วขึ้นจนไปเดินนิ่งอยู่ที่รอบเดินเบา โจก้มหน้ามองเครื่องวัดทุกตัวตรวจสอบสถานะว่ายังทำงานปกติจากนั้นจึงทอสอบการทำงานของพื้นบังคับ เขาถีบรัดเด้อร์พีด้อลที่เท้าให้หางเสือบิดซ้ายบิดขวาไปมาอยู่สี่ห้าครั้ง โยกคอนโทรลคอลัมม์ในมือ กดไปข้างหน้าแล้วดึงกลับเข้าหาตัวให้เอลเวเต้อร์ของแพนหางระดับเคลื่อนที่ขึ้นลงทดสอบการก้มเงยหัวเครื่อง โจบิดคอลัมม์ไปทางซ้ายทางขวาทดสอบแอรร่อน พื้นบังคับเลี้ยวเอียงปีกที่ชายครึ่งหลังของปีกไปมา สุดท้ายเขาโยกคันบังคับแฟลบเพื่อดูการทำงานของอุปกรณ์ขยายพื้นที่ปีก
โจนิ่งมองรอจนกระทั่งเข็มวัดความร้อนของเครื่องยนต์สูงขึ้นจนถึงอุณหภูมิทำงาน เขายื่นหน้าออกมาร้องบอกลุงไกรศักดิ์เมื่อคุณเป็ดน้ำอยู่ในสภาพพร้อมบิน
“พร้อมแล้วครับคุณลุง” โจร้องบอกเสียงดัง
ไกรศักดิ์ดึงมือให้พรานโละกับแงซาขึ้นไปบนเครื่อง ทั้งสองชะงักเท้าขืนกล้าๆกลัวๆ
“ไปไป ไปด้วยกันไม่ต้องกลัว” ท่านไกรศักดิ์บอกเสียงดัง
พรานโละและแงซาถูกดันหลังให้ขึ้นไปนั่งบนเครื่อง เจ้าแสนรู้พรีโม่โดดแผล็วขึ้นตาม ท่านไกรศักดิ์ตามขึ้นไปปิดประตูข้างลำตัวล็อกแล้วปีนข้ามไปนั่งเก้าอี้นักบินตัวขวาข้างๆโจ
“เอาล่ะ เราไปกัน น้ำมันพอเที่ยวสองมั้ย” ไกรศักดิ์พูดถามแล้วดึงเข็มขัดนิรภัยมาล็อกไหล่และเอว
โจหันมามองหน้าลุงเข้าใจความหมายว่าลุงของเขาเปลี่ยนแผนในใจแล้ว
“พอครับ แต่คุณลุงแน่ใจนะครับ” โจมองหน้าถามอีกครั้ง
ลุงไกรศักดิ์ไม่ตอบ เขาเพียงพยักหน้ารับเพื่อยืนยัน เหมียวฟังอยู่ด้วย เธอฉลาดพอที่จะรู้แล้วว่าอาจมีการนำเรือบินขึ้นจึงหันไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้สร้อยแก้วกับน่อเซิ่ง คาดให้กับตัวเอง แล้วจึงหันไปบอกพรานโละกับแงซาที่นั่งอยู่บนพื้นด้านหลัง
“เกาะแน่นนะจ๊ะ พี่โละ แงซา” เธอพูดแล้วหันมาสบตาโจที่เหลียวกลับมามอง
โจยิ้มให้เหมียวในความฉลาดของเธอแล้วหันกลับไปคาดเข็มขัดสวมแว่นกันแดด แล้วร้องบอกคนที่อยู่บนท่าเทียบ
“ปลดเชือกด้วยครับ เดี๋ยวกลับมา” โจร้องบอก
พวกคนชาวบ้านป่าที่ยืนอยู่บนท่าแก้เชือกโยงออกปล่อยให้คุณเป็ดน้ำลอยลำเป็นอิสระ โจโบกมือให้แล้วค่อยๆดันคันเร่งเคลื่อนคุณเป็ดน้ำไปข้างหน้า
เรือบินเริ่มเคลื่อนตัวห่างท่าเทียบออกไปเรื่อยๆ โจค่อยๆปล่อยให้แล่นไปบนผิวน้ำช้าๆบังคับทิศทางเลาะลัดไปเรียบชายฝั่งต้องการให้สร้อยแก้ว น่อเซิ่ง พรานโละและแงซาหายจากการตื่นตกใจเสียก่อน ทัศนียภาพสวยงามของทะเลสาบจากมุมมองที่ไม่เคยได้เห็นทำให้ทั้งสี่คนเริ่มคลายความตื่นเต้นลง
สร้อยแก้วกับน่อเซิ่งเริ่มขยับตัวไปมองริมหน้าต่างที่เปิดแง้มอยู่เฝ้าดูทุ่นลอยตัวฉีกผิวน้ำเป็นฟองขาว พรานโละกับแงซาก็นั่งยึดหน้าต่างคนละด้านมองไปมาเริ่มเพลิดเพลินเช่นกัน
“เห็นมั้ย พี่บอกแล้วว่าสนุกดีจะตาย ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกจ้ะ” เหมียวพูดกับสร้อยแก้วและน่อเซิ่งให้หายกลัว ทั้งสองหันมายิ้มรับ เหมียวเหลียวกลับมายิ้มให้พรานโละกับแงซาด้วยเช่นกัน
โจบังคับเรือบินให้แล่นเล่นเป็นเรืออยู่สองรอบเมื่อเห็นว่าทั้งสี่คนหายกลัวและรอเวลาให้คุณเป็ดน้ำได้ขยับแข้งขยับขาเข้าที่เสียก่อน เมื่อเขาแน่ใจแล้วว่าเรือบินทำงานได้ปกติจึงเริ่มพูดขึ้น
“สร้อยแก้ว น่อเซิ่ง อยากนั่งตอนมันลอยขึ้นฟ้ามั้ย” โจเหลียวมายิ้มถาม
“อยากจ้ะ” สร้อยแก้วตอบทันที น่อเซิ่งพยักหน้าตาม
“เดี๋ยวพี่พาลอยขึ้นฟ้าเล่นเที่ยวนึงนะ เอามั้ย” โจพูดด้วยเสียงสนุกๆ
“จ้ะจ้ะ” สร้อยแก้วตอบรับ พรานโละกับแงซานึกสนุกทั้งสองจึงยิ้มพยักหน้ารับด้วย
โจเคลื่อนเรือบินตรงไปตั้งลำที่สุดทะเลสาบ เขาดันคันเร่งช้าๆไม่ให้กระชากจนน่ากลัวเป็นห่วงทั้งสี่คน คุณเป็ดน้ำเร่งความเร็วขึ้นจนเต็มที่ด้วยแรงฉุดของใบพัดสามกลีบ ช่างเครื่องบินหนุ่มจากนอร์ทรอปดึงคันบังคับเรือบินโยกเข้าหาตัวช้าๆให้พื้นบังคับเอลเวเต้อร์ที่แพนหางระดับกระดกตัวขึ้น ส่งผลทางอากาศพลศาสตร์ให้เกิดแรงกดที่พวงหางเพื่อเชิดหัวเงยขึ้น ถีบรัดเด้อร์หางเสือรักษาทิศทางให้วิ่งตรงไปจนกระทั่งถึงความเร็วที่เกิดแรงยกใต้ปีก
ชาวบ้านป่าทั้งสามและน่อเซิ่ง มองการยกตัวขึ้นจากผิวน้ำสูงขึ้นสูงขึ้นแล้วมองไกลไปยังผืนป่าและชุมชนของพวกเขาด้วยความตื่นตาตื่นใจ
เหมียวเดาทางออกว่าลุงไกรศักดิ์และโจคิดจะทำอะไรเธอจึงไม่พูดถาม หันไปชี้ชวนสร้อยแก้วกับคนอื่นๆให้ชื่นชมไปกับทัศนียภาพของมุมสูงที่พวกเขาไม่เคยเห็นเพื่อเบนความสนใจ
โจบินวนรอบทะเลสาบหนึ่งรอบก่อนเพื่อทดสอบว่าคุณเป็ดน้ำยังเล่นลมอยู่ในอากาศได้อย่างปกติ ลุงไกรศักดิ์กางแผนที่ไว้ตรงกลางระหว่างเขากับหลานแล้วชี้บอกตำแหน่งกับทิศทางที่ต้องการจะมุ่งหน้าไป
เมื่อเรือบินร่อนเป็นวงกลมมาจนถึงจุดเริ่มต้นที่ลุงไกรศักดิ์ชี้บนแผนที่ โจบังคับเครื่องให้บินตรงไปข้างหน้าสู่ภูยม
“อย่าบินข้ามนะ” ไกรศักดิ์บอกโจ
“บินวนรอบๆเพื่อสำรวจนะครับ” โจพูด
“น้ำมันพอแน่นะ” ไกรศักดิ์ถามขอการยืนยัน
“พอครับพอ” โจยืนยันกับลุง
ท่านไกรศักดิ์หันกลับมาหาคนที่อยู่ด้านหลังยิ้มให้แล้วพูด
“เราจะไปบินวนรอบภูยมเพื่อสำรวจเส้นทาง เดี๋ยวอีกไม่นานจะบอกตอนไปถึง พวกเราช่วยกันดูหน่อยนะ”ท่านไกรศักดิ์พูดกับทุกคน
“อีกนานมั้ยคะ” เหมียวถาม
“สิบห้านาทีประมาณ” ไกรศักดิ์ตอบ
สร้อยแก้ว พรานโละและแงซาขยับตัวมองซ้ายมองขวาออกไปนอกหน้าต่างพยายามมองหาภูยม
“ยังไม่ถึงหรอกจ้ะสร้อยแก้ว เดี๋ยวใกล้ถึงแล้วท่านพ่อจะบอกนะ” เหมียวพูด
ทั้งสามคนพยักหน้าเข้าใจโดยไม่ถามอะไร
คุณเป็ดน้ำบินตรงมาได้ยี่สิบกว่านาที ท่านไกรศักดิ์ชี้นิ้วมองบนแผนที่แล้วมองเฉียงด้านขวาออกไปข้างนอกอยู่สองสามครั้งจนแน่ใจว่าพิกัดถูกต้องตามแผนที่แล้วจึงพูดขึ้น
“ช่วยกันดูนะ ด้านขวาจากภูยอดแหลมนั่นเข้าไปเป็นเขตภูยม” ท่านไกรศักดิ์พูด
โจพยายามชะเง้อมองผ่านกระจกหน้า เหมียว สร้อยแก้ว พรานโละและแงซารีบขยับตัวมาด้านขวาต่างคนต่างจ้องมองลงไป
โจบังคับเครื่องให้เอียงปีกทางขวาเพื่อให้มองเห็นถนัด บินอ้อมพื้นที่กว้างอันเป็นเขตของภูยม ภายในเขตนั้นปกคลุมไปด้วยผืนป่าดิบทึบแน่นหนาดูประหนึ่งว่าต้นไม้เหล่านั้นจะรวมใจกันปกป้องมิให้แสงอาทิตย์ตกต้องลงบีฑาพื้นดินภายใต้พวกมันได้ง่ายๆ แตกต่างจากผืนป่านอกเขตซึ่งผลัดใบลงเกลื่อนกราดในฤดูหนาวเช่นนี้ ภูมิประเทศสลับซับซ้อนเต็มไปด้วยโตรกผาชันและลำธารคดเคี้ยวไปมาดูน่ากลัวเหมือนอสุรกายมหึมาทอดกายรอเหยื่ออยู่อย่างเงียบเชียบ
คนทั้งหมดแม้กระทั่งท่านไกรศักดิ์เองยังขนลุกเกลียวเมื่อนึกถึงเวลาที่จะต้องก้าวเท้าเข้าไป
ลุงไกรศักดิ์ใช้หลังมือตบไหล่ โจแล้วชี้มือให้ดูพื้นราบกว้างเพียงผืนเดียวของภูยมที่พวกเขากล่าวถึงจากการดูในแผนที่ พื้นราบที่พวกเขาวางแผนจะนำคุณเป็ดน้ำลงจอด
“ไหวมั้ย” ลุงไกรศักดิ์ถาม ตายังจ้องมองพื้นราบนั้นเพื่อประเมินขนาดเทียบกับต้นไม้ที่ขึ้นอยู่
“บอกยากครับคุณลุง” โจตอบ
“มองสภาพพื้นดินไม่ชัด ความลาดเอียงด้วย” เขาพูดต่อ
“แต่ก็ยังดีครับ ตรงตามพิกัดแผนที่บอก มีพื้นราบอยู่จริง”
“เราค่อยไปตัดสินใจกันอีกที กลับกันเถอะ” ลุงไกรศักดิ์พูด
สี่คนข้างหลังฟังทั้งสองลุงหลานพูดคุยกัน สลับกับหันไปมองพื้นราบนั้นช่วยจดจำรายละเอียดไว้ให้มากที่สุด
“ทุกคนเห็นกันแล้วนะ เรากลับไปคุยกันที่บ้าน” ไกรศักดิ์หันมาบอก
โจบินตรงกลับไปหาทะเลสาบอีกครั้งเพื่อร่อนลง ทิ้งเทือกภูยมอันน่าสะพรึงกลัวไว้เบื้องหลังก่อน
คุณเป็ดน้ำลงแตะผิวน้ำเรียบร้อยนุ่มนวล พุ่งตรงไปยังริมฝั่งที่โส่ยเคยไปนอนรออยู่ โจถีบรัดเด้อร์เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปหาท่าเทียบ
“สนุกมั้ยน่อเซิ่ง” เหมียวลูบหัวเด็กหญิงแล้วยิ้มถาม
“จ้ะ” น่อเซิ่งพยักหน้ายิ้มพูดตอบ
เหมียวพูดเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้ทุกคนปรับความรู้สึกกลับมาเป็นปกติจากสภาพป่าภูยมที่เพิ่งจะได้เห็น
“โจคะ น้ำมันพอมั้ยคะ พาวนรอบทะเลสาบอีกรอบซิคะ” เธอบอกโจให้วิ่งเล่นบนผิวน้ำ
“ได้ครับ” โจรับคำ
คุณเป็ดน้ำลอยลำบนผิวน้ำไปข้างหน้าด้วยรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ ทุกคนที่นั่งอยู่ชี้ชวนกันชมภูมิทัศน์อันสวยงามของทะเลสาบ ซอกมุมที่เดินเท้าเข้าไปลำบากโจก็คัดหางเสือเลี้ยวลัดเฉียดเข้าไปให้ได้ดูใกล้ๆ
“ชอบมั้ยครับพี่โละ แงซา” โจถาม
“จ้ะจ้ะ” พรานทั้งสองพยักหน้ายิ้มตอบรับ
“น่อเซิ่งล่ะ สร้อยแก้วสนุกดีมั้ย” โจหันมายิ้มถาม
“จ้ะ สร้อยแก้วชอบจ้ะ” สร้อยแก้วยิ้มตอบ น่อเซิ่งก็ยิ้มพยักหน้ารับไปด้วย
“เอาล่ะ ทุกคนสนุกสนานกันดีแล้วก็กลับเทียบท่ากันเถอะ เดี๋ยวน้ำมันจะไม่พอซะ” ท่านไกรศักดิ์พูด
โจบังคับเรือบินเลี้ยวกลับเตรียมมุ่งหน้าไปท่าเทียบ
“โฮ้ง โฮ้ง โฮ้งโฮ้ง” เสียงเจ้าพรีโม่เห่าดังไม่ยอมหยุด
เหมียวหันมาจับตัวมันไว้แล้วมองผ่านหน้าต่างเรือบินตามมันไป
โจเหลียวกลับมาของข้ามพนักเก้าอี้อีกครั้งเมื่อมือของเหมียวสะกิดที่ไหล่แรงๆให้เขาหันมา สายตาเธอจับจ้องมองไปยังสิ่งหนึ่งที่เคลื่อนไหวอยู่บนฝั่งห่างออกไป